www.facebook.com/ibehindyou

ทุก comment ที่คุณให้มา ทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้สนุกกับการเขียน blog แล้วอ่านอยู่คนเดียว

American Gangster , โลกนี้ไม่ได้มีแค่สีขาวกับดำ / [ + กำหนดพบปะเพื่อนผู้อ่านในงานมหกรรมหนังสือ ]



Blog's talk


... เนื่องด้วย The Fall ยังขยักเขียนไม่เสร็จเพราะแบ่งเวลาไปปั่นต้นฉบับส่ง Filmax ก็เลยขอเอางานเก่าๆมาลงแก้ขัด

เพื่อเตรียมต้อนรับ Body of lies งานชิ้นล่าสุดของ ริดลี่ย์ สก๊อตต์ จึงขอเอาบทความที่เคยเขียนลงใน All magazine มาตัดต่อพันธุกรรมใหม่แล้วเอามาลงไว้ บวกกับ ที่ช่วงนี้ ไม่มีหนังโรงที่น่าสนใจให้เขียนถึงเลย ไปดู Ba:Bo มาก็น่าผิดหวัง

ไว้รอดูหนังโรงใหม่ๆอย่าง Eติ๋มตายแน่ และ Body of lies น่าจะมีอะไรชวนให้เขียนถึงมากกว่าเป็นแน่

[หนังล่าสุดที่ดู : Teeth (อิๆ จิมิ๊เขมือบโลก ที่ลือลั่นเรื่องนี้ มีประเด็นน่าเขียนถึง แต่เห็นว่า หนังเข้าแน่ๆ ไว้ตอนนังเข้าค่อยคุยกันอีกทีดีกว่า) , Prison Break SS 2-3-4 (ซีซั่น 4 ตอนแรก ไม่ค่อยหนุกเลย) , Memories of matsuko (อันนี้ถูกใจ เลยเขียนส่งไปให้ Filmax แล้ว ]


... และ ขออนุญาตโฆษณาครับ แหะๆ ไม่ใช้ blog ตัวเองก็ไม่รู้จะไปแนะนำที่ไหน

คือ

แบบว่า

ผลงานลำดับที่สาม หรือ หนังสือเล่มล่าสุดของ "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" เตรียมพบเพื่อนๆแล้วนะครับ เปิดตัวครั้งแรกในงานมหกรรมหนังสือ ที่ บูธ D12 สำนักพิมพ์ 4 Letter word ในโซน Plenary Hall

เจ้าของบล็อกหรือผู้เขียนนี่เอง จะไปพบปะเพื่อนๆและแจกลายเซ็น(หากท่านต้องการ) ใน วันเสาร์ที่ 18 ตุลาคม ช่วง บ่าย 3 - 4 โมงเย็น และ ถ้าหนังสือออกทัน วันเสาร์ที่ 11 ตุลาคม ก็จะไปนั่งแกร่วอยู่ที่บูธ เช่นเดียวกัน

แล้วพบกันครับ กับหนังสือเล่มล่าสุดที่ชื่อว่า









... American Gangster ดัดแปลงมาจากเรื่องราวชีวิตจริงของ แฟรงค์ ลูคัส เจ้าพ่อค้ายาผิวดำที่ฉวยโอกาสจากสงครามเวียดนาม สร้างเนื้อสร้างตัวขนเฮโรอีนผ่านเครื่องบินทหาร ก่อนที่จะถูกนายตำรวจ ริชชี่ โรเบิร์ตส์ พาทีมเข้าทลายอาณาจักรแล้วส่งเขาเข้าคุก แต่เพราะ แฟรงค์ ลูคัส ให้ความร่วมมือกับทางตำรวจเต็มรูปแบบ เขาจึงติดคุกไม่นานและมีโอกาสออกมาใช้ชีวิตโลกภายนอกในไม่กี่ปีถัดมา

ชื่อ American Gangster ฟังดูแล้วให้อารมณ์ความเป็นหนังเจ้าพ่อ หนังมาเฟีย แต่ American Gangster ไม่ได้เดินตามรอยหนังเจ้าพ่อที่หรูหรายิ่งใหญ่ประเภท Godfather หรือเข้าไป คลุกวงในตีแผ่เบื้องลึกวงการนักเลงแบบ Goodfellas เพราะ American Gangster จะค่อยๆพาคนดูไปทำความรู้จัก คนสองคนที่สุดแสนธรรมดาเพียงแต่ยืนอยู่คนละฟากฝั่งของอาชีพ

