.. I am 'A PrInCeSs ..
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2550
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
11 พฤษภาคม 2550
 
All Blogs
 
เรื่องราวดีๆที่อยากแบ่งปัน ... กล่องของแม่

กล่องของแม่

แม่ก้าวเดินอย่างมั่นคงมาขึ้นรถ มั่นคงจนฉันใจหาย

“ หนักมั้ยแม่ อิ๋วถือกล่องให้แล้วกัน”

ฉันเอื้อมมือไปฉวยกล่องเก่า ๆ นั้น จากมือแม่แต่ไม่สำเร็จ

แม่เม้มปากอย่างเด็ดเดี่ยว และตามองถนนอย่างระมัดระวัง

ส่วนมือประคองกล่องที่ว่าไว้อย่างมั่นคง

วันสุดท้ายแล้วที่แม่จะอยู่ในความดูแลของฉัน

เมื่อตอนคุยกันกับแม่ ความโล่งอกทำให้ฉันมีความสุขมาก

สุขที่แม่เข้าใจความจำเป็นของลูกที่ตัดสินใจส่งแม่ไปอยู่ที่อื่น

แน่นอนตรงนั้น ตรงที่ใหม่ที่แม่จะไปอยู่

ทุกคนจะมีความสุขเพราะเป็นสถานที่สำหรับคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน

สถานที่ซึ่งรวมเอาคนที่มีความรู้สึก ความต้องการ

ความคิดอ่านและอะไรต่อมิอะไรหลาย ๆ อย่างที่เหมือนกัน

มาไว้ใต้ชายคาเดียวกันมันเป็นทฤษฎีที่ถูกต้อง

ทฤษฎีของการแยกประเภทแยกโลกออกจากกันให้ชัดเจน

เพื่อลดความชัดแย้งในต่างประเทศที่พัฒนาแล้วสังคมล้วนเป็นเช่นนี้

“ไปก็ไปซิ ว่าแต่แกจะอยู่อย่างไรล่ะ”

แม่ตอบง่าย ๆ หลังจากฟังลูกสาวคนเล็กอย่างฉันพูดวกวนอยู่เป็นนานสองนาน

ใจวาบลึกเหมือนกันกับคำพูดของแม่ที่ห่วงแหน “จะอยู่จะกินยังไรต่อไป”

“ แม่อย่าห่วงเลย อิ๋วโตแล้ว” ฉันตอบแม่อย่างเด็ดเดี่ยวบ้าง

นับแต่วันที่คุยกันแล้ว แม่ก็ยังดำเนินชีวิตที่ปกติ

เพื่อรอวัน “ย้ายบ้าน”

แม่ไม่ได้ลุกขึ้นมาเก็บสมบัติของแม่อย่างที่ฉันคิดไว้

แม่ไม่ได้มีอาการซึมเศร้าเหงาหยอยอย่างที่พวกเราพี่ ๆ น้อง ๆ กลัวกัน

และไม่ได้ได้พูดจาโต้แย้งกับฉัน เหมือนเรื่องอื่น ๆ ที่เคยเป็นมา

พวกพี่ ๆ และบรรดาสะใภ้ กับเขยทั้งหลายเสียอีก

ที่รุกถล่มฉันอยู่หลายวัน

“แม่คนเดียว อยู่อีกไม่กี่ปี อิ๋วก็ไม่น่าจะต้องผลักใสแกไปอย่างนี้” นี่พี่สาวคนโต

“คนแก่ก็ยังงี้แหละ บ่นบ้างว่าบ้าง จะอะไรกันหนักหนา ชั่วดีก็แม่เรา จะส่งแกไปทำไมกัน

แถมไอ้เนิร์สซิ่งโฮมที่ไปหามาก็ราคาแพงเป็นบ้า “ นี่ก็พี่เขยจอมตืด

“แม่คงเสียใจพิลึก แก่ลองไปคิดดูใหม่ดี ๆ แล้วกันว่าจะส่งแม่ไปจริงเหรอ”

