กันยายน 2549

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
30
 
All Blog
ณ บ้านและห้อง: ข้อแตกต่างระหว่าง “รั้ว” กับ “กำแพง” : นิ้วกลม
ชอบงานชิ้นนี้ของนิ้วกลม (ในอะเดย์ เล่มไหนก็ไม่รู้อีกเหมือนกัน) เพราะเมื่อมองมาที่ตัวเอง และ "ช่วงแห่งเวลา" ก็รู้สึกคลับคล้ายว่า เรามี "รั้ว" "กำแพง" และ "ห้อง" ตามสถานภาพ ตามสถานการณ์ และเวลา

------------------------------------------------------

ผมมีบ้านสองหลัง

หนึ่งหลังมีพ่อ แม่ พี่สาว และทอง (หมาบางแก้วปลอม) อยู่อาศัยร่วมกัน

อีกหนึ่งหลังมี ผม ผม ผม และผม (คนบางกะปิแท้) อาศัยอยู่ลำพัง

ข้อมูลสามบรรทัดบน คงไม่ได้ทำให้คุณผู้อ่านสอบผ่านวิชา กพอ. สลน. สปช. กกต. สส.หรือ สว. ไม่ได้ทำให้ใครเงินเดือนขึ้น ไม่ได้ทำให้ใครหว่านเสน่ห์มัดใจหนุ่มที่หมายปองสำเร็จ และไม่ได้เพิ่มรอยหยักในสมองให้ใครผู้ต้องการแสวงหาความรู้แต่อย่างใด

ใช่ครับ – มันเป็นเรื่องส่วนตัว

เราทุกคนมีเรื่องส่วนตัวกันทั้งนั้น อย่ามาทำเป็นไก๋ว่าไม่มี เดี๋ยวจะถูกครหาว่าเป็นคนขี้โม้เอาได้ เรื่องส่วนตัวไม่ใช่สิวในที่ลับ หรือผดผื่นในที่อับชื้นจะได้ต้องมากระมิดกระเมี้ยนอายกัน

จุดน่าสนใจสำคัญมันอยู่ตรงที่ว่า หลายครั้ง ‘เรื่องส่วนตัว’ ของ ‘เรา’ มักจะมีส่วนคล้ายคลึงกันอย่างน่าตกใจ จนต้องเผลอเอามือไปกุมอวัยวะชื่อว่า ‘นม’ ข้างซ้าย!
ขอแรงช่วยกันคนละไม้คนละมือ เอ้า! ช่วยกันยก ‘ตัวอย่าง’ หน่อย ไม่หนักหรอกออกแรงไม่มาก ตัวอย่างที่หนึ่ง, ผมมีบ้าน คุณก็มีบ้าน (ส่วนตัวอย่างที่สอง เอาไว้ค่อยยก ขออนุญาตเก็บแรงไว้เขียนคอลัมน์ครั้งนี้ให้เสร็จก่อนนะครับ)

ผมกำลังจะทำรั้วบ้านใหม่ คุยกันกับพ่อไว้ว่าเราจะก่ออิฐบล็อกเพิ่มขึ้นสักสองสามก้อน คำนวณเบ็ดเสร็จก็น่าจะมีความสูงเพิ่มขึ้นอีกเกือบครึ่งเมตร ทั้งนี้เพราะเรากำลังจะทำเฉลียงนั่งเล่นหน้าบ้าน และคิดการณ์กันว่า เราน่าจะต้องการ ‘ความเป็นส่วนตัว’ มากขึ้น

เมื่อมีโครงการทำเฉลียงนั่งเล่น ก็เป็นอันต้องขยายจากโครงการเล็กเป็นอภิมหาโปรเจ็กต์ยักษ์ ถ้าจะนั่งเล่นเราย่อมต้องการเงาไม้เอาไว้บดบังรังสียูวีมิให้มาราวีผิวหนังอันผ่องพรรณของเรา

และความต้องการนั้นก็นำเราไปสู่อีกห้วงยามแห่งความสนุก คือ การได้เดินเลือกต้นไม้ให้มาฝังรากชอนไชลงไปในดินหน้าบ้าน พวกเราทั้งสี่ตัดสินใจโดยไม่ได้ถามไถ่ความสมัครใจของ ‘ทอง’ ว่าจะเสียบต้นปีบและต้นตีนเป็ดน้ำลงไปในหลุมที่กำลังจะถูกขุดขึ้นมาริมเฉลียงไม้ในอนาคต และระหว่างเดินเลือกต้นไม้ทั้งสอง เราก็ได้ต้นลีลาวดีและต้น...ติดมือมาด้วย

