www.facebook.com/ibehindyou

ทุก comment ที่คุณให้มา ทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้สนุกกับการเขียน blog แล้วอ่านอยู่คนเดียว

P.S. I Love You ,ชีวิตต้องเดินต่อไป ในวันที่ไม่มีเธอ



หมายเหตุ : บทความนี้ Rewrite บทความเดิมของตัวเองที่เคยเขียนไว้เมื่อสองปีก่อน และเขียนเพิ่มเติมจากส่วนที่เป็นภาพยนตร์




... ฮอลลี่ กับ เจอร์รี่ รู้จักกันมาตั้งแต่ช่วงมหาวิทยาลัย ทั้งคู่กลายมาเป็นสามีภรรยาใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุขอยู่นาน จนกระทั่ง ก่อนที่จะเข้าสู่วัย 30 ปี ฮอลลี่ต้องสูญเสียเจอร์รี่ให้กับมะเร็งร้าย

ในปีเดียวกับที่เจอร์รี่จากไป ในวันเกิดของฮอลลี่ เธอได้รับโน้ตที่เป็นลายมือของเจอร์รี่ ผู้เป็นทั้งสามี ,เพื่อนและคนที่เธอรักมากที่สุด พร้อมกับเนื้อความที่เป็นภารกิจบางอย่างสำหรับเธอ

จากนั้นในแต่ละเดือนก็จะมีโน้ตข้อความนั้นพร้อมลงท้ายข้อความว่า “ปล.ผมรักคุณ”




... จดหมายฉบับแล้วฉบับเล่า ที่ฮอลลี่ เฝ้ารอคอยการเปิดออกในแต่ละเดือน ทำให้เธอและคนอ่านเฝ้ารอด้วยความลุ้นและรวดร้าว

ลุ้นว่าฉบับหน้าจะมีเนื้อหาอย่างไร และ รวดร้าวใจเพราะรู้ว่าวันหนึ่งจะต้องถึงฉบับสุดท้าย

ในบทบาทของคนอ่าน เราอยากจะให้ถึงฉบับสุดท้ายไวไวเพราะอยากรู้เนื้อหา แต่ความรู้สึกก็ปนเปไปกับ การไม่อยากจะให้โน้ตฉบับสุดท้ายมาถึง เพราะคาดเดาไม่ถูกว่า ชีวิตที่ยังเหลืออยู่ของฮอลลี่จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร?




....ไม่น่าเชื่อว่าผู้เขียน Cecelia Ahern จะเขียนนิยายเรื่องนี้ด้วยวัยเพียง 22 ปี เพราะเธอถ่ายทอดความรู้สึกของหญิงสาวผู้ที่สูญเสียคนรัก อย่างเข้าถึงทุกแง่มุมทั้งด้านชีวิตที่ต้องดำเนินต่อ การปรับตัวกับสังคมและคนรอบข้าง รวมไปถึงสื่ออารมณ์ผ่านตัวอักษรออกมาประหนึ่งว่าเธอเคยผ่านประสบการณ์นี้มาแล้ว

ประโยคในหนังสือประโยคหนึ่งที่บรรยายความรู้สึกตัวละครไว้ได้ดีในตอนต้น คือ การใช้ชีวิตที่ไม่มี ชีวิต เหลืออยู่มันจะเป็นไปได้อย่างไร คำว่า ชีวิตที่ไม่เหลืออยู่แล้ว ไม่ใช่แค่แปลความถึง ชีวิตของคนรักที่จากไป แต่อีกนัยยะหนึ่งคือ ชีวิตจิตใจของคนที่เหลืออยู่ก็สูญสลายไปแล้วเช่นกัน


...มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะนึกภาพว่า ชีวิตตัวเองจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เมื่อคนรักของเราได้จากเราไปแล้วจริงๆ

เราจะเก็บข้าวของที่เป็นของเขาและของเราสองคนไว้ที่ไหน เช่น กรอบรูปบนโต๊ะ เสื้อผ้าที่เคยแขวนอยู่ในตู้ ฯลฯ จะเก็บไว้เหมือนเดิมหรือไม่ จะถอดแหวนแต่งงานเมื่อไหร่แล้วถ้าถอดจะทำอย่างไรกับมันต่อไป?

