www.facebook.com/ibehindyou

ทุก comment ที่คุณให้มา ทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้สนุกกับการเขียน blog แล้วอ่านอยู่คนเดียว

The Notebook & The Wedding , รักนิรันดร์


... ยังไม่มีนิยายของ นิโคลาส สปาร์ค เล่มไหน ที่อ่านแล้วไม่สั่นคลอนหัวใจ ยังไม่มีนิยายเล่มไหนที่อ่านแล้วไม่เรียกน้ำตา

...ฉันยังจำได้ว่า ฉันเป็นคนที่แนะนำให้เธอรู้จัก โนอาห์และแอลลี เมื่อหลายปีก่อน เธอรักเรื่องราวของพวกเขามาก ไม่นานมานี้เมื่อเธอได้รู้จัก วิลสันและเจน เธอบอกว่า อยากให้ฉันเขียนเรื่องราวของพวกเขาออกมา ในวันวาเลนไทน์



...โนอาห์ ชายชราวัย 80 ปี ใช้ชีวิตในแต่ละวันด้วยการนั่งเล่าเรื่องราวในสมุดบันทึกให้กับหญิงชราสมองเสื่อมคนหนึ่งที่พักอยู่ในสถานพยาบาล หญิงสาวผู้นี้หลงลืมทุกสิ่งทุกอย่างแม้แต่คนใกล้ตัวไม่ว่าจะเป็นคนรักหรือลูกหลาน หมอให้การวินิจฉัยว่าเธอเป็นโรคสมองเสื่อมชนิด อัลไซเมอร์

อัลไซเมอร์คือ คือ โรคสมองเสื่อม (Dementia) ชนิดหนึ่ง ส่วนต่างๆในสมองที่เกี่ยวกับความทรงจำจะค่อยๆฝ่อเหี่ยวลงและสูญเสียการทำงาน ผู้ป่วยจะค่อยๆสูญเสียความทรงจำและความสามารถในด้านอื่นๆ เช่น การรับรู้ การหยิบจับข้าวของ ฯลฯ ไปจนถึง ขั้นรุนแรงที่สุดคือไม่สามารถจะช่วยตัวเองได้

...สิ่งที่เลวร้ายและเจ็บปวดคือ เจ้าตัวจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเคยจดจำอะไรได้มาก่อน และ ที่เจ็บปวดยิ่งกว่าคือคนที่อยู่ด้วยกันจะต้องยอมรับว่า คนรักของตัวเองไม่สามารถจะจดจำอดีตและปัจจุบันร่วมกันได้อีกแล้ว

...เรื่องราวที่โนอาห์เล่ามาจากสมุดบันทึก เป็นเรื่องของชายหนุ่มหญิงสาวที่ต่างฝ่ายต่างเป็นรักแรกของกันและกัน แต่ด้วยเหตุและผลบางประการ ทำให้ทั้งสองต้องพลัดพรากจากกันไป เพื่อนของโนอาห์ บอกเขาว่า รักแรกจะเปลี่ยนเราไปตลอดกาล ไม่ว่าเราจะพยายามแค่ไหน ความรู้สึกนั้นก็จะไม่จางหายไป

...บันทึกหน้าแล้วหน้าเล่า ที่โนอาห์เปิดอ่านให้เธอฟัง คือ บันทึกที่ชายคนหนึ่งเฝ้าเพียรรอหญิงคนหนึ่งกลับมา และ ทั้งคู่ก็ต่อสู้กับความรู้สึกสับสนทั้งหลายในใจ เพื่อให้ได้มาซึ่งการอยู่ครองคู่กัน

โนอาห์ หวังให้เธอนั้นได้ความทรงจำกลับคืนมา เพราะ เธอคือ แอลลี หญิงสาวในบันทึกเล่มนั้น เธอและเขาคือรักแรกของกันและกัน ทั้งสองคนร่วมฝ่าฟันจนได้มาใช้ชีวิตคู่กัน ก่อนที่โรคร้ายนี้จะมาพรากแอลลีไปเหลือไว้เพียงร่างกายที่ไร้ความทรงจำ

