www.facebook.com/ibehindyou

ทุก comment ที่คุณให้มา ทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้สนุกกับการเขียน blog แล้วอ่านอยู่คนเดียว

Paris, je t'aime - ปารีสฉันรักเธอ ... แล้วเธอละ รักตอนไหนใน 'ปารีสเฌอแตม'



...มีโจทย์อยู่สองข้อสำหรับ Paris, je t'aime หนึ่งคือ หนังสั้น สองคือ ปารีส(ฉันรักเธอ) จากนั้นผู้กำกับระดับแถวหน้าทั้งหลายก็ต้องรับผิดชอบตีความ ความเป็น ปารีส เฌอแตม ของตัวเองออกมา ซึ่งแต่ละคนนั้นก็จัดได้ว่าเป็นแถวหน้า ในงานกำกับหนังยาว การต้องเปลี่ยนมากำกับหนังสั้นกินเวลา 5-7นาที เป็นเหมือนการบ้านที่ยากและท้าทายความสามารถของพวกเขาอยางยิ่ง

ความหลากหลายและอิสระทางความคิดทำให้ผู้กำกับกลุ่มนี้สร้างงานในมุมมองตัวเองออกมาหลากรูปแบบหลากอารมณ์ ถ้าจับดูแยกแค่บางเรื่องจะพบว่า มันช่างบางเบาโหวงเหวง และ บางเรื่องก็เจ๋งน่าดู

เมื่อยำผสมกันออกมา จึงทำให้ เป็นรวมหนังสั้นที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่ง เพียงแต่ มันไม่ได้ดีเท่าที่คาดไว้เท่าไหร่นัก เพราะ การโชว์ของ ของผู้กำกับหลายคนก็ออกจะเป็นเหมือน งานพักผ่อน จนเกินไปนิด และ เมื่อตอนที่ชอบมาก ต้องมาถัวเฉลี่ยกับตอนที่ ไม่ปลื้ม ผลรวมก็เลยออกมายัง ไม่โดน เท่าที่ควร

ตอนจบของหนัง มีการพยายามเชื่อมโยง เรื่องราวในบางตอนเข้าด้วยกัน เสียดายที่ทำได้แค่บางตอน มันก็เลยอดรู้สึกไม่ได้ว่า ถ้าเช่นนั้น จบลงตรงที่เรื่องสุดท้ายโดยไม่ต้องพยายามเชื่อมโยง ก็น่าจะเพียงพอแล้ว

อย่างไรก็ดี หนังชุดนี้ก็มี หลายเรื่องที่ เป็น ตัวอย่างของหนังสั้นเวลาไม่ถึงสิบนาที ที่ทำออกมาได้คุ้มค่าต่อการรับชม


สำหรับผม ปารีส กลุ่มนี้ คือ ปารีสที่ผม รัก


Quartier Latin (ร้ายเข้าคู่) ฝีมือกำกับของ Frederic Auburtin คู่กับ Gerard Depardieu

คู่สามีภรรยาวัยดึกนัดเจอเพื่อเจรจาการหย่า แม้จะกัดกันเหน็บกันไปมา ในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ เราสามารถสัมผัสได้ถึง ความเชื่อมโยง(connection)ของคนทั้งสองคน ที่น่าเศร้าก็ตรงเหมือนชีวิตคู่หลายๆชีวิต ที่แม้จะยังคงเหลือความรักแต่สุดท้ายแล้วก็ไม่อาจไปด้วยกันได้ เหลือลงท้ายที่ความขมขื่น

การจับคู่ของสองนักแสดงที่เคมีเข้ากันแบบแสบสันต์ ทำให้ ภาพคนหนึ่งบอก Bitch แล้วอีกคนส่ง จูบ ให้นั้นยังติดตา



Faubourg Saint-Denis (ความรักในโลกมายา) ของ Tom Tykwer เจ้าของผลงานสุดฮิป อย่าง Run Lola Run งานน่าทึ่งอย่าง Heaven และ งานน่าชื่นชมล่าสุดใน Perfume

ชายตาบอดพบรักนักแสดงสาวหน้าใหม่ ความรักดำเนินไปไวปานกดปุ่ม FF เราจะได้เห็นตั้งแต่แรกรักจนแยกจาก ก่อนจะตีตลบกลับมาอีกครั้ง นอกจากเทคนิกการเล่าเรื่องที่เจ๋งและล้ำ การเล่นกับ โลกมืด VS. โลกมายา ก็ทำให้ช่วงเวลาสั้นของหนังได้โชว์ความคิดสร้างสรรค์ของตัวบทภาพยนตร์



Tour Eiffel (มนต์รักละครใบ้) ของ Sylvain Chomet ที่เคยมีผลงานแอนิเมชั่นปั่นจักรยาน The Triplets of Belleville

เด็กผู้ชายคนหนึ่งจะมาเล่า ชีวิตรักของพ่อและแม่ก่อนที่จะมีเขาถือกำเนิดขึ้นมา พ่อและแม่ของเขาไม่เหมือนคนธรรมดาๆทั่วไป เพราะ ทั้งคู่เป็นนักแสดงละครใบ้หน้าขาว ซึ่ง การแสดงละครใบ้ที่อยู่ในหนังคือเสน่ห์ที่ทำให้ตอนนี้มีความน่ารักเป็นอย่างยิ่ง



Parc Monceau (บทสนทนาพาเพลิน) ของ Alfonso Cuaron ที่เพิ่งจะทำให้เราได้ทึ่งใน Children of men โดยเฉพาะฉากลองเทคที่ดูเหมือนเขาจะติดใจ

ในชุดนี้ มีหนังที่ผมจัดอยู่ในกลุ่ม “ไม่มีอะไรในกอไผ่” อยู่สองสามเรื่อง บังเอิญ ตอนนี้เป็นตอนที่ผมชอบ แม้เนื้อหาจะมีอยู่แค่ว่า พ่อกับลูกเดินคุยกันเกี่ยวกับการมีห่วงคล้องชีวิตให้ขาดอิสระ จากต้นถนนไปสุดทาง เพียงแค่คุยเท่านี้จริงๆ แต่ การถ่ายแบบลองเทคบวกกับจุดหักมุม(สำหรับผม) ก็ชวนให้ยิ้มได้เมื่อหนังจบลง เรื่องนี้ถ้าไม่กลับมาดูรายชื่อนักแสดง จะไม่ทันสังเกตเลยว่า สาวอึ๋มสุดเซ็กซี่Ludivine Sagnier จาก swimming pool คือ ตัวเอกของเรื่อง