ขณะที่กำลังขนต้นไม้ลงจากรถ พี่ชายบ้านตรงข้ามก็ร้องตะโกนทักทาย ถามไถ่ถึงต้นไม้

ต้นใหม่ที่หอบหิ้วมา พร้อมกับชี้ชวนให้เชยชมต้นไม้ในรั้วบ้านของพี่เค้า โดยบอกกับเราว่า เค้าก็มีต้นตีนเป็ดน้ำเหมือนกัน พี่ชายคนนั้นเพิ่งทำรั้วบ้านใหม่ ทาสีฟ้าสดใสชวนมอง นอกจากอวดต้นไม้แล้ว พี่เค้าคงภาคภูมิใจในรั้วใหม่ของเค้าไปพร้อมๆ กัน เราคุยกันอยู่นานสองนานสามนานจนคุณอาข้างบ้านออกมารดน้ำต้นไม้ ผมถือโอกาสยกมือไหว้ทักทาย แล้วเล่าให้แกฟังถึงต้นไม้สามสี่ต้นที่ไปหอบหิ้วมา คุณอาเงื้อมือทำท่าจะตีผม ส่วนจะเป็นข้อหาอะไรนั้นขอพักเอาไว้ก่อน เรามาสร้างจินตนาการ ‘บ้านคุณอา’ ให้ตรงตามความจริงกันก่อนดีกว่า

‘บ้านคุณอา’ เป็นป่ามากกว่าบ้าน ต้นไม้น้อยใหญ่แผ่กิ่งก้านปกคลุม ให้ร่มเงาและพึ่งพาอาศัยกันและกันอย่างร่มเย็นและเป็นสุข ต้นไม้ไม่ได้บอกผม แต่ผมแอบสังเกตรอยยิ้มตามกิ่งใบที่แข็งแรงและเขียวสดมันปลาบของพวกมัน บ้านหลังนี้จึงเป็นที่อยู่ของหมู่สัตว์ชนิดอื่นอีกด้วย ทั้งแมลง นก ไล่เรื่อยไปจนถึงงูเงี้ยวน้ำเนี้ยวขนมจีน เฮ้ย! อันหลังนั่นอาหาร

“แหม มันน่าตีมั้ยล่ะเนี่ยะ” คุณอาพูดขึงขัง “ปีบอาก็มี ตีนเป็ดอาก็มีตั้งหลายต้น ทำไมไม่บอกกันว่าอยากได้ แล้วนี่ไปซื้อมาเท่าไหร่?”

“ไม่กล้าขอหรอกครับ เกรงใจ คุณอาปลูกมาตั้งนาน”

“โอย...ต้นไม้เต็มบ้านไปหมดแล้ว เดี๋ยวเดินไปหลังบ้านกับอาหน่อย อาจะให้ต้นไม้”

ว่าแล้วคุณอาก็ยกต้นลีลาวดีดอกสีชมพูยื่นข้ามรั้วให้กับผมหนึ่งต้น เข้าคู่กันพอดิบพอดีกับลีลาวดีดอกสีขาวที่เราซื้อกันมา ผมว่าจะปลูกมันไว้ข้างๆ กัน

“คราวหน้าอยากได้ต้นไหนก็บอกกันนะ ไม่ต้องเกรงใจ อาก็อยากให้ต้นไม้ของอาไปอยู่ในบ้านที่คนเค้าดูแลดีดีเหมือนกันน่ะแหละ”

ฝ่ายเหตุการณ์หน้าบ้านยังคงดำเนินต่อไป...

“คุณลุงจะเอาไม้ที่เหลือของผมไปต่อเฉลียงหรือไปเสริมนั่งร้านการเวกก็ได้นะครับ ผมไม่ใช้แล้ว เชิญเลยครับลุง” พี่ชายผู้ใจดีหยิบยื่นไมตรีและไม้ดีดีให้กับคุณพ่อของผม

หลังจากนั้นไม่กี่นาที ผมและพ่อก็ไปขนไม้ของพี่ชายมากองไว้ที่หน้าบ้าน อีกไม่นานมันคงแปลงร่างกลายเป็นเฉลียงและนั่งร้านตามความต้องการของพี่เค้า

