www.facebook.com/ibehindyou

ทุก comment ที่คุณให้มา ทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้สนุกกับการเขียน blog แล้วอ่านอยู่คนเดียว

Dark Water , ความสัมพันธ์แม่-ลูก-ผี (จากหนังสือสู่ภาพยนตร์)



เรื่องสั้น”น้ำที่เวียนว่าย” …. เป็นหนึ่งตอนในรวมเรื่องสั้นชุด ปริศนาใต้บาดาล ของ ซุสุกิ โคจิ ผู้เขียนคนเดียวกับนิยาย The Ring เล่าเรื่องราวของสองแม่ลูก โยชิมิ – อิคุโกะ ที่เพิ่งย้ายเข้าแมนชั่นหลังใหม่ริมอ่าวโตเกียว

โยชิมิ เป็นหญิงสาวที่มีปมด้อยในความเป็นเพศหญิงของตัวเอง ตั้งแต่วัยเด็กที่ไม่เคยชอบภาพลักษณ์ตัวเอง ไม่เคยเพลิดเพลินกับการมีเพศสัมพันธ์มีเพียงความเจ็บปวดทรมาน และมีชีวิตคู่ล่มสลายเหมือนรุ่นแม่รุ่นยาย ในหนังสือ ตัวอักษรสามารถบรรยายตัวตนของเธอได้ดีว่า เธอไม่เข้าใจจริงๆ ดุจมีกำแพงสูงเกินข้ามกั้นขวางระหว่างตัวเธอกับผู้อื่น ผิดแผกแตกต่างไปหมด ทั้งรสนิยมเรื่องความงามหรืออัปลักษณ์หรือความสุขสมเพลิดเพลินทางกาย โลกที่สะท้อนในสายตาของเธอกับโลกที่สะท้อนในสายตาของผู้อื่นแตกต่างกันอย่างยิ่ง

มันแสดงให้เห็นความรู้สึกแปลกแยกของเธอกับโลกได้เป็นอย่างดี เธอและลูกค้นพบกระเป๋าคิตตี้สีแดงไร้เจ้าของ กระเป๋าที่ตามตัวสองคนแม่ลูกตลอดไม่ว่าจะทิ้งไปกี่รอบ จนวันหนึ่งเธอได้ยินลูกสาวคุยกับใครบางคนที่ไม่มีตัวตน นำเธอไปพบกับความจริงน่าสยดสยองที่ถูกปิดไว้ของเด็กผู้หญิงในแมนชั่นเดียวกันนี้เมื่อ 2 ปีก่อน

Dark Water ฉบับญี่ปุ่น ... ยกโครงเดิมจากเรื่องสั้นนี้มาใส่รายละเอียดเพิ่มเติมลงไปอีกมาก เป็นการดัดแปลงต้นฉบับมีเนื้อหาอยู่ไม่ถึง 30 หน้า ให้เป็นภาพยนตร์แนวสยองขวัญความยาวเกือบ 2 ชั่วโมง โดยฝีมือผู้กำกับ Hideo Nakata

หนังใส่รายละเอียดของคนเป็นแม่อย่างโยชิมิเข้าไป และ ใส่รายละเอียดของเด็กสาวที่หายสาบสูญ ให้กลายเป็นเรื่องราวการโหยหาความเป็นแม่ของเด็กผู้หญิงและความพยายามที่จะเป็นแม่ของโยชิมิ เธอต้องต่อสู้เพื่อที่จะแย่งสิทธิดูแลลูก ต้องสู้กับข้อกล่าวหาว่าเธอมีอาการทางจิต จากอดีตสามีที่ต้องการเอาลูกไปเลี้ยงเช่นกัน

ความสยดสยองของหนังมากับบรรยากาศเมืองที่ตัวละครไปอยู่ เต็มไปด้วยสายฝนโปรยปราย ,ป้ายประกาศตามหาเด็กสาวที่หายสาบสูญติดอยู่ตามเสาไฟฟ้า ,ภาพเด็กสาวคนที่หายไปในชุดเสื้อกันฝน ,รอยหยดน้ำที่ไหลลงห้องเธอเหมือนไม่มีวันหยุด ฯลฯ ทั้งหมดนี้เป็นเหมือนร่องรอยที่ทำให้เธอได้พบกับความจริงที่เชื่อมโยงทุกอย่างเข้าด้วยกัน ความจริงที่สยองและรันทด