Bastille (การเกิดใหม่ของความรัก) ของ Isabel Coixet จาก My Life Without Me

'เขา' กำลังจะบอกเลิกกับ 'เธอ' แต่ด้วยเหตุบางอย่างที่สอดแทรกเข้ามา การบอกเลิกจึงต้องเปลี่ยนไป แล้ว ความรักก็ผลิบานใหม่อีกครั้ง เป็นหนังสั้นตอนที่เล่าเรื่องโดยใช้ความเป็นหนังสั้นเมโลดราม่าได้เข้าที ผมชอบตอนนี้ในแง่ของการเป็น หนังรัก ที่ใช้เวลาสั้นๆ เล่าเรื่องราวและส่งต่ออารมณ์มายังคนดูภายในเวลาที่กำหนดได้อย่างลงตัว



Porte de Choisy(หรรษาในปารีส) โดย Christopher Doyle ตากล้องฝีมือเฉียบคู่ใจหว่องกาไว

มารับงานกำกับเองในตอนนี้ ไม่รู้จะเล่าเนื้อเรื่องอย่างไร กับ หนังโชว์สไตล์ขายความแหวกแนว ที่ดูจะเป็นตอนเดียวในชุดนี้ ที่ไม่ได้พูดถึงความรักความสัมพันธ์ ที่ชอบตอนนี้เพียงเพราะ มันบ้ามาก บ้ามากและ บ้ามาก



14th arrondissement (ปารีสและตัวฉัน) โดย อเล็กซานเดอร์ เพย์น จาก Sideways

เพย์น ยังคงนำเสนอชีวิตช่วงวัยกลางคนที่เปลี่ยวเหงาของตัวละครได้เป็นอย่างดี และ ที่น่าชื่นชมคือ มันสอดรับกับปารีสตามชื่อเรื่อง จนออกมาเป็นความรื่นรมย์ทั้งจากเรื่องราวของตัวละครและจากตัวเมือง สมกับชื่อเรื่องเป็นอย่างดี



สำหรับคุณแล้ว คุณรักปารีส ตอนใดใน Paris, je t'aime




หมายเหตุ : และ ความเห็นต่อไปนี้ คือ ปารีสส่วนที่เหลือ

ปารีส ผม ชอบ เธอ


Quais de Seine (รักแรกรุ่น) จากผู้กำกับที่มีผลงานดาวรุ่งเรื่อง Bend It Like Beckham ที่ให้เด็กสาวคนหนึ่งอยากเป็นนักฟุตบอล มาสู่เรื่องของ เด็กหนุ่มวัยแตกพานนั่งแซวสาวอยู่ริมแม่น้ำ หนึ่งในนั้นก็ได้พบสบตากับ สาวมุสลิม ความปิ๊งทำให้เขาถอนตัวออกมาจากกลุ่มเด็กแนวแซวสาวปากเสีย มาติดตามเธอเพื่อหวังทำความรู้จัก

หนังน่ารักๆสบายๆ เสียดายที่มีอะไรน้อยไปนิด แต่อารมณ์ใสๆของวัยใสทำได้ดี




Tuileries (ซวยเพราะสบตา) โดย สองพี่น้องโคเอนที่รู้จักในหนังตลกร้ายหลายต่อหลายเรื่อง

นักท่องเที่ยวอเมริกันกำลังนั่งพักในสถานีรถใต้ดิน ดูเขาจะมีความสุขกับการมาเมืองใหม่ๆเช่นปารีส แต่แล้วเขากลับทำผิดคำแนะนำที่คู่มือนักท่องเที่ยวบอกไว้ อย่าสบตาคนฝรั่งเศส ผลลัพธ์จึงตามมาด้วย ความซวยแสนเซ็ง
ซึ่งก็ขำดี แต่ ทั้งนี้ทั้งนั้น เครดิตหลักๆน่าจะยกให้กับ การแสดงซื่อกวนโอ๊ย ของ สตีฟ บุซเซมี่



Quartier des Enfants Rouges (รักเธอหลังซื้อยา) จากผู้กำกับที่ล่าสุดกำกับจางม่านอวี้ใน Clean

นักแสดงสาวชาวอเมริกัน สั่งยา(เสพติด)จากคนท้องถิ่น เพียงชั่ววินาทีที่เขาอยู่ใกล้และสื่อสารความปรารถนาอย่างสัมผัสเธอ เขาจากไปมอบเบอร์ให้ เธอสั่งยาใหม่หวังเจอเขา แต่ เขาไม่กลับมา ให้อารมณ์เศร้าๆเหงาๆเล็กๆ ทำให้รู้สึกถึงความจี๊ดแรกพบได้ดีกว่า ตอนแรกของหนังชุดนี้



Pere-Lachaise (รักระหว่างหลุม)ของWes Craven เจ้าพ่อหนังหยองๆอย่าง Scream

นักท่องเที่ยวคู่รักหนุ่มสาวสองคนท่องเที่ยวปารีส แล้วความไม่เข้ากัน วิญญาณดวงหนึ่งช่วยให้ทั้งคู่ปรับความเข้าใจ หนังเล่าปัญหาความสัมพันธ์ที่พบกันได้บ่อยๆแบบเบาๆ


Place des fetes (รักเลี่ยนๆ) ของ Oliver Schmitz

พนักงานลานจอดรถ ปิ๊ง สาวผิวดำคนขับรถ แล้ว ชั่วข้ามวันข้ามคืน ชะตากรรมนำเขาและเธอมาพบกันอีกครั้ง ได้พูดคุยและซื้อกาแฟมาดื่มด้วยกัน เพียงแต่ว่า ...

ถ้าตอนหญิงชุดแดงว่าบิวท์แล้ว ตอนนี้ผมยิ่งรู้สึกถึงความบิวท์แบบสุดๆจนเลี่ยนไปนิดและเดาได้ง่ายไปหน่อย ก็เลยอินน้อยลงตาม


Place des victoires(ความเศร้าที่กัดกิน) โดยผู้กำกับจากแดนปลาดิบ Nobuhiro Suwa

เล่าเรื่องภาวะเศร้าโศกจากการสูญเสีย(grief)ที่เจ้าตัวยังไม่สามารถทำใจ การเดินทางของตัวละครภายในช่วงเวลาไม่กี่นาทีของจูเลียต บิโนช ทำให้ตอนนี้เป็นตอนที่ดึงอารมณ์คนดูลงต่ำก่อนจะผ่อนคลายในตอนจบ เป็นอีกตอนที่ดีเสียตรงที่มันสั้นเกินไปหน่อยสำหรับการอินตาม


oin du 16eme (ค่าน้ำนม) ฝีมือการกำกับของ Walter Salles และ Daniela Thomas

ความเป็นแม่ถูกนำเสนออย่างเรียบง่ายและอบอุ่น แทบจะไม่มีพล็อตอะไรมาก แต่ อารมณ์ของหนังที่ตั้งใจจะบอกเล่าความเป็นแม่ ทำได้ถึงใจคนดูเต็มๆ