คนหนึ่งเป็นพ่อค้ายาเสพติด อีกคนเป็นนายตำรวจตงฉิน ซึ่งหากว่ากันด้วยหน้าที่การงาน ก็เหมือนคนหนึ่งเป็นสีดำ(ตัวร้าย) อีกคนเป็นสีขาว(พระเอก) แต่ความจริงที่หนังอยากให้เราเห็น เป็นเหมือนโปสเตอร์ของหนังเรื่องนี้ที่เล่นสี ขาว-ดำ ทาบทับตัวละคร

นั่นคือ ทั้งคู่ไม่ได้เป็นตัวละครสีเดียวเหมือนหนังส่วนใหญ่ที่เราเคยดู ประเภท ผู้ร้ายเลวทรามต่ำช้า ค้ายา ไร้ศีลธรรม กับ พระเอกคุณธรรมสูงส่ง มีชีวิตครอบครัวอบอุ่น ประกอบอาชีพสุจริต แต่ ทั้ง แฟรงค์ ลูคัส และ ริชชี่ โรเบิร์ตส์ ต่างก็เป็นคนธรรมดาเฉกเช่นเราๆ ที่มีทั้งสีดำมีทั้งสีขาวมีทั้งจุดบกพร่องและจุดแข็งแต่งแต้มเป็นเงาของกันและกัน




... แฟรงค์ ลูคัส ตั้งต้นจากการเป็น คนขับรถให้กับ บัมปี้ เจ้าพ่อผู้ทรงอิทธิพล เขาค่อยๆได้รับความไว้วางใจจนกลายเป็นคนสนิทที่ บัมปี้ คอยชี้แนะและถ่ายทอดแนวทางการทำงาน หลังจากบัมปี้เสียชีวิต แฟรงค์ขึ้นมารับช่วงต่อ ริเริ่มธุรกิจค้ายารูปแบบใหม่ ด้วยการบุกถึงถิ่นไร่ฝิ่นติดต่อผู้ค้าโดยไม่ผ่านคนกลาง ส่งผ่านข้ามทวีปมากับเครื่องบินที่ขนทหารระหว่างสงครามเวียดนาม แล้วกลับมาจัดจำหน่ายเฮโรอีนร้อยเปอร์เซ็นต์แบบไม่ผสมสารอื่นเจือปน ในชื่อ Blue magic



แฟรงค์ ถือคติพจน์ประจำใจในการทำงานว่า ‘ซื่อตรง มุมานะ’ เขาค่อยๆสร้างเนื้อสร้างตัวจนมีคฤหาสน์หลังโต แล้วก็เชื้อเชิญครอบครัวญาติพี่น้องที่เคยตกระกำลำบากให้ย้ายมาอยู่ร่วมกัน หางานให้ทุกคนทำ ชีวิตครอบครัวจากที่เหมือนตกอยู่ในหลุมดำกลับได้ลืมตาอ้าปากพร้อมหน้า

แฟรงค์กลายเป็นพ่อพระ เป็นต้นแบบที่น้องๆหลานๆต่างชื่นชมพร้อมรับความเชื่อจากแฟรงค์ที่พร่ำสอนว่า ‘โลกนี้มีคนอยู่แค่สองประเภท คือคนสำคัญคนมีความหมาย กับ คนไม่มีความหมายไม่มีตัวตน’

เขาเอาตัวรอดทั้งจากคู่แข่ง จากตำรวจชั่วๆ ด้วยการไม่ทำตัวให้โดดเด่น คอยกันภรรยากับแม่ให้อยู่วงนอกไม่ต้องรับรู้ว่าตัวเองทำงานอะไร จัดการธุรกิจอย่างชาญฉลาด ทำให้กองปราบต้องหัวหมุนในการตามหาตัวหัวหน้าใหญ่ เพราะไม่มีใครคิดว่าคนผิวดำเช่นแฟรงค์ จะทำได้ถึงขนาดนี้




...ยกเว้นคนหนึ่งคนที่กำลังไล่ตามเงาของ แฟรงค์ อย่างกระชั้นชิดนั่นคือ ริชชี่ โรเบิร์ตส์ นายตำรวจที่มีคุณลักษณะเดียวกับแฟรงค์นั่นคือ ซื่อตรง และ มุมานะแบบกัดไม่ปล่อย

