2012 - Greet and Eat in Korea ;3
2012/03/25 Heyri Art Village - Numdaemun Market วันนี้เป็นวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันหยุดของสถานที่ท่องเที่ยวเป็นส่วนใหญ่ แผนแรกสุดตั้งแต่ก่อนเดินทางคือทัวร์ชายแดนเกาหลีเหนือ DMZ แต่เค้าก็หยุดวันจันทร์ ส่วนน้องอยากไปดูหิมะที่สกีรีสอร์ท Yongpyong ก็ได้เจอหิมะกันตั้งแต่วันแรกแล้ว แล้วลองถามสตาฟบ้านพักดูเค้าก็ว่าบางทีอาจจะไม่ค่อยสวยแล้วเพราะหิมะไม่ตกมานานแล้วนั่นเอง ดังนั้นแผนสุดท้ายแต่เป็นความตั้งใจอันดับสองรองจากดูนัมจาของเราในทริปนี้ก็คือ Heyri Art Village ที่เคยเห็นรูปที่คนอื่นเค้าไปเที่ยวมาแล้วอยากไปบ้างนั่นเอง ถึงวันจันทร์แกลลอรี่จะปิดเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ยังมีร้านกาแฟบางร้านที่ยังเปิดอยู่ แล้วก็ตั้งใจไปดูตึกสวย ๆ นอกเมืองบ้าง อย่างอื่นเป็นของแถม... จริง ๆ นะ ว่าแล้วก็ออกเดินทางกัน จากสถานี Hapjeong ไปต่อรถบัสสีแดง สาย 2200 ลง Heyri Gate 1 สำหรับผู้ที่พาเราเดินทางไปโน่นมานี่ตลอดทริปนี้ก็คือคนในรูป T- Money นั่นล่ะค่ะ .... เพราะไม่มีภาษาอังกฤษเลย ดังนั้นนั่งรถชมเมืองไปเพลิน ๆ ก็ต้องคอยถามคนใกล้ประตูว่าใช่ Heyri รึยัง จริง ๆ ถ้ารถไม่ติดประมาณชั่วโมงนิด ๆ พอเริ่มเห็นห้าง Lotte กับพวก outlet อีกแป๊บนึงก็เตรียมลงได้ ดังนั้นควรนั่งฝั่งริมถนนตรงข้ามคนขับก็จะเห็นป้ายเกท 1 เลย แต่พวกเราได้นั่งอีกฝั่งก็เลยถามเค้าเรื่อย ๆ ว่าป้าย Heyri รึยัง พอรู้ว่าใช่ก็ต้องรีบโดดลงรถ หาบัตรไม่เจอ แปะ T-Money ขาลงไม่ทันเลย เดินเข้าไปตามทาง เฮริวันจันทร์ช่างเงียบเหงาจริง ๆ มีแดดตลอด แต่อากาศก็ยังเย็นมากอยู่ ไม่มีป้าย ไม่มีแผ่นพับ ไม่มีอะไรเลย เดินดูตึกกันไปอย่างไร้จุดหมาย น้องเค้าเคยมาครั้งนึงแล้ว ก็ถามว่าร้านที่พี่อยากไปอยู่ตรงไหน ... ตอบน้องไปว่า พี่อ่านเจอรู้แค่ชื่อร้าน Book House อ่ะจ้ะ เค้าบอกว่าเดิน ๆ ไปก็เจอเอง เราก็เดินกันไปเรื่อย ๆ ละกันเนาะ ไหน ๆ วันนี้ก็ว่างอ่ะ ... น้องคงกลุ้มใจกะพี่คนนี้มากเหลือเกิน ถ่ายรูปตึกโน่นนี่ไปเรื่อย เห็นคาเฟ่เล็ก ๆ ข้าง Toy Museum เริ่มหิวแล้วแต่ที่นี่ยังไม่ใช่จุดหมายของเรา ผ่าน Toy Museum ปิดเช่นกัน เจอป้ายบอกทางเป็นภาษาเกาหลีล้วน ๆ ตรงทางแยกที่ต้องตัดสินใจว่าจะเลี้ยวซ้ายหรือขวาดี ทางขวามองไปแลดูขึ้นเขาชัน ๆ แล้ง ๆ ก็เลยเลือกไปทางซ้าย ซึ่งวันนี้ตัดสินใจถูก เดินผ่าน Time&Blade Museum