Le Marais(โทรหากันหน่อย) โดย Gus van Sant

อีกหนึ่งในกลุ่ม “ไม่มีอะไรในกอไผ่” มีดีตรงจังหวะของหนังที่เล่นกับภาวะ lost in translation ให้คนดูได้อมยิ้ม เพียงแต่ ดูจบได้แต่คิดว่า เนื้อหามีเท่านี้จริงๆเหรอ


และ 3 เรื่องสุดท้ายนี้ คือ


ปารีส - ผมฯไม่ปลื้ม


Montmartre(ความว่างเปล่าในปารีส) จากผู้กำกับชาวฝรั่งเศสมีผลงานหนังฝรั่งเศสหลายเรื่องที่ผมไม่เคยดู

อีกเรื่องที่ผมจัดไว้ในกลุ่ม “ไม่มีอะไรในกอไผ่”นี่เป็นตอนที่ไม่ชอบมากที่สุด เพราะ เนื้อหารึก็ไม่ได้ อารมณ์รึก็ไม่ถึง และบังเอิญโผล่มาเป็นตอนแรก ชวนให้หวั่นๆตอนถัดๆไปอยู่เหมือนกัน



Quartier de la Madeleine (ผีดิบกลางปารีส) จากผู้กำกับหนังชวนคิดที่จับคนใส่กล่องสี่เหลี่ยม เรื่อง Cube

สีสันเจ็บๆ เด่นด้วยสไตล์และงานภาพ แต่ ดูจบ กลับไม่รู้สึกว่าถึงอะไรที่น่าจดจำ ไม่ประทับใจ


Pigalle (เซ็กส์เสื่อมในปารีส) โดย Richard LaGravenese

หนุ่มใหญ่หมดสมรรถภาพทางเพศ ตามหา ความรู้สึกที่หดหาย เป็นตอนที่ไม่ค่อยอินเท่าไหร่ แถมโปสเตอร์ตอนท้ายก็ดันไม่ขึ้นซับไตเติ้ลให้ เลยไม่รู้เลยว่าสองคนนั้นเป็นอะไรกันอีกหรือเปล่า




ขอฝาก"หนังสือรัก" พ็อกเก็ตบุ้คที่ไม่ใช่ หนังสือวิจารณ์หนัง แต่เป็นการหยิบยกความรักและความสัมพันธ์ในภาพยนตร์ มาช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและคนรอบข้าง ได้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม



(นอกจากตามร้านทั่วไป สนพ.ฝากแจ้งว่า มีลด15% ถึงสิ้นเดือนกค.ที่ ดอกหญ้าสาขา อนุสาวรีย์, เมเจอร์สุขุมวิท, พันธ์ทิพย์ กทม., เมเจอร์เชียงใหม่, แฟชันไอแลนด์, เมเจอร์รังสิต, เมเจอร์ปิ่นเกล้า, เมเจอร์รัชโยธิน)

เพื่อนๆที่หาซื้อตามร้านไม่ได้ เข้าไปสั่งได้จากเว็บของสนพ.เลยจ้าที่ //www.bynatureonline.com/store/bookstore.php






ชวนไปอ่านบทความเรื่องอื่นๆ คลิก >> หน้าสารบัญ

ชวนคลิก ชวนคุยกับเจ้าของ Blog ที่ --> หน้าแรก

รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง





ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง

ความเห็น
ของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป




 

Create Date : 24 กรกฎาคม 2550
23 comments
Last Update : 24 กรกฎาคม 2550 16:56:48 น.
Counter : 3401 Pageviews.

 

การดูหนังเป็นเรื่องของรสนิยมจริงๆ นะคะ เพราะเราชอบเรื่องนี้มากๆ เลยล่ะ และตอนเดียวที่รู้สึกว่าไม่ชอบก็คือ Porte de Choisy(หรรษาในปารีส) โดย Christopher Doyle นั่นล่ะค่ะ

 

โดย: เดอะ กั้ง 24 กรกฎาคม 2550 3:39:01 น.  

 

ผมชอบตอนคนดำ ตอนนาตาลีพอร์ตแมน ตอนสาวชุดแดง ตอนสาวมุสลิม และก็ตอน Bitch ครับ
(ขี้เกียจก๊อปชื่อภาษาฝรั่งเศสง่ะ - -)

 

โดย: nanoguy 24 กรกฎาคม 2550 5:43:48 น.  

 

ชอบตอนละครใบ้กับ 14th arrondissement ค่ะ

ของ Doyle นี่ไม่เข้าใจอ่ะ

 

โดย: Pat :o) IP: 203.150.210.148 24 กรกฎาคม 2550 9:12:02 น.  

 

จากทั้งหมด 18 เรื่อง ดูไม่เข้าใจไป 3เรื่องครับ คือ

- Montmartre ที่หาที่จอดรถ เอ่อ มันจะสื่อถึงอะไรหว่า ยิ่งพอจบ ยิ่งมึน ว่า 2 คนนี้เขารู้จักกันมาก่อนไหมเนี่ย

- Pigalle เรื่องนี้ก็ฮา เลยนะครับ แต่งงตอนจบเหมือน จขบ. เลย ว่า อ้าว แล้เว 2 คนนี้เขาเป็นอะไรกันหว่า ยิ่งฉายมาที่โปสเตอร์ ยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่

- Porte de Choisy แบบว่างงครับ เพราะผมไม่เข้าใจเลยว่า อ้ายหนี่ เขาคือใคร และทำไมอยู่ดีๆ เหล่าอาเจ๊เขาถึงเปลี่ยนภาพลักษณ์ งงหนักเลยครับ

แต่ตอนที่ชอบมั่กๆ เลยก็มี

- Quartier de la Madeleine มันแนวมาก แบบว่า อูย ทึ่ง แนวจริงๆ ปิดท้ายเรื่องด้วย การแลกริมฝีปากที่ต้นคอ ได้ใจมากๆ (รู้สึกผมชอบความซาดิสต์จากตอนนี้มากๆ เลยครับ)

- Faubourg Saint-Denis ชอบมากๆ เลยครับ ที่เป็ฌนการเล่าเรื่องผ่านความคิด โดยเริ่มจากคำพูดทางโทรศัพท์ในหลายๆ ประโยค แลมาปิดท้ายที่ โทรศัพท์อีกที แบบว่า อูย ได้ใจ