ภาพยนตร์ต้นฉบับนี้มีจังหวะล่อหลอกของหนังทำออกมาได้สะดุ้งตกใจได้ดี เป็นหนังเรื่องที่ 2 ถัดจาก Ringu ที่ผมดูจากวิดีโอแล้วนั่งดูอย่างใจไม่เป็นสุข ฉากในลิฟต์ของเรื่องนี้ เป็น บรรยากาศของลิฟต์ในหนังผีที่น่ากลัวและไม่น่าขึ้นลิฟต์มากที่สุด รวมไปถึงฉากในลิฟต์ตอนท้าย เป็น ฉากไคลแมกซ์ที่ชวนขนลุกและคาดไม่ถึง จะเสียก็ตรงตอนจบที่เล่นง่ายๆและใส่เรื่องราวตอนท้ายให้กลายเป็นส่วนเกินที่ไม่จำเป็น

....มาจนถึง Dark Water ฉบับ remake ที่ทางฮอลลีวูดนำกลับมาสร้างใหม่ Dark Water เวอร์ชั่นนี้ มีเค้าลางบางอย่างที่ทำให้ผมเชื่อตั้งแต่แรกว่าหนังอาจไม่ประสบความสำเร็จ นั่นคือ

1.การถูกตัดหน้าโดย The Ring Two .. ทีมผู้สร้างของ Dark Water คงคันในหัวใจมิใช่น้อย เมื่อเห็น Ring 2 ฉบับฮอลลีวูด ถูดดัดแปลงออกมามีธีมของเรื่องและพล็อตไม่ต่างจาก Dark Water และแสบตรงที่ว่า ต้นฉบับทั้ง2เรื่องนี้มาจากผู้กำกับคนเดียวกัน Hideo Nakata และเขานี่เองจัดการเอา”น้ำ”และเรื่องราวความผูกพันแม่-ลูก มายำลงใน The Ring two ที่เขามารีเมคใหม่ให้กับฮอลลีวูดชนิดที่เรียกว่าใครไม่เคยดู Dark Water ต้นฉบับมาก่อนอาจเข้าใจได้ว่า Dark water ลอกมาจาก The Ring two

2. ผู้กำกับ Walter Salles .... พิสูจน์ตัวเองในหนังคุณภาพมาแล้วอย่าง The Motorcycle Diaries, Central Station แต่การที่ต้องมากำกับหนังสยองเป็นเรื่องแรก มันเป็นอะไรที่แตกต่างจากหนังสองเรื่องนี้มาก ทั้งสองเรื่องเป็นดราม่าที่ต้องเล่นกับความคิดจิตใจตัวละครเป็นหลัก ในขณะที่หนังสยองขวัญส่วนสำคัญหนึ่งคือการเล่นกับความรู้สึกกลัวของคนดู ซึ่งน่าเป็นห่วงว่าเขาจะทำไดหรือไม่

3. ตัวเรื่องสั้นต้นฉบับ ... โดยบทดั้งเดิมแล้วตัวเรื่องสั้นนี้ผมรู้สึกว่า มันมีธีมที่ดีแต่ไม่ได้มีโครงเรื่องที่ชวนสยดสยองขนหัวลุกแต่อย่างใด(ยิ่งถ้าเทียบกับเรื่องอื่นๆในเล่ม) อีกทั้งบทสรุปก็ค่อนข้างง่ายดาย เมื่อโครงเรื่องไม่แข็งแรงพอ การจะดัดแปลงให้ดีก็เป็นงานที่ยากเย็นไม่แพ้กัน

Dark Water ฉบับ remake นี้มีการดัดแปลงรายละเอียดของต้นฉบับด้วยการใส่ รายละเอียดบางอย่างลงไป และ ตัดรายละเอียดบางอย่างออก มันจึงการเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูป เพราะส่วนที่เติมลงไปคือ เรื่องความสัมพันธ์และการสำรวจจิตใจตัวละครคนเป็นแม่ และ ส่วนที่ตัดออกคือความน่ากลัวระทึกขวัญ

...สัญชาตญาณความเป็นแม่ คือ การเลี้ยงดูและปกป้องดูแลลูกให้ดีที่สุด แต่ดีที่สุดนั้นคืออย่างไร แม่หลายๆคนต้องแบกความกดดันพร้อมกับคำถามที่ต้องเผชิญเมื่อต้องมีลูกว่า “เราจะทำหน้าที่แม่ได้ดีสักแค่ไหน เราจะเป็นแม่ที่ดีพอหรือไม่”

