มกราคม 2549

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
26
27
31
 
 
29 มกราคม 2549
All Blog
"ชื่อ น่าน"
ความเหงามันเข้ามาสะกิดสีข้าง...
ความโดดเดี่ยวเดียวดายหัวเราะเยาะอยู่ไม่ห่างนัก
ขณะเดียวกับที่ความรักห่างหาย... หายไปไหน
หรือไม่เคยมีอยู่มาตั้งแต่แรกก็สุดคาดเดา...

นาฬิการูปควายยิ้มบนหัวนอนบอกเวลาห้าทุ่มยี่สิบ ไม่ดึกเกินไปสำหรับคนที่ถูกผีขี้เหงาเข้าสิง... นั่งมองหน้าจอมอนิเตอร์ว่างๆ กับความเคว้งคว้างของห้องกว้างๆ... กลิ่นน้ำมันหอมลาเวนเดอร์กำลังตบตีกับกลิ่นพิมเสนผสมการบูร โดยมีกลิ่นตะไคร้หอมแอบมองอยู่ห่างๆ

แล้วความเหงาก็เปรยขึ้นว่า... "อยากคุยกับใครมากที่สุดนะตอนนี้" ดังนั้นแล้ว จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา.... กับหมายเลขที่อยู่ใน เมนู speed list หมายเลข 9 นั่นคือใครคนหนึ่งที่เคยถูกรัก....

ย้อนเวลาไปเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา... ใครคนดังกล่าวเป็นเพียงเด็กหนุ่มหน้าใส นักศึกษาชั้นปีที่สองวิชาเอกภาษาอังกฤษ ขณะที่เราเป็นรุ่นพี่ปีสี่และกำลังฝึกงานตามหลักสูตรของชั้นปีสุดท้าย...

ใครจะคิดว่าการนั่งรถทัวร์จากจังหวัดหนึ่งไปอีกจังหวัดหนึ่งเพียงเพื่อไปหาเพื่อนที่ไม่ได้พบหน้ากันมานานจะทำให้ในวันนี้มีความทรงจำดีๆ มาเขียนถึง... ห้องพักของเพื่อนสาวที่เราเดินทางไปหา กับห้องพักของชายหนุ่มชั้นปีสองเอกอังกฤษคนนั้นอยู่ติดกัน... แว้บเดียวที่เห็นหน้าเขา คือ ขณะที่เขากำลังเล่นกีตาร์ในห้องของตัวเองอย่างเป็นธรรมชาติ เขาแหกปากร้องเพลงเพื่อชีวิต... เสียง
ห่วยแตกกว่าควายออกลูก...แต่นั่นเป็นภาพที่ทำให้จดจำมาได้ถึงวันนี้.... ดังนั้นแล้วจึงได้เลียบๆ เคียงๆ ถามเพื่อนสาวว่า "คนที่อยู่ห้องข้างๆ ชื่ออะไร" เมื่อเพื่อนสาวบอกชื่อเสียงเรียงนามมาเรียบร้อยแล้วก็ขอที่อยู่เพื่อนสาวเพื่อที่จะเขียนจดหมายมาหา... แต่เจตนาที่จริงนั้นคือ อยากได้ที่อยู่ของหอพักเพื่อเขียนจดหมายมาถึง "คนที่อยู่ห้องข้างๆ" ต่างหาก....

แล้วในที่สุด จดหมายฉบับแรกก็ถูกส่งไปถึงใครคนนั้น...

"เธอไม่รู้หรอกว่าเราเป็นใคร เธอไม่รู้จักเรา แต่เรารู้จักเธอ...." เราไม่เคยมีที่อยู่ให้ตอบกลับ, เขาไม่เคยรู้จักชื่อ และเขาไม่เคยรู้จักหน้าตา... แต่เขาเคยได้ยินเสียง... แน่นอน เพราะห้องเพื่อนสาวกับห้องเขาอยู่ติดกัน เลขหมายเดียวกัน ผิดแค่เลขห้องเท่านั้น แล้วหลังจากนั้นมา นอกจากจดหมายและไปรษณียบัตรที่ส่งไปหาเขาอย่างสม่ำเสมอแล้ว ในวันสำคัญ และ "วันที่คิดถึง" ก็จะโทรฯ ทางไกลไปหาเขาอยู่ทุกบ่อย...

"ยัยแม่มดข้างหน้าต่าง" เขาเรียกเราว่าอย่างนั้น... อาจเพราะเรารู้ความเป็นไปของเขา (จากเพื่อนสาวข้างห้องของเขานั่นเอง) แต่เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเราเลย... สามปีของการเขียนจดหมายและไปรษณียบัตร บอกเล่าเรื่องราวความเป็นไปมากมายในชีวิตให้เขาฟัง ขณะที่เขามักจะเล่าเรื่องของตัวเองผ่านสายโทรศัพท์ (ทางไกล)... แล้วเมื่อเวลาหนึ่งมาถึง... จึงไปหา....

กรุงเทพฯ - เชียงของ เป็นระยะทางที่ไกลเอาการสำหรับการเดินทางด้วยรถทัวร์ไปยังจุดหมายปลายทางคือบ้านเกิดของเขา...

