ตุลาคม 2549

1
2
3
4
5
6
7
8
9
11
13
15
16
17
18
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
สมุดบันทึกวันอังคาร



วันนี้ครึ้มใจ
อยากเขียนไดอารี่อัพบล็อคด้วยเรื่องของตัวเองสักที
หลังจากที่พึ่งพาอาศัยคนอื่นมาสักพัก...
วันนี้ฝนไม่ตก เป็นหนึ่งในไม่กี่วันของสัปดาห์ที่ในไม่ตก
วันนี้วันหยุด เป็นสองในเจ็ดวันที่มีวันหยุด และ...
เป็นวันที่ชาวบ้านชาวช่องเค้าไม่หยุด....

ตื่นเจ็ดโมงครึ่ง แล้วนอนมองเพดาน...
จะทำอะไรดีหลังจากตื่นนอน...
เป็นความคิดครั้งแรกในรอบสามเดือน
เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา วันหยุดก็ต้องลุกมาทำงาน
วันนี้จึงถือว่าเป็น "วันหยุด" จริงๆ (ซะที)

ล้วงเข้าไปใต้หมอน เจอหนังสือสองเล่ม
เล่มหนึ่งชื่อ สบตากับตัวเอง จารี จันทราภา เป็นคนเขียน
และ ติณ นิติกวินกุล เป็นคนส่งมาให้...
อ่านถึงเรื่องของ หมาหุ่นยนต์ ที่จำชื่อเรื่องไม่ได้
ชอบเรื่องนี้... ชอบเพราะเป็นเรื่องที่ ชอบ...
อ่าน แล้วได้ความรู้สึก....บางอย่าง

เล่มต่อมาคือ คาฟกา วิฬาห์ นาคาตะ
คนเขียนคือ มุราคามิ ฮารุกิ อ่านได้ไม่เยอะนัก
เพราะที่คั่นหนังสือเสียบอยู่ที่หน้า 36
เพิ่งมารู้สึก ว่าตัวเองไม่ชอบอ่านหนังสือที่เดินเรื่องเชื่องช้า
หนังสือของ มุราคามิ ส่วนใหญ่มักเป็นเช่นนั้นเสียด้วย...

และสิ่งที่อยู่ใต้หมอนอีกอย่างหนึ่งคือ สมุดบันทึก
สมุดบันทึกที่เขียนไม่หมดสักที ทั้งๆ ที่ผ่านไปหลายปีแล้ว

สมุดบันทึกเล่มสีฟ้า
ไม่แน่ใจว่าเป็นคนชอบสีฟ้า หรือเปล่า
ถ้าหากถูกถาม ก็จะตอบไม่ได้
เพราะบางช่วง ก็จะมีของทุกอย่างเป็นสีฟ้า
บางเวลาผ่านไป ก็จะเป็นสีชมพู สีเขียว สีดำ
หรือสีอื่นไปเรื่อยๆ
แต่ของหลายอย่าง มักจะเป็นสีใด สีหนึ่ง สีเดียวเสมอ

เหมือนกับตอนซื้อเสื้อผ้า
ที่มักจะเลือกสีเดียวกัน ลายเดียวกัน และแบบเดียวกัน
ทีละสองสามตัวในการซื้อแต่ละครั้ง....

หยิบสมุดบันทึกมาเขียนเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้
ที่พาคู่รักสองคู่ไปซื้อของ แล้วก็ไปกินข้าวเย็น
คู่รักสองคู่เท่ากับสี่คน เราเป็นคนที่ห้า ก็คือ คนที่เกินมา
ที่บอกว่าเกินมา เพราะสิ่งที่เขาสี่คนคุยกันนั้น
คือสิ่งที่เราไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์... เราจึงนั่งนิ่ง
และทำหน้าที่ "คนขับรถ" ไปเงียบๆ

รู้สึกอย่างไรกับคนที่เขามีคู่อยู่เคียงข้าง
แต่เราไม่มีใครในเวลานั้น
คำตอบก็คือไม่รู้สึกอะไรมากไปกว่า นั่งเบื่อ
เบื่อเพราะไม่รู้จะคุยอะไรกับคนที่ ไม่คุ้นเคย
ไม่รู้จะคุยกับคนที่ไม่สนิทสนมด้วยเรื่องอะไร
และสงสัยว่า ถ้าเป็นเรื่องของสองคน
ทำไมไม่คุยกันสองคน
ทำไมเรื่องของสองคนจึงมาคุยกันห้าคน
เพราะคนที่ห้า คือคนที่มักจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย เสมอ...