เพื่อนของเรากำลังมีความสุขกับคนรัก เพื่อนของเรากำลังจะแต่งงาน แต่เรากลับไม่สามารถรู้สึกยินดีไปกับพวกเขา ที่แย่กว่านั้น เราเองก็รู้สึกผิดที่ตัวเองรู้สึกแบบนี้ และลึกๆไปกว่านั้น เราเองกลับรู้สึกโดดเดี่ยวมากยิ่งขึ้น เมื่อเพื่อนๆกำลังจะไปมีชีวิตใหม่ เหมือนกับตอนหนึ่งที่ฮอลลี่พรั่งพรูความรู้สึกออกมาว่า ชีวิตของฉันดำเนินต่อไปอย่างที่ทุกคนทำไม่ได้ แล้วฉันก็แกล้งทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ได้ด้วย

บทเพลงที่เคยร้องร่วมกัน เพลงที่เคยเป็นของเราสองคน เมื่อไม่มีเขาอีกแล้ว เราจะร้องเพลงนั้นได้อย่างไร ยิ่งร้องก็ยิ่งเจ็บปวด ยิ่งตอกย้ำความเป็นเราทั้งสองคนที่เหลือแค่ฉันเพียงคนเดียว หรือเราจะต้องหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ไปตลอดชีวิต

สถานที่ๆเราและเขาเคยไปร่วมกัน เราพร้อมที่จะเดินซ้ำรอยในเส้นทางเดิมอยู่อีกหรือไม่ ถ้าเส้นทางนั้นไม่มีเขาเดินเคียงข้างเราอีกต่อไปแล้ว และ ถ้าเราต้องเดินกับคนอื่น ความรู้สึกผิดที่มันถาโถมกระหน่ำเข้ามา เราจะจัดการกับมันอย่างไร


....ทั้งหลายทั้งปวงนี้คือสิ่งที่ Cecelia Ahern นำเสนอออกมาได้เห็นภาพและรู้สึกได้อย่างเหมือนจริงจนน้ำตาซึมตั้งแต่ต้นจนจบ

คำถามที่ตั้งไว้ข้างต้นว่าชีวิตที่เหลืออยู่จะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไรนั้น ล้วนได้รับการเฉลยอย่างแยบยลผ่านพล็อตอีกส่วนที่เป็นความฉลาดของผู้เขียน ที่นอกจากจะใช้โน้ตของเจอร์รี่ ในการชวนติดตามของคนอ่านไปจนถึงฉบับสุดท้ายแล้ว

โน้ตของเจอร์รี่ยังถูกใช้ในการเยียวยาใจ ใช้เป็นตัวคลี่คลายสิ่งที่ค้างคาใจในตัวละครให้กระจ่างชัด และทำให้เกิดพัฒนาการของจิตใจของฮอลลี่ โดยไม่ต้องอธิบายอื่นใดให้มากความให้เธอเข้าใจว่า

“การที่ใครบางคนตายจากไป ไม่ได้หมายความว่าคนที่เหลือต้องหยุดใช้ชีวิตด้วย”



......นอกจากนี้ผู้เขียนยังใส่ใจในรายละเอียดของคาแรกเตอร์ต่างๆ ให้มีปฏิสัมพันธ์ต่อกันอย่างมีความหมาย ไม่มีตัวละครใดที่ใส่มาเพื่อถูกทอดทิ้ง แต่ทุกตัวละครจะค่อยๆคลี่คลายปมที่ขัดแย้งในตัวนางเอกและในตัวของกันและกัน โดยเฉพาะความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ผู้เขียนใส่ความขัดแย้งแล้วค่อยๆเลาะปมนั้นออก พร้อมๆกับการคลายปมของฮอลลี่ ทำให้ PS, I Love You มีหลายมุมมองให้จับต้อง และทุกมุมมองนั้นต่างก็เชื่อมโยงให้กับกันและกัน