“แกก็หัดใจเย็น ๆ ลงมั่งสิ ลูกผัวก็ไม่มีแม่คนเดียวก็ดูไม่ได้ แล้วจะไปอยู่กะใครเขาได้”

เออ….เอาเข้าไปได้พวกดีแต่พูด พูดกันดีนัก

แต่ไม่เห็นมีใครมาดูดำดูดีแม่ซักคน นอกจากฉัน

ก็ใอ้ที่ไม่มีลูกมีผัวทุกวันนี้ก็เพราะแม่นั่นแหละ

วัน ๆ เวลาที่เหลือจากการทำงานต้องอุทิศให้แม่ไปจนหมดแล้ว

จะไปพักร้อนยาว ๆ ก็ไม่ได้ เพราะไม่มีใครยอมมาดูแลแม่ให้

พวกปากดีที่ว่าตำหนิฉันนั้นแหละตัวดีนักละ

วันหยุดยาวที่ไรต่างก็เผ่นกันไปพักร้อนยังกะผึ้งแตกรัง

“โอ้ย ไม่ได้หรอกฉันจองโรงแรมไว้แล้ว

แกไว้ไปคราวหน้าแล้วกัน เอาเถอะน่าแล้วจะซื้อของมาฝาก”

อ๊วกจะแตก ใครอยากได้ของฝากพรรค์นั้น

ขนมหม้อแกง ปลาเค็ม กุ้งแห้ง ลูกหยี กล้วยฉาบ

และของบ้าๆ บอ ๆ อีกเป็นพะเรอ แม่ก็ไม่กิน ฉันก็ไม่กิน

เดือดร้อนต้องขนไปแจกต่ออีกต่างหาก ทุเรศ!

แล้วฉันจะไปพึ่งใครได้ ไม่มีคำว่าพักร้อน

ไม่มีวันหยุดยาวอย่างใคร ๆ เขา ไม่มีงานเลี้ยงตอนค่ำ

ไม่มีงานวันเกิดเพื่อน หรืองานสนุกอะไรทั้งนั้น

สรุปแล้วฉันจะหาโอกาสที่ไหนไปมีแฟนล่ะ

เลยกลายเป็นลูกเหลือขออยู่คนเดียวในบ้านนี้แหละ

ลูกสาวสามคนในบ้านมีคนมาขอ ไปหมดแล้ว

ยกเว้นคนสุดท้องอย่างฉัน ใครจะมาซาบซึ้งกับความเป็น “ลูกเหลือขอ” ได้ดีเท่าฉัน

ใช่ว่าฉันจะสวยน้อยกว่าพี่อ้อย พี่แอ๊วและพี่อ๋อม

และใช่ว่าความรู้จะด้อยกว่าพี่คนอื่น ๆ

เพียงแต่แม่พวกนั้นมันเกิดก่อน

เลยได้มีโอกาสตัดช่องน้อยแต่งงานกันไปหมดแล้ว

ฉันเลยกลายเป็นคนสุดท้ายที่พลาดเก้าอี้ดนตรีไปซะฉิบ

ตกที่นั่งต้องมานั่งเลี้ยงแม่ ทนฟังแม่บ่นและคอยเถียงกับแม่ในทุกเรื่อง

ตั้งแต่เรื่องเสื้อตัวใหม่ ผมทรงใหม่ อาหารเย็นของแม่แต่ละวัน

และวันที่แม่ต้องไปไหว้เจ้าตามวัดต่าง ๆ

ก็ไม่รู้เป็นไง ให้ตายเถอะ มันเหมือนแกล้ง

แม่จำเพราะต้องไปไหว้พระไหว้เจ้า เอาวันที่ฉันอยากออกไปซ๊อปปิ้ง

หรือมีนัดทุกทีซีน่า

“แม่ไปวันอื่นไม่ได้เหรอ วันนี้อิ๋วจะไปดูหนังกับเพื่อน”

แต่แม่ไม่เคยแยแสท่าทางกระฟัดกระเฟียดและเสียงสะบัดของฉันเลย

“วันนี้เป็นวันดี วันเทวดาลงมาจากสวรรค์ วันอื่นไปไม่ได้”

