พฤศจิกายน 2549

 
 
 
1
2
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
เนปาลประมาณไหน หัวใจก็ประมาณนั้น



“บางครั้งการรุกเร้าก็ทำให้เราหมดคุณค่า
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องขายของ หรือกระทั่ง
การหยิบยื่นหัวใจให้ใครสักคน”



นั่งลุ้นแท็กซี่ประตูหลุด กับคนขายปี่ และถุย! (ที่มีอินโทร ขาก แค่หนเดียวก่อนจะถุยตามมาอีกหลายถุย) ก่อนใช้โปสการ์ดที่ยังไม่เขียน คั่นไว้แต่เพียงแค่หน้าแปดสิบแปด แล้วเอนหลังอ่านต่อในหน้าเก้าสิบเอ็ด ในเวลาที่ทิ้งห่างกันไม่มากนัก (เพราะสองหน้าที่ไม่ได้เอ่ยถึงเป็นหน้าคั่นระหว่างตอนใหม่พอดี) ประโยคบนสุดนั่นเองที่ทำเอาคันมือยิกจนอยากหยิกแก้มอูมๆ ของคนตาหยีที่กลายสภาพเป็นเสี่ยนิ้วแล้วในวันนี้ เนื่องเพราะเวอร์ชั่นนี้ของข้าพเจ้าเป็นเช่นนั้น


ก่อนอื่นต้องขอเท้าความบอกก่อนว่า กำลังอยู่ในห้วงเวลาหักอกตัวเอง ปล่อยให้ความรักเดินส่ายตูดจากไปแล้วเฆี่ยนตีหัวใจด้วยคำลา... วิธีการรักษาใจนั้นไม่ใช่การเขียนเรื่องสั้น หรือปั่นไดอารี่อัพบล็อค แต่มุ่งมั่นอ่านหนังสืออย่างเอาเป็นเอาตาย เสมือนว่ามันเป็นยาสมานแผลเพียงชนิดเดียวในโลก... และหนังสือเล่มใดๆ ก็ไม่สามารถจะอ่านแล้วหายโศกได้เท่าหนังสือของ “นิ้วกลม” อ่ะ อย่าเพิ่งเริงใจไป, เพราะนอกจากนิ้วกลมแล้ว คนที่มักจะทำให้หัวใจหายจากอาการช้ำชอกเหมือนถูกตอกด้วยเสาเข็มคือ “หนุ่มเมืองจันทน์” ในเวอร์ชั่นฟาส์ฟู้ดธุรกิจ นั่นแล, แต่ก็อีกนั่นแหละ น้าตุ้มจะ “ตียึด” พื้นที่ของหัวใจไว้ทั้งหมดเลยหรือก็เปล่า เพราะคนที่เบียดแซงจนพี่ท่านจนพาลจะตกเก้าอี้เอาก็คือ “บินหลา สันกาลาคีรี” ผู้สันทัดกรณีเรื่องขี่จักรยานนั่นเอง... เนปาลฯ เล่มนี้จึงได้กำไร เพราะมีคำนำของทั้งหนุ่มเมืองจันทน์ และบินหลาฯ ตบตูดด้วย สมจุ้ย พุงกลม ตาคม อารมณ์ดี แหม... แต่เขียนน้อยไปนิดนะพี่ ^_^ ยังไม่ค่อยสะใจ...


อ่านมาถึง “ตู-บอก” ที่นั่งอ่านแล้วอมยิ้มไปกับชื่อขนม ซึ่งก่อนสั่งต้องควรเบิ๊ดโหลกเพื่อนที่ไปด้วยกันก่อน แล้วแอ๊กเซ่นในการออกชื่อขนมจะชัดเจนขึ้นในบัดดล “โมโหมะ?” นั่นแหละชื่อขนมเขาล่ะ และจากการอ่านจนเพลินเกินจะดับเครื่องแล้วก็อดนึกไปถึงเล่มก่อนหน้าที่ใช้เวลาเพียงสามชั่วโมงรวดในการอ่าน นั่นคือ กัมพูชาพริบตาเดียวที่แซงโค้งโตเกียวไม่มีขาไปอย่างหวุดหวิด ด้วยอารมณ์ที่เหงาจัดกว่านิดหน่อย เมื่อสามเล่มมาตั้งเรียงกันแล้วถามตัวเองสั้นๆ ว่าชอบเล่มไหนมากกว่า ก็คงยังตอบตอนนี้ไม่ได้เพราะเพิ่งอ่านเนปาลฯ มาได้แค่ครึ่งเล่ม ซึ่งหนากว่ากัมพูชาฯ และอาจใช้เวลานานกว่าเพราะต้อง “เดินเขา” ไปพร้อมกัน และตอนนี้ก็อ่านมาถึงตรงนี้


“หากชีวิตของใครสักคน มีพระอาทิตย์ที่รอส่องแสงสว่างอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คนคนนั้นคงมีความสุขทุกครั้งที่ลืมตาตื่น” มันบาดจิตสำหรับคนที่กำลังอกหักนะน้องรักพี่ขอบอก...