...แม้ว่าจะเคยมี The letter ที่เป็นภาพยนตร์เล่าเรื่องเนื้อหาใกล้เคียงกัน แต่ผมอินและชอบ P.S. มากกว่ากับการเล่าเรื่องที่ไม่เร้าอารมณ์ให้พรั่งพรูมากเกิน และจะว่าไปแล้ว ประเด็นหลักๆตอนท้ายก็ต่างกัน ใน The Letter ตัวละครที่จากไปพยายามจะบอกให้อีกฝ่ายรู้และไม่พร้อมที่จะปล่อยคนที่มีชีวิตอยู่ให้เดินหน้า แต่ ใน P.S. จดหมายถูกฉบับที่ส่งมามีเจตนาเพื่อที่ว่า ให้อีกฝ่ายมีชีวิตอยู่ต่อไป

นั่นจึงทำให้ ความรู้สึกขณะอ่านชนิดน้ำตาท้นพร้อมกับรอยยิ้มอยู่เป็นห้วงๆนั้น เกิดขึ้นตลอดทั้ง 479 หน้าที่อ่านจบภายใน 2วัน เช่นเดียวกับตอนที่ดูหนัง แม้จะรู้ล่วงหน้าแต่ก็ยังมีหลายฉากน้ำตาซึม



...ในหนังสือมี หลายตอนที่เรียกได้ว่าจี๊ดทะลุหัวใจ และบางตอนก็อบอุ่นเหลือเกิน (ผมชอบตอนเฉลยเรื่องทัวร์สเปนผ่านการเล่าสองเหตุการณ์) ส่วนในหนังสิ่งที่ชอบคือ ความสัมพันธ์ของแม่-ลูกที่ใส่เข้ามาดูน่าเชื่อถือและหนักแน่นเพียงพอต่อการพยุงเนื้อหาไปสู่บั้นปลาย

เนื่องจาก ต้นฉบับมีพล็อตที่แข็งแรงอยู่แล้ว หนังทำออกมาได้ไม่ดีกว่าและไม่ได้ด้อยกว่านิยายมากมายอะไร เพียงแต่ ในฐานะคนรักนิยายเรื่องนี้ ถึง ฮิลารี่ แสวงค์จะเล่นดีอย่างไร ใจตัวเองก็บอกว่า “มันไม่ใช่คนนี้อะกิ๊บ มันไม่ใช่คนนี้”

เพราะ ดูแสวงค์ที่ไรก็มีแต่ภาพสาวแกร่งติดตา ไม่เป็นสาวน้อยผู้อ่อนแอหลังสูญเสียดั่งเช่นตอนที่อ่าน ยิ่งในหนังแฟลชแบ็คไปตอนพบกันครั้งแรกของเจอรี่ กับ ฮอลลี่ ดูยังไงๆก็ไม่อินอย่างแรง ไม่รู้สึกเลยว่าเธออายุน้อยลงตามบทที่เขียนมา

นักแสดงในหนังที่ผมชอบคือเคธี่ เบทส์ ในบทแม่ และ ลิซ่า คูโดรว์ ที่ถอดแบบมาจาก Friends แต่ด้วยที่ชอบบุคลิกเธอจากเรื่องนั้นอยู่แล้ว ได้เจออีกทีเหมือนเจอเพื่อนเก่าที่ขำๆฮาๆสบายใจ ในขณะที่ชายคนใหม่อย่าง แฮรี่ คอนนิค จูเนียร์ ดูป่วยจิตไปนิดยิ่งเพิ่งเพี้ยนหลุดโลกใน Bug ภาพในหนังเรื่องนั้นยิ่งซ้อนทับหลอกหลอนตลอดเวลาที่เห็นหน้าในหนัง