หรือไม่ก็ “วันนี้วันพระใหญ่ ปีหนึ่งมีไม่กี่วันเอง ไม่ไปไหว้ได้ไง”

โอ๊ย จะบ้าว่ะ อยากขว้างแก้วขว้างจานให้มันสาแก่ใจนัก

นอกเหนือจากพวกเจ้าประจำคือไปหาหมอทุกเดือนและซื้อยา

ส่วนที่เป็นกรณีฉุกเฉินพิเศษก็ชักบ่อยจนกลายเป็นเจ้าประจำกันไป

คือ เดี๋ยวหวัดเล่นงาน เดี๋ยวท้องเสีย วันดีคืนดีก็หกล้มหกลุก

ให้อารมณ์เสียระหว่างทำงาน ก็จะไม่อารมณ์เสียได้ไง

ฉันเป็นพนักงานคนเดียวในบริษัทที่ต้องขาดงาน

หรือมีอันต้องมีเหตุให้เผ่นกลับบ้านด่วนจี๋กลางคันบ่อยที่สุด

จนแค่เดินเข้าไปหาเจ้านายโดยไม่ต้องอ้าปากพูด

นายก็โบกมือไล่อนุญาตแล้ว (ดีที่นายดีและเข้าใจ)

ฉันเริ่มรู้ชะตากรรมตัวเองดีว่า คงไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องเลื่อนตำแหน่ง

หรือเงินเดือนขึ้นแบบก้าวกระโดดอย่างคนอื่น ๆ หรอก จนกว่าแม่จะตาย

แล้วเมื่อไรละแม่ถึงจะตาย ฉันอาจจะตามก่อนแม่ก็ได้ใครจะรู้

แม่ขึ้นรถเรียบร้อยแล้วพร้อมเอากล่องของแม่วางบนตักโดยไม่ยอมให้ฉันเอาไปวางไว้เบาะหลัง

พอพ้นซอยเท่านั้นแหละ

รถติดเป็นแพเต็มถนนฟ้าที่ดำทะมึนตั้งเค้ากะเช้าก็สำแดงอาการทันที

กลายเป็นฝนตกลงมาห่าใหญ่ โดยไม่ต้องมีอารัมภบท

มันดูน่าเบื่อเหลือเกินสำหรับอาการฝนตกรถติด

“แม่หนาวมั้ย จะได้หรี่แอร์” แต่แม่สั่นหน้า

ตั้งแต่ออกจากบ้านแม่ยังไม่ได้พูดอะไรเลย

“แม่เอาของมาน้อยจัง” ในเมื่อแม่ไม่พูด ฉันเลยต้องพูด

ไม่งั้นคงเครียดเป็นบ้า กับประโยคนี้ของฉันแม่เริ่มพูดขึ้นมาได้

“ที่เอามานี่ก็ทั้งชีวิตแล้ว อย่างอื่นไม่รู้จะเอาไปทำไม

มันไม่จำเป็น เสื้อสองชุด รองเท้าแตะคู่ก็พอเอาไปมากเดี๋ยวโดนขโมยน่ะซี”

