www.facebook.com/ibehindyou

ทุก comment ที่คุณให้มา ทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้สนุกกับการเขียน blog แล้วอ่านอยู่คนเดียว

เด็กๆกับการดูหนัง

...สืบเนื่องจากกระทู้นี้ที่ผมไปตั้งไว้ในพันทิพและได้รับการแสดงความเห็นกันมามาก จนได้ขึ้นไปกระทู้แนะนำอ่านความเห็นอีก200ความเห็นได้ที่
//topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/A3312958/A3312958.html

ขอยกเนื้อความในกระทู้เดิมมาก่อน

กระทู้ขอบ่น...คุณพ่อคุณแม่ เลือกหนังให้เด็กดูหน่อยนะครับ (วันนี้พ่อแม่พาเด็ก5-6ขวบมาดูConstantine).....

....หลายครั้งที่เจอแต่จะเขียนในกระทู้ แต่วันนี้ของขึ้นขอตั้งกระทู้บ่นหน่อย วันนี้ผมดูหนังพร้อมกับคุณพ่อคุณแม่ที่พาเด็ก(เดาว่าน่าจะเป็นลูก)อายุ5-6ขวบมาดู ผมอยากบอกผู้ปกครองที่พาเด็กเข้าโรงหนังว่า...

1.คุณไม่มีสิทธิหงุดหงิดหรือดุเด็ก - ผมเองก็หงุดหงิดที่ดูหนังไม่รู้เรื่อง แต่มันไม่ใช่ความผิดเด็กเลยแม้แต่น้อย ที่ผมหงุดหงิดคือกับผู้ปกครองที่พามา ไม่แปลกเลยที่เด็กเล็กดูไม่รู้เรื่อง แล้วจะตามมาด้วย เดินเล่น/ร้องไห้/ถาม/ส่งเสียงกวน เพราะมันเป็นธรรมชาติของเด็กที่ยังรับรู้เรื่องราวที่เป็นนามธรรมแบบในหนังไม่ได้ และควบคุมตัวเองไม่ได้ การตอบสนองที่เกิดขึ้นจึงเป็นธรรมชาติ

2.คุณพาเด็กเข้าโรงหนังเคยคิดหรือไม่ว่าเด็กจะได้รับอะไร...เช่นหนังเรื่องนี้Constantine เป็นหนังที่ได้รับการจัดเรทR ลูกหลานที่คุณพาไปดูหนังจะได้พบกับอะไร
-ผู้หญิงโดดตึกฆ่าตัวตาย
-ผู้ชายกรีดข้อมือฆ่าตัวตาย
-รถชนผู้ชายตายต่อหน้าต่อตา
-ศพคนที่เต็มไปด้วยแมลง
ฯลฯ
ผมมั่นใจและตอบแทนเด็กวัยนี้ด้วยความรู้พัฒนาการของเด็กได้เลยว่า เด็กไม่สนุกหรอกครับมีแต่ผู้ใหญ่สนุก เด็กอาจจะรู้สึกคึกคักหรือสนุกเช่นตอนยิงปืน หรือ ขับรถชน ซึ่งเป็นสิ่งที่รูปธรรมมิหนำซ้ำกลับทำให้เด็กต้องตกใจกลัวเวลามีเสียงดังหรือกรีดร้อง(ครั้งก่อนก็เจอวัยขนาดนี้ละ พาไปดูShutterร้องลั่น พ่อแม่จะสอนวิธีปราบผีหรืออย่างไร) แต่กระนั้นก็ตาม มันไม่ใช่วัยที่จะเรียนรู้เรื่องความรุนแรง (และผมก็เชื่อว่าสิ่งที่เด็กได้ไม่ใช่การเรียนรู้แต่เป็นการรับรู้เข้าไปมากกว่า)

3.คุณรู้หรือไม่ว่าคุณทำให้คนรอบข้างเดือดร้อน.....ทั้งตอนที่เด็กร้อง เด็กถาม คุณดุ คุณตอบ มันทำให้คนรอบข้างดูหนังไม่รู้เรื่องแถมถ้ายังต้องไม่เจอร้องงอแงไม่หยุดหรือเดินเล่นไปมาอีก เป็นหน้าที่ของคนดูอย่างผมหรือที่ต้องเดินหนีไปหาที่นั่งใหม่เพื่อดูหนังให้รู้เรื่อง

+++ ผมไม่เห็นด้วยเลยกับความคิดที่ว่า ไม่เห็นเป็นไรเลยแค่เด็กๆดูหนัง ใจเย็นๆ เด็กมันไม่รู้เรื่องจะอะไรกันนักกันหนา ด้วยเหตุผลสามข้อที่อธิบายมาข้างต้น+++

+++ตราบใดที่การจัดเรทหนังยังไม่สามารถเกิดได้ในยุคสมัยอายุขัยนี้ของผม เป็นไปได้หรือไม่ที่...