... ไดอะล็อคดีๆในหนังที่ผมชอบ คือ คำสอนของแม่ที่มีให้ฮอลลี่ว่า สำหรับคนเป็นพ่อแม่ สิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นเป็นอันดับสอง รองจาก การเห็นลูกตัวเองตายไปก่อนคือ การต้องเห็นลูกตัวเองเดินทางผิดเหมือนที่ตัวเองเคยเดินผิดมาก่อนแล้ว แม้จะพยายามห้ามเพียงใดแล้วก็ตาม

และ การอยู่เคียงข้างพร้อมประโยคสำคัญตอนท้ายที่แม่ใช้ปลอบหัวใจโดดเดี่ยวของลูกที่ใกล้แตกสลาย ให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาได้ในทันทีว่า

แม้เราจะโดดเดี่ยว แต่จงรู้เถิดว่า เราไม่ได้โดดเดี่ยวเพียงคนเดียวในโลก ไม่ว่าพรุ่งนี้จะมีเราเพียงคนเดียวหรือมีคนอยู่ข้างๆ จะอย่างไรชีวิตก็ยังคงต้องเดินหน้าต่อไป

...เหมือนเช่นตอนอ่านหนังสือที่ตัวอักษรในนั้น มีหลายอย่างที่ทำให้ได้เก็บไปคิด และ ทำให้ผมพบว่า

การที่ใครคนหนึ่งไม่ได้อยู่ตรงที่เดิม ไม่ได้หมายความว่าเราไม่มีเขาอีกต่อไป ความทรงจำที่เราเคยมีกันและกัน จะทำให้มีเธออยู่เคียงข้างฉันตลอดไป


ดั่งประโยคที่ฮอลลี่และเจอร์รี่บอกต่อกันและกันว่า

“เก็บความทรงจำที่แสนวิเศษของเราไว้ แต่อย่ากลัวที่จะสร้างความทรงจำดีๆใหม่ให้มากขึ้น”

“ชีวิตต้องดำเนินต่อไป”



...เมื่อตอนที่ผมอ่านหนังสือจบ บทเพลงนี้คือเพลงที่ดังก้องอยู่ในหัวไปพร้อมๆกับการเขียนบทความนี้ บทเพลงที่บอกให้คนฟังได้รู้ว่าชีวิตต้องเดินต่อไป และ การคิดถึงต่อคนที่จากไปนั้นก็ยังคงอยู่ เพียงแต่ เราจะเดินไปพร้อมๆกับความทรงจำที่เคยมีอันงดงาม และ เราจะต้องไม่ทุกข์ทนกับวันวานอีกต่อไป



ได้ยินเสียงบทเพลงที่เธอชอบฟังและทุกครั้งก็ยังแอบมีน้ำตา ยิ่งเวลารู้สึกไม่มีไม่เหลือใครอยู่ตรงนี้

ขอบฟ้าที่เรานั่งมองคราวนั้นยังมีความหมาย ต้นไม้ลำธารยิ่งมองยิ่งคิดถึงเธอมากมาย

ชีวิตที่มันขาดเธอวันนี้ยังเดินต่อไป

แค่ได้คิดถึงก็เป็นสุขใจ

และจะคิดถึงเธอตลอดไป







แจ้งข่าวจ้า : องศาที่ 361 คลอดอย่างเป็นทางการแล้ววววว




อ่านเบื้องหลัง ที่มาที่ไป ไขเบื้องหลังของหนังสือ คลิกได้ที่นี่เลยครับ

เบื้องหลัง 'องศาที่ 361' - พ็อกเก็ตบุ้คเล่มที่ 2 ของ “ผมอยู่ข้างหลังคุณ”

อ่านจบเมื่อใด ขอเชิญชวนมาพูดคุยแสดงความเห็นเกี่ยวกับหนังสือ คลิกที่ลิงค์ข้างล่างนี้เลยครับ

อ่านแล้วมาคุยกัน ... "องศาที่ 361


ขอฝาก"หนังสือรัก" พ็อกเก็ตบุ้คที่ไม่ใช่ หนังสือวิจารณ์หนัง แต่เป็นการหยิบยกความรักและความสัมพันธ์ในภาพยนตร์ มาช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและคนรอบข้าง ได้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม



เพื่อนๆที่หาซื้อตามร้านไม่ได้ "หนังสือรัก"เข้าไปสั่งได้จากเว็บของสนพ.เลยจ้าที่ //www.bynatureonline.com/store/bookstore.php ส่วน องศาที่ 361 สั่งได้จากเว็บของซีเอ็ดครับผม






ชวนไปอ่านบทความเรื่องอื่นๆ คลิก >> หน้าสารบัญ

ชวนคลิก ชวนคุยกับเจ้าของ Blog ที่ --> หน้าแรก

รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง





ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง

ความเห็น
ของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป




 

Create Date : 20 กุมภาพันธ์ 2551
19 comments
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2551 3:00:10 น.
Counter : 3541 Pageviews.

 

เมื่อคืนนี้ได้รับ sms จากก่ำกึ่งอดีตสามี ส่งมาให้ชวนไปดูเรื่องนี้
สรุปแล้วเขาต้องการบอกอะไรหรือป่าวนะ
แต่ก็ตั้งใจเอาไว้ว่าจะไปดูให้ได้ ขอยืมประโยคบ้างประโยค
ไปปลอดใจน้องชายหน่อยนะคะ เขากำลังมีปัญหาความรัก
เพื่อเขาจะคิดได้ว่า เขาไม่ได้อยู่อย่างโดดเดียว

สวัสดีวันพุธค่ะ

 

โดย: หมูอ้วน (pigarea ) 20 กุมภาพันธ์ 2551 8:21:10 น.  

 

ชอบมากกว่า Letter เหมือนกัน แม้จะไม่เศร้าเท่า

ฮาดีด้วย

 

โดย: YoiChi_KunG 20 กุมภาพันธ์ 2551 9:30:33 น.  

 

อยากดูเหมือนกันนะคะ
แต่ตังเริ่มหมดแล้วทำไงดี
สงสัยได้ดูแผ่นแทนแน่เลย

 

โดย: หัวใจสีชมพู 20 กุมภาพันธ์ 2551 10:24:01 น.  

 

อยากดูจัง

 

โดย: s.o.s 20 กุมภาพันธ์ 2551 10:51:47 น.  

 

+ แง้ๆ อ่านแล้วก็อยากดูอ่ะครับ ... แต่เวลาไม่พอเนี่ยดิ มีแต่หนังตกค้าง ดูไม่ทันเต็มเลยอ่าช่วงเนี้ยะ ถ้าไม่ทันคงจริงๆ ผมคงต้องเก็บจากแผ่นเอาแฮะครับ

 

โดย: บลูยอชท์ 20 กุมภาพันธ์ 2551 11:42:22 น.  

 

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ ว่าหนังไม่ได้ดีกว่า หรือด้อยกว่าหนังสือเท่าไหร่นัก แต่ดัดแปลงออกมาได้ดีระดับหนึ่งเลยทีเดียว แม้หลายๆ คาแรคเตอร์ในหนังสือ ที่ผมคิดว่าน่าจะสำคัญ จะหายไปก็ตาม ในใจแอบอยากให้มีฉากที่ถอดจากในหนังสือ อย่าง "น้องชายฮอลลี่ถ่ายวิดีโอ แล้วฉายไปทั่วประเทศ" มากๆ เลยนะครับ เพราะคงฮากรามค้างได้มากมายเลยทีเดียว

หลายๆ คนบอกเหมือนคุณ "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" เลยครับ ว่า เจ๊แหวง แบบว่า ยังไง๊ ยังไง ก็ไม่ใช่ น่าจะเป็นคนอื่นมากกว่า แต่ผมคิดว่า เธอทำได้ดีเลยนะครับ กระชากออกมาเป็นสาวหวาน ได้ แม้จะไม่มากก็ตาม แต่ผมอินกับเธอได้เยอะเลยนะครับ กับฉากบนเรือที่รู้ว่าเพื่อนแต่ละคนกำลังมีความสุข แต่ตัวเธอเองต้องฝืนยินดีกับความสุขของเพื่อน ทั้งที่สีหน้าและภายในใจคิดว่า "มันไม่ยุติธรรมเลย" ยิ่งฉากระหว่างแม่กับลูก เธอกับป้าเบทส์ รับส่งกันได้ดีมากมายเลย ดูแล้วซึ้งมากกว่า เธอกับพี่หลาด รับส่งความรู้สึกกันผ่านจดหมายซะอีก