- Le Marais เรื่องนี้ได้กลิ่นความ Y มาเลยครับ นั่งดูไป แบบว่า เอาล่ะเสะๆ พอตอนจบ อ้าว โธ่ แหม คนเรานะ 5555555555

- Quartier Latin ชอบแบบเดียวกับ จขบ. เลยครับ เพราะตอนจบของตอนนี้ ได้ใจผมมากๆ อย่างนี้สิ ถึงกินกันไม่ลง จนต้องหย่าน่ะ แค่คำว่า Bitch ก็ได้ใจจี๊ดๆ เลยครับ

- Quais de Seine น่ารักมากๆ ครับ ผมชอบบทสนทนาระหว่าง ชายหนุ่มกับหญิงสาวมากๆ ตรงที่มองเรื่องความสวยของหญิงสาว และทำไมต้องใช้ผ้าคลุมหัว มันทั้งน่ารัก และกินใจน่ะครับ โดนมากๆ (ผมว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องแรก มากกว่าไอ้เรื่องหาที่จอดรถมากกว่านะครับ)


ส่วนตอนอื่นๆ OK หมดครับ แต่ไม่ถึงกับชอบมาก แบบตอนข้างบนๆ ครับ

 

โดย: เข็มขัดสั้น IP: 202.183.190.14 24 กรกฎาคม 2550 9:55:44 น.  

 

สนุกบ้าง ไม่สนุกบ้างปนเปกันไปค่ะ

โดยส่วนตัวแล้วรู้สึกสนุกกับหนังช่วงแรก ๆ ถึงกลางเรื่อง มาหลับเอาตอน Pere-Lachaise (รักระหว่างหลุม) จนถึงตอนจบเลยค่ะ (มารู้ที่หลังว่าเหล่านี้เป็น 3-4 ตอนหลังของหนัง) เสียดายที่ไม่ได้ดูตอนสุดท้ายของ Alexander Payne เพราะมีหลายคนบอกว่าตอนนี้เป็นตอนสรุปได้ดีที่สุดที่พ้องกับชื่อของหนัง Paris Je T'aime

ส่วนตัวแล้วชอบตอน Place des fetes (รักเลี่ยนๆ) มากที่สุดค่ะ ตอนจบอึ้ง ๆ ไปเหมือนกัน ส่วนเรื่องของนักแสดงตลกละครใบ้นั้นก็ขำมาก ช่วยให้อาการง่วงเหงาหาวนอนของดิฉันบรรเทาลงไปได้มากทีเดียว

 

โดย: Tai-Sarunya IP: 202.28.169.165 24 กรกฎาคม 2550 9:57:56 น.  

 

ไปดูในวันที่เจ็บปวดใจค่ะ อกหัก เพิ่งรู้ว่าคนที่เรารักโกหกเรามาตลอด ความรักจบสิ้น ขนาดไปดูหนังคนเดียวยังทำไม่ได้เลยค่ะ ต้องชวนเพื่อนไปด้วย
แล้วก็เลือกดูเรื่องนี้เพราะตอนนี้กำลัง in love กับอะไรก็ตามที่เป็นฝรั่งเศส จบ ยิ้ม กลับบ้านอย่างอิ่มใจแบบพอเพียง ไม่มากไม่น้อย แค่ต่อพลังและกำลังใจได้ค่ะ

ชอบคู่ปู่ย่าที่จะหย่ากันเหมือนกันค่ะ มิน่าเค้าเลือกคู่นี้มาเล่น ถ้าไม่ได้คู่นี้ หนังคงไม่จี๊ดเท่าไหร่ ชอบคู่ฮันนีมูนที่สุสานด้วยค่ะ

แล้วสำหรับหนังแค่ 5 นาที คู่ของนาตาลี พอร์ทแมน กะมิแรนด้า ริชาร์ดสัน (เมียป่วยใกล้ตาย) ตอบโจทย์ได้ดีค่ะ ใช้เวลาแค่ 5 นาทีได้ใจความครบถ้วนมาก สุดยอดส์อะ

 

โดย: patsypacky IP: 203.156.50.44 24 กรกฎาคม 2550 10:13:50 น.  

 

งงกะตอนตา ดอย กับ เรื่องตาแก่บาโป๊
แล้วก็ไม่ค่อยอินเรื่องสุดท้ายเท่าไหร่คับ


เรื่องอื่นก็ดูได้เพลิน ๆ คับ

 

โดย: lkunl IP: 58.8.16.131 24 กรกฎาคม 2550 10:14:00 น.  

 

อยากดูมาก ๆ ง่ะ

 

โดย: เจ้าชายไร้เงา 24 กรกฎาคม 2550 13:09:45 น.  

 

+ แหะๆ ผมว่าจะดูเรื่องนี้อีกรอบ ... เพราะรอบที่แล้วดูไปตอนงานเวิร์ลด์ฟิล์มปีที่แล้ว ถึงอารมณ์หนังจะเลือนๆ ไปบ้างแล้ว แต่ภาพยังคงอยู่ในความทรงจำครับ (เพราะเรื่องนี้ติดอันดับในท็อปเท็น +3 ปีที่แล้วของผมด้วย) .... คือถึงแม้ว่ามันจะไม่ถึงกับดีทุกตอน หรือภาพรวมออกมาไม่ได้เป็นเอกภาพเท่าที่ควร (มีเพียงตอนสุดท้าย ที่เกี่ยวพันกับการมาตามหา 'ปารีส' โดยตรง นอกนั้นตอนที่เหลือเป็นเพียง 'ความรัก' ที่บังเอิญมาเกิดตามตรอกซอกซอยย่านต่างๆ ในปารีสเท่านั้นเอง) ... และชื่อแต่ละตอนก็มาจากชื่อย่านในกรุงปารีสด้วยนะครับ ... อีกอย่างที่ผมชอบเรื่องนี้ เป็นเพราะที่นี่เป็น 'เมืองนอก' เมืองแรกของผมด้วยมั้งครับ ก็เลยทำให้อินไปกับเรื่องราวเป็นพิเศษ
+ สำหรับแต่ละตอน ... เนื่องจากยังไม่ได้ดูรอบ 2 ดังนั้นตอนใดที่เป็นบทสนทนาภาษาอังกฤษ (ซึ่งตอนดูมัน no sub.) เลยทำให้ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าที่ควรอ่ะครับ ... ดังนั้นขอก๊อปจากที่เคยเขียนไว้เมื่อปีที่แล้วใน 'หน้าแรก' หน้าไหนซักหน้านึงมาลงไปก่อนนะครับ เด๋วถ้าได้ดูอีกรอบ จะมาเขียนเพิ่มใหม่ ...
* "Montmartre" โดย ผกก. Bruno Podalydès
ดารานำแสดง : Bruno Podalydès, Florence Muller
... เป็นการเปิดเรื่องแบบเบาๆ (ที่อาจบางเบาเกินไปหน่อย) ข้อคิดจากตอนนี้อาจเป็นว่าใครบางคนที่เราไม่เคยได้คิดว่าจะทำความรู้จักมาก่อน อาจกลายเป็นคู่ชีวิตในอนาคตก็เป็นได้ ถ้าเกิดความรู้สึก 'คลิก' ขึ้นมา ... โบสถ์ Sacré Cœur ที่โดดเด่นแห่งย่านมองมาร์ต (เป็นฉากสำคัญของเรื่อง Emilie ด้วย) ดูยิ่งใหญ่อลังการดี