มีเรื่องราวเกิดขึ้นบางเรื่อง
นั่นคือตอนที่จอดซื้อของ ทุกคนลงจากรถ
เด็กสาวที่อายุน้อยกว่าเราสิบเอ็ดปี
พูดขึ้นด้วยความคะนองปากว่า
"รับผู้ชายอัดกระป๋องสักสองกระป๋องไหมคะพี่"
ความรู้สึกบางอย่างมันจี๊ดขึ้นทันที...
พอทุกคนก็กลับมาเราก็ยังนั่งนิ่ง
พวกเขาก็นั่งคุยกันในรถไปเรื่อยๆ
แล้วเราก็ เลยถามขึ้นว่า

"หนูอายุเท่าไหร่ หรือ?"

เธอตอบว่า 21 แล้วย้อนถามเราอีกว่าพี่ล่ะ
เราก็บอกไปว่า

"พี่อายุมากกว่าหนู 11 ปี
มากกว่าแฟนหนู 10 ปี
และมากกว่าทุกคนในรถคันนี้....
หนูยังเด็กมาก.. และไม่ได้สนิทกับพี่
มากพอที่จะมาล้อเล่นพี่ด้วยประโยคนั้น...
ซึ่งมันเหมาะที่เอาไว้เล่นกับเพื่อนกันมากกว่า...
ฝึกไว้ เรื่องการมีสัมมาคารวะ แล้วมันจะทำให้
เราเป็นเด็กน่ารัก น่าคบหามากกว่านี้...
โตขึ้นก็จะได้รู้ว่า อะไรควร อะไรไม่ควร"

แล้วทุกคนก็เงียบ..........
แต่ก็พยายามที่จะปรับสถานการณ์ให้ดีขึ้น
โดยการชวนคุยเรื่องอื่นเสีย
แล้วทุกอย่างก็กลับคืนสู่ปกติ
ให้เด็กสาวคนนั้นได้กลับไปคิดต่อเอาเอง....
และคิดในใจ...

"ตอนที่ฉันอยู่ในวัยเดียวกับเธอ
ฉันก็เคยเป็นเหมือนเธอนั่นแหละ...
เช่นกัน...
ชีวิต บางครั้งก็ต้องเรียนรู้จากประสบการณ์"

แต่ก็นะ.... สำหรับเรื่องราวนี้
ก็ทำให้อดตั้งคำถามกับตัวเองไม่ได้ว่า
แท้จริงแล้วเราต้องการอะไรจาก "ความรัก"
การอยู่ร่วมกันเท่านั้น จริงหรือ...
การสร้างครอบครัว มีชีวิตแบบฉบับของ
ครอบครัวสุขสันต์ไปวันๆ
หรือเพียงแค่ต้องการใครสักคน...
เอาไว้เพื่อ "เข้าใจ" เราเท่านั้น?

ตราบใดที่เรายังไม่รู้จัก ว่าความรักคืออะไร...
เราก็คงจะยังมีชีวิตอยู่อย่างเช่นที่เป็นนี้ ตลอดไป....


พ่อเคยถามว่า
"ถ้าหากวันไหนเกิดไม่สบายขึ้นมา
แล้วใครจะ ทำข้าวต้มให้กิน"

นั่นสิ....
แต่วันนั้นยังมาไม่ถึงนี่นา...

เขียนไดอารี่เสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำ
ใช้ไฟฟ้าไม่ได้ เพราะมีช่างมาทำบันไดหนีไฟ
ทำให้ไฟกระชากและจากนั้นก็ไฟตก แล้วก็ดับ...