โยชิมิ และ Dahlia ต่างก็เป็นแม่ของลูกสาว เป็นแม่ที่ต้องรับภาระดูแลลูกเพียงผู้เดียว (Single Mom) เธอต้องต่อสู้กับแรงกดดันภายนอก ไม่ว่าจะเป็นความง่อนแง่นของสถานะการเงิน หรือ ความรับผิดชอบที่ต้องทำหน้าที่พ่อและหัวหน้าครอบครัวไปพร้อมกับความเป็นแม่ อีกทั้งต้องต่อสู้กับอดีตสามีที่ต้องการแย่งชิงลูกไปจากเธอ และที่มากไปกว่านั้นต้องต่อสู้และปกป้องลูกสาวจากความชั่วร้ายที่อยู่ในแมนชั่น

นอกจากปัจจัยภายนอกที่มารุมเร้าคนเป็นแม่อย่างพวกเธอแล้ว ความกดดันที่หนักหน่วงไม่แพ้กัน คือ ความกดดันที่มาจากภายใน ความรู้สึกและความคาดหวังในการที่จะเป็นแม่ที่ดี กับคำถามในใจของตัวเองว่า เธอจะปกป้องและเลี้ยงดูลูกได้ดีเพียงพอหรือเปล่า

Dahlia ต่างจาก โยชิมิ - ตรงที่เธอนั้นมีฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนมาจากอดีตของตัวเอง ภาพของแม่ที่ไม่เคยทำหน้าที่แม่ให้กับเธอ ไม่เคยให้ความอบอุ่นกับเธอ มันยิ่งทำให้เธอต้องแบกรับความคาดหวังหนักขึ้นไปอีกเมื่อเธอกลายเป็นแม่คน

เหตุการณ์เพียงเล็กน้อยสำหรับคนอื่นแต่มันกลับกระทบให้เกิดรอยบิ่นในความเป็นแม่ของ Dahlia มากมาย เช่น แค่เพียงรับลูกสายเล็กน้อย มันก็เกิดความรู้สึกที่ซ้ำรอยตัวเองในวัยเด็ก หรือ การมีเพื่อนในจินตนาการ(imaginery friend) ของลูกสาว มันพาลทำให้เธอสงสัยในความเป็นแม่ของตัวเอง ว่า เธอยังทำหน้าที่นั้นไม่ดีพอหรือไม่ ลูกสาวจึงเป็นเช่นนี้

นั่นทำให้เธอเองต้องต่อสู้กับความเจ็บป่วยทางจิตใจ และ ความสยองของสิ่งที่ไม่มีตัวตน

...Dark Water ฉบับรีเมคนี้ ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกสาวค่อนข้างมาก พร้อมกับสะท้อนปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นทุกชนชั้นทุกเชื้อชาติ นั่นคือ การทอดทิ้งเด็ก (Neglected child) ใน Dark Water มีลูกสาว 3 คนที่มาจากจุดเริ่มต้นที่คล้ายคลึงกันคือภาวะล่มสลายของสถาบันครอบครัว แต่สุดท้ายปลายทางนั้นแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นความสุข ความตาย ฝันร้ายและความทุกข์ทรมาน

Ceci .... ต้องกลายมาเป็นเด็กบ้านแตกตั้งแต่เล็ก เมื่อพ่อกับแม่ไม่สามารถเลือกเดินไปบนเส้นทางเดียวกันได้ และแม้จะเลิกกันแล้วต่างฝ่ายต่างก็ยังถือทิฐิแยกกันอยู่คนละเมือง เธอจึงกลายเป็นวัตถุที่ต่างฝ่ายต่างต้องการถือสิทธิในการครอบครอง แต่ในความต้องการครอบครองของพ่อและแม่นั้น สิ่งที่ทั้งสองคนพ่อ-แม่ไม่ได้มีลดน้อยถอยลงเลยคือ ความรักที่มีให้กับลูก นั่นทำให้เธอมีต้นทุนชีวิตที่มากกว่าอีกสองคนที่เหลือ

Natasha .... ถูกพ่อและแม่ที่แม่ติดเหล้าทอดทิ้งอย่างไม่ใยดี เหลือเธอไว้เหมือนกับส่วนเกินของสังคม เธอกลายเป็นเด็กหลงทาง ไร้ทิศทาง และนั่นนำพาเธอไปสู่เส้นทางที่มืดมน Dark Water คงไม่ได้หมายถึงแค่น้ำสีดำ แต่น้ำที่เธอตกลงไปมันคือ อนาคต และ วังวนชีวิตที่มืดสนิท และ ความตาย อันเป็นผลจากการขาดความรับผิดชอบของคนที่เป็นพ่อแม่คน