ไปอีกหน่อยก็เจอป้ายบอกทางพร้อมแผนที่ซะที ... ตั้งชื่อสถานที่ทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษแล้วในแผนที่นี่จะเขียนทับศัพท์เป็นภาษาเกาหลีหมดทำไมเนี่ย ??? ไม่เห็นใจนักท่องเที่ยวต่างชาติเล้ย ไปอีกนิด เริ่มเห็นวิวคุ้น ๆ เหมือนเคยเห็นในรูปแล้ว ในที่สุดก็เจอแล้ว Landmark ของเรา มองไปอีกทางจะเจอตึกนี้ แต่ยังไม่ใช่ แต่เป็นที่นี่ จุดหมายของวันนี้ The Book House ร้านหนังสือและร้านกาแฟ ที่เราเรียกกันสองคนว่า ร้านชา (มูวอน) บรรยากาศด้านใน ยังเป็นโต๊ะเก้าอี้สีสันสดใสเหมือนในละคร มองไปด้านบนเป็นร้านหนังสืออยู่ชั้นสอง ชั้นล่างเป็นแกลลอรี่ไว้จัดนิทรรศการ อีกมุม เราเริ่มหิวกันแล้ว แต่อาหารในร้านกาแฟคงไม่ทำให้เราอิ่มได้ ดังนั้นสั่งมาแค่พอประมาณ พิซซา ชายูจา (หอมมาก) และโกโก้ร้อน 19000 วอน กินไป ดูโน่นนั่นนี่ไป เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ขึ้นไปดูร้านหนังสือข้างบนกันค่ะ เราเดาว่าตัวตนหรือผลงานของ William Morris หรืออย่างน้อย Kelmscott Press น่าจะเป็นแรงบันดาลใจของร้านนี้ค่ะ จากการค้นหาก็เลยได้ทราบว่าท่านผู้นี้คือศิลปิน นักเขียน และสถาปนิกชาวอังกฤษผู้มีผลงานมากมายค่ะ //en.wikipedia.org/wiki/William_Morris นั่งซึมซับบรรยากาศกันจนพอใจแล้ว ก็ออกเดินทางต่อไป แล้วก็เจอ... แจจุง..... น้องเรียกเจ้าตัวนี้ว่า แจจุง.... เพราะเป็นวันหยุด ก็เลยไม่มีคน สองคนก็เลยบ้าบอ ทำท่าคำนับเจ้าตัวนี้เลียนแบบบอสชามูวอนกันอย่างสนุกสนาน ตึกนี้อยู่ตรงข้ามกะ The Chocolate แต่เราอิ่มกันแล้ว เดินสำรวจโน่นนี่กันต่อไป ตึกนี้หน้าตาแปลกดี พิพิธภัณฑ์แห่งความทรงจำวัยเด็ก น้องอยากเข้ามาก แต่ปิด เสียใจกันไป ถ่ายรูปตึกนี้แล้วเห็นเงาอะไรตะคุ่ม ๆ อยู่ตรงชั้นสอง พยายามส่อง พบว่า ... เป็นคุณหมีนั่งจิบกาแฟอยู่ ตึกนี้ไม่มีอะไร ถ่ายมาเพราะชื่อตึก สรุปว่าทริปนี้ที่วางแผนไว้นอกจากจะไม่ได้ไป World Cup Stadium แล้วก็ยังไม่ได้ไป Trick Eye Museum ด้วย เจอตึกนี้แทน ก็ดูเท่านี้ก่อนก็ได้ ชอบรูปนี้ ร้านนี้ น้องบอกว่าถ่ายละครอะไรซักเรื่องนี่แหละ แวะซื้อขนมและถามทางไปป้ายรถเมล์ขากลับ คุณลุงมาช่วยคุยด้วย คุณลุงน่าจะเป็นศิลปินรึเปล่านะ พูดภาษาอังกฤษเก่งมาก ๆ เลยค่ะ ขนมหน้าตาแบบนี้ ไส้ถั่วแดงกะไส้ครีม กินอุ่น ๆ อร่อยอีกแล้ว ก่อนจะออกไปเจออีกตึกนึง เก๋ ๆ เราออกไปแล้วก็ข้ามถนนไปขึ้นรถสายเดิมกลับ ป้ายอยู่เยื้องกับเกท 1 ที่เราลงมานั่นเอง จริง ๆ คุณลุงบอกว่าจะแวะไปที่หมู่บ้านฝรั่งเศสก็ได้ เพราะอยู่ใกล้ ๆ กันกับป้ายรถเมล์ขากลับนั่นเอง แต่เราก็เริ่มเหนื่อยกันแล้ว อยากกลับไปหาอะไรกินที่ตลาดกับซื้อของ (ตามสั่ง) มากกว่า ระหว่างทางเห็นป้อมและชายทะเล ซึ่งอีกฝั่งหนึ่งก็คือเขตแดนของเกาหลีเหนือรึเปล่านะ กว่าจะกลับมาถึงก็ห้าโมงแล้ว เราตกลงไปหาของฝากตลาดนัมแดมุน แล้วก็รื่นเริงกับของกินเล่นมากมายกัน เจอคนขายขนมโบราณ หลงคารมซื้อไส้อัลมอนด์มากล่องนึง เพราะความฮา ขนมหวานไปหน่อย แต่ก็พอกินได้ น้องเค้าขายอยู่หน้าร้าน Look Optical ที่น้องคุณเป็นพรีเซนเตอร์ไง คนขายพอรู้ว่าเราเป็นคนไทย ก็ร้องเพลงน้องคุณให้ฟังแล้วก็คนซ้ายอ่ะชี้ที่น้องคุณ บอกว่า โน่นนิกคุน ส่วนตัวเค้าอ่ะมีแค่คนว่าหล่อเหมือนน้องคุณ ฉายา นิกโคน ช่างกล้านะจ๊ะ ... จากนั้นก็เดินผ่านร้านอาหารที่มีตัวอย่างกันแบบในรูปเลย เราเกิดอยากลองอาหารพื้นบ้านอย่างซุนแดกัน ซึ่ง... ถึงมาอ่านเจอในหนังสือว่าอร่อยแค่ไหนก็จะไม่ลองอีกแล้วในชีวิตนี้ รสชาติไม่ถูกโฉลกกะเราอย่างแรงทั้งที่เรากินเนื้อด้วยนะ ข้าวกั้นจิ้นบ้านเราอร่อยกว่ามากกกกกกกกกกกกกกกกก โชคยังดีที่มีข้าวยำมาช่วยชีวิตอีกเมนู น้องว่าเหมือนพวกเราบรรลุไปอีกขั้นกับการลองซุนแด... แต่เราขอบรรลุกับเนื้อย่าง ทักคาลบิ จิมดัก อะไรแนวนี้ดีกว่านะ จากนั้นเราก็เดินออกมาเพื่อจะต่อรถเดียวไปซื้อของที่เมียงดงกัน ก็มาเจอคนญี่ปุ่นถามทาง... อีกแล้ว... เค้าอยากเดินไปเมียงดงจากที่นี่ เราก็เลยลองดูแผนที่แล้วก็พบว่ามันเดินไปได้จริง ๆ ด้วย พออธิบายทางให้เค้าแล้วเราก็เลยเดินไปด้วยดีกว่า แค่สถานีเดียว เราเดินขึ้นเดินลงสถานีก็คงไปได้ครึ่งทางแล้ว จริง ๆ แล้วจากเมียงดงห่างบ้านพักแค่สถานีเดียวเหมือนกัน เราจะเดินต่อไปบ้านเลยก็ได้ แต่ก็หอบของหนักก็เลยขึ้นรถดีกว่า ที่จริงคือน้องกลัวกลับช้าเดี๋ยวจะไม่ได้เพิ่มเรทติ้งให้น้องเข่ง Fasion King แต่กลับมาเร็วกว่าที่คิดก็เลยได้เพิ่มเรทติ้งให้น้องริกก่อนตอนนึง เที่ยวจบไปอีกวันนึงอย่างฮา ๆ กันสองคน เพราะเราจะมีเรด้าร์กัน ระหว่างทางก็จะมีสะกิดกัน นั่น... รถเมล์เข่ง (ติดโฆษณาของยูอาอิน) และ นั่นไง ๆ รถเมล์องค์ชาย (โปรโมทละคร Rooftop Prince) แต่ยกกล้องมาถ่ายกันไม่ทัน ดึกแล้วหนาว มือแข็งไม่ค่อยอยากทำอะไร แถมรูปป้ายโปรโมทละครเข่งก่อนจบวันนี้
Create Date : 15 เมษายน 2555 |
Last Update : 15 เมษายน 2555 15:20:41 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1141 Pageviews. |
|
|