The International , เที่ยว(ยุโรป)ไป ลุ้นไป กับ เฮ๊ยไคลฟ์และนาโอมิ

"ผมอยู่ข้างหลังคุณ" ขอฝากหนังสือเล่ม 4 ที่ชวนเพื่อนผู้อ่าน ออกเดินทางสำรวจจิตใจมนุษย์ และ ทำความรู้จัก'คน' ให้มากขึ้น ผ่านโลกภาพยนตร์ ในหนังสือชื่อ มากกว่าที่ตาเห็น - LifeScan วางขายในร้านสือทั่วไป ปลายเมษายนนี้จ้า











... The International เข้าฉายแบบเงียบเอามากๆ เฉพาะที่ SF

ก็ไม่แปลกใจที่ค่ายหนังบ้านเราจะไม่ทุ่มโปรโมทเท่าไหร่ เพราะ ตัวหนังก็ล้มเหลวในแง่รายได้ ทั้งที่เป็นหนังฟอร์มยักษ์มีดาราใหญ่แบบ ไคลฟ์ โอเว่น และ นาโอมิ วัตต์ อีกทั้งอุตส่าห์ไปเปิดตัวในเทศกาลหนังเบอร์ลิน ก็ล้มเหลวในแง่คำวิจารณ์ เสียงตอบรับส่วนใหญ่ออกมากลางๆ

แต่ถ้าให้เลือกดู เฮียเจสันคลั่งแบบโดนเซ็นเซอร์(Crank2) กับ The International ผมเลือกเรื่องหลังแน่นอนกว่า เพราะ ผมชอบ นาโอมิ วัตต์ (มั่กๆ) และ ติดตามผลงานของผู้กำกับ ทอม ทีคแวร์ อย่างชื่นชมมาตลอด ไม่ว่าจะเป็น Perfume หรือ Run lola run หรือ หนังสั้นเรื่องที่แกกำกับนาตาลี พอร์ตแมน ใน Paris Je'tame




... The International เป็นหนังที่พูดถึง คนตัวเล็กๆที่คิดจะแฉ เปิดโปง ความเลวร้าย หรือ ความฉ้อฉลกลโกงขององค์กรใหญ่ ประมาณเดียวกับเวลาดูหนังทริลเลอร์ระทึกขวัญสไตล์หนังจอห์น กริแช่ม ผสม ความเป็นดราม่าหนักๆคล้ายๆกับ The Insider ทีต่อสู้กับบริษัทยาสูบ

และองค์กรในหนังเรื่องนี้คือ ธนาคารยักษ์ใหญ่ IBBC ที่ไปเกี่ยวพันกับการค้าอาวุธ ธุรกิจฟอกเงิน ฯลฯ (หนังดัดแปลงจากเหตุการณ์จริงอันอื้อฉาวของธนาคาร BCCI จากรายงานชื่อ The Sandstorm report ที่เป็นข่าวในปี 1991)

ผู้บริหารวงในของธนาคารคนหนึ่ง ยินดีจะให้ข้อมูลสำคัญกับคนของทีมสืบสวน แต่ดันถูกเก็บเสียก่อน

หลังจากเสียคนไปหนึ่ง พระเอกที่เป็นตำรวจอินเตอร์โพลกับนางเอกที่เป็นคนของอัยการรัฐ ซึ่งจับมือกันสืบสวนเบื้องหลังอันฉาวโฉ่ของธนาคารนี้มานาน จึงลงมือตามเรื่องต่อด้วยตัวเอง ทั้งคู่ลงไปไล่ล่าเบาะแสที่พอหลงเหลือ

จากเบาะแสหนึ่ง นำไปสู่ อีกเบาะแสหนึ่ง ต้องเดินทางข้ามประเทศไปพบคนนั้นคนนี้ ทำให้พบ เบื้องลึกอันโสมมที่ธนาคารแห่งนี้ไปข้องเกี่ยวกับคนใหญ่คนโต

การไล่ล่าหลักฐาน ทำให้ทั้งคู่ต้องวิ่งหนีกระสุนกันว่าเล่น เพราะ กลุ่มผู้บริหารของธนาคารระดับบิ๊กเบิ้มจ้างมือสังหารคอยเก็บคนที่เข้าถึงความจริง





... ตอนที่ดูหนัง ผมไม่รู้สึกแปลกใจเลยที่หนังจะล้มเหลว ถึงแม้คุณภาพของหนังออกจะค่อนข้างดีเหนือมาตรฐานในหลายๆส่วน