* "Quais de Seine" โดย ผกก. Gurinder Chadha (Bend it like Beckham)
ดารานำแสดง : Leïla Bekhti, Cyril Descours
... ย้ายวิวไปริมฝั่งแม่น้ำแซนน์ ตอนนี้ผมชอบเอาการทีเดียว มีความรู้สึกเหมือนการทลายกำแพงทางวัฒนธรรม ระหว่างคริสต์กับมุสลิม แล้วยังเป็นการเปรียบเทียบระหว่างความคิดของหญิงกับชาย ... จะเห็นว่านางเอกบอกพระเอกว่า อ้ายสิ่งที่เพื่อนๆ เค้าทำ (สามแยกปากม๋า) อยู่น่ะ มันห่วยแตกนะในสายตาของผู้หญิง และที่นางเอกยอมให้พระเอกตาม เพราะเธอเห็นว่าพระเอกแตกต่างจากเพื่อนคนอื่นๆ ... ชอบตอนสุดท้ายด้วย ที่พระเอกเจอปู่กีดกันทำหน้าแห้วแล้ว แต่สุดท้ายปู่ก็กลับลำซะงั้น เหอะๆ ... น่ารักและแฮ้ปปี้เอนดิ้งดีอ่ะครับ

* "Le Marais" โดย ผกก. Gus Van Sant
ดารานำแสดง : Elias McConnell, Gaspard Ulliel, Marianne Faithfull
... ชอบมุก Lost in translation (แบบเกย์ๆ) อ่ะครับ ฮาดี ... จริงๆ ผมสังหรณ์ใจตั้งแต่ตอนนายนั่นถอดเสื้อแล้วล่ะ (เป็นเพราะ ผกก. เป็นเฮียกัสด้วยแหละ เลยชวนให้คิด) ...

* "Tuileries" โดย ผกก. Joel Coen & Ethan Coen
ดารานำแสดง : Steve Buscemi, Julie Bataille, Axel Kiener
... ตอนนี้ผมฮาตั้งแต่เห็นหน้าพี่สตีฟ บุสเซมี่ แล้วอ่ะครับ ... และก็ตามฟอร์ม 2 พี่น้องโคเอ็น เลยทำหนัง(รัก)สั้นอารมณ์น้องๆ Fargo ออกมาจนได้ หุๆ ... แถมยังเสียดสีความเป็นฝรั่งเศสอยู่กลายๆ ด้วยอ่ะ

* "Loin du 16ème" โดย ผกก. Walter Salles (The motorcycle diaries, Central station) & Daniela Thomas
ดารานำแสดง : Catalina Sandino Moreno
... ตอนนี้ผมไม่เก็ทอารมณ์หนังอ่ะครับ ว่า ผกก. เค้าต้องการจะสื่ออะไร มีแค่ผู้หญิงละตินร้องเพลงกล่อมเด็กเนี่ยนะ - -"

* "Porte de Choisy" โดย ผกก. Christopher Doyle
ดารานำแสดง : Li Xin, Barbet Schroeder
... ตอนนี้ผมก็ไม่ค่อยชอบเหมือนกัน มันดูโดดๆ แปลกๆ ตลกๆ (แถมมีคำไทยด้วยนะ) ... อะไรกันมีแต่เต้นไปเต้นมา แล้วก็เลือกทรงผม (แต่ฮาตรงมุกมีทรงผมของสาวน้อย Emilie อยู่ด้วย)

* "Bastille" โดย ผกก. Isabel Coixet (My life without me)
ดารานำแสดง : Sergio Castellitto, Emilie Ohana, Leonor Watling, Miranda Richardson
... พล็อตมันดูเมโลดราม่าไปนิด ที่ผู้ชายที่กำลังจะทิ้งภรรยา ดันเกิดเปลี่ยนใจดูแลเมื่อรู้ว่าเธอเป็นลูคีเมีย ... แต่ชอบตอนจบที่แสดงให้เห็นว่า สุดท้ายแล้ว 'หญิงในชุดแดง' ก็ทำให้เค้าสะดุดตา (และสะดุดใจ) ได้อยู่ดี

* "Place des Victoires" โดย ผกก. Nobuhiro Suwa
ดารานำแสดง : Juliette Binoche, Willem Dafoe, Martin Combes, Hippolyte Girardot
... ถึงจะสั้น ด้วยเวลาที่มีอยู่จำกัด ... แต่ก็แสดงถึงความร้าวราน (จูเลียต บินอค) ของคุณแม่ผู้สูญเสียลูกชาย ได้ดีทีเดียว ... วิลเล็ม เดโฟ มาแสดงเป็นผีทหารขี่ม้า ดูตลกๆ คงเเป็นเพราะคุ้นหน้าเค้ามั้งครับ

* "Tour Eiffel" โดย ผกก. Sylvain Chomet (The Triplets of Belleville)
ดารานำแสดง :Paul Putner, Yolande Moreau
... มาแนวแฟนตาซีเลยทีเดียว ชอบไอเดียที่ให้เจ้าหนูน่ารัก มาเล่าถึงการพบกันของพ่อกับแม่ที่เป็นตัวตลกทั้งคู่

* "Parc Monceau" โดย ผกก. Alfonso Cuarón
ดารานำแสดง : Sara Martins, Nick Nolte, Ludivine Sagnier
... จริงๆ ข้อใหญ่ใจความของตอนนี้ น่าจะพูดถึงพ่อกับลูกสาวที่คิดไม่ค่อยตรงกันเท่านั้น แต่เป็นเพราะผมคาดหวังกับ ผกก. (คนนี้) มากไปมั้ง เลยคิดว่ามันน่าจะมีอะไรพิสดารมากกว่านี้ ... สำเนียงอันชัดเจนของ Nick Nolte รวมทั้งลูกสาวผู้ที่ให้พ่อพยายามพูดฝรั่งเศส (เพราะตอนนี้พวกเค้าอยู่ในฝรั่งเศส) ทำให้ดูค่อนข้างรู้เรื่องทีเดียว

* "Quartier des Enfants Rouges" โดย ผกก. Olivier Assayas (Clean, Demonlover)
ดารานำแสดง : Maggie Gyllenhaal, Lionel Dray, Joana Preiss
... แม็กกี้ กิลเลนฮาล ยังเด็ดดวงเช่นเดิม กับบทแนวถนัดของเธอ ...