1.สื่อและสังคม ให้ความสนใจในเรื่องนี้มากขึ้น มีการให้ความรู้ หรืออย่างน้อยให้ข้อกำหนดแน่ชัดว่า หนังเรื่องไหนเหมาะกับเด็กอายุเท่าไหร่ขึ้นไป พ่อแม่ควรมีความรู้ในการพาเด็กไปดูหนังอย่างไร

2.ผู้ปกครอง

2.1ถ้าอยากดูหนังเอง...และลูกยังไม่พร้อมจะดูในโรงก็ฝากลูกไว้ให้คนอื่นดูแลก่อนหรือก็อาจซื้อแผ่นมาดูที่บ้าน หรือ รอให้ลูกโตซักนิดค่อยมาดู

2.2อยากให้ลูกดูหนัง...เลือกหนังที่เหมาะกับวัยของเด็กที่จะรับชม / ดูอายุของเด็กว่าเหมาะสมหรือยังที่จะให้ดูหนังประเภทไหน หรือ เข้าโรงได้หรือไม่

2.3เรียนรู้และศึกษา...ว่าหนังเรื่องที่จะให้เด็กดูเหมาะหรือไม่ จิตวิทยาในการเลี้ยงลูกเช่น การที่จะให้ดูหนังที่เริ่มมีความรุนแรงควรจะซักอายุเท่าไหร่ และ ควรจะสอนเขาอย่างไร

ขอบคุณครับ

ปล....กำลังจะเขียนถึงConstantine กับ Million dollar baby ที่ได้ไปดูมา แต่อดไม่ได้ที่จะขอตั้งกระทู้นี้ก่อน แล้วเดี๋ยวกลับมาคุยกันเรื่องหนังในกระทู้กันครับ

จากคุณ : "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" - [ 23 ก.พ. 48 18:35:19 ]


-------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 50

....เข้ามาเสริมคิดขึ้นมาได้ว่า ถึงแม้ยังไม่มีการกำหนดเรท แต่โรงหนังบางโรงน่าจะลองอย่างน้อยกำหนดว่าอายุเท่าไหร่ที่ให้เข้าโรงเช่น ถ้าเรทRหรือNC-17ก็อาจบอกไว้เลยว่าไม่แนะนำพ่อแม่ หรือไม่รู้ว่าจะละเมิดสิทธิเกินไปมั้ยนั่นคือไม่ถึงขั้นแบ่งเรตแต่ตัดกันที่อายุเดียวเลย เช่นไม่ขายบัตรให้กับเด็กอายุไม่เกิน**ปีกับหนังบางเรื่อง(เช่นHaute tension) เป็นต้น

....รายได้อาจลดลง วัยรุ่นวัยเรียนบางคนที่อยากรู้ก่อนวัยอาจบ่นมากขึ้น แต่สิ่งที่โรงหนังจะได้รับคือการแสดงออกถึงการรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น ผมเชื่อว่าส่วนใหญ่ไม่มีใครที่จะตำหนิและจะว่าไปก็เป็นการทำความดีอย่างหนึ่งเลยทีเดียว

จากคุณ : "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" - [ 24 ก.พ. 48 18:38:34 ]

--------------------------------------------------

ความคิดเห็นที่ 57

...เราอยากดูหนังกะลูก และลูกก็อยากดูหนังกะเรา...

ยืนยันไม่ว่าใครจะว่ายังไง ก็จะพาลูกไปดูหนัง...เราอยากดูหนังกะลูก และลูกก็อยากดูหนังกะเรา...

ใครทั้งหลายที่ออกมายกมือไม่พาลูกไปดูหนัง...
ก็ขออย่าได้พาลูกไปดูหนังเลยนะ..รักษาคำพูดของตัวเองด้วย...