แล้วหน้าบ้านของเราก็จะมีส่วนผสมระหว่างไม้ของพี่ชายและต้นไม้ของคุณอา

หลายเดือนมานี้ ผมไม่ค่อยได้อยู่บ้านนานๆ สักเท่าไหร่ และนั่นอาจเป็นเหตุผลให้ผมอดประทับใจและรู้สึกดีดีกับเหตุการณ์ในเย็นวันนั้นไม่ได้ เรียบง่ายและจริงใจเสียนี่กระไรหนอ น้ำใจของเพื่อนบ้าน

ผมอยู่ที่ ‘ห้อง’ มาได้กว่าครึ่งปี

ห้องที่วางตัวเรียงอยู่ในกล่องขนาดใหญ่กับอีกสามร้อยกว่าห้องที่มีหน้าตาเหมือนกันเดี๊ยะ มันเป็นห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ล้อมรอบด้วยกำแพงตันสามด้าน อีกด้านเป็นกระจกใสบานใหญ่เพื่อเปิดออกสู่โลกภายนอกห้องของผมเสียบตัวอยู่ ‘ระหว่าง’ อย่างน้อยที่สุดสามห้องด้วยกัน ห้องด้านซ้าย ห้องด้านขวา และห้องตรงข้าม แต่สิ่งที่น่าแปลกใจและมหัศจรรย์พันลึกก็คือ ในเวลากว่าหกเดือนที่ผ่านมา ‘เรา’ ยังไม่เคยเจอหน้ากันเลย – แม้สักครั้งเดียว!
แน่นอนว่า กำแพงห้องที่กั้นอากาศออกเป็นสองส่วน กั้นชีวิตออกเป็นสองฟาก จากดินชนเพดานไม่เอื้อโอกาสให้ใครสักคนชะโงกหน้าเพื่อไปทักทายอีกคนหนึ่งได้ เรารับรู้ว่าข้างห้องมีคนอยู่ด้วยการเงี่ยหูฟังเสียงฝีเท้าก้าวเดิน เสียงบิดกุญแจ และเสียงแง้มประตูเข้าห้อง – เท่านั้น
ส่วนห้องทางซ้ายมือ ผมได้แต่สังเกตเห็นจานชามของเขา (หรือเธอก็ไม่รู้) ที่วางอยู่ในอ่างล้างจานจึงพอจะยืนยันได้ว่ามีเพื่อนข้างห้องอาศัยอยู่ เพราะผมไม่เคยได้ยินเสียงเปิดประตูของเขา (หรือเธอ) เลยสักครั้ง ผมเดาว่า เขาคงรับรู้ ‘การมีอยู่’ ของผมด้วยภาชนะจานชามเหล่านั้นเช่นกัน
บางครั้ง, เราสนทนากันแผ่วเบา ผ่านเสียงดนตรีหรือทีวีที่เล็ดลอดเข้ามาทางช่องว่างระหว่างประตูกับพื้นดิน และบางเสียงที่แทรกตัวผ่านกำแพงทึบหนาแผ่นนั้น เราพอรู้กันว่า เธอชอบดูทีวีรายการไหน และเธอชอบฟังเพลงประเภทใด

และ...ถ้าเสียงเคาะแป้นคีย์บอร์ดดังพอ ข้างๆ ห้องคงรู้ว่าผมฟังเพลงและดูทีวีน้อยมาก เอาแต่นั่งสนทนากับจอคอมพิวเตอร์

บางครั้งที่ซื้อส้มมาหลายลูก ผมเคยคิดเคาะประตูและหยิบยื่นส้มหรือขนมให้กับเพื่อนบ้าน แต่ก็เกรงจะรบกวน ‘ความเป็นส่วนตัว’ ของพวกเขาหรือเธอ จึงตัดสินใจเก็บไว้กินเอง นั่นไง...ผมได้ยินเสียงห้องตรงข้ามเปิดประตูอีกแล้ว อ้อ! ผมเคยแอบมองเขาผ่านรูประตูที่เจาะไว้ในระดับสายตา แต่รูนั้นก็ไม่ได้ทำให้เราได้ ‘เจอ’ กันจริงๆ ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขา (หรือเธอ) เคยมองลอดรูนั้นมาบ้างหรือไม่ และเขา (หรือเธอ) จะเคยคิดเอาส้มหรือขนมหวานมาแบ่งมาปันให้กันบ้างหรือเปล่า? – ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน

ผมมีบ้านสองหลังครับ

หลังนึง, ผมมักเรียกมันว่า “บ้าน” ส่วนอีกหลัง, ผมเรียกมันว่า “ห้อง”
เอาเข้าจริงแล้ว ทุกบ้านย่อมมีห้องเช่นกัน และคำว่า “ห้อง” มักแสดงความเฉพาะเจาะจงสำหรับบุคคลหรือกิจกรรมที่จะเกิดขึ้น ณ ที่แห่งนั้นในลักษณะที่ ‘ซอยย่อย’ ลงไปมากขึ้น

