การควบคุมต้นทุนโครงการ - Earned value management (EVM)
Project Cost Management Earned valuemanagement (EVM) เป็นเทคนิคที่ใช้วัดผลการดำเนินงานความก้าวหน้า หรือปริมาณงานที่ได้ดำเนินการไปแล้วจริงของโครงการ นอกจากนั้นยังสามารถนำมาใช้ในการพยากรณ์ต้นทุนที่จะใช้ทั้งหมดของโครงการและวันที่โครงการควรจะแล้วเสร็จได้อีกด้วย โดยการนำข้อมูลเกี่ยวกับขอบเขตงาน เวลาและต้นทุนมาพิจารณาร่วมกันด้วยการเปรียบเทียบค่าที่ได้กำหนดไว้ตามแผนงานโครงการกับค่าที่ได้เกิดขึ้นจริง
เทคนิคการวัดแบบ EVMนี้จะช่วยให้ผู้จัดการโครงการและทีมงานสามารถคำนวณหาดัชนีของผลการดำเนินงานที่สัมพันธ์กับต้นทุนและตารางเวลาซึ่งจะบอกให้ทราบว่าโครงการกำลังดำเนินไปได้ด้วยดีมากน้อยเพียงใดเมื่อได้เปรียบเทียบกับแผนที่ได้วางไว้และโครงการดังกล่าวจะเป็นอย่างไรต่อไปในอนาคต ดังแสดงให้เห็นง่ายๆ ดังรูป
เทคนิค EVM เป็นหลักการคำนวณอย่างง่ายระหว่างค่าหลัก 3 ค่าของ แต่ละกิจกรรมจาก WBSของโครงการ โดยจะมีการคำนวณค่าดังกล่าวเป็นระยะ ๆ เช่น ทุก ๆสัปดาห์ ทุก ๆ เดือน หรือทุก ๆ ไตรมาส เป็นต้น ค่าหลักเหล่านั้น คือ
ผลงานที่ควรทำได้ตามแผนคิดจากราคางบประมาณ (Budgetedcost of work scheduled (BCWS)) หรือมูลค่าที่ได้วางแผนไว้ (Plannedvalue (PV)) หรือ งบประมาณของกิจกรรมหนึ่ง เช่นสมมติโครงการหนึ่งมีกิจกรรมสรุปของการซื้อและการติดตั้งเครื่องบริการเว็บเครื่องใหม่ซึ่งใช้เวลา 1 อาทิตย์ และค่าแรงทั้งหมด 10,000 บาท ดังนั้น BCWS หรือ PV ของกิจกรรมนี้คือ 10,000
ค่าใช้จ่ายจริงของงานที่ได้ทำ (Actualcost of work performed (ACWP)) หรือค่าใช้จ่ายจริง (Actualcost (AC)) คือ ต้นทุนรวมที่เกิดขึ้นจริงจากทั้งต้นทุนทางตรงและต้นทุนทางอ้อมที่เกิดขึ้นเพื่อดำเนินกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งจนแล้วเสร็จจนกระทั่งถึงวันที่ทำการวัดเช่น สมมติว่าใช้เวลา 2 อาทิตย์และค่าใช้จ่าย 20,000 บาท สำหรับการซื้อและติดตั้งเครื่องบริการเว็บเครื่องใหม่สมมติว่าอาทิตย์แรกค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงคือ 15,000 บาทและค่าใช้จ่ายจริงที่เกิดขึ้นอาทิตย์ที่ 2 คือ 5,000 บาท จำนวนเหล่านี้เป็นค่าใช้จ่ายจริงสำหรับกิจกรรมแต่ละอาทิตย์
ผลงานที่ทำได้คิดจากราคางบประมาณ (Budgetedcost of work performed (BCWP)) หรือมูลค่าที่ได้รับ (Earnedvalue (EV)) คือการประมาณการมูลค่าของงานที่ได้ทำ โดยคำนวณตามงบประมาณค่าใช้จ่ายของโครงการหรือกิจกรรมที่วางแผนตั้งแต่แรกและอัตราประสิทธิภาพของทีมงานที่กำลังทำงานโครงการหรือกิจกรรม
อัตราประสิทธิภาพการทำงาน (Rateof Performance: RP) คือสัดส่วนของงานที่เสร็จจริงกับร้อยละของงานที่วางแผนไว้ว่าจะทำเสร็จในช่วงเวลาที่กำหนดเช่น สมมติว่า เวลาผ่านไป 1 อาทิตย์การติดตั้งเครื่องบริการทำเสร็จไป 3 ใน 4 อัตาของการทำงานคือ ร้อยละ 75 (75/100) เพราะภายใน 1อาทิตย์ ตารางเวลาที่วางแผนไว้บอกว่างานควรเสร็จร้อยละ 100 แต่งานได้ทำเสร็จไปเพียงร้อยละ 75 ซึ่งก็คือ 7,500บาท
เพื่อที่จะวัดและทราบผลการดำเนินงานที่ได้รายละเอียดและนำไปใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น เราสามารถนำค่าหลักของเทคนิค EVMมาวิเคราะห์หาค่าความสัมพันธ์ที่สำคัญต่อได้อีก 4 ค่า คือ