…เขานั่งเฝ้าอ่านบันทึกให้เธอฟัง ทั้งที่ใครต่อใครค้านว่า ไม่มีประโยชน์อันใดเลยเพราะทุกความทรงจำที่ใส่เข้าไป ก็จะถูกลบหายในไม่กี่นาทีต่อมา วิทยาศาสตร์ทางการแพทย์เชื่อว่า สมองที่เสื่อมถอย ไม่มียาตัวใดสามารถรักษาได้ ยาที่กินอยู่ช่วยได้แค่ชะลอความเสื่อม แต่ โนอาห์ไม่เคยท้อแท้ สิ่งที่โนอาห์ทำอยู่ทำให้เราเห็นว่า หากไม่สามารถสังเคราะห์สารเคมีตัวใดให้เป็นยา เขาจะสังเคราะห์ความรักออกมาเพื่อรักษาคนที่เขารักมากที่สุด แม้จะขัดกับหลักวิชาการที่หมอทักท้วงก็ตาม

... ไม่ใช่แค่โนอาห์ที่เชื่อมั่นในความรักอยู่ข้างเดียว เพราะข้อความในสมุดบันทึกเล่มนั้นที่ แอลลี เขียนไว้แสดงให้เห็นว่า เธอเองก็เชื่อมั่นเหมือนกับโนอาห์ ดังที่เธอเขียนไว้ว่า

เมื่อฉันหลงลืมหรือเศร้าเหงา ขอให้คุณอ่านบันทึกของเรา เหมือนกับอ่านนิทานให้เด็กฟัง จะต้องมีวิถีทางที่ฉันสามารถซึมซับรับรู้ว่านี่คือเรื่องของเรา และถ้าโชคดี เราก็จะมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันอีก

ได้โปรดอย่าโกรธเคืองในวันที่ฉันจำคุณไม่ได้ วันที่เราต่างรู้แน่ว่าต้องเกิดขึ้น ข้อให้คุณเข้าใจว่าฉันรักคุณ และ จะรักตลอดไป และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันก็ได้ผ่านชีวิตมาอย่างสมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว ชีวิตที่มีคุณ


…หากโรคคือปีศาจร้ายที่พาอัลลี่ไปไกลแสนไกล สมุดบันทึกเล่มนี้ก็เปลี่ยนเหมือนแผนที่ที่นำทางสำหรับความรักของเธอ แต่เธอก็คงไม่สามารถกลับมาได้ หากขาดคนที่ยังศรัทธาในความรักและรักเธอไม่เสื่อมคลายอย่าง โนอาห์ ผู้ที่เดินทางไปรับเธอกลับมา

...ถึงการกลับมาจะเป็นเพียงชั่วเวลาสั้นๆ มันก็พิสูจน์ได้ว่า ความรักของทั้งคู่ไม่ได้หมดสิ้นหรือสูญหายไปไหน มันแค่รอคอยการนำทางกลับมาเท่านั้นเอง และแม้ความตายจะพรากจากเธอไป มันก็พรากไปได้แค่ชีวิตและลมหายใจ แต่ไม่สามารถพรากความรักของคนสองคนไปได้ รักของคนสองคนจะอยู่ในกันและกันชั่วนิรันดร์



...หากอุปสรรคภายนอก (พ่อแม่ของอัลลี่ และ โรคสมองเสื่อม) คือ ตัวการที่ทำให้ความรักของโนอาห์และแอลลีต้องพลัดพรากจากกัน สำหรับ วิลสันและเจน แล้ว แตกต่างออกไป เพราะสิ่งที่ทำให้ระยะห่างของความรักทั้งคู่ถูกแยกจากกันมากขึ้นมาจากภายในตัวของเขาเอง

...วิลสัน แต่งงานกับ เจนมา 30 ปี วิลสันในวัย 56 ปียอมรับว่าเขาเป็นคนที่ห่างไกลจากคำว่าโรแมนติค ประโยคหนึ่งที่ภรรยาอธิบายความเป็นตัวเขาได้ดีตอนที่เธอบอกเขาว่า เขาเป็นคนที่มีเหตุมีผลสำหรับทุกอย่าง จนไม่มีช่องว่างสำหรับความเสียใจ