^
^
^
....สำหรับผมเองประเด็นคือ ไม่ได้ ไม่เห็นด้วยกับการที่พ่อแม่พาลูกไปดูหนังแต่

1.เลือกหนังที่เหมาะกับวัยของเด็ก ไม่ใช่พาเด็กเล็กเข้าโรงไปดูHaute tension /Kill Bill /The lover ฯลฯ พ่อแม่บางคนอาจคิดว่าลูกฉันก็ดูมีความสุขดี แต่หารู้ไม่ว่าสิ่งที่เด็กได้รับมัน=การเป็นพ่อแม่รังแกฉันโดยที่ทั้งพ่อแม่เองก็คิดว่าเป็นเรื่องดีและเด็กเองก็ไม่รู้ตัว(เพราะนั่นคือการซึมซับความรุนแรงและอื่นๆอีกโดยที่เด็กยังไม่สามารถเข้าใจความเป็นเหตุเป็นผลได้ดีพอ)

..... ในเรื่องสื่อกับเยาวชนจริงๆ ผมคิดว่าการเลี้ยงลูกในส่วนจิตวิทยาและพัฒนาการการเรียนรู้และเติบโตของเด็ก พ่อแม่ควรจะเรียนรู้ เด็กแต่ละช่วงวัยจะมีพัฒนาการในแต่ละด้านเช่นถ้าเป็นเรื่องของความคิดที่เรียกว่าCognitive development ก็จะเห็นว่าในแต่ละช่วงนั้นเด็กเรียนรู้อะไรมากแค่ไหน และเราควรทำโทษหรือสอนเด็กอย่างไร(เช่นพ่อแม่บางคนตีเด็ก0-2ขวบที่ร้องไม่หยุดเวลาพ่อแม่ไม่อยู่หรือไม่เข้าไปปลอบแต่ปล่อยไว้ ทั้งที่วัยนี้สิ่งที่เด็กต้องการคือความอบอุ่นและเป็นธรรมชาติที่เด็กยังไม่สามารถแยกแยะการอยู่/ไม่อยู่ของพ่อแม่ได้)

.... แต่ปัจจุบันมันกลายเป็นว่าคนที่เรียนรู้เรื่องพวกนี้กลับเป็นหมอหรือนักจิตวิทยา ไม่ใช่พ่อแม่

2.เลือกวัยที่เหมาะสมในการพาเด็กเข้าโรงหนัง

ปล..ผมยอมรับว่าเจตนาในการตั้งกระทู้นี้ของผมเกิดจาก
1.ผมเดือดร้อนและรำคาญ แต่ไม่ได้โกรธเด็ก
2.ทั้งงานที่ผมทำและสังคมที่ผมเห็น ทำให้รู้สึกอยากที่จะให้มีการจัดระเบียบ สื่อและเยาวชน มากยิ่งไปกว่านี้(ไม่ใช่ทำอะไรที่แบบว่า เบลอบุหรี่ในจอทีวี แต่กลับให้เด็กเข้ามาดู คีนูสูบมวนต่อมวนแถมเป็นมะเร็งแล้วยังไม่เลิก หรือให้เด็กเข้าไปดูคนเชือดกันสดๆในHaute tension) รวมทั้งเรื่องความรู้ในพัฒนาการช่วงวัยของเด็กที่ผมได้พบเจอว่าพ่อแม่อีกหลายคู่ที่ยังอยากรู้แต่ไม่รู้ในเรื่องเหล่านี้ เพราะสุดท้าย คนที่รับความเสียหายในที่สุด คือเยาวชนที่จะเติบโตต่อไป

ขอบคุณครับ

จากคุณ : "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" - [ 25 ก.พ. 48 14:16:38 ]

--------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 103

....พาดพิงมาก็ต้องตอบ Mr.DogGieความเห็น100(ไม่น่าเป็นกระทู้แนะนำเลยน้อคิดอยู่แล้วว่าต้องโดนเป้าแหงๆ)

หรือว่าพ่อแม่ที่พาลูกอายุ 5 ขวบ ไปดูแล้วคุณเห็นว่ามันโง่นักหรอ

....กลับไปอ่านอีกทีไม่แน่ใจว่าตัวเองสื่อไม่ดี หรือคุณอ่านแล้วไม่เข้าใจเอง อ่านแล้วผมเองก็ยังไม่พบสิ่งที่เขียนแล้วสื่อออกมาว่าพ่อแม่โง่ เป็นคุณที่ตีความแล้วสรุปออกมาเอง