"มาถึงแล้วให้โทฯ ไปที่บ้าน แล้วจะออกมารับ เพราะบ้านอยู่ใกล้ท่ารถ" นั่นเป็นการผจญภัยที่ตื่นเต้นสุดฤทธิ์... ไม่รู้เลยว่าปลายทางนั้นจะเป็นอย่างไร.. เพราะรถทัวร์ไปถึงเชียงของคือ 18.00 น. หากไม่พบคนที่ไปหา หรือหากมีอะไรผิดพลาด การหันหลังกลับก็คงไม่ง่ายดายนัก... แต่แล้ว สิ่งที่กลัวก็ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะชายหนุ่มที่คุ้นตาเมื่อ 3 ปีก่อนนั้นได้รออยู่แล้วที่ท่ารถ...

"เราเองน่ะ แม่มดข้างหน้าต่าง..." เป็นประโยคแรกที่ทักทาย... แล้วเขาก็พาไปชมอาทิตย์ตกน้ำริมแม่น้ำโขง ที่ฝั่งตรงข้ามคือแขวงบ่อแก้วของประเทศลาว... ไม่นานนักจึงเข้าบ้าน พ่อกับแม่รออยู่แล้ว, แม่ทำกับข้าวมื้อใหญ่ไว้รอ.... และคืนนั้นก็นอนที่ห้องเขา, เจ้าของห้องได้ย้ายไปที่ห้องของยาย... แล้วเราก็ได้รู้ว่าจดหมายมากมายหลายร้อยฉบับที่เขียนถึงเขานั้นไม่ได้หายไปไหนเลย... เขาเก็บมันไว้ในกล่องอย่างดี (จากการที่เขาเอาออกมาให้ดู), ในวันถัดมาเขาพาไปเที่ยวรอบเมืองเชียงของ เลยไปเที่ยวเชียงแสน ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์, วัด และไปสามเหลี่ยมทองคำ... ในตอนนั้นเขายังทำงานที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับการท่องเที่ยวภาคเหนือจึงแน่นปึ้ก....เราได้รู้จัก "ฐานเขียง" ก็เพราะเขานั่นแหละ... นั่นเป็นครั้งแรก... ที่ได้พบกันอย่างจริงจัง หลังจากนั้นมาก็ได้พบกันในเมื่อครั้งที่เขามารับปริญญาที่กรุงเทพฯ

และจากนั้นตลอดมาจนถึงวันนี้ (และอาจจะตลอดไป) .... มิตรภาพของเราก็ไม่เคยเสื่อมคลาย... เขาเปลี่ยนงานจาก ต.ม. มาเป็นอาจารย์สอนหนังสือในสถาบันราชภัฏ เราเรียนต่อปริญญาโทแต่ก็ยังทำงานที่เดิม...บางครั้งที่ไปออกค่ายเป็นครูอาสาฯ ก็จะแวะไปที่เชียงของ และบ้างครั้งที่มีโอกาสได้ไปเที่ยวทางเหนือ ก็จะแวะไปที่เชียงราย....ไปหาเขา... เขาจะโทฯ มาหาถ้าเขาเมา หรือไม่ก็... ในเวลาที่เหงาคนเดียวกับเพลงเพื่อชีวิต... เขาเคยเล่นกีตาร์ (เพลงเพื่อชีวิต) ให้ฟังทางโทรศัพท์ และนับถึงวันนี้... เป็นเวลาสิบปีที่เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมา....

เราไม่เคยเป็นคนรักกัน,
มีแต่เขาเท่านั้นที่ถูกรัก...

มีประโยคหนึ่งที่เคยพูดกับเขา... พูดเมื่อไหร่ก็จำไม่ได้ แต่ประโยคดังกล่าวนั้นคือ

"เราจะไม่จากเธอไปไหน ต่อให้เราจะไม่ได้พบกัน หรือต่างคนต่างไปตามทางชีวิตของตัวเอง แต่เราจะคอยมองดูความเป็นไปของเธออยู่เสมอ..."

เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก... สิบกว่าปีแล้ว, เราเติบโตขึ้น และเรียนรู้ว่า ความรักที่แท้จริงแล้วนั้นเราไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน เขาไม่จำเป็นต้องรักเรา... เพราะความรักที่เรามีก็มากมายเพียงพอที่จะทำให้เราเป็นมิตรที่ดีต่อกันมาจนถึงวันนี้ได้... วันนี้เขาโตขึ้น, เราโตขึ้น....

แต่เราก็ไม่ได้เป็นคนรักกัน,
มีแต่เขาเท่านั้นที่ถูกรัก....

ไม่นานเกินไปนับจากนี้เราจะได้พบกันอีกในวันที่เราเดินทางไปเยี่ยมเยือนในฐานะเพื่อนเก่าในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า...

หรือถ้าสั้นกว่านั้น... พรุ่งนี้นะ,

แล้วเราจะไปตามหาความทรงจำดีๆ
ของสิบปีที่เราเคยมีต่อกัน..../






Create Date : 29 มกราคม 2549
Last Update : 29 มกราคม 2549 0:11:16 น.
Counter : 784 Pageviews.