นั่นก็เพราะ หนังเรื่องนี้เหมือน ก๋วยเตี๋ยวที่ใช้ของดีๆ(นักแสดงฝีมือดี , การตัดต่อ ถ่ายภาพชั้นดี ฯลฯ) คนปรุงก็ฝีมือดี (ผู้กำกับคนเก่ง) แต่ทำออกมา รสชาติกลางๆ คนชอบอะไรเค็มๆหรือเปรี้ยวๆก็ผิดหวัง จะแอคชั่นทัวร์ยุโรป ก็ไม่มันส์สะใจสุดๆเหมือน บอร์น หรือจะเน้นแนวดราม่าสืบสวนเปิดโปงก็ไม่ได้เข้มข้นเหมือน The Insider

คนที่คาดหวังความมันส์ก็อาจจะหลับ เพราะความอืดและเต็มไปด้วยข้อมูลที่ต้องคิดตาม แต่คนที่คาดหวังความเป็นดราม่าชั้นดี บทหนังเรื่องนี้ก็ค่อนข้างอ่อนเกินไป เมื่อเทียบกับเหตุการณ์ที่ใหญ่ระดับโลกขนาดนี้

อีกจุดบอดของหนังคือ ตัวบทให้ความสำคัญกับ สถานการณ์ มากกว่า ตัวละคร จนเกินไป พระเอกนางเอกดูลอยๆไร้แบคกราวด์ ประมาณว่าเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้(นางเอกยังพอแสดงภาพครอบครัวสั้นๆ) มีแต่ให้ทั้งคู่ตะลอนลุยยุโรปไปเรื่อยๆ และ ก็แทบไม่มีฉากชีวิตด้านอื่นๆของคู่พระนางเลย ทำให้คนดูยากที่จะผูกพัน

แต่ยังดีที่ฝีมือของ เฮียไคลฟ์อยู่ในระดับฝากผีฝากไข้ นำหนังไปข้างหน้าด้วยตัวเองได้ ส่วน นาโอมิ ดูจะได้รับมอบหมายให้ใช้ฝีมือไม่คุ้มศักยภาพเท่าไหร่ (ว่าแต่ เรื่องนี้หน้าเธอดูจะตึงเนียนเด้งผิดธรรมชาติไล่ตาม นิโคล คิดแมน เข้าไปทุกที )



... แต่ ถ้าคนที่ไม่ได้คาดหวังความมันส์มากๆ และ ชมชอบหนังสไตล์สืบสวนเปิดโปงองค์กรใหญ่ โดยมีอะไรให้ลุ้นระทึกเป็นพักๆ The International ก็จัดได้ว่า เป็น หนังชั้นดีและมีอะไรหลายอย่างคุ้มค่าต่อการรับชม

ฝีมือการกำกับของ ทอม ทีคแวร์ อาจจะดูเร็วเกินไปที่มาทำหนังใหญ่ขนาดนี้ แต่เราจะได้เห็นฝีมือการกำกับที่ฉายแววเพชรน้ำดีมีอนาคตไกลในหลายๆฉาก

การถ่ายทำในหลายต่อหลายฉาก ภาพในหนังเลือกมุมกล้องและจัดวางตำแหน่งกดดันคนดูได้ดี และ หลายฉากก็ขยายภาพความแตกต่างระหว่าง ความเป็นคนตัวเล็กๆของพระเอก กับ ความยิ่งใหญ่ขององค์กรร้าย ผ่านการถ่ายภาพ ที่ดูแล้วยากจะต่อกรโดยไม่ต้องใช้บทสนทนาให้มากความ

อีกจุดหนึ่งที่ชอบคือ ความงามในแต่ละโลเคชั่นที่หนังถ่ายออกมา ซึ่ง หากใครนิยมชมวิวทิวทัศน์จากหนัง การทัวร์ยุโรปจากซีรี่ย์บอร์นอาจจะเป็นทริปที่ลกๆลนๆตามบุคลิกตัวละครจนเกินไป แต่ ในหนังเรื่องนี้ การทัวร์ยุโรปไปกับเฮียไคลฟ์ โอเว่น ไล่ตั้งแต่ เยอรมัน , อิตาลี ไปสิ้นสุดที่ ตุรกี ทุกๆสถานที่ ดูแล้วอยากจะตีตั๋วตามพระเอกไปด้วยเสียเหลือเกิน

นอกจากนี้ หนังยังมีฉากเด็ดๆที่เรียกได้ว่าเป็น ฉากโชว์ของ ของผกก. และ เป็นฉากที่ผมซี๊ดซ้าดด้วยความสนุกลุ้น นั่นคือ ฉากไล่ฆ่าในพิพิธภัณฑ์กุกเก้นไฮม์ ฉากนี้เป็น ฉากที่ผสมผสานความตื่นเต้นและความงดงาม โดยใช้ประโยชน์จากตัวสถานที่ได้อย่างคุ้มค่าและกลมกล่อมลงตัว




