กลับมาจากเที่ยวตั้งเกือบ 2 weeks แล้ว ยังไม่ได้โพสต์รูปที่ไปเที่ยวมาเลย ช่วงนี้รณรงค์ไทยเที่ยวไทยกันแบบไม่ยั้ง เพราะประเทศไทยยตกอยู่ในวิกฤตเศรษฐกิจ ที่กระทบเผื่อแผ่แบบทั่วโลก ถ้าดิชั้นจะมัวเที่ยว ใช้ชีวิตแบบไร้สติหนีร้อนไปเที่ยวต่างประเทศก็ดูจะใจจืดเกินไป ... หันมาเที่ยวภาคเหนือของเราแบบมีความสุขดีกว่า ระหว่างการเดินทาง การท่องเที่ยว การถ่ายรูป การจับจ่ายซื้อของ การสังเกตุสังคมต่างจังหวัดและผู้คน สามารถรู้สึกได้กับหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นภาษา วัฒนธรรม ความคิด จิตใจ ทุกอย่างสวยงาม มีคุณค่า มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว อาจจะเป็นเพราะขาดความคุ้นเคยกับสภาพความเป็นอยู่แบบไทย ทุกอย่างจึงดูสอดคล้อง ลงตัว กลมกลืน ... คนต่างจังหวัดดูจริงใจ ไม่เสแสร้ง แววตาและคำพูดส่อออกมาถึงความรู้สึกที่เค้ารู้สึกกับเราจริงๆ... การไปเที่ยวครั้งนี้ สอนอะไรเราเยอะมากๆ "ไม่ใช่แค่มองตัวเองให้รู้จักตัวเอง...แต่มองคนอื่นเพื่อสอนความคิดและจิตสำนึกให้กับสมองน้อยๆของเราเอง" จึงจะเหมาะกว่าบล๊อกนี้อาจจะหนักและเน้นเนื้อหาสาระจากการเดินทางนะคะ เพราะการเดินทางครั้งนี้ หวิดทำให้"เสียชีวิต"ถึง 3 ครั้งค่ะ เลยรู้สึกว่า ชีวิตคนเราสั้นแล้วก็เปราะบางมาก ไม่ต้องทะนุถนอมมันมาก แต่ใช้มันให้คุ้มก็พอ... ปรัชญาชีวิต by ดิชั้นเองค่ะ
หลังจากหาซื้ออาหารประเภทข้าวเหนียว หมูย่างเพื่อขึ้นไปกำจัดความหิวให้กับกระเพาะของทั้งสองชีวิต คราวนี้ก็ถึงเวลาฝากชีวิตไว้กับอีกคนค่ะ และด้วยความสามารถของพลขับบวกกับความอดทน, สมาธิ และใจเย็นสุดๆ ที่ขับพาผ่านโค้งนับร้อย ก็มาถึงดอยสุเทพฯ มานมัสการพระธาตุดอยสุเทพฯ พระคู่บ้านคู่เมืองของชาวเชียงใหม่ ครั้งทีแล้ว มีภาระหน้าที่เป็นผู้เฝ้ารองเท้านับสิบข้าง จึงไม่ได้ขึ้นไปบนพระธาตุ คราวนี้เวลาเหลือๆ เดินขึ้นไปบนส่วนบนสุด จะเห็นว่ามีนั่งร้านรอบพระธาตุ ขณะที่ไป ทางวัดจัดการบำรุงรักษาพระธาตุเพื่อให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด เอ๋จึงได้เก็บภาพเฉพาะส่วนไว้เป็นที่ระลึกว่าครั้งนึงเราได้มา ณ เวลาที่พระธาตุยังบูรณะอยู่