"คนที่ถูกรัก"
วันนี้เข้ากรุงเทพฯ ไปแล้ว...
จะกลับมาชลบุรีอีกทีก็วันศุกร์
เพราะมีตรวจสุขภาพประจำปี...
ดีเหมือนกัน เขาจะได้ให้หมอ-ดูข้อมือให้ด้วยเลย
บ่นเจ็บมาหลายวัน แต่ก็ไม่ยอมไปรักษา
ให้เลิกตีแบดสักพัก เพื่อรักษาหัวเข่า
แล้วก็ข้อมือที่เจ็บอยู่... ก็ไม่ยอม
เมื่อวานก็เลยโทฯ ไปหาเพื่อนที่เป็นหมอ
กะจะหลอกหมอกับคนไข้มานั่งกินเหล้า
ปรึกษาเรื่องสุขภาพกันหน่อย
คุยกันยังไม่รู้เรื่องหมอก็ถามว่า

"นี่อยู่ป่าไหน... ทำไมมีเสียงฝนตก"
ตอบหมอไปว่าอยู่ป่ายาง แล้วสายก็หลุด
ทั้งที่ยังคุยกันไม่รู้เรื่อง

สวนยาง ไม่ค่อยมีสัญญาณ
ยิ่งหน้าฝนด้วยแล้ว ก็ จบเลย...

วันนี้ว่าจะโทฯ ไปหา หมอ อีกครั้ง
แต่นึกขึ้นมาได้ว่าเพื่อนเรา
เป็นหมอศัลยกรรมสมองนี่หว่าไม่ใช่หมอกระดูก...
ก็เลยได้แต่นั่งลุ้นว่า...
เมื่อไหร่ คนเจ็บเข่าและเจ็บข้อมือจะไปหาหมอ เสียที....

เป็นห่วง..........
ก็ทำได้แค่ เป็นห่วง........
ถ้าตราบใดที่คนเราไม่เปิดใจให้กว้าง
แล้วยอมรับความหวังดีจากคนอื่น
ก็ไม่มีใครยื่นมือเข้าไปแง้มประตูบานไหนของใครได้...
แล้วก็มานั่งสงสารตัวเองที่ไม่มีใคร...
ก็ถ้าหากไม่เปิดใจให้ใครแล้วจะมีใครได้ยังไง????

เกือบเที่ยง....
เพื่อนรุ่นพี่ที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
บ่นให้ฟังเรื่องเด็กสมัยนี้ เรื่องวรรณยุกต์
เรื่อง สะกดคำ ไม่ค่อยถูก
โทรศัพท์ ก็เขียนเป็น โทรศัพย์
ซื่อสัตย์ ก็เขียนเป็น ซื่อสัตว์
ใช้ภาษาพูด แทนภาษาเขียน
คุยกันไป คุยกันมา ก็เลยบอกพี่เขาไปว่า
"เดี๋ยวเด็กมันก็ย้อนอีก ว่า ก็เพราะครูนั่นแหละ ไม่สอน"
เข้าตัวอีก.......

ไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้
เพราะหากจะให้พูดแล้วก็ต้องบอกอย่างเดียวว่า
การเรียนการสอน คือความร่วมมือระหว่าง
ผู้สอนกับผู้เรียน
ถ้าฝ่ายหนึ่งให้ แต่อีกฝ่ายไม่รับ
หรือถ้าฝ่ายหนึ่งไม่ให้ ฝ่ายที่รับก็จะได้ ไม่เต็มที่
แล้วการเรียนการสอนก็ไม่ประสบความสำเร็จ...

บางครั้งคนให้ ไม่เหนื่อยเลย
ที่จะต้องมานั่งอธิบายเรื่องเดิม
ซ้ำซากอยู่อย่างนั้นเป็นสิบครั้ง...
ถ้าหากมันทำให้คนรับ... "ได้" อะไรขึ้นมาบ้าง...

สักพักมีโทรศัพท์จาก อีกวิทยาเขต ถามว่าจะกลับไป
ช่วงรับรองมาตรฐานฯ ที่จะถึง นี้ไหม...
เราตอบไม่ได้ เพราะทุกอย่างขึ้นอยุ่กับผู้บริหาร
แต่เรามักจะสำคัญเสมอ เมื่อเขาต้องการ
แต่เมื่อไหร่ที่ไม่จำเป็นต้องมีเรา
เราก็มักจะเป็น ส่วนที่เกินมา

ในทุกเรื่อง และทุกที่...

จะมีสักครั้ง หรือสักคนไหม
ที่จะมองเห็น "ความสำคัญ" ของเรา จริงๆ สักที....

เกือบบ่ายแล้วแต่ก็ไม่ไปกินข้าว
ว่าจะออกไปซื้อน้ำดื่มที่โลตัสใกล้ๆ แต่ก็ขี้เกียจ
เสาร์นี้สอนสัปดาห์สุดท้ายก่อนสอบปลายภาค
ต้องสอนให้ทันกับที่ออกข้อสอบไป...
แต่ยังไม่ทำเอกสาร แล้วก็เตรียมเนื้อหา
ก็วันนี้ วันหยุดนี่นา....