เขาคือคนที่ใช้ชีวิตอยู่บนหลักการของเหตุและผลจนลืมเรื่องของความรู้สึก และ เขาเองก็เป็นผู้ชายประเภทที่ไม่นิยมแสดงความรู้สึกตัวเองออกมา นั่นจึงทำให้ 30 ปีของชีวิตสมรสของเขาและเธอมาถึงทางเดินที่มืดมน จุดที่จากความสนิทสนมและความหวานชื่นจางหายไป ความแปลกแยกของคนสองคนเริ่มเข้ามาเยี่ยมกราย

เขามัวยุ่งอยู่แต่กับงานจนลืมใส่ใจภรรยาของตัวเอง วิลสันลืมวันครบรอบแต่งงาน แน่นอนมันทำให้เจนเจ็บปวดและเสียใจ แต่เขาจะทำอย่างไรในเมื่อแผลในใจของเจนนั้นมันดำเนินเรื้อรังมานานนับปี

วิลสันบอกเราว่า ง่ายเหลือเกินที่จะทำให้คนที่เรารักเจ็บปวด หากยากยิ่งนักที่จะเยียวยาความเจ็บปวดนั้น และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

...วิลสันนำปัญหานี้ไปปรึกษากับ โนอาห์ ชายชราวัย 87 ปี โนอาห์คือบิดาของเจน แล้วเขาก็ได้เรียนรู้จุดหนึ่งว่า ความรักไม่ใช่แค่คำสามคำที่คนงึมงำก่อนนอน รักจะยืนยงอยู่ได้เมื่อเราแสดงออก มีการเสียสละในสิ่งที่เราทำให้กันแต่ละวัน สิ่งที่เขาตัดสินใจทำถัดจากนั้นไม่ได้มีคุณค่าแค่การเยียวยาแผลในใจเจน แต่สิ่งที่เขาได้เรียนรู้มากไปกว่านั้นและสำคัญยิ่งกว่า คือ การแสดงออกของความรักนั้นไม่ได้จบลงแค่หนใดหนหนึ่ง เพราะ ความรักคือสิ่งที่คนสองคนต้องดูแลร่วมกันในทุกๆวันของชีวิต

การที่คนเราตกหลุมกันนั้นง่าย แต่เราจะทำอย่างไรที่จะถนอมความรักนั้นไว้ให้มันสุขสดใสเหมือนรักครั้งแรกได้ตลอดเวลา มันทำให้นึกถึงหนังเรื่อง 50 first dates ที่นางเอกเป็นโรคหลงลืม เธอจำได้แค่เรื่องราวในแต่ละวัน พอรุ่งเช้าตื่นมาวันใหม่เธอก็จะลืมเรื่องราวเก่าๆไปจนหมดสิ้น พระเอกจึงกลายเป็นคนแปลกหน้าของนางเอกทุกๆวัน และ สิ่งที่เขาทำในแต่ละวันคือ เขาแสดงความรักที่มีต่อเธอและทำให้เธอตกหลุมรักเขาทุกๆวันใหม่ที่เธอตื่นขึ้นมา

...ความรักก็เหมือนกับต้นไม้ มันเริ่มต้นจากต้นกล้าต้นเล็กๆที่คนสองคนร่วมกันทะนุบำรุงดูแลมันขึ้นมาจนกลายเป็น ต้นไม้ต้นใหญ่ แต่ก็ใช่ว่า ต้นไม้ต้นใหญ่นี้มีชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวมันเอง มันยังต้องการการดูแลรดน้ำอยู่ทุกวี่วัน เพราะต่อให้ต้นไม้นั้นสูงใหญ่เพียงใด หากขาดซึ่งการเอาใจใส่ดูแล สุดท้ายก็ต้องแห้งเหี่ยวตายในที่สุด ความรักก็เป็นเฉกเช่นเดียวกัน