ในขณะที่หลายๆคนอาจจะชื่นชอบความศิวิไลซ์ ความเจริญทางวัฒนธรรม ที่มีส่วนบดบังความงามที่แท้จริงทางธรรมชาติและจิตใจของคน เอ๋กลับชื่นชอบและชื่นชมความเป็นธรรมชาติ ความไร้ศิวิไลซ์ แต่เจริญด้วยวัฒนธรรมทางจิตใจของคนบนดอยปุยมากๆ ... จุดเริ่มต้นก็เมื่อตอนมาแวะดอยปุยคราวที่แล้ว หากยังจำกันได้ เอ๋เขียนถึงสาวชาวดอยดุว่าเพื่อนร่วมดอยว่า "แกทำให้คนดอยดูไม่ดีนะ" ทำนองนี้ เนื่องจากหนุ่มชาวดอยไปพูดหรือกระทำอะไรที่ดูไม่ดีต่อคนดอยคนอื่นๆ เลยโดนดุจากสาวรุ่นพี่...ซึ่งจริงๆแล้ว สิ่งที่หนุ่มดอยทำอาจจะเป็นเรื่องปกติในสายตาคนทั่วไป (เค้าไปทำท่าทางไม่สุภาพต่อนักท่องเที่ยวที่ไม่โอเคกับข้อเสนอนิดหน่อย) สายตาของสาวรุ่นพี่ที่มองหนุ่มน้อยคนนั้นเป็นสายตาต่อว่า ดุและไม่พอใจมากๆ เพราะทำให้เสื่อมเสียถึงดอยปุย...นี่แหล่ะ ความรักในถิ่นฐานบ้านเกิด และความสวยงามของจิตใจทำไมเอ๋ถึงอินจริงๆกับเรื่องแบบนี้???ไม่รู้สินะ...คงเพราะอยากให้คนอื่นๆได้รับรู้ว่า...การกระทำเล็กๆน้อยๆที่เราคิดว่าไม่สำคัญ มันอาจจะยิ่งใหญ่สำหรับคนอื่นก็ได้...บทเรียนสอนตัวเอง 1 ...อย่าประเมินค่าคนอื่นเพียงเพราะมาตรฐานของเราต่างกัน
ลงมาจากดอยก็เหนื่อย+ร้อนมากๆ เลย ก็เลยชวนคุณแฟนไปเดินชื่นชมทัศนียภาพในตัวเมืองเชียงใหม่ เอ๋จำได้ว่าตอนที่มาเชียงใหม่คราวที่แล้ว ผ่านวัดสิงห์แล้วเกิดความชอบในการก่อสร้างแล้วก็ศิลปะกับสถาปัตยกรรมของล้านนามากๆ ก็เลยขอแวะมาชื่นชมใกล้ๆอีกครั้งวัดพระสิงห์ อยู่บนหัวมุมถ.สิงหราชตัดกับถ.สามล้าน
แวะจิบกาแฟก่อนไปปาย เพราะภารกิจชีวิตมนุษย์ต้องชดใช้กรรมแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงต้องแวะมสนอง needs ทางธรรมชาติกันตรงจุดแวะชมวิว เป็นจุดที่จอดแวะเพื่อพักเข้าห้องน้ำ ก็เลยนั่งดื่มด่ำธรรมชาติบริเวณนี้ด้วย นั่งชื่นชมธรรมชาติ ดอกไม้ ต้นไม้ อากาศ อะไรไปเรื่อยเปื่อยร้านกาแฟชื่ออะไร (ดั๊นจำไม่ได้ 555) ทางเข้าน้ำตกหมอกฟ้า อุทยานแห่งชาติสุเทพ-ปุย เพราะกาแฟไม่ค่อยอาหย่อยอ่าาา มันขมเกิ๊น จริงๆกาแฟก็ควรขมอ่ะนะ แต่เอ๋อยากจิบกาแฟที่เติม equal อ่ะ แต่ร้านนี้ไม่มี มีแต่น้ำตาล แล้วข้าพเจ้ากลัวววววโรคเบาหวาน(ทางพันธุกรรม)อย่างมาก ก็เลยพยายามเลี่ยงน้ำตาลทุกวิถีทางอ่ะนะ