ความผันแปรของค่าใช้จ่ายจริงจากงบประมาณตามแผน (Costvariance (CV)) คือ BCWP ACWP หรือ EV AC
CV= EV - AC
ในกรณีที่ค่า
CVเป็นลบหมายความว่าการทำงานนั้นต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงมากกว่าที่ได้วางแผนไว้
CVเป็นบวกหมายความว่าการทำงานนั้นต้นทุนที่ใช้ไปจริงน้อยกว่าแผนที่ได้วางไว้
CVเท่ากับ 0หมายความว่ากิจกรรมนั้นได้ใช้เงินทุนไปตามที่ได้กำหนดไว้ตามแผนพอดี
ความผันแปรด้านเวลาเทียบกับแผน (Schedulevariance (SV)) คือ BCWP BCWS หรือ EV-PV
SV= EV - PV
ในกรณีที่ค่า
SVเป็นลบ แสดงว่าการทำงานนั้นใช้เวลามากกว่าที่วางแผนไว้
SVเป็นบวก แสดงว่าการทำงานนั้นใช้เวลาน้อยกว่าที่ได้วางแผนไว้
SVเท่ากับ 0 แสดงว่ากิจกรรมนั้นได้ถูกดำเนินการไปตามเวลาที่ได้วางแผนพอดี
ดัชนีการดำเนินงานด้านค่าใช้จ่าย (Costperformance index (CPI)) เป็นอัตราส่วนระหว่าง BCWP กับ ACWP หรือ EV กับ AC
CPI= EV/AC
ในกรณีที่ค่า
CPI= 1 หรือ 100% แสดงว่าค่าใช้จ่ายจริงเท่ากับค่าใช้จ่ายงบประมาณที่ตั้งไว้
CPI< 1 หรือ 100% แสดงว่ากิจกรรมที่กำลังพิจารณาอยู่นั้นได้ใช้เงินทุนเกินงบประมาณที่ตั้งไว้
CPI> 1 หรือ 100% แสดงว่ากิจกรรมนั้นได้ใช้เงินทุนไปน้อยกว่างบประมาณที่ได้ตั้งไว้
ดัชนีการดำเนินงานด้านเวลา (Scheduleperformance index (SPI)) เป็นอัตราส่วนระหว่าง BCWP กับ BCWS หรือ EV กับ PV
SPI= EV/PV
ในกรณีที่ค่า
SPI= 1 หรือ 100% แสดงว่าเวลาที่ได้กำหนดไว้ตามแผนกับเวลาที่ใช้ไปจริงเท่ากันพอดีหรือเวลาที่ใช้ไปเป็นไปตามแผนที่ได้วางไว้นั่นเอง
SPI< 1 หรือ 100% แสดงว่ากิจกรรมที่กำลังพิจารณาอยู่ได้ดำเนินการไปล่าช้ากว่าแผนที่ได้วางไว้
SPI> 1 หรือ 100%แสดงว่ากิจกรรมนั้นได้ถูกดำเนินการไปเร็วกว่าแผนที่ได้วางไว้
ตามหลักการวิเคราะห์ค่าความสัมพันธ์ทั้ง4 ค่าข้างต้น ( CV, SV, CPI และ SPI) นั้น พอจะสรุปได้ว่า
ถ้าค่าความสัมพันธ์CVและ SV มีค่าเป็นลบ หรือถ้าค่าความสัมพันธ์ CPIและ SPI มีค่าน้อยกว่า 1แสดงว่ากิจกรรมที่เกี่ยวข้องหรืออาจรวมถึงโครงการที่เกี่ยวข้องทั้งโครงการกำลังมีปัญหาเนื่องจากผลการดำเนินงานจนกระทั่งถึงวันที่ทำการวัดเป็นไปในทิศทางที่ไม่ค่อยจะดี
สรุปการใช้เทคนิค EVMในการวิเคราะห์และวัดผลการดำเนินงานของโครงการทั้งโครงการสามารถกระทำได้โดยการรวมค่าดังกล่าวข้างต้นของกิจกรรมแต่ละกิจกรรมของโครงการเข้าด้วยกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เกิดจากการหักกลบลบกันของค่าที่คำนวณได้จากแต่ละกิจกรรมเนื่องจากกิจกรรมบางกิจกรรมอาจจะใช้เงินทุนหรือเวลามากกว่าที่กำหนดไว้ตามแผนขณะที่กิจกรรมบางกิจกรรมอาจจะใช้เงินทุนหรือเวลาน้อยกว่าแผนที่ได้วางไว้ ดังนั้นผลรวมค่าของกิจกรรมทั้งหมด จะช่วยให้ผู้จัดการโครงการสามารถวิเคราะห์และวัดผลการดำเนินงานของโครงการในภาพรวมได้ชัดเจนและถูกต้องแม่นยำมากขึ้น
ท่านสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมจาก YouTube
VIDEO
VIDEO
VIDEO
Create Date : 15 ตุลาคม 2557
0 comments
Last Update : 15 ตุลาคม 2557 9:21:13 น.
Counter : 29363 Pageviews.