ฉันลอบถอนใจ ยังดีที่แม่คุยขึ้นมาบ้างแม้จะเป็นการพูดแบบมองโลกในแง่ลบไปหน่อยก็ตาม

แม่ก็ยังงี้แหละ กลัวของหาย กลัวคนมาขโมยของของตัว บางทีโวยวายแทบตาย

ปรากฏว่าของที่ว่าหายนั้นอยู่ในลิ้นชักของตัวเองแท้ ๆ

รถบนถนนขยับได้ทีละนิดสลับกับอาการหยุดนิ่งอยู่กับที่ทีละนาน ๆ

ฉันมองดูกล่องบนตักแม่ที่แม่ใช้ใส่ของไปบ้านใหม่

มันเป็นกล่องกระดาษสีน้ำตาลเก่าแก่ด้วยตามกาลเวลา

กล่องแบบนี้เดี๋ยวนี้เขาคงเลิกผลิตแล้ว

และผงซักฟอกยี่ห้อนั้นก็เลิกผลิตไปนานหลายปีแล้ว

ยิ่งดูจากวันเดือนปีที่ผลิตตรงข้างกล่องยิ่งเห็นว่ามันเก่าเชียว

ลังผงซักฟอกของแม่จะว่าไปจริง ๆ ขนาดกำลังพอดี

เพราะพอวางบนตักแล้วขนาดพอดีกับตักแม่เลย

มีรอยปะตามวิธีการของแม่อยู่หลายแห่ง

รวมทั้งเชือกฟางสีชมพูหม่นที่แม่ใช้รัดรอบกล่องหลายทบเพื่อเสริมความแข็งแรง

ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมแม่ไม่เปลี่ยนกล่องใหม่

ทั้งที่เราก็มีกล่อง แบบนี้หลายใบอยู่

วันนี้แม่ประคองกล่องของแม่อย่างเบามือ

มันดูน่าขัน ยังกะพวกบ้านนอกเวลาจะกลับบ้าน

วันก่อนฉันเอากระเป๋าใบเก่งของฉันให้แม่ แต่ไม่ไม่เอา

“ไม่เอา ย้ายไม่ได้ ย้ายแล้วเดี๋ยวมันสบสนกันหมด เอาไว้ในกล่องนะดีแล้ว”

ตั้งแต่จำความได้ก็เห็นแม่ลากเจ้ากล่องใบนี้เข้า ๆ ออก ๆ อยู่หลายหน

แต่ไม่มีใครเคยถามแม่ซักทีว่ามีอะไรในนั้น

พวกเรามักเรียกว่า “กล่องของแม่” ก็เท่านั้น

และเป็นอันรู้กันว่าห้ามย้าย ห้ามรื้อกล่องของแม่เป็นอันขาด

ไหน ๆ แม่จะไม่อยู่แล้ว ฉันเลยถามขึ้นว่า “มีอะไรในกล่องมั่งละ”

แม่มีอาการกระตือ รือร้นเชียว เวลาพูดถึงกล่องของแม่

รีบดึงเชือกฟางสีชมพูที่ผูกบนกล่องออกมาอย่างเบามือ

แล้วเริ่มหยิบของในนั้นออกมาให้ดู

“มีแต่ข้าวของเกี่ยวกับพวกแกทั้งนั้นแหละ

บน ๆ นี่ก็รูปพวกหลานทั้งหลาย ล่าง ๆ ก็จะเป็นรูปพวกแก”

แม่หยิบสมุดAlbumใส่รูปขึ้นมาหนึ่งเล่ม

แล้วเปิดดูที่ละหน้าพร้อมกับยิ้มกว้าง

“นี่ตาเอกตอนเกิดใหม่ ๆ ตัวมันแดงเชียว

หน้าเหมือนแม่มันยังกะแกะ พอโตแล้วซนเป็นบ้า ยายมันเลี้ยงซะเสียคน”

นี่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของแม่ คือมีช่องว่างเป็นต้องจิกลูกสะไภ้และครอบครัว

แม่ยังหยิบโน่นหยิบนี่ออกมาอย่างช้า ๆ

พวกรูปทั้งนั้นแหละ

มีทั้งรูปลูกชาย ลูกสาว หลานยาย หลานย่า

รูปวันแต่งงาน รูปรับปริญญา รูปเด็กเกิดใหม่

รูปที่พวกลูก ๆ หลาน ๆ ไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน

แม่ยังเก็บไว้ยังกะของมีค่า

แล้วก็มาถึง บรรดากระดาษรุ่งริ่ง

กระดาษพวกนั้นบางและเก่าจนแทนจะกระจาย

เมื่อโดนลมจากเครื่องปรับอากาศหน้ารถ

“อุ๊ย อะไรน่ะ”

ฉันรับปัดหน้ากากเครื่องทำความเย็นให้พ้นหน้าตักแม่

ก่อนที่กระดาษคร่ำคร่าพวกนั้นจะร่วงปลิวไปตามแรงลม

“วันเกิดพวกแกกับพวกหลาน ๆ ไง ฉันเก็บไว้ทุกคนแหละ

ไม่งั้นเวลาไหว้พระจำไม่ได้ว่าเกิดกันเมื่อไหร่

เรามันครอบครัวใหญ่ จำไม่หมด นี่ นี่ แผ่นวันเกิดตาอึ่ง (คือพี่ชายฉัน)

ตอนมีลูกคนแรกมันสับสนวุ่นวายไปหมด

ทีแรกไม่รู้จะจดวันเกิดลูกยังไงดี

แต่ยายนะซีรีบฉีกปฏิทินออกมายัดใส่มือ

บอกว่า เอ้า วันเกิดลูกเก็บไว้ซะ

ตั้งแต่นั้นมาพอใครเกิด ฉันก็ฉีกวันที่เก็บไว้ทุกที

ฉันมันคนไม่รู้หนังสือ ไม่เหมือนพวกแกหรอก

มีคอมพิวเตอร์มีอะไรกันแต่ไม่เห็นมีใครจำวันเกิดของแม่ได้ซักคน

วันตายพ่อยังไม่รู้เลย ฉันต้องนั่งไหว้อยู่คนเดียวทุกปี”

น้ำเสียงของแม่ไม่มีอาการน้อยใจหรือเสียใจ

อาจเพราะแม่กำลังชื่นชมของที่เก็บไว้ในกล่องอยู่ก็ได้

ปฏิทินที่แม่ว่านั้นเป็นกระดาษสีนวลบาง ๆ ใบใหญ่บ้านเล็กบ้าง

ตามแต่ว่าปีไหนเขาจะผลิตออกมา

“ลูกแปดคนก็มีแต่แกนี่แหละที่เล่นเอาฉันไม่เป็นอันกินอันนอน”

“อ้าว ทำไมละ” เออ นี่เป็นความรู้ใหม่ทีเดียวสำหรับฉัน

“ตอบแกเกิดในปฏิทินเขาเขียนไว้ว่า ชะตาไม่ดี เลี้ยงยาก

ไอ้ฉันเลยร้องไห้ซะเป็นวรรคเป็นเวร พ่อแกเค้าหาหว่าบ้า

เฮ้อ จริงไม่จริงคนเป็นแม่ก็ต้องเชื่อไว้ก่อนแหละของมันอยู่ในท้องมาตั้งเก้าเดือน

ใครไม่รักไม่หวงก็บ้าแล้ว ผู้ชายจะมารู้อะไร เค้าไม่ได้มาอุ้มท้องแบบเรานี่”

พูดถึงพ่อแล้วแม่อดค้อนลมค้อนแล้งไม่ได้ ก่อนจะพูดต่อว่า

“พอออกจากโรงพยาบาลอยู่เดือนยังไม่ครบดี ฉันก็รีบไปไหว้เจ้าเลย

ย่าแก่ด่าซะไม่มีดี เค้าห่วงกลัวเราไม่สบาย

ไอ้ตอนนั้นเราก็ไม่รู้เลยเสียอกเสียใจยกใหญ่

พอไปไหว้เจ้าเสี่ยงเซียมซีก็พูดเหมือนกันว่าแกเลี้ยงยาก

เพราะดวงมันมายังงั้น แต่จะมีความก้าวหน้าในชีวิต เฮ้อ

ใอ้ฉันนะเสี่ยงเลี้ยงแกมาชนิดไม่ยอมให้ใครอุ้มเลย

กลัวพี่เอาไปทำแข้งขาหัก ไปโรงเรียนก็จุดธูปทุกเช้าให้แคล้วคลาด

เวลาไปไหน ๆ ก็ต้องบนพระทุกที่ให้แกไปดีมาดี กว่าจะโตมาได้ เฮ้อ “

แม่ถอนหายใจอยู่หลายครั้งกว่าจะพูดจบได้

ความเงียบเกิดขึ้นพักใหญ่

นอกจากเสียงฝนและเสียงเครื่องปรับอากาศในรถแล้ว

มันเงียบจนฉันรู้สึกเหมือนอยู่ที่ไหนสักแห่งในโลกที่ไม่ใช่บนถนนมีรถติดเป็นแพอย่างนี้