ที่แน่ๆ สิ่งที่ทำให้ผมฮามาก คือ ฉาก Flashback ร้องคาราโอเกะ กับสภาพของเจ๊แหวง ที่ไม่ว่าใครเห็นก็ฮา มากมาย (ทั้งๆ ที่ไม่น่าฮา) และสิ่งที่ทำให้น้ำตาซึมกับหนังเรื่องนี้ได้ คือ เพลง Same Mistake ของ James Blunt ที่เหมาะเจาะ และปิดท้ายอารมณ์ของหนังได้อย่างดีมาก จนไม่อยากลุกจากโรงเลยทีเดียว

ร่ายมานาน ขอสรุปๆ สั้นๆ ว่า ประทับใจพอตัว แต่ประทับใจ "หนังสือ" มากกว่าครับ


ป.ล. (โหมดบ่นเล็กน้อย) แบบว่าผมไปดูวันวาเลนไทน์ เดินเข้าโรงเดี่ยวอย่างมั่นใจ แต่ก็โดนขนาบข้างด้วยชาวบ้านที่มากันเป็นคู่ แบบว่า หน้าเฉยๆ แต่ในใจ เซ็งอย่างที่สุด พลางคิดว่า "นี่ ไอ้คู่นั้นน่ะ อย่ามองด้วยสายตาแบบนั้นได้มิ ปั๊ดเหนี่ยวเลย ทำไม ดูหนังรักคนเดียวไม่ได้หรือไง ชิส์" ขอจบการบ่นแต่เพียงเท่านี้ขอรับ

 

โดย: เข็มขัดสั้น IP: 202.183.190.14 20 กุมภาพันธ์ 2551 12:02:42 น.  

 

ยังไม่ได้ดูเลยคับ
เห็นหลายคน บอกว่าสนุก อยากดูแล้วสิ

 

โดย: haro_haro 20 กุมภาพันธ์ 2551 14:50:44 น.  

 

...ไปดูมาแล้วเหมือนกันค่ะ ชอบ ประทับใจ แต่ยังไม่มากนัก แต่แค่นี้ก็ทำให้ร้องไห้ตาบวมออกมาแล้วค่ะ ขอบคุณที่นำเรื่องนี้มาเขียน เรื่องนี้มีประโยคดีๆ เยอะเลยค่ะ จดเก็บไว้ทันก็จากบล็อกนี้หล่ะค่ะ ขอบคุณจ้า...

 

โดย: G_LoVeLy 20 กุมภาพันธ์ 2551 16:46:20 น.  

 

เรื่องนี้น่าจะน่าดูมากที่สุดแล้วในบรรดาหนังที่เข้า วันวาเลนไทน์

แล้วจะไปดูนะคะ

 

โดย: ไร่ปลายตะวัน 20 กุมภาพันธ์ 2551 17:49:41 น.  

 

มาถึงวันนี้ คงต้องรอวีซีดีเอาแล้วล่ะครับ... ไม่ใช่ไม่ทันอะไรหรอก แต่คิดไว้ว่า หลังจากพรุ่งนี้ ดู There Will Be Blood ก็จะหยุดการดูหนังไปสักหนึ่งอาทิตย์ เพื่อเตรียมตัวสอบไฟนอลให้ดีที่สุด (ไม่รู้จะดีได้หรือปล่าว) ...คงขึ้นเดือนใหม่เลย ก็ค่อยกลับไปอีกที

ปล. วันนี้เพิ่งดู "กอด" มา... ขอบอกว่า ประทับใจมากๆ ...ส่วนความรู้สึกเต็มๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปดู There Will ก่อน แล้วจะกลับมาคุยกันที่หน้าหลักเน้อ

 

โดย: OncE UPoN'-'a MaN 21 กุมภาพันธ์ 2551 0:28:02 น.  