และสิ่งที่จะทำให้ความรักนั้นได้รับการดูแลรดน้ำได้ในทุกๆวัน มันก็ย่อมต้องมีความศรัทธาในความรักจากผู้ดูแล เหมือนโนอาห์ที่ทำให้วิลสันได้เรียนรู้สิ่งนี้

ตัวตนของโนอาห์แจ่มชัดยิ่งในหนังสือทั้ง 2 เล่ม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการอ่านบันทึกให้แอลลีฟังแม้ใครๆจะบอกว่าไม่มีทางที่แอลลีจะทำได้ หรือ จะเป็นเรื่องของการดูแลและรอคอยหงส์ตัวหนึ่งที่เขาเชื่อว่าคือแอลลีแม้ใครๆจะบอกว่ามันเป็นแค่หงส์ธรรมดาๆตัวหนึ่งเท่านั้น สุดท้ายแล้วทั้งสองเรื่องสิ่งที่เขายืนหยัดทำอย่างต่อเนื่องมันก็ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า ปาฏิหาริย์ เกิดขึ้น แท้จริงแล้ว มันอาจไม่ใช่ปาฏิหาริย์ก็ได้ที่ทำให้ความรักนั้นกลับคืนมา แต่มันคือศรัทธาที่คนเรามีต่อความรักของตัวเอง


…..ฉันขอจบเรื่องราวของคนทั้งสองคู่นี้ ด้วยจดหมายที่โนอาห์เขียนถึงแอลลี ในนั้นมีใจความท่อนหนึ่งที่ฉันชอบมากเขียนไว้ว่า

ถ้าเราจะได้พบกันอีกในอนาคตข้างหน้า โดยที่เราต่างคนต่างมีชีวิตของตนเอง ผมจะยิ้มให้คุณอย่างปลาบปลื้ม และจะรำลึกถึงกาลครั้งหนึ่ง ในฤดูร้อนที่เราเคยนั่งด้วยกันใต้ร่มไม้ เรียนรู้จากกันและกัน และในที่สุดก็รักกัน คุณเองก็อาจจะรู้สึกเช่นเดียวกัน ต่อให้เป็นความรู้สึกแค่วูบเดียว คุณก็จะยิ้มตอบผม และ หวนนึกถึงความหลังที่ไม่มีวันจางจากความทรงจำของเราสอง


...ฉันขอจบเรื่องราวทั้งหมดนี้ด้วยความลับหนึ่ง เธอรู้ไหมว่าฉันแอบคิดบ่ายเบี่ยงในใจไม่อยากเขียนถึงหนังสือสองเล่มนี้ แต่เมื่อได้อ่านที่เธอเขียนไว้ว่า สิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับความรักไม่ว่าจะลงเอยแบบใด...คือความทรงจำดี ๆระหว่างคนสองคน... มันทำให้ฉันหยิบขึ้นมาอ่านอีกครั้งและเชื่อว่า ความรักแม้จะเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบใด แต่สิ่งดีๆที่เราเคยมีให้กันและกันนั้น มันจะคงอยู่ในใจชั่วนิรันดร์

สุขสันต์วันวาเลนไทน์



ขอฝาก"หนังสือรัก"ไว้กับผู้อ่านด้วยเน้อ กับ พ็อกเก็ตบุ้คเล่มแรก ที่หยิบยกความรักและความสัมพันธ์ในภาพยนตร์ มาช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและคนรอบข้าง ได้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม



(วางขายตามร้านหนังสือทั่วไปแว้ว)
ปีใหม่นี้ มอบ"หนังสือรัก" เป็นของขวัญแด่คนที่คุณรัก




ติดตามบทความใหม่ๆ หรือ บทความน่าสนใจ หรือ เริ่มต้นอ่านBlogนี้มีข้อสงสัย คลิกไปเริ่มต้นที่ --> หน้าแรก


รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง



ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง

ความเห็น
ของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป




 

Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2549
25 comments
Last Update : 12 ธันวาคม 2549 15:21:38 น.
Counter : 1634 Pageviews.