“แกเอาฉันย้ายไปอยู่ไอ้เนิร์สซิ่งโฮมของแก

ฉันก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรหรอก คนแก่แล้วมีที่นอน

มีข้าวกินสามมื้อก็พอ ห่วงแต่แกน่ะแหละ

อีกไม่กีปีจะสามสิบห้าอยู่แล้ว ต้องระวังตัวให้ดี

อย่าลืมไปทำบุญไหว้พระจะได้อายุมั่น ขวัญยืน

ถ้าฉันยังอยู่กะแกก็จะได้ไปจัดการให้แต่ต่อไปแกต้องทำเองแล้ว

ค่ำมืดดึกดื่นเข้าบ้านออกบ้านต้องระวังหน่อย”

แม่พูดพร้อมกับที่ค่อย ๆ เรียงกระดาษและรูปทั้งหมดลงไปในกล่องของแม่อย่างเดิม

“ไอ้กล่องนี้ไม่ได้เปลี่ยนเลยนะ

ตั้งแต่มีลูกคนแรก มีอะไร ฉันก็เรียงลงไปเรื่อย ๆ หลายสิบปีแล้ว

แต่มันยังกะคอมพิวเตอร์ พวกแกเลยละ

แถมแม่นไม่มีอะไรเท่า พวกแกอีกหลง ๆ ลืม ๆ “

ฉันไม่เคยรู้เลยว่ากล่องของแม่จะบันทึกชีวิตของครอบครัวเราไว้ได้มากขนาดนี้

มิน่าแม่จะจำวันสำคัญของพวกเราได้แม่น อย่างไม่น่าเชื่อ

จนพวกเราแอบเรียกแม่ว่า “สมองคอมพิวเตอร์”

ที่แท้แม่มีทีเด็ดตรงกล่องนี่เอง

เห็นแม่ลากออกมาดูบ่อย ๆ แล้วเก็บไว้อย่างดีทุกที

ฉันคงนั่งนิ่งไปนานถ้าแม่ไม่พูดขึ้นว่า

“แกก็อย่าไปคิดอะไรมากเลย

ฉันรู้ว่าพวกพี่ ๆ เค้าเอาภาระมาใส่แกมากเกี่ยวกับตัวฉัน

แต่คนเดี่ยวนี้มันก็ภาระแยะ ไหนจะส่งลูกไปโรงเรียน ไหนจะเอาลูกไปสอบ

ไปวิ่งเต้นเรื่องนั้น เรื่องนี้ ผัวมันยังต้องไปตีกอล์ฟอีก

แม่พวกสะใภ้ก็ต้องวิ่งกลับไปดูพ่อแม่เค้า

อะไร ๆ ฉันก็รู้ แต่ทำไงได้ละ คนมันยังไม่ถึงคราวตาย

มันก็ต้องอยู่ไปอย่างนี้แหละ ใช่ว่าอยากตามก็จะได้ตายซะที่ไหน

แก่แล้วลำบาก ไปไหนต้องอาศัยคนอื่น

ทำอะไรก็ต้องออกปากไหว้วานคนนั้นคนนี้ มันเหมือนต้องตากหน้าไปอ้อนวอนเค้า

ไอ้ที่เคยคล่อง ๆ ก็กลายเป็นภาระ

ความจริงไอ้ที่แกไม่มีผัวฉันก็ห่วงอยู่เหมือนกัน

บางที ถ้าไม่มีภาระเรื่องแม่ แกอาจจะได้เป็นฝั่งเป็นฝาซักที”