สักพักชักตาปรือ “หนังตาบนเริ่มประกบกับหนังตาล่าง” ไม่ใช่เพราะหนังสือไม่สนุก หรือเพราะมัวแต่พะวงไปถึงใครอีกคนที่อยู่ห่างจากที่นี่หนึ่งร้อยกิโลเมตรฝั่งหัวเมืองตะวันออก แต่เพราะ มันเลยเที่ยงคืนมาสองชั่วโมง ขณะที่เช้าของอีกวันมีภารกิจสำคัญรออยู่


ก่อนนอนวันนี้เลยไม่ต้องเอามือก่ายหน้าผากน้ำตาไหลพรากเหมือนคืนที่ผ่านมาแต่บอกกับตัวเองว่า

โลกที่ถูกมองในแง่ดี ย่อมเป็นสีที่น่ามอง....

และเมื่อตื่นเช้า (กว่าปกติ) ขึ้นมาส่องกระจกดูลูกกะตาไม่เป็นแพนด้าหลินฮุ่ย และไม่ปูดโปนเหมือนปลาทองหัววุ้นของคุณนายรัชนี แล้วก็บรรเลงต่อ ข้อดีของที่ทำงานกับบ้านห่างกันแค่สามสิบก้าวเดินถึง ก็ดีอย่างนี้เอง คือ ตื่นสายแค่ไหนก็เดินไกลแค่สามสิบก้าว แต่ข้อเสียคือทำให้ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย เลยเป็นแรงส่งให้ริษยานิ้วกลมอย่างออกนอกหน้าที่ได้ไปย่ำรอยตีนบนเทือกหิมาลัยให้สะท้านทรวงเล่น

อ่านไปก็ลุ้นไป เมื่อไหร่มันจะถึงยอดหิมาลัยเสียที – ปุนฮิลล์ มีบทบาทเกือบทุกตอนแต่ยังไปไม่ถึงสักตอน เลยรู้สึกคล้ายจะเหนื่อยเหมือนไปเดินด้วยตัวเอง โชคดีที่มีพักระหว่างทางที่ “แสงอาทิตย์ มิตรแคนาดา และมัชฉาปูชเร” ที่สาวแก้มแดงอายุ 16 ที่กำลังจะแต่งงานกับแหม่มสาวอายุ 34 ที่ยังไม่รีบแต่งงาน เห็นได้ชัดว่าวัฒนธรรมนำพาชีวิตคนเราให้ดำเนินไปจริงๆ ถึงแม้ “การเดินโดยไม่เห็นจุดหมายเหนื่อยกว่าการเดินแล้วรู้ว่าจุดหมายอยู่ที่ไหน” เรื่องของหัวใจก็ครือกันค่ะน้องพี่...

ถ้อยความในหลายๆ ตอนถูกมาร์คไว้ด้วยดินสอ และคั่นอีกทีด้วยโปสการ์ดที่ยังไม่เขียน เช่นประโยคนี้

“ไม่กี่คนนักหรอกที่แยกกันไปแล้วจะได้หวนกลับมาพบกันใหม่-โดยบังเอิญ โลกกว้างตั้งกี่ตารางกิโลเมตร
หรือเส้นทางบางเส้นของคนบางคนถูกขีดชนกันเอาไว้แล้ว” ก็เลยลองเอากระดาษเอโฟร์ขึ้นมาหลับตาขีดเส้น เส้นหนึ่งเป็นของใครบางคนที่เราไม่รู้จัก อีกเส้นเป็นของเรา ในกระดาษที่ขีดลงไปลายยึกยือนั้น มันยังมีหลายเสี้ยวที่ตัดกัน สวนกัน...