 

ข้าพเจ้าเองก็ชมชอบ the notebook มากๆ
แต่ไม่รู้เป็นไร มักอินกับหนังเอเซียมากกว่า สงสัยอ่านนิยายจีนมากไปหน่อย เลยชอบ
เถียนมี่มี่ ,city of glass ,the classic เป็นอย่างมาก
แต่ความรัก ไม่มีภาษาครับ ไม่มีศาสนา ครับ

 

โดย: เสเพล อะไรนั่น (The Fast And Furious ) 15 กุมภาพันธ์ 2549 0:25:29 น.  

 



Happy Valentine day ka

 

โดย: กิ่งไม้ไทย 15 กุมภาพันธ์ 2549 1:16:50 น.  

 

น่าสนใจดีค่ะ

 

โดย: เสียงซึง 15 กุมภาพันธ์ 2549 1:44:02 น.  

 

เป็นสองเล่มของสปาร์คที่เราชอบมากๆ เลยค่ะ

ต้องขอบคุณคุณด้วยที่แนะนำสปาร์คส์ให้เราได้รู้จัก

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2549 9:42:27 น.  

 

เธอจะเป็นคนนึงที่เราไว้ใจมากที่สุดว่าจะหวังดี และไม่มีวันทำร้ายเรา........
ถ้าเราจะได้พบกันอีกในอนาคตข้างหน้า โดยที่เราต่างคนต่างมีชีวิตของตนเอง ผมจะยิ้มให้คุณอย่างปลาบปลื้ม และจะรำลึกถึงกาลครั้งหนึ่ง ในฤดูร้อนที่เราเคยนั่งด้วยกันใต้ร่มไม้ เรียนรู้จากกันและกัน และในที่สุดก็รักกัน คุณเองก็อาจจะรู้สึกเช่นเดียวกัน ต่อให้เป็นความรู้สึกแค่วูบเดียว คุณก็จะยิ้มตอบผม และ หวนนึกถึงความหลังที่ไม่มีวันจางจากความทรงจำของเราสอง


...ฉันขอจบเรื่องราวทั้งหมดนี้ด้วยความลับหนึ่ง เธอรู้ไหมว่าฉันแอบคิดบ่ายเบี่ยงในใจไม่อยากเขียนถึงหนังสือสองเล่มนี้ แต่เมื่อได้อ่านที่เธอเขียนไว้ว่า สิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับความรักไม่ว่าจะลงเอยแบบใด...คือความทรงจำดี ๆระหว่างคนสองคน... มันทำให้ฉันหยิบขึ้นมาอ่านอีกครั้งและเชื่อว่า ความรักแม้จะเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบใด แต่สิ่งดีๆที่เราเคยมีให้กันและกันนั้น มันจะคงอยู่ในใจชั่วนิรันดร์....
thank you for your story.. your love...and our memories

 

โดย: เธอ IP: 202.28.181.9 15 กุมภาพันธ์ 2549 14:22:20 น.  

 

ชอบ The Notebook มากๆ เลยครับ แต่ยังไม่เคยอ่าน The Wedding เลยครับ ต้องหาซื้ออ่านซะแล้ว
ปล. ถึงซื้อตอนนี้ก็คงยังไม่ได้อ่านแน่เลยแหะ แหะ เพราะกำลังหลงใหลอยู่กับคินดะอิจิทั้ง 3 เล่ม อยู่ครับ ถ้ามีโอกาสคงได้อ่านรีวิวดินดะอิจิจากคุณผมอยู่ข้างหลังคุณนะครับ

 

โดย: เข็มขัดสั้น IP: 202.183.190.14 17 กุมภาพันธ์ 2549 15:17:00 น.  

