|
อยากออกกำลังกายแต่ไม่สะดวกไปฟิตเนส ทำอย่างไรดี ตอนที่ 3 Parcourse Training เมื่อหลายปีก่อนตอนตรวจสุขภาพประจำปี คุณหมอฝึกหัดที่อายุน่าจะไล่เลี่ยกับลูกสาวคนโตของผมถามว่าผมออกกำลังกายด้วยวิธีไหนบ้างหรือเปล่า ช่วงนั้นมีธุระการงานอันเป็นเหตุให้ขี่จักรยานไม่ได้อยู่ชั่วระยะหนึ่ง ผมจึงเลือกกิจกรรมอย่างหนึ่งขึ้นมาแทน จึงตอบหมอไปว่า ระยะนี้ผมนั้นทำ Parcourse training อยู่ที่สวนสาธารณะข้างหอพักของหมอเป็นประจำ หมอทำหน้าเป็นเครื่องหมายคำถามที่ผมแปลได้ว่า ที่ลุงพูดมานี่มันคืออิหยังวะ แล้วไอ้สวนสาธารณะข้างหอตูมันไปมีกิจกรรมชื่อแปลกๆ นี่ให้ทำตั้งกะเมื่อไร เลยจำเป็นได้อธิบายขยายความให้หมอได้รู้ไว้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ทั้งกับตัวหมอเองที่ดูจะไม่ค่อยมีเวลาออกกกำลังกายเท่าไร และเผื่อว่าหมอจะไปแนะนำคนอื่นบ้าง ที่สวนสาธารณะซึ่งผมกล่าวถึงนั้น มีทางลาดยางสำหรับเดินหรือวิ่งยาวไม่ถึงกิโลดี ตามรายทางนั้นมีสถานีสำหรับออกกำลังกายเป็นระยะ มีทั้งการฝึกกล้ามเนื้อ การฝึกความยืดหยุ่นและฝึก Agility คือความแคล่วคล่องว่องไวและการทรงตัว แต่ละสถานีห่างกันประมาณ 150 - 200 เมตร การทำ Parcourse training ก็คือการเคลื่อนที่ไปตามสถานีต่างๆ และแวะฝึกตามสถานีนั้นๆ เป็นเวลาประมาณครึ่งถึง 1 นาที เงื่อนไขของมันก็คือ ต้องเคลื่อนที่ให้เร็วและไม่หยุดเลยหรือหยุดเท่าที่จำเป็น สมัยเมื่อเป็นนักกีฬาอยู่นั้น วันไหนที่ฝึกแบบนี้ โค้ชจะตั้งสถานีต่างๆ ไว้กลางสนามแล้วให้พวกเรา Sprint สุดฝีเท้าเพื่อเปลี่ยนไปยังสถานีถัดไป ขอบอกว่านรกมีจริงเลยทีเดียว สำหรับผู้ที่ต้องการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพอาจจะไม่ต้องถึงขั้น Sprint แต่เงื่อนไขคืออย่าหยุดเคลื่อนไหว เข้าถึงสถานี บริหารครึ่งถง 1 นาที เสร็จแล้ววิ่งเหยาะหรือเดินไปยังสถานีถัดไปทันที รับรองว่าคุณจะเหงื่อโชกได้ภายในยี่สิบนาที เพราะการเคลื่อนไหวไม่หยุด ทำให้คุณออกกำลังกายแบบแอโรบิค เมื่อบวกการฝึกกล้ามเนื้อและ agility มันเท่ากับคุณเร่งอัตราการเต้นของหัวใจขึ้นเป็นช่วงๆ มีคำที่เรียกการฝึกแบบนี้ในภาพรวมว่า Interval ข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือ คุณพัฒนาความฟิตรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นสมรรถนะของปอดกับหัวใจ ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ความยืดหยุ่นและความแคล่วคล่องว่องไว ครั้งหน้าหากผ่านสวนสาธารณะ ลองทำ Parcourse training ดู |
Link |