* "Place des Fêtes" โดย ผกก. Oliver Schmitz
ดารานำแสดง : Seydou Boro, Aïssa Maïga
... แหะๆ ผมชอบตอนนี้ที่สุดแล้วอ่ะครับ ถึงมันจะดู "บิ๊วต์" อย่างที่คุณ จขบ. ว่าไว้ก็ตาม ... คือมันมีเรื่องราวที่พลิกผันแบบไม่คาดคิด ย้อนอดีตไปจนถึงที่มาที่พระเอกต้องมานอนแบ็บอยู่ตรงนี้ ... แล้วก็ฮา (ปนเศร้า) กับมุก "ขอดื่มกาแฟกับคุณ" มากๆ ... แบบว่าสะเทือนใจอ่ะครับ

* "Pigalle" โดย ผกก. Richard LaGravenese (คนเขียนบทหนังดังอย่าง The Bridges of Madison County)
ดารานำแสดง : Bob Hoskins, Fanny Ardant
... รู้สึกว่ามันมีความบ้าเล็กๆ และตลกร้ายเสียดสีแฝงอยู่ในตอนนี้ ... ท้ายที่สุดแล้ว ตาแก่ผู้หนีไปดูโชว์ก็ต้องกลับมาตายรังอยู่ดีเน้อ

* "Quartier de la Madeleine" โดย ผกก. Vincenzo Natali (Cube)
ดารานำแสดง : Elijah Wood, Olga Kurylenko, Wes Craven (รับเชิญเป็นเหยื่อแวมไพร์)
... โดดๆ แปลกๆ ดีอ่ะครับตอนนี้ ... แวมไพร์อินปารีส แถมทำสีเลือดซะยังกะดู Sin City แน่ะ ... พอตอนท้ายเรื่องถึงมาเฉลยว่าพ่อหนุ่มโฟรโดกับแวมไพร์สาว เป็นนักแสดงละครเวที จึงได้ถึงบางอ้อ ว่านั่นมันฉากในละครนั่นเองง่ะ

* "Père-Lachaise" โดย ผกก. Wes Craven
ดารานำแสดง : Emily Mortimer, Rufus Sewell, Alexander Payne
ความเห็น : เค้าช่างเก๋จัง มีการให้ ผกก. อีกตอนนึงมายืมตัวกันเล่นข้ามตอนด้วย (อเล็กซานเดอร์ เพย์น มาแสดงเป็นวิญญาณ ออสการ์ ไวลด์ ผู้ชี้ทางสว่างแห่งรักให้พระเอก) ... แล้วเวส คราเวนก็หนีไม่พ้น 'ความตายและปิศาจ' อีกจนได้ ช่วงตอนที่พูดๆ กันผมฟังไม่ค่อยรู้เรื่องหรอกครับ แต่ใจความของตอนนี้ที่จับได้ก็คือ นางเอกซึ่งลุ่มหลงออสการ์ ไวลด์ จนถึงกับมาค้นหาหลุมศพของเขา ทำให้พระเอกไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นอะไรขนาดนี้ ... แต่สุดท้ายแล้วก็คือวิญญาณออสการ์นั่นเอง ที่ทำให้พระเอกตาสว่าง

* "Faubourg Saint-Denis"โดย ผกก. Tom Tykwer (Run Lola Run)
ดารานำแสดง : Melchior Beslon, Natalie Portman
... ชอบอ่ะครับตอนนี้ พล็อตเก๋ดี ... พระเอกตาบอด มาพบรักกับนางเอก พูดถึงช่วงพบ เริ่มรัก จนถึงเริ่มเซ็ง และเลิกรา ... มีการเอามุก ซ้อมละคร กับ โลกแห่งความจริงมาใช้ด้วย และมีการเล่นภาพเคลื่อนไหวแบบเร็ว (คงคล้ายๆ Run Lola Run - ซึ่งผมยังไม่ได้ดู) อีกด้วย

* "Quartier Latin" โดย ผกก. Frédéric Auburtin & Gérard Depardieu
ดารานำแสดง : Ben Gazzara, Gena Rowlands, Gérard Depardieu
... เนื่องจากตอนนี้เกือบทั้งตอนเป็นการสนทนา(ภาษาอังกฤษ) ซึ่งผมฟังแทบไม่ทันเลยว่าพูดอะไรกัน ... จับได้แค่คำว่า "Bitch" ตอนท้ายคำเดียวเองอ่ะครับ แหะๆ - -"

* "14th arrondissement" โดย ผกก. Alexander Payne
ดารานำแสดง : Margo Martindale
... ผกก. อเล็กซานเดอร์ เพย์น ยังถนัดพล็อตเกี่ยวกับวิกฤติวัยกลางคนเช่นเดิม ... แต่การที่คุณป้าเธอได้ทำตามความฝัน (อุตส่าห์ลงทุนเรียนภาษาฝรั่งเศส) ด้วยการมาเที่ยวประเทศในฝัน ก็เป็นตอนปิดท้ายเรื่องที่ลงตัวอ่ะครับ

... แล้วก็ชอบตอนท้ายเรื่องด้วย ที่มีการเอาแต่ละตัวละครในบางตอนมาโยงใยเกี่ยวพันกัน ... ว่าที่จริงแล้ว ทั้งหมดนี่ก็คือเรื่องราวของความรัก ... ที่เกิดขึ้น ณ กรุงปารีส เมืองในฝันของใครหลายๆ คน ... นั่นเอง

 

โดย: บลูยอชท์ 24 กรกฎาคม 2550 19:56:50 น.  