ชื่อเสียงของริชชี่ ที่ทำให้ผู้คนรู้จักความซื่อสัตย์เที่ยงตรง ถูกนำเสนอตอนต้นเรื่องผ่านเหตุการณ์ที่เขาไปเจอเงินของกลางก้อนโตบนรถผู้ต้องสงสัย เขากับคู่หูสามารถที่จะมุบมิบเงินก้อนนั้นไปโดยที่ไม่มีใครรู้ก็ยังได้ แต่เขาเลือกการกระทำที่ให้ผู้คนรอบตัวมองเขาอย่างแปลกประหลาด และ ซุบซิบนินทาว่าเป็นเหมือนคนโง่ คือ เลือกนำเงินก้อนนั้นคืนเข้ากองกลาง

ความซื่อสัตย์ มุมานะ ต่องานที่ตัวเองทำ คือ สิ่งที่ ริชชี่กับแฟรงค์ มีร่วมกัน แต่ จุดแตกต่างที่หนังช่างเย้ยหยันชีวิตตัวละครคือการกำหนดให้วายร้ายอย่าง แฟรงค์ มีครอบครัวที่เป็นสุข มีภาพของความสมัครสมานสามัคคีเฮฮาปาร์ตี้เปี่ยมรอยยิ้ม

แต่ พระเอกคนดีอย่าง ริชชี่ กลับล้มเหลวโดยสิ้นเชิงในการประคองครอบครัว เพราะความเจ้าชู้ บ้างานจนละเลยคนใกล้ตัว ทำลายสัมพันธภาพระหว่างเขาและภรรยา พาให้ครอบครัวแตกแยก นำไปสู่การต้องขึ้นโรงขึ้นศาลพิจารณาคดีเพื่อแย่งสิทธิเลี้ยงดูลูก


... ริชชี่คิดว่าการทุ่มเทให้กับการงาน การพยายามช่วยประชาชน ความซื่อสัตย์ที่ตัวเองมี ไม่ควรได้รับผลตอบแทนเช่นนี้ จนถูกภรรยาตอกกลับระหว่างช่วงพิจารณาคดีให้เขาเห็นจุดบอดของตัวเองเมื่อเธอบอกเขาว่า

“คุณคิดว่าตายไปได้ขึ้นสวรรค์เพราะซื่อสัตย์ แต่ไม่เลย ความซื่อสัตย์ที่ทำไปเพื่องาน มันชดเชยไม่ได้กับที่ไม่ซื่อตรงกับภรรยา ไม่เคยมีเวลาให้ครอบครัว”

ความเหมือนและความต่างของแฟรงค์กับริชชี่ ชวนให้อดคิดไม่ได้ว่า หากทั้งคู่มาพบกันโดยไม่มีเรื่องอาชีพมาเกี่ยวข้อง ทั้งสองคนมีโอกาสเป็น เพื่อนสนิท ที่แลกเปลี่ยนมุมมองชีวิต เรียนรู้การบริหารงานบริหารครอบครัวให้ดีขึ้น มากกว่าจะเป็น ศัตรู




....ภาพที่ทรงพลังที่สุดในหนังเรื่องนี้ที่ผมชอบ คือ การเผชิญหน้าระหว่าง แฟรงค์ กับ ริชชี่ ที่หน้าโบสถ์ หลังจากที่สองชั่วโมงกว่าๆในหนัง ทั้งคู่ไม่มีโอกาสได้พบกันเลย

การที่หนังเลือก โบสถ์ ให้มาเป็นจุดที่พาพวกเขามาพบกัน เป็น สัญลักษณ์ที่ใช้แยกสีขาวกับดำที่เหลื่อมล้ำในตัว ริชชี่ กับ แฟรงค์ ได้อย่างชัดเจน โบสถ์ เป็นเหมือนเส้นแบ่งของ ความถูกต้องและศีลธรรม