...จากความอ่อนของบทหนังที่ว่ามา และ การที่ บทสรุปช่วงท้ายของหนัง ดูจะง่ายไปซักหน่อย และ หนังขาดจุดพีคๆที่กระชากอารมณ์คนดู แต่สิ่งหนึ่งที่บทหนังวางไว้ชวนให้คิดและน่าสนใจ

คือ ความชั่วร้ายในสังคมที่แฝงตัวในผลประโยชน์ร่วมของทุกองค์กร ซึ่งชื่อหนังที่ตั้งไว้ว่า The international มิได้หมายความถึงการพาทัวร์ไปหลายประเทศ แต่ หมายถึง ความชั่วร้ายที่หลายๆประเทศล้วนมีเอี่ยวด้วย

มันเหมือน การพยายามใช้เหตุผลดีๆประมาณว่า เราจำเป็นต้องพึ่งมือสกปรกเพื่อทำงานสกปรก โดยลืมไปว่า ก็ด้วยเหตุผลนี้แหละที่ทำให้ ความสกปรกเริ่มแพร่กระจายเหมือนโรคระบาดที่แพร่กระจายกัดกินสังคมไปเรื่อยๆ

ซึ่งผลลัพธ์ที่ตามมานั่นก็คือ คนดีๆที่คิดจะต่อกร ก็คงจะกลายเป็นเหมือน มดตัวเล็กๆที่พร้อมจะถูกบี้ ครั้นหันซ้ายทีขวาทีก็ไม่มีพวก ในขณะที่ ความชั่วร้ายก็ขยายใหญ่จนเกินจะโค่นล้มได้ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง



สรุป ... ชอบ ถึงหนังจะเหมือนขาดๆอะไรไปบ้าง แต่คนชอบหนังลุ้นแบบต้องคิดตามก็ไม่น่าจะถึงกับผิดหวัง และ มีอะไรดีๆคุ้มค่ากับการรับชม สำหรับผมแค่ไล่ดูวิวในหนัง กับ ลุ้นในฉากพิพิธภัณฑ์กุ๊กๆ ก็คุ้มแล้ว








Link บทความอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

สุดยอด ห้ามพลาด ฉลาด สมจริง << The Bourne Ultimatum >> หนึ่งในหนังที่ดีที่สุดของปี




บทสรุปแห่งปี 2008

9 หนังดี(วีดี)น่าดู ประจำปี 2008

10 ตัวละครประทับใจ ประจำปี 2008

10 ฉากประทับใจ ประจำปี 2008

50 หนังประทับใจ ประจำปี 2008(ตอน 1)

5 หนังไม่ชอบ + 50 อันดับหนังประทับใจ ประจำปี 2008 (ตอนจบ)

พื้นที่แนะนำผลงาน{ตัวเอง}

(คลิกที่รูปหนังสือ เพื่อ อ่าน หรือ แสดงความเห็น ต่อหนังสือแต่ละเล่มได้เลยครับ)

ปีนี้ “ผมอยู่ข้างหลังคุณ” ขอฝากผลงานเล่มล่าสุดที่เพิ่งคลอดจ้า อันว่าด้วย 'ความรักและกำลังใจ' ผ่านแรงบันดาลใจจากชีวิตและภาพยนตร์ ในหนังสือที่ชื่อว่า

เมื่อฉันลืมตา แล้วโลกเปลี่ยนไป



และ ผลงานสองเล่มก่อน จากสองปีที่ผ่านมา



"หนังสือรัก" หนังสือที่หยิบยกความรักและความสัมพันธ์ในภาพยนตร์ มาช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและคนรอบข้าง ได้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม กับ องศาที่ 361 หนังสือที่อาสาช่วยคุณค้นหามุมเล็กๆในตัวเองที่จะมีความสุขในชีวิตได้มากขึ้น โดยอาศัย'หนัง'เป็นสะพานพาไปเข้าใจตัวเอง


มีขายตามร้านหนังสือทั่วไป แต่ เพื่อนๆที่หาซื้อตามร้านไม่ได้ "หนังสือรัก"เข้าไปสั่งได้จากเว็บของสนพ.เลยจ้าที่ //www.bynatureonline.com/store/bookstore.php ส่วน องศาที่ 361 และ เมื่อฉันลืมตา แล้วโลกเปลี่ยนไป สั่งได้จากในเว็บหรือหน้าร้านซีเอ็ดครับผม

ชวนไปอ่านบทความเรื่องอื่นๆ คลิก

พูดคุยกับเจ้าของ Blog คลิก

เปิดหารายชื่อหนังเก่าๆนอกเหนือจากในหน้าสารบัญ คลิก