 

อ่านหมดแล้วค่ะ

ตอนแรก ๆ ที่มีของคนเขียนคนนี้ไม่กี่เล่ม จะชอบ "ก้าวรักในรอยจำ" มากกว่า Notebook แต่มาเพิ่มความชอบ Notebook เมื่ออ่าน Wedding นี่แหล่ะ รู้สึกว่ามันสมบูรณ์มากขึ้น ดูเป็นความรักที่ลุ่มลึกดี

... ถ้านิโคลาสเขียนภาคต่อของ A Walk to Remember ให้เป็นเรื่องรักของพระเอกช่วงโตก็คงจะดี

 

โดย: ยาคูลท์ 19 กุมภาพันธ์ 2549 3:29:13 น.  

 

อ่านแล้วทำให้นึกถึงเรื่องราวของคนไข้ Alzeimer ที่อาจารย์เคยเล่าให้ฟังน่ะค่ะ

สามีเป็นโรค Alzeimer ที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนจำภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ดูแลตนเองมาตลอดไม่ได้ วันหนึ่งภรรยาของเขาจึงถามเขาว่า"ขอให้คุณรักฉันได้ไหม" สามีตอบเธอว่า"ขอโทษนะ แต่ผมรักคุณไม่ได้ เพราะผมได้มอบความรักให้ภรรยาของผมไปหมดแล้ว" เป็นเรื่องราวที่ทำเอาเพื่อนเราน้ำตาซึมกันไปหลายคนเลยล่ะค่ะ

 

โดย: azzurrini 19 กุมภาพันธ์ 2549 21:00:39 น.  

 

สวัสดีค่ะ
อ่านที่คุณผมอยู่ข้างหลังคุณเขียน
เขียนได้ซาบซึ้งมากๆๆๆถ่ายทอดเรื่องราวได้สวยงามมากๆๆค่ะ
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ งดงาม
และต้องขอบคุณเธอผู้เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เกิดบทความนี้ค่ะ

ความรักเป็นสิ่งงดงาม
หวังว่าทุกคนจะได้พบกับความงดงามนี้นะคะ

รวมทั้งตัวเองด้วย อาเมน

 

โดย: Ror-Rak IP: 202.28.181.9 20 กุมภาพันธ์ 2549 7:35:44 น.  

 

ปกติไม่ค่อยได้อ่านหนังสือแนวโรแมนติกน่ะครับ

ยิ่งช่วงนี้จะเอนท์ พระราชอำนาจก็ค้างเติ่งอยู่ที่เดิมมาจะสองเดือนแล้ว..

 

โดย: Admission Boy (nanoguy ) 20 กุมภาพันธ์ 2549 16:42:11 น.  

 

ชอบทั้งสองเล่มนี้ของสปาร์คค่ะ
อีก 2 เรื่องที่ชอบคือ A walk to remember และThe Rescue
แต่ที่ชอบมากๆ ที่สุดเลยคือ A bend in the roadค่ะ

 

โดย: ที่ได้พบกับเธอ นั่นคือโชคชะตา 21 กุมภาพันธ์ 2549 23:06:22 น.  

 

เข็มขัดสั้น ... ถ้าได้อ่านจบเมื่อไหร่ มีโอกาสจะเขียนถึงแล้วคงได้มาคุยกันอีกครั้งครับ

 

โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" 24 กุมภาพันธ์ 2549 0:43:30 น.  

 

เขียนได้ซาบซึ้งมากๆ เป็นหนังรักอีกเรื่องที่ คนมีรัก..ควรจะได้ดู

 

โดย: technophobia IP: 58.10.92.148 7 มีนาคม 2549 23:14:22 น.  

 

แค่อ่านไม่กี่ประโยคบน
เราก็เสียน้ำตาซะแล้ว

 

โดย: nuy IP: 61.91.127.210 7 มีนาคม 2549 23:56:34 น.  

 

สวัสดีค่ะ ผ่านมาโดยบังเอิญ
เขียนได้ดีมาก น่าสนใจมากค่ะ

 

โดย: alphabet @ mblog IP: 210.203.170.56 12 มีนาคม 2549 17:07:59 น.  

 

ชอบอ่านของนิโคลัส สปาร์ค มากๆเลยค่ะ หยิบมาอ่านทีไรเป็นต้องน้ำตาไหลพรากทุกที

 

โดย: Tenjo_Utena IP: 161.246.1.33 4 เมษายน 2549 19:28:11 น.  