สงสารนักศึกษาที่ต้องอ่านหนังสือหนักๆ
พยายามเอาใจช่วยทุกคน เหมือนกัน
"ขอให้ผ่านพ้นทุกอย่างไปด้วยดี"


ชีวิตก็เป็นแบบนี้
บางครั้งก็มีความสุขดีกับการใช้ชีวิต
บางครั้งก็เหนื่อยดีที่ต้องใช้ชีวิต
แต่ตราบใดที่เรายังมีชีวิต เราก็ต้องใช้ชีวิต
JUST DO IT เพราะ "ชีวิตเป็นของเรา"




Create Date : 10 ตุลาคม 2549
Last Update : 10 ตุลาคม 2549 12:23:06 น.
Counter : 693 Pageviews.

8 comments
  
อืม...

ว่าแต่...แล้วได้ซื้อมาหรือเปล่าหล่ะครับผู้ชายอัดกระป๋อง ถ้าใช้แล้วดีผมจะได้ไปซื้อผู้หญิงอัดกระป๋องแถวนั้นบ้าง
โดย: บรรน่ารัก (บรรน่ารัก ) วันที่: 10 ตุลาคม 2549 เวลา:13:28:48 น.
  
...

จุด จุด จุด มันแทนได้หลายอย่างดี

เอาเป็นว่า คิดอะไร ก็เป็นอย่างนั้นละจ๊ะ

แล้วคุยกันนะจ๊ะ..ยาหยี
โดย: พิม IP: 203.150.4.128 วันที่: 10 ตุลาคม 2549 เวลา:16:11:09 น.
  
วันนี้เขียนยาวจัง สงสัยจะฉุนขาด รับรู้ได้จากจังหวะของตัวอักษร
เรื่องราวเรียบง่ายที่อยู่ในสมุดบันทึกบางครั้งน่าอ่าน และให้ความรู้สึกมากกว่าบทกวีเป็นไหน ๆ

หนังสือที่แต่งโดยนักเขียนญี่ปุ่นเคยเจอแค่ 2 แนว
แนวระทึกขวัญ กับ แนวชีวิตที่ดำเนินเรื่องช้า (จริง ๆ )
แต่มีอยู่เรื่องนึงที่ช้าแต่ชอบ คือ "เสียงเพรียกแห่งขุนเขา"
ของ คาวาบาตะ

เวลาไม่สบายจะไม่ไปปรึกษาเพื่อนที่เป็นหมออีก
ไม่ใว้ใจมัน และไม่เคยเชื่อที่มันบอกให้ทำซักที


โดย: รายารีย์ IP: 203.107.214.254 วันที่: 10 ตุลาคม 2549 เวลา:23:50:03 น.
  
ความเบื่อมันมีหลายแบบนะคุณดา เบื่อแบบคนโสด เบื่อแบบชีวิตคู่ มันมีความต่างในตัวของมันเอง (นี่พูดแบบคนแต่งงานแล้ว)

ตอนโสดก็นึก ๆ อยู่ว่า เออ อยากแต่งงานเหมือนกัน อยากมีคนทำข้าวต้มให้กิน อยากมีคนแบกซีพียูไปซ่อมที่ร้านให้ (การเป็นสาวโสดและแบกซีพียูไปซ่อมที่ร้านคนเดียวคือความสาหัสของชีวิต)

หลังแต่งงาน นึกเสมอว่า ชั้นแต่งงานทำไมเนี่ย เสียดายความโสด

อ้อ เรื่องของมูราคามิ เราอ่านแล้ว เราก็ไม่ชอบ เราเป็นคนโบราณ ตกรุ่น เราชอบเฮสเส เด็กแนวรุ่นใหม่เดี๋ยวนี้ เห็นมันตาลอยเพ้อหาแต่มูราคามิ

เรานึกสงสัยว่า มันอ่านรู้เรื่องกันจริง ๆ มั้ยหนอ หรือว่าสักแต่ว่าหามาประดับไม่ให้ตกเทรนด์ในวงสนทนา
โดย: Kala_mydog วันที่: 11 ตุลาคม 2549 เวลา:3:05:51 น.
  