แต่ โลกเราไม่ใช่กระดาษเอโฟร์
ดังนั้นเกมนี้จึงเล่นได้เฉพาะคนบนฟ้าเท่านั้น ^_^

จะถามใช่ไหมล่ะว่าพี่เมกิชอบตอนไหนมากที่สุดในเล่ม แฮ่ม.... ก็ตอนที่มีข้อความนี้ปรากฏอยู่นั่นไง

ในระหว่างทางมีไม้เท้ารอเราอยู่นับไม่ถ้วน แต่ยากจะหาไม้เท้าดีดีสักอันที่เหมาะมือ เหมาะกับน้ำหนักร่างกาย เมื่อไม้เท้าหักเรามักมองหาอันใหม่โดยไว เมื่อเจออันที่ดีกว่า เรากลับโยนอันเก่าทิ้งข้างทางอย่างไม่ใยดี แต่เราไม่สามารถก้มลงเก็บไม้เท้าได้ตลอดทาง เพราะทุกครั้งที่ก้มลงหยิบ เราจะต้องเสียแรงในการโงหัวขึ้นมา บางทีอาจทำให้หน้ามืดไปได้ง่ายๆ เมื่อเราพอใจในไม้เท้าอันใดแล้ว ควรจะกุมมันให้แน่น แล้วก้าวเดินไปข้างหน้าสู่จุดหมายที่ต้องไปให้ถึง โดยไม่ต้องมองหาอันใหม่ข้างทางอีก...เสียเวลาและเปลืองแรงเปล่าๆ

อ่านๆ ชักรู้สึกว่าตัวเองคล้ายไม้เท้าข้างทางขึ้นปุนฮิลล์ เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมีใครก้มลงเก็บขึ้นมา

จนเมื่ออ่านจบทั้งเล่มแล้วก็ต้องนั่งเรียบเรียงเรื่องราวตั้งแต่ “ขาไป ขาขึ้น ระหว่างเดิน อาบน้ำอุ่นบนปุนฮิลล์ แล้วค่อยๆ ลง” พร้อมๆ กัน...

แต่....ก็ต้องกลับมาอ่านใหม่เป็นบางตอนอีกครั้ง
ใช่.... เพราะเรายังไปไม่ถึงยอดหิมาลัย

นิ้วกลมคง “หนาว” มาก เลยออกอาการ “รีบเดิน” จนทำให้รู้สึกว่าขาดอะไรบางอย่างไปบ้างเช่น “ความผูกพันกับผู้คน” เหมือนที่ตั้งใจแต่แรกว่าจะไปเปิดตาเรียนรู้วิถีผู้คนแถบนั้น เอาเข้าจริงก็รีบจ้ำทำเวลาขึ้นปุนฮิลล์ จนทำให้คนอ่านรู้สึกรีบ-ตามไปด้วย ไม่มีอารมณ์เอ้อระเหยลอยชาย มีแต่ความรีบที่จะไปยังปลายทางที่รออยู่ข้างหน้า ตัวหนังสือของนิ้วกลมอาจจะฮุกเราหลายหนจนจุกเสียด แต่ก็ไม่อาจตรงเข้าเบ้าตาจนทำให้หน้าหงายได้เหมือน กัมพูชาฯ เอ หรือจะเพราะ กัมพูชาฯ มาทีหลัง? ในความหมายคือ เนปาลฯ เขียนขึ้นก่อนแต่ออกทีหลัง ส่วนกัมพูชาเขียนทีหลังแต่ออกก่อน ความเก๋าในภาษาและวิธีการเล่าเรื่องจึงมาตกอยู่ที่กัมพูชาฯ มากกว่าเนปาลฯ

แต่ก็ไม่ผิดหวังกับการรอคอยข้ามปี :D เพราะตั้งใจไว้แล้วว่า ไม่ว่าเนปาลฯ จะประมาณไหน หัวใจก็เทให้นิ้วกลมไปหมดแล้ว (แบ่งไว้สองส่วนไว้ให้น้าตุ้ม กับน้าต้อ) และจริงๆ อยากบอกว่า ชอบเวอร์ชั่นที่ยังไม่เดินเขา ขณะที่ไปโน่นไปนี่ อย่างเช่น หลบถุย, ส่ายหน้า ป้าคนนั้นและ ผักกาด มากกว่า แต่โดยรวมแล้วก็ชอบนะ ถึงจะไม่เหงาเท่ากัมพูชาฯ และไม่บ้าระห่ำเหมือนโตเกียวฯ แต่ในความมุ่งมั่นของการเดินทางครั้งนี้มีน้ำและหมีที่เป็นแนวร่วมตลอดรอดฝั่ง ไอ้เรารึก็ลุ้นหมีแทบขาดใจว่าจะไปถึงปลายทางหรือไม่ และลุ้นคุณปานนีว่าจะใช้มุขอะไรมาหลอกให้สามหนุ่มรีบๆ เดิน อีก แต่ที่แน่ๆ ดีใจด้วยที่น้ำกับหมียังคิดว่า “คงมีโอกาสได้ไปด้วยกันอีกครั้ง” แต่การที่เพื่อนทั้งสองชิ่งไปเรียนต่อก่อนนั่นย่อมแปลได้อีกอย่างหนึ่งว่ามันไม่อยากไปกับมึงแล้ว ทำนองนั้น...