 

กวีมักบรรยายถึงความรักว่าเป็นสภาพที่เราไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้ อารมณ์ที่อยู่เหนือตรรกะและเหตุผมใดๆ ผมเองรู้สึกอย่างนั้น ผมไม่เคยวางแผนว่าจะรักคุณ และคุณเองก็คงไม่ได้ตั้งใจจะมารักผม แต่ทันทีที่เราพบกัน เราต่างไม่สามารถกำหนด หรือควบคุมสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราได้ เราตกหลุมรักกันโดยไม่คำนึง ถึงข้อแตกต่างใดๆ และเมื่อมันเกิดขึ้น ความงดงามชนิดที่จะหาไม่ได้อีกแล้ว ก็ถูกสร้างขึ้นมา สำหรับผม ความรักแบบนี้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในชีวิต เพราะฉะนั้นผมจึงต้องจดจำทุกๆนาที ที่เราเคยมีร่วมกัน ไม่เคยลบลืมแม้แต่น้อยนิด




เพียงแค่หยิบมาอ่านอีกครั้ง ก็ทำให้หัวใจชุ่มฉ่ำได้

 

โดย: The Different light 12 เมษายน 2549 22:30:48 น.  

 

หยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาเพราะเห็นชื่อคุณจิระนันท์แปลค่ะแล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ตามเก็บทุกเล่ม ซื้อต้นฉบับมาอ่านชอบมากค่ะ

 

โดย: ชอบเหมือนเหมือนกัน IP: 210.246.73.213 15 เมษายน 2549 18:26:20 น.  

 

ชอบเรื่อง The Notebook มากๆเหมือนกันค่ะ ที่อ่านไปแล้วอีกเรื่อง คือ The Rescue ที่เขาก็เขียนได้ดีนะคะ (แต่เราก็ยังชอบ The Notebook มากกว่าอยู่ดี) ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ เขียนหนังสือได้กินใจผู้หญิงมากๆเลยเนอะ...
(ยังไม่ได้อ่านเรื่อง The Wedding อ่ะค่ะ)

 

โดย: หวัน (หวันยิหวา ) 12 พฤษภาคม 2549 18:36:29 น.  

 

ชอบเรื่องนี้มากๆเลยอ่ะ ขนาดมาอ่านบทความ ยังน้ำตาซึมอีกรอบ

 

โดย: อินจัด IP: 203.114.117.251 13 กรกฎาคม 2549 9:40:44 น.  

 

ร้องไห้อะค่ะ ฮือๆ

 

โดย: patsypacky ตามมาอ่าน IP: 203.156.44.241 13 กรกฎาคม 2549 11:54:34 น.  

 

เคยคุยกับเพื่อนว่า ทำไมอ่านหนังสือของ Sparks แล้วชอบร้องไห้
แล้วร้องไห้ชนิดที่ว่า ร้องเอาเป็นเอาตายเลยทีเดียว
ยังไม่ได้คำตอบนะคะ
แต่อาจเพราะตัวหนังสือของเขานั้น"เหงา"เหลือเกิน
บรรยายได้เหงา ยิ่งคนเหงามาอ่านด้วยแล้ว
ยิ่งไปกันใหญ่

 

โดย: Gloomy Sunday IP: 124.120.17.21 29 สิงหาคม 2549 17:21:16 น.  

 

 

โดย: gu IP: 212.10.201.19 30 กันยายน 2549 18:49:45 น.  

 

i like THE NOTEBOOK & THE WEDDING SO MUCH!!

 

โดย: gudfeeling IP: 212.10.201.19 30 กันยายน 2549 18:50:32 น.  

 

โอ้ว น่าสนใจ จะหามาอ่านนะครับ
ได้เล่มใหม่ๆ อ่านอีกแล้ว

 

โดย: คนขับช้า 22 สิงหาคม 2550 10:43:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2549
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728 
 
15 กุมภาพันธ์ 2549
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.