เงาดำในใจฉันเริ่มคลี่คลายออกกลายเป็นเพียงหมอกบาง ๆ

ฉันแหงนหน้าไปดูท้องฟ้าข้างนอก ฝนเริ่มบางตา

แสงสว่างสามารถส่องผ่านเมฆมาได้บ้าง

“แกอย่าห่วงฉันเลย ห่วงตัวเองดีกว่า

ไอ้ที่ฉันจะไปอยู่มันคงดี เพราะราคามันแพง

จะมีคนแก่ซักกี่คนที่ได้ไปอยู่ที่แพง ๆ อย่างนั้น

ห่วงตัวเองเถอะ ถ้าเจอคนดีพอใช้ได้ก็อย่าเลือกมากมาย

รับแต่งงาน รีบมีลูก แก่แล้วจะได้ไม่ลำบาก

ดูอย่างชั้นซี อย่างน้อยถึงลูกไม่มีมาดูแล เวลาให้ก็ยังมีคนส่งเงินมาให้ใช้

ถ้าไม่มีลูกจะยิ่งลำบากมากกว่านี้”

ฉันไม่รู้จะพูดอะไร เงียบกันไปพักหนึ่ง

ฉันบอกแม่ว่า “อิ๋วจะไปหาแม่บ่อย ๆ “

“อย่าพูดยังงั้นเลย

เดี๋ยวนี้การจราจรมันสาหัสเหลือเกิน เวลาก็ไม่ค่อยมี

เรื่องต้องทำก็มีแยะไปหมด

เอาเป็นว่าว่างก็มาแล้วกัน

แต่ถึงพวกแกไม่มาฉันก็ไม่เดือดร้อนหรอก

ชีวิตทั้งชีวิตของชั้นอยู่ในนี้หมดแล้ว

อยากเห็นหน้าลูกก็ดูลูกเอาในนี้ อยากเห็นหน้าหลานก็ดูเอาในนี้

ไม่ต้องมานั่งคอยให้เสียเวลา

เปิดกล่องของแม่มาก็เห็นหน้าพวกแก่ได้ทันที”

แม่ขยับตัวเล็กน้อย เพื่อกอดกล่องให้กระชับขึ้น

รถบนถนนเริ่มเคลื่อนตัวช้า ๆ พร้อมกับฝนที่ขาดเม็ด

อีกไม่กี่เมตรจะถึงสี่แยกแล้วและมีป้ายให้กลับรถได้

ฉันพารถ เบียดเข้าเลนขวาเพื่อกลับรถ

แม้รถคันอื่นจะบีบแตรด่ากันเสียงขรม แต่ฉันไม่สนใจ

ฉันกำลังนึกถึงตัวเองตอนแก่ และมีกล่องอย่างแม่สักใบ

คงดีไม่น้อยที่จะได้อวดลูก ๆ ของฉันถึง “กล่องของแม่”

รักแม่ ดูแลและตอบแทนแม่ของคุณ ให้มาก ๆ ในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นี่แหละ

ทำซะก่อนที่จะรู้สึกเสียใจ

ในชีวิตนี้คุณมีแม่เพียงคนเดียวนะ

คนอื่นคุณหาได้ มีได้อีกเยอะ จริงมั้ย




Create Date : 11 พฤษภาคม 2550
Last Update : 18 พฤษภาคม 2550 3:31:19 น. 3 comments
Counter : 375 Pageviews.

 
อ่านแล้วคิดถึงตัวเองเลยอะ

เราจะอายุเท่าไหร่ สำหรับพ่อสำหรับแม่ก็ยังเป็นเด็กตัวเล็กๆอยู่เสมอ

ไนซ์วิคเอนท์นะคะ


โดย: หนูคิสเซอร์วิส (KissAhoLicGal ) วันที่: 12 พฤษภาคม 2550 เวลา:15:57:10 น.  

 
อ่านแล้ว น้ำตาไหลออกมาไม่รู้ตัวเลยล่ะ ขอบคุณนะคะ ที่กระตุกวูบความเป็นคนออกมาท่ามกลางชีวิตคอนกรีต อ่านแล้วอบอุ่นจัง


โดย: kikou วันที่: 13 พฤษภาคม 2550 เวลา:19:33:18 น.  

 


อ่านแล้วร้องไห้เลยอ่ะ..


โดย: vintage วันที่: 17 พฤษภาคม 2550 เวลา:19:11:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

A Princess
Location :
Columbia United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




A Princess







...
Q & A : nongluck.manow@gmail.com

...
New Comments
Friends' blogs
[Add A Princess's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.