บางครั้ง ก็หมายถึง ‘ความเป็นส่วนตัว’ มากขึ้นด้วย
อาณาเขตของบ้านมักถูกกั้นด้วย ‘รั้ว’ ส่วนห้องมักถูกกั้นด้วย ‘กำแพง’

‘รั้ว’ ที่น่ารักและเป็นมิตร มักมีความสูงระดับหน้าอก ให้เจ้าของบ้านทั้งสองพอจะชะเง้อหน้ามองและส่งยิ้มข้ามรั้วให้กันได้ และมันยังแฝงความหมายว่า ‘เราไว้ใจกัน’ และ ‘เราอยากเจอกัน’ อยู่ในนั้นด้วย

ที่บ้านของผมจึงอาศัยฝาก ‘เพื่อนบ้าน’ ช่วยดูแลป้องกันระวังภัยในเวลาที่พวกเราไม่อยู่บ้านเสมอๆ เพราะเพื่อนข้างบ้านสามารถมองข้ามรั้วช่วยตรวจตราได้ และเราก็ทำสิ่งนั้นในเวลาที่เพื่อนบ้านไม่อยู่บ้านเช่นกัน

เหตุการณ์น่ารักๆ ณ บ้านของผมในวันนั้น ทำให้ผมอยากอยู่บ้านในวันเสาร์-อาทิตย์มากขึ้น และมันก็ทำให้ผมและคุณพ่อต้องคุยเรื่อง ‘รั้ว’ กันใหม่เรากำลังตัดสินใจว่าอาจไม่ต้องก่ออิฐบล็อกเพิ่มเติมให้สูงขึ้นเพราะถึงแม้ว่าเราอยากได้ความเป็นส่วนตัว

แต่เราก็อยากได้ ‘รั้ว’ ไม่ใช่ ‘กำแพง’



Create Date : 06 กันยายน 2549
Last Update : 6 กันยายน 2549 12:49:50 น.
Counter : 1013 Pageviews.

2 comments
  
กำแพง คือเรื่องส่วนตัว
ส่วนโลกส่วนตัวนั้น คือรั้ว
รั้วที่บางครั้งเราอาจจะรับแขกได้
แต่เรื่องส่วนตัว คงน้อยครั้งที่จะเปิด
โอกาวเชื้อเชิญให้ใครเข้ามาได้ง่ายๆ
แต่เชื่อเถอะว่า ถ้าได้เปิดบ้าง
มีใครเข้าไปบ้าง
ก็คงไม่อ้างว้างจนเกินไป
ดีกว่าไม่มี ใครสนใจ...โลกส่วนตัว
โดย: hypnosis วันที่: 6 กันยายน 2549 เวลา:13:31:00 น.
  



ไม่ว่าจะ รั้ว หรือ กำแพง ก็ไม่สำคัญ

เท่ากับว่า เราได้พอมีเวลา

มีโลกส่วนตัว ก็เค้าบ้าง

ก็เพียงพอแล้ว สำหรับชีวิตนี้


.
โดย: ลาบไก่ใส่ตับหมู (ลาบไก่ใส่ตับหมู ) วันที่: 22 ตุลาคม 2549 เวลา:0:26:47 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดาริกามณี
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]



Just Do it :


* มีอีกชื่อว่า หญ้าเจ้าชู้

* เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์บทประพันธ์
รักข้ามรั้ว (หญ้าเจ้าชู้)
ลุ้นสุดฤทธิ์ พิชิตรัก (หญ้าเจ้าชู้)
ภารกิจรักพิทักษ์เธอ (หญ้าเจ้าชู้)
ปีกแห่งฝัน (ดาริกามณี)

* เป็นสาวก 'รงค์ วงษ์สวรรค์
* เป็นแฟน คาราบาว
* เป็นกิ๊ก เฉลียง
* ฝืนอะไรที่เป็นอื่น ฝืนอัตตา
สูงเทียมฟ้าก็มิเท่า เป็นเราเอง

* การปรากฎตัวของคนคนหนึ่ง
อาจเปลี่ยนใครอีกคนไปทั้งชีวิต

* หากต้องการอ่านนิยายที่ใส่รหัส,
รบกวน "ฝากข้อความหลังไมค์" จ่ะ