คุณดาเป็นอาจารย์ที่ไหนเหรอคะ เราไม่ได้เป็นหรอก แต่หนังสือเล่มนี้ เราเขียนให้สำนักพิมพ์แปลน เหมือนกับการทำงานร่วมกันน่ะ เป็นหนังสือเล่มที่เศร้าที่สุดที่เขียน เพราะระหว่างทำต้นฉบับ แม่เราอยู่ไอซียู ขนาดในงานศพแม่ เรายังต้องปั่นต้นฉบับให้เสร็จเลย

เรื่องการศึกษาล้มเหลวไหม สมัยสาว ๆ เราเคยนึกว่ามันล้มเหลว เคยไปศึกษาเรื่องโรงเรียนทางเลือกและ Home School อยุ่พักนึง คิดว่าดี แต่พอมาอยู่เมกา เราเห็นการใช้ Home School ไปในทางที่ผิด เห็นแล้วตกใจ ถ้าจะให้เล่า คงอีกหลายหน้ากระดาษ

Home School ที่นี่ เป็นดาบสองคม พ่อแม่บางคนขี้เกียจ เลยเอาลูกอยู่บ้านเฉย ๆ สอนวิชาบ้าบอไปเรื่อย มีครอบครัวนึง สอนวิชาการเป็นโจรสลัด ดูทีวีแล้วตกใจมาก ๆ เรื่องนี้ ยาวค่ะ ไว้เล่าวันหลัง

ตอนนี้ จะได้กลับเมืองไทยแล้ว ดีใจจัง คิดถึงน้ำพริกที่สุด
โดย: Kala_mydog วันที่: 11 ตุลาคม 2549 เวลา:19:32:37 น.
  
อ้อ คุณดา ไม่ทราบห้องสมุดที่โรงเรียนคุณดามีเล่มนี้รึยัง เที่ยวท่องห้องสมุด ไม่แน่ใจว่าที่บ้านเมืองไทย ยังเหลืออีกกี่เล่ม

ถ้าอยากได้เป็นสมบัติห้องสมุด กรุณาเมล์มานะคะ คิดว่า พอกลับไทย จะส่งให้ในนามห้องสมุดโรงเรียนที่คุณดาสอนอยู่ ให้ฟรีค่ะ ไม่คิดเงิน อ้อ เราจะอยู่ไทยสามเดือนค่ะ ถึงมกราคม ปีหน้า คิดว่าพอมีเวลาทำให้สบายๆ
โดย: Kala_mydog วันที่: 11 ตุลาคม 2549 เวลา:19:39:04 น.
  
แวะเยี่ยม

"แท้จริงแล้วเราต้องการอะไรจาก "ความรัก"
การอยู่ร่วมกันเท่านั้น จริงหรือ...
การสร้างครอบครัว มีชีวิตแบบฉบับของ
ครอบครัวสุขสันต์ไปวันๆ
หรือเพียงแค่ต้องการใครสักคน...
เอาไว้เพื่อ "เข้าใจ" เราเท่านั้น?"

ชอบ-ชอบ


โดย: ShadowServant IP: 125.25.63.139 วันที่: 12 ตุลาคม 2549 เวลา:3:19:25 น.
  
โดย: PANDIN วันที่: 15 พฤศจิกายน 2549 เวลา:14:59:28 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดาริกามณี
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]



Just Do it :


* มีอีกชื่อว่า หญ้าเจ้าชู้

* เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์บทประพันธ์
รักข้ามรั้ว (หญ้าเจ้าชู้)
ลุ้นสุดฤทธิ์ พิชิตรัก (หญ้าเจ้าชู้)
ภารกิจรักพิทักษ์เธอ (หญ้าเจ้าชู้)
ปีกแห่งฝัน (ดาริกามณี)

* เป็นสาวก 'รงค์ วงษ์สวรรค์
* เป็นแฟน คาราบาว
* เป็นกิ๊ก เฉลียง
* ฝืนอะไรที่เป็นอื่น ฝืนอัตตา
สูงเทียมฟ้าก็มิเท่า เป็นเราเอง

* การปรากฎตัวของคนคนหนึ่ง
อาจเปลี่ยนใครอีกคนไปทั้งชีวิต

* หากต้องการอ่านนิยายที่ใส่รหัส,
รบกวน "ฝากข้อความหลังไมค์" จ่ะ