Dahlia .... ไม่เคยหลุดพ้นจากฝันร้าย เธอกลายเป็นผลพวงของการกระทำทั้งจากพ่อที่ทำร้ายร่างกาย (Physical abuse) และแม่ที่ทำร้ายทางอารมณ์ (Emotional abuse) ด้วยการกระทำอันไร้ซึ่งความรักกับสายตาที่เกลียดชัง ภาพของเธอในวัยเด็กนั้นมาทาบทับภาพของ Natasha (หนังเองก็คงต้องการสื่อประเด็นนี้เช่นกัน สังเกตว่าในหนังก็ใช้ตัวนักแสดงคนเดียวกันที่รับบทสองคนนี้) ก่อนที่เธอจะต้องประสบชะตากรรมเดียวกับ Natasha นั่นคือการถูกทอดทิ้ง สิ่งที่เธอต่างจาก Natasha คือ เธอได้มีโอกาสและเวลาที่ใช้ชีวิตยาวนานกว่า นานเพียงพอที่จะต้องพลิกกลับบทบาทจากลูกสาวมาเป็นแม่คน

ความเป็นแม่ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความไม่มั่นใจ ความหวาดหวั่น และ ความหวาดกลัว ทำให้แม่อย่าง Dahlia ที่เป็นเพียงหญิงสาวในเมืองใหญ่ ต้องต่อสู้เพียงลำพัง เพื่อทำทุกวิถีทางในการปกป้องลูกสาวจากอันตราย และทำทุกวิถีทางในการเป็นแม่ให้ดีเพียงพอ สิ่งที่เธอมองหา และ เป็นสิ่งเดียวที่ Natasha เด็กหญิงที่ถูกทอดทิ้งเหลือไว้เพียงวิญญาณตามหาต่างก็เป็นสิ่งเดียวกันนั่นคือ ความเป็นแม่ แต่เธอจะทำอย่างไร ในเมื่อลูกสาวของเธอเองก็ต้องการแม่เช่นกัน

หากมาวิเคราะห์ดูความเป็นแม่ ของ Dark Water ทั้งสามเวอร์ชั่น เราจะพบว่า... (เนื้อความถัดจากนี้มีการเฉลยตอนจบ หากยังไม่ต้องการรับรู้ข้าม ตัวหนังสือสีน้ำตาล ไปได้เลยครับ)

ส่วนร่วมของแม่ใน Dark Water ทั้ง 3 เวอรชั่น คือ การเป็น Single mom ที่ต้องรับผิดชอบดูแลลูกสาว และ มีชีวิตคู่ที่ล่มสลาย ทั้ง 3 คน

แม่ในหนังสือ .. เจอศพของเด็กสาวที่หายสาบสูญ แต่ เธอก็ปล่อยให้เด็กสาวคนนั้นอยู่ในแท้งค์น้ำสืบต่อไป เธอไม่ได้ขวนขวาย หรือ หาทางช่วยเด็กสาวคนนั้นให้หลุดพ้นออกมาจากที่กักขัง ความเป็นแม่ของเธอมีเพียงตัวเธอและลูกเท่านั้น และบทสรุปคือการย้ายที่พักใหม่เพื่อ ปกป้องลูกกับตัวเธอไม่ให้ต้องพบกับเรื่องราวเลวร้ายอีกต่อไป

การยอมเป็นแม่ให้กับผีเด็กสาว เป็นสิ่งที่หนังทั้งสองเรื่องมีแต่ต้นฉบับหนังสือไม่มี น่าสนใจว่าทำไมหนังทั้งสองเรื่องยังยึดประเด็นนี้อยู่

แม่ในภาพยนตร์ ... เมื่อพบศพของเด็กสาว และ ผีเด็กสาวนั้นโหยหาความเป็นแม่ สิ่งที่เธอทำคือปกป้องลูกสาว แต่บทสรุปของแม่ในจอภาพยนตร์ทั้ง 2 เวอร์ชั่น กลับต่างจากหนังสือ คือ เธอไม่สามารถเป็นแม่ของลูกตัวเองได้อีก เธอกลับต้องกลายเป็นแม่ของผีเด็กสาว

....ในหนังต้นฉบับนั้น ฉากสุดท้ายในลิฟต์ ต่างจาก ฉากสุดท้ายในห้องน้ำของฉบับรีเมค เพราะโยชิมิในหนังต้นฉบับ ดูจะมีการตอบสนองความรู้สึกโหยหาแม่ของผีเด็กสาวด้วยสัญชาตญาณความเป็นแม่ในตัวของเธอ เธอไม่ได้ตกอยู่ในสภาวะจนตรอกเหมือนกับ Dahlia ดังนั้นการกลายเป็นแม่ให้ผีเด็กของโยชิมิ มาจากความรู้สึกผูกพันบางอย่างที่มีกับผีเด็กที่ขาดแม่ และ ความต้องการปกป้องลูกสาวตัวเอง ในขณะที่ การกลายเป็นแม่ให้ผีเด็กของ Dahlia มาจากความรู้สึกต้องการปกป้องลูกสาวตัวเองล้วนๆ