ตลอดการเดินทางก็แวะจอด แวะดูวิว ทัศนียภาพบนภูเขาและบนดอยตลอดทาง ไปแวะเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติหลายๆที่ เพราะคุณแฟนอยากดูจุดที่ต้องการเก็บแมลง (คราวนี้คุณแฟนไม่ได้แวะเก็บแมลง ทั้งๆที่คิดว่าคงคันไม้คันมือน่าดู แต่กลัวเอ๋เบื่อและร้อน ก็เลยเสียสละ ไม่อยากให้ต้องรอ ขอบคุณค่ะ)รูปในเซ็ตนี้ ถ่าย ณ อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดังค่ะ
ก่อนจะไปถึงปายก็กดชัตเตอร์เร็วและรัวจนกล้องแบตฯหมดซะแล้ว ก็เลยอดถ่ายรูประหว่างทางเลยอ่ะ ก็เลยเอารูปจากกล้องคุณแฟนมาแปะแทน ตอนหลังการ์ดจากกล้องคุณแฟนหมดทั้ง 2 อัน ก็เลยถอดการ์ดจากกล้องโป๊ะเกะม่อนของเราไปใส่กล้องไฮโซคุณแฟนแล้วก็ถึงคราวรัวกดๆๆๆๆอีก อิอิน้องสาวคุณแฟนแนะนำที่พักที่ปายให้... 12 พันนาที่พักสวย วิวสวยมาก ติดกับริมน้ำปิง ATMOSPHEREบรรยากาศดี อากาศช่วงกลางวันร้อนมาก อบอ้าวสุดๆ แต่พอช่วงเย็นๆ ตะวันลับฟ้าแล้วอากาศดีมากๆๆๆๆๆ เย็นจนหนาวค่ะ ตกกลางคืน... คุณแฟนชวนออกไปนั่งมองดาว แล้วแบบอย่างหนาวอ่ะต้องลากผ้าห่มออกมาห่อตัว 2 ผืนต่อคน หนาวจับใจ แต่เป็นหนาวแบบธรรมชาติ ที่มีลมเย็นๆ พัดอ่อนๆ เป็นความรู้สึกสบายๆ ที่หนาวกว่าเปิดแอร์ แต่สบายกว่าอากาศเทียมจากเครื่องปรับอากาศอ่ะค่ะ
สะพานประวัติศาสตร์ที่ย้ายมาจากเชียงใหม่ เป็นสะพานที่เคยใช้ในเชียงใหม่ค่ะแล้วก็ปลดระวางมาไว้ที่ปาย เพื่อสะดวกแก่ชาวบ้านในการสัญจร และในการเดินทางข้ามแม่น้ำATMOSPHEREอากาศช่วงบ่ายค่อนข้างร้อนแล้วก็อ้าวมาก แดดแรงจัด ลมเย็นๆช่วงเช้าสลายไปเพราะแสงแดดเนื่องจากไม่ได้แวะเข้าไปถ่ายรูปบริเวณจุดไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวไทยนิยมไปถ่ายรูปกัน เช่นร้านกาแฟ COFFEE IN LOVE, etc. เพราะนักท่องเที่ยวเยอะมาก แล้วตอนขามา เนวิเกเตอร์หลับตั้งแต่ร้านกาแฟต้นดอย จนถึงปาย (ข้าพเจ้าสามารถหลับได้ตลอดการเดินทางจริงๆ แง๊ๆๆ) ผ่านไปแล้ว คุณแฟนสะกิดให้ตื่นแล้วไม่ยอมตื่นก็เลยพลาดแล้วพลาดเลย ไม่ให้แวะถ่ายรูปซะเลย หนอยๆ
และแล้วก็มาถึงแม่ฮ่องสอนค่ะ ไปแวะถ่ายรูปร้านที่น่าสนใจอย่างมิตรไทย, ALL ABOUT COFFEE, สี่แยกปายหนาว, ร้านขายโปสการ์ด, etc
ถึงเราระวัง แต่คนอื่นไม่ระวังอุบัติเหตุก็เกิดขึ้นได้ง่ายๆเลย
อยากไปปายจังค่ะ ไม่มีโอกาสไปซักที