.......แต่อย่าตั้งกระทู้เหมือนตัวเองฉลาดกว่าเลยครับ ขอร้อง

....สาเหตุที่ตั้งกระทู้ก็ตอบไปอย่างชัดเจนแล้ว ส่วนหนึ่งก็ต้องตอบว่าเพราะตัวเองรู้เรื่องจิตวิทยาและพัฒนาการจึงกล้าที่จะเขียนออกมา(สิ่งที่คุณเรียกว่าอวดฉลาดแต่ผมเรียกว่าให้ข้อมูล) เพราะถ้าอยากอวดฉลาดผมคงตั้งกระทู้แบบอื่นมากกว่า และผมก็มั่นใจในสิ่งที่ผมเขียนไม่ใช่เขียนลอยๆคิดเองอวดอ้าง แต่ถ้าคุณคิดว่าผมอวดฉลาดหรือคิดว่าตัวเองฉลาดน้อยกว่าก็ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร

เพิ่มเติม
.....ผมไม่ได้บอกว่า หนังและความรุนแรง อย่างเดียวจะทำให้เด็กกลายเป็นอาชญากร ผมไม่ได้โทษสื่อ มันเป็นแค่ปัจจัยเชิงลบอย่างหนึ่งแต่ไม่ใช่สาเหตุหลักๆ เช่น ถ้าอยู่ในวัยที่เหมาะสม/พ่อแม่เอาใจใส่เลี้ยงดูดี/มีสภาวะแวดล้อมที่ดี ก็เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้

.....เพียงแต่ในความเป็นจริงครอบครัวทุกครัวเรือนเป็นแบบนี้แล้วหรือยัง มีพ่อแม่ที่คอยให้คำแนะนำคอยแยกแยะ มีการเลี้ยงดูที่เหมาะสมทุกครอบครัวหรือไม่ มีภาวะแวดล้อมที่ดีทุกครอบครัวหรือไม่ มันก็ยังไม่มีเรายังเห็นหลายครอบครัวมีความรุนแรงในบ้าน ไม่มีเวลาสอนลูก ฯลฯ พ่อแม่ที่ให้เด็กดูหนังรุนแรงทุกคนสอนเด็กและแยกแยะได้ทุกคู่หรือเปล่า

.....ดังนั้นปัจจัยเชิงลบนี้(สื่อและความรุนแรง) ถึงแม้จะไม่ได้มีผลหลักโดยตรง ไม่ได้บอกให้งดหรือยกเลิกแต่มันก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่น่าจะได้รับการควบคุมดูแลให้เหมาะกับเยาวชน

ปล...และมันไม่ได้เป็นแง่มุมเดียวที่มีคนกลัวว่า ดูหนังรุนแรงแล้วอาจกลายเป็นคนร้ายหรือคนไม่ดี ผลกระทบความรุนแรงที่ไม่เหมาะสมมันยังมีผลต่อพัฒนาการด้านอารมณ์ที่จะโตขึ้นมา

ปล2....และถึงแม้ว่าจะมีการให้คำแนะนำ การแยกแยะที่ดีจากพ่อแม่ ผมก็ยังยืนยันว่าวัยหรืออายุ เป็นความสำคัญ ที่แม้ว่าพ่อแม่จะดีมากแต่การให้เด็กเล็กเช่น0-6ปีเริ่มดูหนังที่มีความรุนแรงเลือดสาดSexทะลัก ก็เท่ากับเป็นการเสริมปัจจัยเชิงลบเข้าไป ถ้าเด็กมีความโน้มเสี่ยงต่ำก็อาจไม่เกิดปัญหา แต่ถ้าเด็กคนนั้นมีความโน้มเสี่ยงในตัวแถมบางอย่างคุณอาจไม่รู้ เช่นมีgeneหรือพันธุกรรมหรือความเป็นตัวตนที่จะตอบสนองในเชิงลบต่อความรุนแรง เด็กมีโอกาสที่จะเติบโตมาพร้อมกับปัญหาด้านอารมณ์ มากหรือน้อยก็แตกต่างกันไป

ขอบคุณครับ
แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 48 11:10:42

จากคุณ : "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" - [ 3 มี.ค. 48 11:04:48 ]



...สิ่งที่ตามมาเบี่ยงไปสู่ประเด็นการเลี้ยงลูก ส่วนนี้ผมคงไม่ขอที่จะไปมีส่วนร่วมเพราะลูกใครใครก็เลี้ยงกันไป หลายความเห็นเบี่ยงไปสู่ประเด็น "แม่ที่แย่" จนผู้ถูกอ้างอิงเมลล์มาคุยกับผม และผมก็ได้ตอบเขาไปแล้วว่าผมไม่คิดเลยว่าเขาเป็นแม่ที่แย่ ผมเชื่อทีเดียวว่าความเป็นแม่เขาเป็นแม่ที่ดี แต่ไม่เห็นด้วยอยู่ดีกับการให้เด็กอายุ6-7ขวบดูหนังที่มีความรุนแรงมากๆ ถึงแม้จะมีผู้ปกครองให้คำแนะนำ