 

จะหาเวลาไปดูแน่นอนค่า

 

โดย: ลิปดา-พิลิปดา IP: 58.9.7.231 21 กุมภาพันธ์ 2551 23:26:46 น.  

 

แอบมาอ่าน ชักเริ่มอยากจะดูแล้วซิ
เก็บความทรงจำที่แสนวิเศษของเราไว้ แต่อย่ากลัวที่จะสร้างความทรงจำดีๆใหม่ให้มากขึ้น”

“ชีวิตต้องดำเนินต่อไป
ติดใจประโยคนี้ใช่มั้ยหล่ะค่ะ

 

โดย: ลิซ่า IP: 124.120.196.78 22 กุมภาพันธ์ 2551 0:00:22 น.  

 

ชอบมากค่ะ
จนอยากจะดูอีกรอบ

 

โดย: ++Falling In Love++ 24 กุมภาพันธ์ 2551 22:27:16 น.  

 

ไม่เคยอ่านหนังสือ ดูแต่ในโรง...น้ำตาเล็ดครับ

ขอบคุณสำหรับบทความครับ

 

โดย: pop IP: 58.8.26.92 24 กุมภาพันธ์ 2551 22:57:13 น.  

 

ติดใจตรงนางเอกเหมือนกัน เลยไม่ค่อยอยากดู เพราะรู้สึกว่าเธอมี character สาวแกร่งติดอยู่ตลอด ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะรูปหน้าด้วย ที่ออกจะคล้ายผู้ชายไปนิด เพราะเรื่องที่เธอเล่น boy don't cry (คิดว่าจำไม่ผิด) เราดูแบบไม่ขัดเขิน เพราะเธอเหมือนชายมาก
อาจจะไม่ดูหนัง แต่จะไปหาหนังสืออ่านค่ะ

 

โดย: krisy IP: 202.57.154.81 25 กุมภาพันธ์ 2551 11:06:19 น.  

 

ชอบพล็อตเรื่องค่ะ ตอนแรกว่าจะไปดูหนัง แต่เปลี่ยนใจ ไปหาหนังสือมาอ่านดีกว่า หุ หุ

 

โดย: ครีมหนึ่งน้ำตาลสอง IP: 70.150.87.3 2 มีนาคม 2551 3:30:12 น.  

 



สามารถติดตามบทสรุป การให้คะแนน และบทวิจารณ์ของภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่มเติม
หรือบทวิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ พร้อมความเห็นของเพื่อนร่วมบล็อคที่รักการดูหนัง
ได้ที่ //vreview.yarisme.com พร้อมลุ้นรับบัตร Major M Cash มูลค่า 500 บาท จำนวน 8 ใบ ทุกเดือน

 

โดย: ป๋องแป๋ง IP: 124.120.0.136 24 มีนาคม 2551 17:25:56 น.  

 

ได้ดูดีวีดีแล้ว
ทุกครั้งที่ภาพแฟลชแบ็คกลับไปหาพระเอก
หรือทุกครั้งที่นางเอกอ่านจดหมายแล้วจินตนาการว่าพระเอกกำลังพูดคุยด้วย เราจะน้ำตาซึมทุกครั้ง
แม้ว่าฉากนั้นจะเป็นฉากรัก สดใส หรือหวานเพียงใด แต่ใจคนดูรู้ว่าผู้ชายแสนดีคนนี้ได้จากไปแล้ว

 

โดย: แมวเมิน IP: 125.25.146.131 31 สิงหาคม 2551 20:01:02 น.  

 

ชอบมากเรื่องนี้ ดูแล้วน้ำตาหยดแม่ะๆ

 

โดย: cool girl IP: 202.12.97.100 22 กุมภาพันธ์ 2553 16:38:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
242526272829 
 
20 กุมภาพันธ์ 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.