การรอคอยข้ามปีของเนปาลประมาณสะดือเล่มนี้ถูกตั้งคำถามทันทีที่อ่านจบ “เล่มหน้าเขาจะพาเราไปเที่ยวไหนนะ...”

หากคำตอบของ จอร์จ ลี มัลลอรี่
ที่เลือกปีนเอเวอร์เรสต์ คือ “เพราะมันอยู่ตรงนั้น”

เราคงตอบคำถามที่ว่าทำไมถึงรักเขานัก...
นั่นก็คงเหตุผลเดียวกัน “เพราะเขาคือคนคนนั้น”

(แม้มันจะเป็นคนทำให้กรูอกหักก็ตามมมมมมม)

ดังที่ใครบางคนบอกว่า “ผมฟัง California Dreammin’ แล้วก็ไม่เห็นรู้สึกอะไร”

นั่นก็เพราะ

“สถานที่บางแห่ง หนังสือบางเล่ม เพลงบางเพลง
ก็มีความหมายเฉพาะกับคนบางคนเท่านั้น”


Create by MaeKi



Create Date : 03 พฤศจิกายน 2549
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2549 8:21:25 น.
Counter : 866 Pageviews.

13 comments
  
น่าอ่านเนอะ
โดย: Zorakun วันที่: 3 พฤศจิกายน 2549 เวลา:13:22:49 น.
  
"นิ้วกลม" เป็นนักเขียนที่เห็นงานผ่านตาไปมาหลายเล่ม แต่ยังไม่เคยได้เปิดอ่านแบบตั้งใจสักที เคยมีคนหลายเคยบอกให้หาอ่านนานแล้ว แต่อย่างที่คุณดาว่า...หนังสือบางเล่ม ....มีความหมายเฉพาะคนบางคน ....อาจจะมีช่วงเวลาที่เราอ่านหนังสือของเค้าอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง


ปล.เนปาล เป็นอีกประเทศในฝันที่อยากไป ตอนนี้จึงหลับตาฝันเอาซะก่อน
โดย: PANDIN วันที่: 3 พฤศจิกายน 2549 เวลา:16:30:40 น.
  
ไปหามาอ่านดีกว่า
โดย: BoOKend IP: 203.188.29.121 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2549 เวลา:17:17:27 น.
  
Do you have any idea how long for healing my broken heart? Today is his wedding day.
โดย: tuolek IP: 69.153.205.171 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2549 เวลา:18:28:43 น.
  
น่าอ่านนะคะ ปกสีสดดี
โดย: grippini วันที่: 3 พฤศจิกายน 2549 เวลา:18:40:05 น.
  
นอยกำลังตัดสินใจว่า กพ ปีหน้า จะไปเนปาล หรือ บาหลีดี
โดย: tanoy~ตะนอย วันที่: 3 พฤศจิกายน 2549 เวลา:19:19:51 น.
  
อูย ว่าจะหยิบมาหลายครั้ง แต่เกรงว่าใจจะลอยไปหาเนปาลีสหนุ่มที่ไปผูกสัมพันธ์เอาไว้
แต่ จขบ มากระตุ้นแบบนี้ เห็นทีจะต้องหยิบมาอ่านอย่างจริงจังเสียที
นับว่าเป็นชีวิตที่หวานแกมขมดีเหมือนกัน
ว่าแต่ จขบ ชอบ บินหลา เหมือนกันเหรอ อิฉันชอบ หลังอาน มากที่สุด เล่นเอาคิดเห่ออยากขี่เสือภูเขา กะเค้าเหมือนกัน แต่น้าสาวทำตัวเป็น งูเขียวปากจิ้งจกทักเสียก่อนว่า ไม่ทันพ้นเขตยุดยา ชั้นว่า สิบล้อสอยเอาหัวสวยๆของหล่อนไปกินก่อน เมกะโปรเจคต์ทั้งหลายเลยต้องพับแผนค่ะ
โดย: นางกอแบกเป้ วันที่: 3 พฤศจิกายน 2549 เวลา:20:50:51 น.
  
อ่านจบไปได้เกือบอาทิตย์แล้วค่ะ อือรู้สึกเหนื่อยเหมือนกันค่ะตอนที่ปีนเขา มีแต่เรื่องให้ลุ้นว่าจะไปถึงหรือเปล่า ลุ้นว่าจะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นหรือเปล่า แต่ก็ขำๆ นะ จะไปปีนเขาแต๊ๆ มะรู้จักพวกเหมา (อุ๊บส์ ขอเมาท์คนเขียนนิดส์นึง)

ถ้าให้เทียบสามเล่มเลือกไม่ถูกเช่นกันค่ะ ชอบหมดเลย เลือกลำบากจัง..