...ทำไม เมืองนอกที่เขาว่าเสรีกว่าเมืองไทยยังมีเรทหนัง อะไรดีๆที่เป็นเสรีแบบนี้ไม่อยากเลียนแบบ แต่อะไรที่มันเสรีแต่มันไม่ดีกลับไม่คัดค้านกัน






....สำหรับผมคิดว่าสื่อและสังคม ยังสามารถช่วยเรื่องนี้ได้มากกว่านี้เพราะนี่เป็นเรื่องที่มากกว่าเรื่องของ "การละเมิดสิทธิผู้อื่นในโรงหนัง" แต่มันรวมถึงเรื่อง "สื่อ ความรุนแรงกับเยาวชน"ผมไม่เห็นด้วยกับการแบนหนังหรือเซนเซอร์(โดยเฉพาะการเบลอบุหรี่ในจอทีวี เด็กคงไมรู้ละมั้งว่าเป็นบุหรี่หรือจะคิดว่าอมท่อนไม้อยู่ในปาก) เพราะแต่ละช่วงวัยมีความสามารถในการรับรู้ที่ต่างกัน การแบนก็เหมือนกับปิดการรับรู้โดยไม่มองความจริง และเป็นการแก้ปัญหาอย่างมักง่ายเกินไป

....สุดท้ายเก็บมาฝากเป็นโปสเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับเรทหนัง ซึ่งทำออกมาดูง่ายและดี





Create Date : 10 มีนาคม 2548
Last Update : 17 กันยายน 2548 0:06:45 น. 7 comments
Counter : 1378 Pageviews.

 
อื่อ เราว่าก็ไม่สมควรแหละ หนังบางเรื่อง รุนแรง เด็กๆอาจเลียนแบบได้ (เรา 16 แหะ) แต่ส่วนใหญ่ เราดูหนังตลกมากกว่าอ่ะ หนัง เครียดๆ บุ๊ๆ ลามก ไม่อ่ะไม่ดูเลย


โดย: ++FeRn_NaJa++ วันที่: 10 มีนาคม 2548 เวลา:11:14:16 น.  

 
ผู้ใหญ่ตั้งใจมาดูเองมากกว่า เลยเอาลูกมาด้วย เด็กๆ วัยนี้ยังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมากนัก เด็กบางคนอาจงง ว่าเกิดอะไรขึ้น เด็กอาจกลัวในบางตอนของเรื่อง


โดย: รักดี วันที่: 10 มีนาคม 2548 เวลา:16:24:47 น.  

 
เห็นด้วยเลยครับ รอบไหนที่มีเด็ก 3-4 ขวบเข้าไปดูเนี่ย เหอะๆๆ


โดย: Mint@da{-"-} วันที่: 10 มีนาคม 2548 เวลา:20:13:08 น.  

 
คนไทยที่เป็นเจ้าของโรงหนังต้องทำให้แน่ใจก่อนครับ ว่ามีสามัญสำนึกพอที่จะไม่ปล่อยเด็กเข้าไปดูหนังอาร์หรือ NC17 ได้รึเปล่าน่ะ


โดย: nanoguy วันที่: 16 มีนาคม 2548 เวลา:14:07:28 น.  

 
คนไทยไม่ค่อยเข้มงวดกับการจัดเรทหนังเท่าไหร่เนอะ


โดย: น้ำเงี้ยว วันที่: 10 เมษายน 2548 เวลา:21:02:49 น.  

 
ว้าเข้าไปที่ลิงค์แล้วกระทู้หายไปแล้วเสียดายจริงๆ


โดย: tucky IP: 203.156.77.186 วันที่: 26 มิถุนายน 2548 เวลา:23:35:19 น.  

 
คนไทยยังขาดจิตสำนึกเรื่องการดูหนังครับ
คนไทยเน้นสะดวกเป็นหลัก
ผู้มีอำนาจควรเข้ามาจัดารเรื่องแบบนี้นะครับ
อย่างน้อยก็มีบอกไว้เลยว่าเรื่องนี้เด็กไม่ควรดู


โดย: คนไทย IP: 65.5.244.254 วันที่: 8 สิงหาคม 2548 เวลา:20:10:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
 
มีนาคม 2548
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
10 มีนาคม 2548
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.