เพราะถึง แฟรงค์มาโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ไม่เคยขาด แต่ งานที่เขาทำนั้นสวนทางกับคำสอนที่โบสถ์มีโดยสิ้นเชิง ธุรกิจผิดกฎหมายของแฟรงค์ ที่ดึงครอบครัวจากความลำบากมาพบกับความรุ่งโรจน์ เป็น ความสุขหอมหวานที่สอดไส้ยาพิษ และ เริ่มออกฤทธิ์เมื่อ หลานเห็นลุงแฟรงค์ที่ได้เงินมาง่ายดายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก เปลี่ยนความฝันที่เคยอยากเป็นนักฟุตบอลของหลาน ผันแปรมาเป็นอยากทำงานเดียวกับลุงแฟรงค์

ต่อให้ แฟรงค์จะเห็นแก่อนาคตและไม่เต็มใจที่จะให้หลานเข้ามาคลุกคลีในวงการ ก็ยากที่จะเปลี่ยนทัศนคติที่หลานๆมี เพราะ ความเป็นต้นแบบ (role model)ที่หลานๆกับน้องๆมองเขาอย่างเชิดชู คู่กับรูปแบบการดำเนินชีวิตที่สุขสบาย เด็กๆในครอบครัวเห็นความง่ายในการเป็นเศรษฐีจากการค้ายามากกว่าจะมาจากการเป็นนักฟุตบอล

สุดท้าย ความมาดมั่นที่แฟรงค์หวังจะผลักดันให้ตัวเองกับญาติๆเป็นคนสำคัญ(somebody) ด้วยการมองข้าม ‘ความถูกต้องกับศีลธรรม’ จึงนำแฟรงค์กับครอบครัวไปสู่การเป็น Somebody อย่างที่ฝัน แต่ต้องแลกกับความสุขสงบของครอบครัว หลงเหลือไว้แต่ ความหวาดกลัว ความเจ็บปวด และ การสูญเสียที่ไม่อาจเรียกคืน



... นอกจากสองตัวละครหลักๆอย่าง แฟรงค์ กับริชชี่ ผมชอบ มุมมองต่อคนฝั่งรัฐในหนังเรื่องนี้ ที่มีน่าสนใจไม่แพ้กัน

เมื่อหนังสะท้อนภาพของความเสื่อมโทรมของระบบราชการที่มอง เรื่องโกงกิน สินบนเป็นเรื่องธรรมดา เราจะเห็นนายตำรวจที่ไปปล้นยาจากคนติดยา เห็นนายตำรวจที่ทั้งยักของกลาง ข่มขู่ประชาชน และ ใช้สถานภาพ ความเป็นตำรวจ หาประโยชน์ใส่ตัวมากกว่าจะพิทักษ์ประชาชน

ที่แย่ยิ่งกว่า คือ เราได้เห็น สายตาของคนรอบข้างที่มอง ความซื่อสัตย์ของเพื่อนตำรวจ เป็น ความโง่ตื้นเขิน แทนที่จะเป็น ความชื่นชม

ยังมีคนของรัฐบาลที่ใส่ใจ ภาพลักษณ์ขององค์กร มากกว่าจะทำหน้าที่ของตัวเอง แถมยังแสดงท่าทีเหยียดผิวอย่างเห็นชัดที่ไม่เชื่อว่า คนผิวดำอย่างแฟรงค์จะมีความสามารถในการขึ้นไปอยู่ระดับแนวหน้า ซึ่งความลำพองและดูถูกดูแคลนเหยียดชนชั้นของผู้มีอำนาจนี้เองที่เป็นเหตุให้พลาดในการตามจับคนร้ายตัวจริงที่ลอยนวลอยู่หลายปี





... สองชั่วโมงกว่าๆในหนังถือว่าเป็นผลงานหนังอาชญากรรมตำรวจจับผู้ร้ายที่เข้มข้นถึงใจ ยิ่งได้ ดาราเจ้าฝีมืออย่างเดนเซล วอชิงตัน และ รัซเซล โครว มาห้ำหั่นกัน ก็เป็นตัวเลือกที่เก๋าเจอเก๋า ดูแล้วสะใจน้องๆตอนที่ดู อัล ปาชิโน่ ปะทะ โรเบิร์ต เดอ นีโร ในหนังเรื่อง Heat เลยทีเดียว

American Gangster จึงเป็นอีกหนึ่งผลงานที่ไม่น่าพลาดของ ผู้กำกับ ริดลีย์ สก็อตต์ เจ้าของผลงานหนังออสการ์อลังการย้อนยุค Gladiator และผู้เปิดตำนานหนังไซไฟสยองขวัญอย่าง Alien และ ทำให้ผมลุ้นว่า Body of lies ที่เอาน้องลีโอนาโด้ มาประกบ รัซเซล โครว์ ผลจะออกมาเป็นเช่นไร







