Group Blog
All Blog
|
ณ บ้านและห้อง: ข้อแตกต่างระหว่าง รั้ว กับ กำแพง : นิ้วกลม ชอบงานชิ้นนี้ของนิ้วกลม (ในอะเดย์ เล่มไหนก็ไม่รู้อีกเหมือนกัน) เพราะเมื่อมองมาที่ตัวเอง และ "ช่วงแห่งเวลา" ก็รู้สึกคลับคล้ายว่า เรามี "รั้ว" "กำแพง" และ "ห้อง" ตามสถานภาพ ตามสถานการณ์ และเวลา ------------------------------------------------------ ผมมีบ้านสองหลัง หนึ่งหลังมีพ่อ แม่ พี่สาว และทอง (หมาบางแก้วปลอม) อยู่อาศัยร่วมกัน อีกหนึ่งหลังมี ผม ผม ผม และผม (คนบางกะปิแท้) อาศัยอยู่ลำพัง ข้อมูลสามบรรทัดบน คงไม่ได้ทำให้คุณผู้อ่านสอบผ่านวิชา กพอ. สลน. สปช. กกต. สส.หรือ สว. ไม่ได้ทำให้ใครเงินเดือนขึ้น ไม่ได้ทำให้ใครหว่านเสน่ห์มัดใจหนุ่มที่หมายปองสำเร็จ และไม่ได้เพิ่มรอยหยักในสมองให้ใครผู้ต้องการแสวงหาความรู้แต่อย่างใด ใช่ครับ มันเป็นเรื่องส่วนตัว เราทุกคนมีเรื่องส่วนตัวกันทั้งนั้น อย่ามาทำเป็นไก๋ว่าไม่มี เดี๋ยวจะถูกครหาว่าเป็นคนขี้โม้เอาได้ เรื่องส่วนตัวไม่ใช่สิวในที่ลับ หรือผดผื่นในที่อับชื้นจะได้ต้องมากระมิดกระเมี้ยนอายกัน จุดน่าสนใจสำคัญมันอยู่ตรงที่ว่า หลายครั้ง เรื่องส่วนตัว ของ เรา มักจะมีส่วนคล้ายคลึงกันอย่างน่าตกใจ จนต้องเผลอเอามือไปกุมอวัยวะชื่อว่า นม ข้างซ้าย! ขอแรงช่วยกันคนละไม้คนละมือ เอ้า! ช่วยกันยก ตัวอย่าง หน่อย ไม่หนักหรอกออกแรงไม่มาก ตัวอย่างที่หนึ่ง, ผมมีบ้าน คุณก็มีบ้าน (ส่วนตัวอย่างที่สอง เอาไว้ค่อยยก ขออนุญาตเก็บแรงไว้เขียนคอลัมน์ครั้งนี้ให้เสร็จก่อนนะครับ) ผมกำลังจะทำรั้วบ้านใหม่ คุยกันกับพ่อไว้ว่าเราจะก่ออิฐบล็อกเพิ่มขึ้นสักสองสามก้อน คำนวณเบ็ดเสร็จก็น่าจะมีความสูงเพิ่มขึ้นอีกเกือบครึ่งเมตร ทั้งนี้เพราะเรากำลังจะทำเฉลียงนั่งเล่นหน้าบ้าน และคิดการณ์กันว่า เราน่าจะต้องการ ความเป็นส่วนตัว มากขึ้น เมื่อมีโครงการทำเฉลียงนั่งเล่น ก็เป็นอันต้องขยายจากโครงการเล็กเป็นอภิมหาโปรเจ็กต์ยักษ์ ถ้าจะนั่งเล่นเราย่อมต้องการเงาไม้เอาไว้บดบังรังสียูวีมิให้มาราวีผิวหนังอันผ่องพรรณของเรา และความต้องการนั้นก็นำเราไปสู่อีกห้วงยามแห่งความสนุก คือ การได้เดินเลือกต้นไม้ให้มาฝังรากชอนไชลงไปในดินหน้าบ้าน พวกเราทั้งสี่ตัดสินใจโดยไม่ได้ถามไถ่ความสมัครใจของ ทอง ว่าจะเสียบต้นปีบและต้นตีนเป็ดน้ำลงไปในหลุมที่กำลังจะถูกขุดขึ้นมาริมเฉลียงไม้ในอนาคต และระหว่างเดินเลือกต้นไม้ทั้งสอง เราก็ได้ต้นลีลาวดีและต้น...