|
อยากออกกำลังแต่ไม่สะดวกไปฟิตเนส ทำอย่างไรดี ตอนที่ 2 ครั้งที่แล้วทิ้งท้ายไว้ว่าจะกลับมาพูดเรื่อง เดิน เดินเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายที่สุด แค่มีรองเท้าที่ใส่สบาย เสื้อผ้าที่ใส่สบายแต่ไม่ถึงขั้นอนาจาร คุณก็ออกกำลังกายด้วยวิธีนี้ในเบื้องต้นได้แล้ว ข้อดีของการเดินก็คือ เป็นการออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกน้อยจนแทบไม่มีโอกาสที่จะก่อให้เกิดการบาดเจ็บกล้ามเนื้อและกระดูกได้ ต่างกับการวิ่งที่มีเหตุให้บาดเจ็บได้เนืองๆ ในอีกทางหนึ่งถึงจะมีแรงกระแทกน้อย แต่แรงกระแทกที่เกิดขึ้นก็มากพอที่จะรักษาความหนาแน่นของกระดูก ไม่ให้เป็นโรคกระดูกพรุนอันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่เ0hาตัวอยู่เฉยนานเกินไปได้ การเดินเป็นการออกกำลังกายแบบที่สมัยนี้เรียกกันว่า คาร์ดิโอ (cardio) คำนี้ย่อมาจาก cardio-vascular exercise ซึ่งแปลเป็นไทยให้เข้าใจง่ายๆ ว่าเป็นการบริหารระบบหัวใจและเส้นเลือด ซึ่งอันที่จริงคำอธิบายนี้ยังขาดไปข้อหนึ่งคือ มันเป็นการบริหารเพื่อเพิ่มสมรรถนะของปอดด้วย ซึ่งการออกกำลังกายแบบนี้จะทำให้หัวใจและปอดแข็งแรงขึ้น ไขมัน ความดัน เบาหวาน สารพัดโรคที่มากับชีวิตที่สุขสบายและอาหารการกินที่อร่อยปากจะค่อยๆ ทุเลาลงได้ แต่ก็นะ มันใช้เวลามากโขอยู่กว่าจะถึงจุดนั้น มากแค่ไหนหรือ สมาคมแพทย์โรคหัวใจของอังกฤษให้คำแนะนำว่า เพื่อจะให้ได้ประสิทธิผลในการป้องกันโรคหัวใจ คุณควรจะเดินให้ได้สัปดาห์ละ 1 มาราธอน คิดแบบตัวเลขกลมๆ ไม่มีทศนิยมก็เท่ากับ 42 กิโลเมตร โดยเฉลี่ยแล้วถ้าคนเราเดินแบบเร่งฝีเท้ากดดันตัวเองพอสมควร จะได้ความเร็วอยู่ที่ประมาณ 6 กิโลเมตร/ชั่วโมง นั่นคือถ้าจะเดินให้เท่ากับที่หมอโรคหมอโรคหัวใจอังกฤษบอก ก็ต้องเดินอาทิตย์ละ 7 ชั่วโมง หรือวันละชั่วโมง ข่าวดีก็คือ ในแต่ละวันคุณไม่จำเป็นต้องเดิน 1 ชั่วโมงติดต่อกันก็ได้ ขอให้เดินเร็วๆ ให้ได้รวมกัน 1 ชั่วโมง เช่นเช้าครึ่งชั่วโมง เย็นอีกครึ่งชั่วโมง และทำให้ได้อย่างนี้ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว การจะเดินให้เร็วจนกระทั่งมีผลต่อสุขภาพในเวลาหนึ่งชั่วโมงนั้น คุณไม่จำเป็นต้องทำท่าประหลาดอย่างนักกีฬาเดินทนที่ผู้สื่อข่าวกีฬาตั้งฉายาให้ว่านักบิดสะโพกหรอก กว่าจะทำถึงขนาดนั้นได้มันต้องผ่านการฝึกฝนกันพอสมควร และบ้านเราก็ใช่ว่าจะหาที่ฝึกสอนกันได้ง่ายๆ ที่ไหน การจะเดินให้เร็วนั้นคุณต้องรักษาสมดุลระหว่างการสืบเท้าให้ยาวและการสาวขาให้เร็วให้ได้ การจะสืบเท้าให้ยาวทำได้โดยใช้สะโพกช่วย ด้วยการสร้างเส้นสมมุติขึ้นตรงหน้าคุณตรงกลางระหว่างเท้าทั้งสองข้างพอดี และก้าวเท้าไปข้างหน้าเพื่อเหยียบลงบนเส้นนั้นให้ได้ใกล้ที่สุดโดยไม่ล้ำมาอีกฟากหนึ่ง อย่างเช่นก้าวเท้าขวาก็อย่าวางเท้าให้ล้ำมาทางซ้าย และไม่จำเป็นต้องพยายามสืบเท้าให้ยาวกว่าที่เคยทำ ถ้ายังงงๆ อยู่ให้ไปที่สนามกีฬาแล้วลองเดินเหยียบเส้นข้างสนามฟุตบอลหรือเส้นแบ่งลู่วิ่งดู ลองทำดูแล้วคุณจะพบว่าเดินท่าบิดสะโพกน้อยๆ แบบนี้มันเหมือนจะมีแรงส่งให้ตัวคุณเคลื่อนไปข้างหน้า ถ้าอยากจะก้าวให้เร็วขึ้นให้แกว่งแขนช่วย หลักการก็อย่างเดียวกันคืออย่าให้มือล้ำแนวเส้นกลางลำตัวมาอีกฟากหนึ่ง และถ้าจะให้เร็วกว่านั้นอีกก็งอแขนแล้วแกว่งท่าเดียวกับที่คุณทำตอนวิ่ง หากจับจังหวะได้ถูก แขนจะทำหน้าที่เหมือนลูกตุ้มที่รั้งตัวคุณไปข้างหน้า บวกกับการก้าวที่ให้เท้าเข้าใกล้แนวโมเมนตัมของลำตัว คุณจะเดินได้เร็วจนหอบน้อยๆ ได้ทีเดียว ขอบอกว่ากว่าจะครบชั่วโมงเหงื่อไหลไคลย้อยใช่น้อย ไม่เหมือนเดินเที่ยวบนห้าง และไม่จำเป็นต้องง้อลู่วิ่งไฟฟ้าในฟิตเนสด้วย ทำที่ไหนก็ได้ในเวลาที่คุณสะดวก ลองดูนะครับ |
Link |