 

ผมชอบ "Le Marais" ของ Gus Van Sant
ชอบที่ Gaspard Ulliel แสดงวิธีการจีบ น่ะครับ ผมว่าถ้าเราไม่มองว่านี่เป็น ความรักของ ผู้ชายกับผู้ชาย มันน่ารักนะครับ และด้วยประโยคที่ว่า "ผมรู้สึกว่าผมต้องพลาดสิ่งสำคัญบางอย่าง ถ้าผมไม่ได้พูดกับคุณ" (ประมาณนี้นะครับ ไม่แน่ใจ) ผมยังรู้สึกเป็นเกย์ชั่วขณะ
เรื่อง พรหมลิขิตเนี่ย ผมว่า พระเจ้าไม่ได้ มอบให้ แค่ ชายกับหญิง เท่านั้นหรอก
อีกอย่าง หนึ่ง ผมว่าเพราะเป็นปารีส ความรักอย่างในเรื่องนี้มันก็เลยดูสวยงามขึ้นมา

 

โดย: sweetarcade IP: 58.9.6.236 30 กรกฎาคม 2550 16:06:22 น.  

 

เพิ่งได้ไปดูมาครับ .. เรื่องที่ผมชอบ ๆ ก็มี Faubourg Saint-Denis , Tour Eiffel , Bastille , 14th arrondissement , Quais de Seine , Le Marais ..

ผมว่าภาพรวมของหนังก็โอเคนะครับ .. แสดงถึงความรักในหลายรูปแบบ .. เป็นการรวมเรื่องสั้นที่ดูเพลินดีครับ ..

 

โดย: nologo IP: 203.144.144.163 30 กรกฎาคม 2550 22:17:54 น.  

 

:)

 

โดย: Deksapoil.... IP: 165.21.154.12 1 สิงหาคม 2550 7:50:24 น.  

 

"Loin du 16ème" โดย ผกก. Walter Salles (The motorcycle diaries, Central station) & Daniela Thomas
ดารานำแสดง : Catalina Sandino Moreno
เด็กคนแรกเป็นลูกของตนเอง ส่วนเด็กอีกคนเป็นเด็กที่เธอรับจ้างป็นพี่เลี้ยงใช่มั้ยครับ เพราะการร้องเพลงให้คนแรกฟังกับคนหลังนี่ ท่าทางต่างกันมากเลย
"Quais de Seine" โดย ผกก. Gurinder Chadha (Bend it like Beckham)
ดารานำแสดง : Leïla Bekhti, Cyril Descours
เรื่องนี้ก็ชอบครับเรียบง่าย สบายๆดี

 

โดย: ice/ice/baby IP: 125.27.224.206 11 สิงหาคม 2550 12:03:58 น.  

 

หาดูได้ที่ไหนคะเนี่ยยยยยยย
อยากดูอ่ะ

 

โดย: The SoVo (http://kangalala.spaces.live.com/) IP: 122.16.126.6 12 สิงหาคม 2550 0:19:20 น.  

 

ไปดูมาแล้ว
ชอบผีดิบ Elijah
เมียที่เป็นมะเร็ง
แล้วก็ละครใบ้อ่าค่ะ น่ารักมากๆ

 

โดย: alizm IP: 202.28.27.6 14 สิงหาคม 2550 16:02:19 น.  

 

ตอบคุณ sovo #14 : เข้าฉายที่สกาลา (สยามสแควร์) โรงเดียว ยืนโรงมาร่วม 3 อาทิตย์แล้วครับ แต่เร็วๆ นี้คงถูกลดรอบไปอยู่ลิโดแล้วล่ะ

 

โดย: บลูยอชท์ 14 สิงหาคม 2550 19:22:49 น.  

 

ชอบเกือบหมดครับ แต่งงเรื่อง Porte de Choisy อยู่เรื่องเดียว รู้แต่ว่าย่านนั้นคนเอเซียอาศัยอยู่เยอะ (มีร้านอาหารไทยอร่อยๆ อยู่ร้านหนึ่งด้วย) ไม่รู้แกได้แรงบันดาลใจอะไรมาถึงได้ทำออกมาเป็นแบบนี้ ก็พอเข้าใจว่าต้องการจะสื่ออะไรได้มันแปลกพวกเกินไป ปรับโหมดไม่ทัน

 

โดย: akoko IP: 195.221.49.22 16 สิงหาคม 2550 2:54:26 น.  

 

ผมดูไม่เก็ทซักตอนเลยครับ

 

โดย: pekky(Culture) IP: 203.154.215.14 10 กันยายน 2550 11:22:15 น.  

 

เนื่องจากเคยอยู่ย่าน Porte de Choisy ก็เลยประทับใจกับตอนนี้ ทั้งๆ ที่ยอมรับว่าการนำเสนอนั้นแปลกมากๆ

คนปารีส เชื้อสายฝรั่งเศส มองย่านนี้ด้วยความสงสัย ย่านนี้แปลกแยกไปจาก "ปารีส" อื่นๆ ย่านนี้มีเอกลักษณ์ที่หลากหลาย ย่านนี้มีผู้คนที่มาจากถิ่นกำเนิดที่แตกต่างกัน แต่เรียกตนเองว่าเป็นคนปารีส และ รัก ปารีส

 

โดย: เต่าดอง IP: 88.161.125.88 17 กันยายน 2550 1:51:09 น.  

 

* "Montmartre" เบาๆ แต่ก็น่ารักดีค่ะ ถือว่าเปิดเรื่องแบบไม่หนักอะไรนัก หุหุ เมืองใหญ่ ๆ นี่หาที่จอดรถยากจริงๆ ด้วย

* "Quais de Seine"
ชอบตรงที่พระเอกนางเอกต่างเชื้อชาติวัฒนธรรม และคุณปู่ค่ะ บทสนทนาชอบค่ะ

* "Le Marais" น่ารักดีออกค่ะ รักดูผู้ชายจีบกันน่ารักจะตาย การใช้คำพูดท่าทางต่างๆ แล้วยังตอนจบอีก

* "Tuileries" คุ้นหน้าพี่สตีฟค่ะ รู้เลยว่าต้องสนุกแน่ๆ งานนี้ ก็เปลี่ยนไปลงรถไฟใต้ดินปารีสกันมั่ง (แม้จะเห็นแค่สถานีก็เถอะ) เป็นตอนที่ดูสนุกตอนนึงค่ะ

* "Loin du 16ème" ในปารีสก็มีคนหลายแบบ คนชั้นแรงงานที่ ต้องเอาลูกตัวเองไปฝากเค้าเลี้ยง แล้วไปหาเงินด้วยการเลี้ยงลูกคนรวย

* "Porte de Choisy"
เนื่องจากตาคนนี้เป็นตากล้องประจำตัวของหว่องคาไว เลยไม่แปลกใจที่ทำหนังแนวนี้ออกมา เพราะคงใช้ชีวิตอยู่เอเซียซะเยอะ โดยภาพรวมของหนังไม่ได้ชอบค่ะ แต่ก็ไม่ได้ไม่ชอบ แค่คิดว่าอืมม์ แนวดีแฮะ ได้ภาพพจน์เมืองอยู่นะคะ เพราะอะไรแปลก ๆ เวอร์ ๆ ก็พอจะเหมาไปกับปารีสได้เหมือนกัน