ติดมือมาด้วย ขณะที่กำลังขนต้นไม้ลงจากรถ พี่ชายบ้านตรงข้ามก็ร้องตะโกนทักทาย ถามไถ่ถึงต้นไม้ ต้นใหม่ที่หอบหิ้วมา พร้อมกับชี้ชวนให้เชยชมต้นไม้ในรั้วบ้านของพี่เค้า โดยบอกกับเราว่า เค้าก็มีต้นตีนเป็ดน้ำเหมือนกัน พี่ชายคนนั้นเพิ่งทำรั้วบ้านใหม่ ทาสีฟ้าสดใสชวนมอง นอกจากอวดต้นไม้แล้ว พี่เค้าคงภาคภูมิใจในรั้วใหม่ของเค้าไปพร้อมๆ กัน เราคุยกันอยู่นานสองนานสามนานจนคุณอาข้างบ้านออกมารดน้ำต้นไม้ ผมถือโอกาสยกมือไหว้ทักทาย แล้วเล่าให้แกฟังถึงต้นไม้สามสี่ต้นที่ไปหอบหิ้วมา คุณอาเงื้อมือทำท่าจะตีผม ส่วนจะเป็นข้อหาอะไรนั้นขอพักเอาไว้ก่อน เรามาสร้างจินตนาการ บ้านคุณอา ให้ตรงตามความจริงกันก่อนดีกว่า บ้านคุณอา เป็นป่ามากกว่าบ้าน ต้นไม้น้อยใหญ่แผ่กิ่งก้านปกคลุม ให้ร่มเงาและพึ่งพาอาศัยกันและกันอย่างร่มเย็นและเป็นสุข ต้นไม้ไม่ได้บอกผม แต่ผมแอบสังเกตรอยยิ้มตามกิ่งใบที่แข็งแรงและเขียวสดมันปลาบของพวกมัน บ้านหลังนี้จึงเป็นที่อยู่ของหมู่สัตว์ชนิดอื่นอีกด้วย ทั้งแมลง นก ไล่เรื่อยไปจนถึงงูเงี้ยวน้ำเนี้ยวขนมจีน เฮ้ย! อันหลังนั่นอาหาร แหม มันน่าตีมั้ยล่ะเนี่ยะ คุณอาพูดขึงขัง ปีบอาก็มี ตีนเป็ดอาก็มีตั้งหลายต้น ทำไมไม่บอกกันว่าอยากได้ แล้วนี่ไปซื้อมาเท่าไหร่? ไม่กล้าขอหรอกครับ เกรงใจ คุณอาปลูกมาตั้งนาน โอย...ต้นไม้เต็มบ้านไปหมดแล้ว เดี๋ยวเดินไปหลังบ้านกับอาหน่อย อาจะให้ต้นไม้ ว่าแล้วคุณอาก็ยกต้นลีลาวดีดอกสีชมพูยื่นข้ามรั้วให้กับผมหนึ่งต้น เข้าคู่กันพอดิบพอดีกับลีลาวดีดอกสีขาวที่เราซื้อกันมา ผมว่าจะปลูกมันไว้ข้างๆ กัน คราวหน้าอยากได้ต้นไหนก็บอกกันนะ ไม่ต้องเกรงใจ อาก็อยากให้ต้นไม้ของอาไปอยู่ในบ้านที่คนเค้าดูแลดีดีเหมือนกันน่ะแหละ ฝ่ายเหตุการณ์หน้าบ้านยังคงดำเนินต่อไป... คุณลุงจะเอาไม้ที่เหลือของผมไปต่อเฉลียงหรือไปเสริมนั่งร้านการเวกก็ได้นะครับ ผมไม่ใช้แล้ว เชิญเลยครับลุง พี่ชายผู้ใจดีหยิบยื่นไมตรีและไม้ดีดีให้กับคุณพ่อของผม หลังจากนั้นไม่กี่นาที ผมและพ่อก็ไปขนไม้ของพี่ชายมากองไว้ที่หน้าบ้าน อีกไม่นานมันคงแปลงร่างกลายเป็นเฉลียงและนั่งร้านตามความต้องการของพี่เค้า แล้วหน้าบ้านของเราก็จะมีส่วนผสมระหว่างไม้ของพี่ชายและต้นไม้ของคุณอา หลายเดือนมานี้ ผมไม่ค่อยได้อยู่บ้านนานๆ สักเท่าไหร่ และนั่นอาจเป็นเหตุผลให้ผมอดประทับใจและรู้สึกดีดีกับเหตุการณ์ในเย็นวันนั้นไม่ได้ เรียบง่ายและจริงใจเสียนี่กระไรหนอ น้ำใจของเพื่อนบ้าน ผมอยู่ที่ ห้อง มาได้กว่าครึ่งปี ห้องที่วางตัวเรียงอยู่ในกล่องขนาดใหญ่กับอีกสามร้อยกว่าห้องที่มีหน้าตาเหมือนกันเดี๊ยะ มันเป็นห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ล้อมรอบด้วยกำแพงตันสามด้าน อีกด้านเป็นกระจกใสบานใหญ่เพื่อเปิดออกสู่โลกภายนอกห้องของผมเสียบตัวอยู่ ระหว่าง อย่างน้อยที่สุดสามห้องด้วยกัน ห้องด้านซ้าย ห้องด้านขวา และห้องตรงข้าม แต่สิ่งที่น่าแปลกใจและมหัศจรรย์พันลึกก็คือ ในเวลากว่าหกเดือนที่ผ่านมา เรา ยังไม่เคยเจอหน้ากันเลย แม้สักครั้งเดียว! แน่นอนว่า กำแพงห้องที่กั้นอากาศออกเป็นสองส่วน กั้นชีวิตออกเป็นสองฟาก จากดินชนเพดานไม่เอื้อโอกาสให้ใครสักคนชะโงกหน้าเพื่อไปทักทายอีกคนหนึ่งได้ เรารับรู้ว่าข้างห้องมีคนอยู่ด้วยการเงี่ยหูฟังเสียงฝีเท้าก้าวเดิน เสียงบิดกุญแจ และเสียงแง้มประตูเข้าห้อง เท่านั้น ส่วนห้องทางซ้ายมือ ผมได้แต่สังเกตเห็นจานชามของเขา (หรือเธอก็ไม่รู้) ที่วางอยู่ในอ่างล้างจานจึงพอจะยืนยันได้ว่ามีเพื่อนข้างห้องอาศัยอยู่ เพราะผมไม่เคยได้ยินเสียงเปิดประตูของเขา (หรือเธอ) เลยสักครั้ง ผมเดาว่า เขาคงรับรู้ การมีอยู่ ของผมด้วยภาชนะจานชามเหล่านั้นเช่นกัน บางครั้ง, เราสนทนากันแผ่วเบา ผ่านเสียงดนตรีหรือทีวีที่เล็ดลอดเข้ามาทางช่องว่างระหว่างประตูกับพื้นดิน และบางเสียงที่แทรกตัวผ่านกำแพงทึบหนาแผ่นนั้น เราพอรู้กันว่า เธอชอบดูทีวีรายการไหน และเธอชอบฟังเพลงประเภทใด และ...ถ้าเสียงเคาะแป้นคีย์บอร์ดดังพอ ข้างๆ ห้องคงรู้ว่าผมฟังเพลงและดูทีวีน้อยมาก เอาแต่นั่งสนทนากับจอคอมพิวเตอร์ บางครั้งที่ซื้อส้มมาหลายลูก ผมเคยคิดเคาะประตูและหยิบยื่นส้มหรือขนมให้กับเพื่อนบ้าน แต่ก็เกรงจะรบกวน ความเป็นส่วนตัว ของพวกเขาหรือเธอ จึงตัดสินใจเก็บไว้กินเอง นั่นไง...ผมได้ยินเสียงห้องตรงข้ามเปิดประตูอีกแล้ว อ้อ! ผมเคยแอบมองเขาผ่านรูประตูที่เจาะไว้ในระดับสายตา แต่รูนั้นก็ไม่ได้ทำให้เราได้ เจอ กันจริงๆ ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขา (หรือเธอ) เคยมองลอดรูนั้นมาบ้างหรือไม่ และเขา (หรือเธอ) จะเคยคิดเอาส้มหรือขนมหวานมาแบ่งมาปันให้กันบ้างหรือเปล่า? ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมมีบ้านสองหลังครับ หลังนึง, ผมมักเรียกมันว่า บ้าน ส่วนอีกหลัง, ผมเรียกมันว่า ห้อง เอาเข้าจริงแล้ว ทุกบ้านย่อมมีห้องเช่นกัน และคำว่า ห้อง มักแสดงความเฉพาะเจาะจงสำหรับบุคคลหรือกิจกรรมที่จะเกิดขึ้น ณ ที่แห่งนั้นในลักษณะที่ ซอยย่อย ลงไปมากขึ้น บางครั้ง ก็หมายถึง ความเป็นส่วนตัว มากขึ้นด้วย อาณาเขตของบ้านมักถูกกั้นด้วย รั้ว ส่วนห้องมักถูกกั้นด้วย กำแพง รั้ว ที่น่ารักและเป็นมิตร มักมีความสูงระดับหน้าอก ให้เจ้าของบ้านทั้งสองพอจะชะเง้อหน้ามองและส่งยิ้มข้ามรั้วให้กันได้ และมันยังแฝงความหมายว่า เราไว้ใจกัน และ เราอยากเจอกัน อยู่ในนั้นด้วย ที่บ้านของผมจึงอาศัยฝาก เพื่อนบ้าน ช่วยดูแลป้องกันระวังภัยในเวลาที่พวกเราไม่อยู่บ้านเสมอๆ เพราะเพื่อนข้างบ้านสามารถมองข้ามรั้วช่วยตรวจตราได้ และเราก็ทำสิ่งนั้นในเวลาที่เพื่อนบ้านไม่อยู่บ้านเช่นกัน เหตุการณ์น่ารักๆ ณ บ้านของผมในวันนั้น ทำให้ผมอยากอยู่บ้านในวันเสาร์-อาทิตย์มากขึ้น และมันก็ทำให้ผมและคุณพ่อต้องคุยเรื่อง รั้ว กันใหม่เรากำลังตัดสินใจว่าอาจไม่ต้องก่ออิฐบล็อกเพิ่มเติมให้สูงขึ้นเพราะถึงแม้ว่าเราอยากได้ความเป็นส่วนตัว แต่เราก็อยากได้ รั้ว ไม่ใช่ กำแพง ไม่ว่าจะ รั้ว หรือ กำแพง ก็ไม่สำคัญ เท่ากับว่า เราได้พอมีเวลา มีโลกส่วนตัว ก็เค้าบ้าง ก็เพียงพอแล้ว สำหรับชีวิตนี้ . โดย: ลาบไก่ใส่ตับหมู (ลาบไก่ใส่ตับหมู ) วันที่: 22 ตุลาคม 2549 เวลา:0:26:47 น.
|
ดาริกามณี
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?] Just Do it : * มีอีกชื่อว่า หญ้าเจ้าชู้ * เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์บทประพันธ์ รักข้ามรั้ว (หญ้าเจ้าชู้) ลุ้นสุดฤทธิ์ พิชิตรัก (หญ้าเจ้าชู้) ภารกิจรักพิทักษ์เธอ (หญ้าเจ้าชู้) ปีกแห่งฝัน (ดาริกามณี) * เป็นสาวก 'รงค์ วงษ์สวรรค์ * เป็นแฟน คาราบาว * เป็นกิ๊ก เฉลียง * ฝืนอะไรที่เป็นอื่น ฝืนอัตตา สูงเทียมฟ้าก็มิเท่า เป็นเราเอง * การปรากฎตัวของคนคนหนึ่ง อาจเปลี่ยนใครอีกคนไปทั้งชีวิต * หากต้องการอ่านนิยายที่ใส่รหัส, รบกวน "ฝากข้อความหลังไมค์" จ่ะ Friends Blog
|
ส่วนโลกส่วนตัวนั้น คือรั้ว
รั้วที่บางครั้งเราอาจจะรับแขกได้
แต่เรื่องส่วนตัว คงน้อยครั้งที่จะเปิด
โอกาวเชื้อเชิญให้ใครเข้ามาได้ง่ายๆ
แต่เชื่อเถอะว่า ถ้าได้เปิดบ้าง
มีใครเข้าไปบ้าง
ก็คงไม่อ้างว้างจนเกินไป
ดีกว่าไม่มี ใครสนใจ...โลกส่วนตัว