ชอบอันนี้ค่ะ

"I have สะดือ therefore I am"

ปล. ขอให้จขบ. หัวใจแข็งแรงค่ะ
โดย: Qingqing (Qingqing ) วันที่: 3 พฤศจิกายน 2549 เวลา:23:41:15 น.
  
น่าอ่านนะคะ...รอน้องดาริ..เล่าดีกว่ามั๊ย...อิๆ




สุขสันต์...วันลอยกระทงค่ะน้องดาริ...

เดินทางไปไหนขอให้ปลอดภัยและมีความสุขนะคะ..

โดย: แดดร่มลมโชย วันที่: 4 พฤศจิกายน 2549 เวลา:10:14:26 น.
  
เล่มนี้คุณหนุ่มเมืองจันท์แห่งมติชนรายสัปดาห์ก็เขียนถึงครับ (อ่านที่ //www.pantip.com/cafe/silom/topic/B4857416/B4857416.html )
ดูเขาชอบนิ้วกลมมากเลย
เคยได้บางคำจากคำนำเรื่อง โตเกียวไม่มีขา ที่ว่า "มันไม่สำคัญหรอกว่ารถไฟจะพาเธอไปที่ไหน สิ่งสำคัญอยู่ที่การตัดสินใจของเธอต่างหากล่ะ ว่าเธอจะขึ้นรถไฟขบวนนั้นหรือเปล่า" ต้องรีบคว้า Marker ขีดเลย
นักเขียนคนนี้จดชื่อไว้แล้วครับ คงมีโอกาสอ่านเร็วๆ นี้
ทำไม เด็กถาปัด นี่เขาคิดสร้างสรรค์กันดีจัง นึกแล้วอยากให้ลูกเรียน
โดย: คนขับช้า วันที่: 9 พฤศจิกายน 2549 เวลา:2:31:53 น.
  
สนุกมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆค่ะ เป็นหนังสือที่อ่านแล้วไม่เครียด และได้มุมมองอะไรใหม่ เขียนแบบเพื่อนเขียนให้เพื่อนอ่าน ไม่ได้อ่านแบบวิชาการเหมือนหนังสือเล่มอื่น
หามาอ่านเถอะค่ะ
โดย: คนรัก ประมาณสะดือ IP: 202.142.199.44 วันที่: 31 มีนาคม 2550 เวลา:11:06:30 น.
  
น้องสาวคนหนึ่งให้ยืมเมื่อสองเดือนก่อน อ่านจบแล้วคืนเจ้าของไป

จากนั้นก็แอบไปซื้อมาเก็บไว้เองเล่มนึง

สักวันจะเป็น (น้ำหนัก) ร้อยกิโล Go Poon Hill ให้ได้ครับ
โดย: Zhivago วันที่: 11 มิถุนายน 2550 เวลา:21:24:00 น.
  
อ่านแล้วชอบมากค่ะ..แล้วเดือนเมษาที่ผ่านมาก็ได้ไปยอดปุนฮิลมาแล้ว...ขอบอก..สุดยอดจริงๆ อยากให้ทุกคนได้ไปนะ เป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆเลยค่ะ
โดย: mc IP: 202.12.118.61 วันที่: 26 พฤษภาคม 2551 เวลา:9:56:02 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดาริกามณี
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]



Just Do it :


* มีอีกชื่อว่า หญ้าเจ้าชู้

* เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์บทประพันธ์
รักข้ามรั้ว (หญ้าเจ้าชู้)
ลุ้นสุดฤทธิ์ พิชิตรัก (หญ้าเจ้าชู้)
ภารกิจรักพิทักษ์เธอ (หญ้าเจ้าชู้)
ปีกแห่งฝัน (ดาริกามณี)

* เป็นสาวก 'รงค์ วงษ์สวรรค์
* เป็นแฟน คาราบาว
* เป็นกิ๊ก เฉลียง
* ฝืนอะไรที่เป็นอื่น ฝืนอัตตา
สูงเทียมฟ้าก็มิเท่า เป็นเราเอง

* การปรากฎตัวของคนคนหนึ่ง
อาจเปลี่ยนใครอีกคนไปทั้งชีวิต

* หากต้องการอ่านนิยายที่ใส่รหัส,
รบกวน "ฝากข้อความหลังไมค์" จ่ะ