* "Bastille"
ดูแล้วชอบค่ะ เป็นตอนที่จำเนื้อหาได้แรก ๆ เลย แต่ตอนดูไม่เก็ทมุกตรงสาวชุดแดงที่ความเห็นข้างบนพูดนะคะ

* "Place des Victoires" เฉย ๆ กับตอนนี้ค่ะ ถึงแม้จะคุ้นหน้ากับจูเลียส และวิลเลียม คงเพราะมืดไปหน่อยมั้งคะ ไม่ค่อยชอบอะไรเศร้า ๆ ด้วย

* "Tour Eiffel"
ขำ+น่ารักค่ะ แล้วก็คิดว่า อืมม์ เวอร์ดีจัง ความคิดสร้างสรรค์เยี่ยมค่ะ

* "Parc Monceau"น่ารักดีเพราะคุ้นกับเสียงของนิค โนลเต้ก่อนได้ยินเสียงอีก แถมไม่นานก็ดูหนังเค้าเรื่อง clean ด้วยค่ะ ส่วนนางเอกไม่รู้จักค่ะ ที่ชอบก็คงเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูก สิ่งที่คุยกัน

* "Quartier des Enfants Rouges" เรื่องนี้ใช่เรื่องที่ซื้อยาปะคะ ดูแล้ววูบ ๆ วาบๆ เหมือนดำเนินเรื่องเร็วเลย จับประเด็นไม่ทัน แต่ก็รู้สึกได้ค่ะ ว่าเธอติดใจคนขายยาคนนั้น แต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าแปบเดียวแค่นี้คลิกกันแล้วเหรอ

* "Place des Fêtes" ชอบมากค่ะ สะเทือนใจ อีกรูปแบบนึงของชีวิตที่กำลังจะจากไป ในเมืองเดียวกับที่อีกหลายชีวิตกำลังจะพบรักกัน

* "Pigalle" ใช่เรื่องที่สามี ชวนภรรยาไปจีบกันอีกรอบเพื่อบิ้วท์อารมณ์หรือเปล่าคะ ก็แปลกดีแต่ก็เฉยๆ นะคะ ชอบคู่สามีถรรยาที่กำลังจะหย่ากันมากกว่า

* "Quartier de la Madeleine" ชอบเรื่องนี้อีกเหมือนกัน แต่ไม่เห็นรู้เลยว่าสองคนนี้เป็นดาราละคร รู้ได้ยังไงกันคะนี่ (ตอนจบนั้นมีฉากขึ้นจอเยอะจนดูไม่ทัน ตอนนี้หรือเปล่าที่เฉลย) แต่ถึงไม่เฉลยก็ไม่เป็นไร เชื่อว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็ได้นี่นา

* "Père-Lachaise" เรื่องนี้ชอบมาก ๆ ค่ะ คือเข้าใจนางเอกเลยค่ะ เพราะเราเป็นคนที่ชอบอะไรในแบบที่คนที่เข้ามาคบไม่ค่อยเข้าใจ เรียกว่าอารมณ์อันละเอียดอ่อนแบบนี้ผู้ชายส่วนมาก (ที่ไม่ได้อยู่ในเวปนี้-เข้าใจว่าผู้ชายเวปนี้น่าจะละเอียดนะคะ) มักจะไม่เข้าใจ

* "Faubourg Saint-Denis"
เป็นตอนที่ชอบมากค่ะ รู้สึกจะมากที่สุดด้วยซ้ำ ชอบภาพที่ถ่ายทำออกมาด้วยค่ะ ดูแนวๆ ดี

* "Quartier Latin"
ชอบเป็นอันดับต้น ๆ เลยทีเดียวค่ะ บทสนทนาดีค่ะ

* "14th arrondissement" น่ารักดี ที่เค้าเอาคุณป้าท่าทางธรรมด๊า ธรรมดามาเล่น

ตอนท้ายนี่แหล่ะที่ไม่ค่อยเก็ทเท่าไหร่ เสียดายจัง อ่านความเห็นหลายๆ ความเห็นแล้วรู้สึกว่าเรายังพลาดไปเยอะนะเนี่ย

 

โดย: Lily of the Valley IP: 203.151.137.69 28 กันยายน 2550 19:42:19 น.  

 

ถือว่าโอเคเลยล่ะครับ ภาพสวย เราจะได้เห็นทิวทัศน์ต่างๆของประเทศฝรั่งเศส โดยเฉพาะในกรุงปารีส แต่มีบางตอนดูแล้วไม่เก็ทเท่าไร ไม่มีโอกาสได้ดูรอบที่สอง เพราะแผ่นต้องเอาไปคืนก่อน - -

 

โดย: นักวิจารณ์สมัครเล่น (YoiChi_KunG ) 21 ธันวาคม 2550 10:33:20 น.  

 



สามารถติดตามบทสรุป การให้คะแนน และบทวิจารณ์ของภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่มเติม
หรือบทวิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ พร้อมความเห็นของเพื่อนร่วมบล็อคที่รักการดูหนัง
ได้ที่ //vreview.yarisme.com พร้อมลุ้นรับบัตร Major M Cash มูลค่า 500 บาท จำนวน 8 ใบ ทุกเดือน

 

โดย: ป๋องแป๋ง IP: 124.120.0.136 24 มีนาคม 2551 16:32:33 น.  

 

โปรแกรมใหม่ เที่ยวสบายๆลุยแหลกเมืองปารีส

มีโปรแกรมใหม่มาแล้วจ้า เอาใจคนอยากเที่ยว เบื่อความซ้ำซากจำเจ หันมาเที่ยวแบบนั่งรถไฟเที่ยวในเมืองใหญ่ นครปารีสเมืองแห่งศิลปะและแฟชั่น เที่ยวสนุกในเมืองหรูแต่ราคาแสนประหยัด เจาะลึกเข้าตามตรอกออกตามซอยเหมือนคนปารีส พาชมมุมแปลกใหม่ถ่ายรูปให้หมดสัก 10เมกฯ
ใครมีงบสัก 5หมื่น กว่าก็เที่ยวได้ จะได้ถูกแค่ไหนอยู่ที่ความไวนะจ๊ะ
สนใจติดต่อฝ่ายโปรแกรมทัวร์จ๊ะ
www.naturetrekth.com
info@naturetrekth.com

 

โดย: NACBIZ 6 พฤศจิกายน 2551 2:55:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
24 กรกฏาคม 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.