สามารถติดตามบทสรุป การให้คะแนน และบทวิจารณ์ของภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่มเติม หรือบทวิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ พร้อมความเห็นของเพื่อนร่วมบล็อคที่รักการดูหนัง ได้ที่ //vreview.yarisme.com พร้อมลุ้นรับบัตร Major M Cash มูลค่า 500 บาท จำนวน 8 ใบ ทุกเดือน









ขอฝากหนังสือสองเล่มของ "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" ด้วยค้าบ "หนังสือรัก" หนังสือที่หยิบยกความรักและความสัมพันธ์ในภาพยนตร์ มาช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและคนรอบข้าง ได้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม ส่วน องศาที่ 361 คือ หนังสือจะช่วยให้คุณค้นหามุมเล็กๆในตัวเองที่จะมีความสุขในชีวิตได้มากขึ้น โดยอาศัย'หนัง'เป็นสะพานพาไปเข้าใจตัวเอง


เพื่อนๆที่หาซื้อตามร้านไม่ได้ "หนังสือรัก"เข้าไปสั่งได้จากเว็บของสนพ.เลยจ้าที่ //www.bynatureonline.com/store/bookstore.php ส่วน องศาที่ 361 สั่งได้จากเว็บของซีเอ็ดครับผม




ชวนไปอ่านบทความเรื่องอื่นๆ คลิก >> หน้าสารบัญ

ชวนคลิก ชวนคุยกับเจ้าของ Blog ที่ --> หน้าแรก

รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง





ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง

ความเห็น
ของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป




 

Create Date : 06 ตุลาคม 2551
4 comments
Last Update : 6 ตุลาคม 2551 17:53:03 น.
Counter : 9244 Pageviews.

 

เจิมๆๆๆ
OK. รับฝากค่ะ..



องค์การสหประชาชาติกำหนดให้วันจันทร์แรกของเดือนตุลาคม
เป็นวันที่อยู่อาศัยโลก..(World Habitat Day)

เพื่อเป็นการรณรงค์ให้ประชาชาติต่างๆตระหนักถึงความสำคัญ
ของปัญหาผู้ไร้ที่อยู่อาศัย/หรือมีที่อยู่แต่ขาดความมั่นคง

 

โดย: เริงฤดีนะ 6 ตุลาคม 2551 19:36:30 น.  

 

+ ก็เป็นหนังที่ดีใช้ได้ทีเดียว แต่ผมชอบแค่ประมาณนึง ... คงเพราะไม่ใช่หนังแนวผม กับผมคงไม่ค่อยถูกสไตล์กับ ผกก.ริดลีย์ สก็อต เท่าไหร่ด้วยมั้งครับ (สังเกตตัวเองมาหลายเรื่องแล้ว หนังของลุงแกที่ผมชอบมากที่สุด กลับเป็นหนังเฟมินิสต์อย่าง Thelma & Louise ซะงั้น และผมยังไม่ได้ดู Blade runner กับ Alien แบบเต็มๆ แหะๆ )

+ 2 คน 2 ขั้วเล่นบทดราม่ากันออกมาได้ดีทีเดียวนะครับ ... แต่ป้า รูบี้ ดี ออกไม่กี่ฉากเอง ถึงกับได้เข้าชิงออสการ์ประกอบหญิงเชียว (คงหาโอกาสยกย่องผู้สูงวัย) ทั้งๆ ที่ในปีนั้น รู้สึกจะมีอีกหลายคนที่น่าได้เป็น 1 ใน 5 คนสุดท้ายเหมือนกันนี่นา

 

โดย: บลูยอชท์ 6 ตุลาคม 2551 19:42:42 น.  

 

ผมชอบนะเรื่องนี้ แต่ก็นั่งดูจนเมื่อยกันไปเลยล่ะ

 

โดย: haro_haro 7 ตุลาคม 2551 11:16:22 น.  

 

ชอบมากเลยเรื่องนี้
ดูมันส์เหลือเชื่อ
เสียดายไม่ได้ดูในโรง

 

โดย: blackholesun IP: 124.120.173.5 18 ตุลาคม 2551 23:44:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
6 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.