10 comments
  
อ่านจบแล้ว รู้สึกเหมือนเศร้าแต่ไม่เศร้า เป็น "ความรักเพื่อให้"ที่ดีนะครับ ไม่ต้องครอบครอง มิตรภาพยืนยาวกว่า มีข้อสงสัย 1 ข้อ เขาคนนั้นชื่อ น่าน หรือครับ เพราะดูแล้วเหตุการณ์ไม่เกี่ยวกับ จ.น่าน เลย ก็อยากรู้
โดย: ป้อจาย วันที่: 29 มกราคม 2549 เวลา:0:40:42 น.
  
น่ารักมากครับ อ่านแล้วผมนั่งยิ้มทุกบรรทัดเลย ตั้งแต่ตอนที่ส่งจดหมายไปหาเขาน่ะครับ

ขอให้มีความสุขนะครับ
โดย: T_Ang วันที่: 29 มกราคม 2549 เวลา:0:43:12 น.
  
มีความสุขมากๆ ทุกๆวันนะจ้า
โดย: Baby I love you (Baby I love you ) วันที่: 29 มกราคม 2549 เวลา:1:14:11 น.
  


ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้



มีความสุขมาก ๆ ๆ นะคะ



จุ๊บ..จุ๊บ..





โดย: Donut_ty วันที่: 29 มกราคม 2549 เวลา:1:54:18 น.
  
เขียนดีจังเลย ผมอยากให้เพื่อนผมคนนึงได้อ่านจัง
เค้าหลงรักผู้ชายคนหนึ่ง แต่เผอิญว่าผู้ชายคนนั้นตอบรักได้แต่ไม่อยากอยู่ร่วม ขอเป็นแค่เพื่อน
หญิงสาวใจร้อน ตัดรอน ต่อว่าแรงๆ แล้วเค้าก็จากกันไป
โดย: maczy วันที่: 29 มกราคม 2549 เวลา:9:50:24 น.
  
ชื่อน่านฟ้านี่เท่ดีนะครับ ที่ จ.น่าน เคยมีโรงภาพยนต์ชื่อ น่านฟ้าด้วย แต่เป็นชื่อของคน 2 คน ที่ชื่อว่า น่าน กับชื่อว่า ฟ้า ซึ่งเป็นลูกชายและลูกสาวเจ้าของโรง ตอนนี้โรงนี้ก็ไม่เหลือแล้วล่ะครับ เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นแทน

- ผมว่าเขาคงไม่เตะคุณหรอก อาจจะน้ำตาไหล ซาบซึ้งแทนนะ -
โดย: ป้อจาย วันที่: 29 มกราคม 2549 เวลา:11:25:22 น.
  


ไม่ต้องครอบครอง ไม่ต้องลงเอยด้วยการเป็นคนรักกัน

เป็นเรื่องราวของความรักที่สวยงามมากค่ะ


เขียนดีจัง ชอบมากๆค่ะ
โดย: มัชฌิมา วันที่: 29 มกราคม 2549 เวลา:12:34:58 น.
  

การรัก และ ถูกรัก -- ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร อย่างน้อยก็มีข้อดีของมัน ^__^
โดย: ภูติ วันที่: 29 มกราคม 2549 เวลา:15:42:13 น.
  
มิตรภาพที่ดีและยาวนาน
ดีจังค่ะ...ดีจัง ถ้าต่างคนต่างเป็นคนรักกัน บางที ป่านนี้อาจจากกันก็ได้
โดย: PANDIN วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:7:55:49 น.
  
แต่แกจะดมกลิ่นไรนักหนาวะ การบูน พิมเสน ลาเวนเดอร์ ตะไคร้หอม

ถ้าตดในห้องละแก อบอวลเลยตานี้

-----------------------------------------------------------

เกือบลืมบอก ชั้นชอบเรื่องนี้ - มันทำให้ชั้นเชื่อ
โดย: แพงกวิ้น (นางสาวอาร์ต ) วันที่: 14 ธันวาคม 2549 เวลา:17:15:31 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดาริกามณี
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]



Just Do it :


* มีอีกชื่อว่า หญ้าเจ้าชู้

* เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์บทประพันธ์
รักข้ามรั้ว (หญ้าเจ้าชู้)
ลุ้นสุดฤทธิ์ พิชิตรัก (หญ้าเจ้าชู้)
ภารกิจรักพิทักษ์เธอ (หญ้าเจ้าชู้)
ปีกแห่งฝัน (ดาริกามณี)

* เป็นสาวก 'รงค์ วงษ์สวรรค์
* เป็นแฟน คาราบาว
* เป็นกิ๊ก เฉลียง
* ฝืนอะไรที่เป็นอื่น ฝืนอัตตา
สูงเทียมฟ้าก็มิเท่า เป็นเราเอง

* การปรากฎตัวของคนคนหนึ่ง
อาจเปลี่ยนใครอีกคนไปทั้งชีวิต

* หากต้องการอ่านนิยายที่ใส่รหัส,
รบกวน "ฝากข้อความหลังไมค์" จ่ะ