The Proposition (2005) ...ไถ่บาปด้วยบุญปืนเวอร์ชั่นออสซี่
เนื้อเรื่องของหนังดำเนินเรื่องราวอยู่ในช่วงยุคบุกเบิกประเทศออสเตรเลีย ว่าด้วยเรื่องราวของ Charlie Burns (Guy Pearce) อดีตคนนอกกฎหมายผู้ได้รับข้อเสนอ (proposition) ที่มิอาจปฏิเสธได้จากผู้กอง Stanley (Ray Winstone) เพื่อแลกกับการไถ่ชีวิต Mikey (Richard Wilson) น้องชายของเขา
ข้อเสนอที่ว่าก็คือ... Charlie จะต้องออกตามหาและฆ่า Arthur Burns (Danny Huston) อาชาญกรตัวเอ้...ผู้เป็นพี่ชายแท้ๆของ Charlie กับ Mikey
สุดท้ายแล้ว... Charlie จะไถ่ชีวิตน้องชายของเขาได้หรือไม่? และเขาจะทำใจให้อำมหิตพอที่จะฆ่าพี่ชายแท้ๆของตัวเองได้หรือไม่? โปรดติดตามต่อได้ใน The Proposition
หนังคาวบอยสัญชาติออสเตรเลียเรื่องนี้เป็นหนังยาวเรื่องแรกและเป็นผลงานแจ้งเกิดของ John Hillcoat ผกก.ชาวออสซี่ผู้ที่หลายๆคนน่าจะคุ้นชื่อกันจากหนังโกฮอลลีวู้ดของเขาเรื่อง The Road หนังดราม่าน้ำดีที่ได้ Viggo Mortensen กับ Kody Smith-McPhee มารับบทเป็นพ่อลูกที่ต้องเอาชีวิตรอดในโลกหลังหายนะ
ใครที่เคยสัมผัสความเย็นยะเยือกของ The Road มาก่อนก็น่าจะพอเดาได้ว่า The Proposition คงไม่ใช่หนังคาวบอยธรรมดาๆเป็นแน่ และความไม่ธรรมดานี่เองที่ทำให้หนังคาวบอยออสซี่ฟอร์มเล็กๆเรื่องนี้เป็นที่โจษจัน...
การถ่ายภาพของหนังสวยงาม แต่เป็นความสวยงามแบบดิบๆ(ไม่ได้สวยเหมือนภาพเขียนสีน้ำแบบหนังคาวบอยแนวคล้ายๆกันอย่าง The Assassination of Jesse James by the Coward Robert Ford)
บวกด้วยเพลงประกอบที่ให้อารมณ์เรียบนิ่งปนดิบเถื่อนโดยสองศิลปินออสซี่ชื่อดัง Nick Cave (ผู้ที่ควบตำแหน่งเป็นมือเขียนบทของหนัง)กับ Warren Ellis
ก่อเกิดเป็นภาพผืนแผ่นดินที่เป็นดั่งผืนนรกบนดินของประเทศออสเตรเลียยุคบุกเบิก(ยิ่งใครที่เคยดูหนังเรื่อง Australia ของ Baz Luhrmann มาก่อนจะยิ่งอึ้งว่ามันใช่ประเทศเดียวกันจริงๆหรือนี่?)
การดำเนินเรื่องของหนังค่อนข้างช้าและในขณะเดียวกันก็ค่อยๆฝังลึกไปในความรู้สึกของคนดูเมื่อตัวหนังค่อยๆเผยให้คนดูได้เห็นภาพนรกบนดินและปีศาจที่อาศัยอยู่ในนั้น
ให้ความรู้สึกคล้ายๆ The Road ตรงที่ถึงแม้ว่าหนังทั้งสองเรื่องจะต่างกันด้วยรูปลักษณ์ แต่เนื้อแท้ต่างก็เป็นหนังที่ฉายภาพนรกบนดินและความเป็นปีศาจในตัวมนุษย์เหมือนๆกัน
ทีมนักแสดงของหนังที่แต่ละคนมีดีกรีความดังอยู่ในระดับ - A, B (และส่วนใหญ่เป็นนักแสดงอังกฤษ)ต่างมอบการแสดงที่จะได้รับการจดจำในฐานะหนึ่งในการแสดงที่ดีที่สุดของพวกเขาเอาไว้ในหนังเรื่องนี้
ทั้ง Guy Pearce กับการกลับมาเป็นนักแสดงนำอีกครั้งในรอบหลายปีในมาดผมยาว มอมแมม การแสดงของเขาในหนังเรื่องนี้จะหนักไปทางการแสดงผ่านทางสีหน้ากับภาษากายแบบ Memento มากกว่าการปล่อยพลังดาราตู้มต้ามแบบ L.A. Confidential (ซึ่งภายหลังเฮีย Guy ก็กลับมาร่วมงานกับผกก. Hillcoat อีกครั้งด้วยการรับบทเล็กๆใน The Road),
Ray Winstone นักแสดงที่ส่วนตัวแล้วผมปลื้มการแสดงของเขามากที่สุดในเรื่อง ผลิกโฉมหน้าตัวละครของเขาจากคนที่ทำท่าเหมือนจะเป็นตัวร้ายตอนเปิดเรื่องไปเป็นตัวละครที่มีมโนธรรมมากที่สุดในเรื่องได้ด้วยฝีมือการแสดงระดับโปร,
และ Danny Huston สามารถแสดงเป็นปีศาจในคราบของมนุษย์ได้อย่างสมจริง ชวนพรั่นพรึง ถึงผมจะชอบการแสดงของลุง Ray มากที่สุด แต่ผมก็คิดว่าถ้าตัวหนังให้บทลุง Danny มากกว่านี้ละก็ ลุงแกอาจไปไกลถึงขั้นมีสิทธิ์ได้ตำแหน่งผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์
สิ่งที่ผมชอบที่สุดในหนังเรื่องนี้คือสารสาระของหนังที่มาในรูปของสัญลักษณ์แฝง ความเป็นปีศาจ (Monster, Abomination)ในตัวมนุษย์ที่สื่อผ่านทางตัวละครของ Danny Huston กับการกระทำของชาวเมืองในฉากเฆี่ยนร้อยทีตอนกลางเรื่อง,การที่หนังใช้วันคริสต์มาสเป็นสัญลักษณ์ของการไถ่บาปในฉากที่บ้านของ Stanley ในตอนท้ายเรื่อง,
และตอนจบของหนังที่ปิดฉากการเดินทางแสวงหาการไถ่บาปของตัวเอกของเรื่องได้อย่างสมบูรณ์แบบ
สรุป...ไม่แนะนำสำหรับใครก็ตามที่คิดจะหาหนังเรื่องนี้มาดูเพราะอยากดูหนังคาวบอยแมนๆมันส์ๆแบบ 3:10 to Yuma
แต่แนะนำสำหรับคนที่ชอบเสพหนังดราม่าภาพงามๆที่มีเนื้อหาลึกซึ้ง ใครที่ชอบหนังคาวบอยอ้อยอิ่งแบบ The Assassination of Jesse James by the Coward Robert Ford (เหมือนผม)ก็คงจะตกหลุมรัก The Proposition ได้ไม่ยาก ขอให้สัตย์สาบานว่าจะติดตามงานของผกก.คนนี้ต่อไป...
8.0/10
Create Date : 04 มกราคม 2554 |
|
2 comments |
Last Update : 21 เมษายน 2554 3:01:57 น. |
Counter : 6483 Pageviews. |
|
|
|