นั่นทำให้เห็นว่า ทั้ง 3 เวอร์ชั่นนี้มี แม่แต่ละคน วิธีการคิด การตัดสินใจ และบทสรุปที่แตกต่างกัน แต่ทั้ง 3 ความคิดของตัวละครในDark Water ล้วนมาจากรากฐานเดียวกัน นั่นคือ ความรักลูกและสัญชาตญาณของคนที่เป็นแม่


..... ตัวหนัง Dark Water ฉบับใหม่นี้แตกต่างจากต้นฉบับเดิมอยู่มาก ความแตกต่างที่ชัดเจนคือการลดความสยองและระทึกขวัญลง พร้อมกับเพิ่มแง่ปมจิตใจของตัวละครมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกับตัวเอกอย่าง Dahlia

หากหักกลบความสยองขวัญออกไป และ หันมามองหนังในมุมของความเป็นหนังดราม่าจิตวิทยา หนังกลับมีดีในตัวอยู่มิใช่น้อย แม้ว่าความลึกของรายละเอียดที่มาของปมในใจ Dahlia จากบทจะไม่ลึกมากนัก (หนังแค่บอกเราว่าแม่ของเธอไม่ดีกับเธอ แต่ไม่ได้ตามติดต่อ) แต่การใส่รายละเอียดลงมา มีส่วนช่วยให้เราเข้าใจตัวตนของเธอและความสัมพันธ์แม่-ลูกในเรื่องได้เป็นอย่างดี และความลึกของตัวละครนั้นได้รับการพัฒนาขึ้นจากการแสดงของ Jennifer Connelly เป็นอย่างมาก เธอปรากฎโฉมในเรื่องนี้ชนิดสวยทรุดโทรม กับการแสดงคุณภาพที่ไม่ลดน้อยถอยลงเลย เมื่อเธอต้องมารับบทแม่เดี่ยวในเมืองใหญ่ เธอก็ทำให้คนดูเข้าใจสภาวะความรู้สึกของคนเป็นแม่อย่างเธอได้ดี เธอพัฒนาตัวละครของเธอให้มีมิติมากขึ้นและเธอเองก็แบกหนังทั้งเรื่องเดินหน้าจนจบได้อย่างน่าชื่นชม

...หนังสร้างบรรยากาศ การถ่ายภาพไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศรอบนอกหรือภายในที่พัก ทำออกมาได้อย่างสวยงามยอดเยี่ยม ให้ความรู้สึกอ้างว้างเหงาและน่ากลัวไปพร้อมๆ กับตัวเมืองที่ฝนโปรยปรายตลอดวันตลอดคืน เข้ากับบรรยากาศบ้านเราในตอนนี้เป็นอย่างดี ทำให้หนังทั้งเรื่องนั้นมีบรรยากาศหลอนแต่เศร้าตลอดเวลาตั้งแต่ต้นจนปิดฉากลง

....หากจะมีอะไรที่เป็นข้อผิดพลาดมากที่สุดของหนังเรื่องนี้ ผมเองมองไปที่การโปรโมทวางตัวเองของหนังให้เป็น หนังสยองขวัญ ซึ่งแน่นอนสิ่งที่คนดูย่อมคาดหวังคือ จังหวะกระตุกหัวใจให้ชีพจรหยุดเต้น หรือ ต้องดูไปปิดตาไปพร้อมแง้มนิ้วดูว่าผีจะมาหรือยัง ซึ่งตลอดเวลาของหนังทั้งเรื่อง ไม่มีฉากไหนเลยที่ทำได้ในระดับดังกล่าว นั่นย่อมทำให้คนดูส่วนใหญ่ผิดหวังและเมินที่จะรับสิ่งที่หนังต้องการสื่อ เพราะความรู้สึกคนดูระหว่างกลางเรื่องก็จะรอคอยว่าเมื่อไหร่ฉันจะกลัวเสียที ยังดีที่ไม่ทำผีลูกหลานซาดาโกะคลานหรือเดินกระย่องกระแย่งให้คนดูต้องรำคาญสายตา ที่ต้องทนเห็นผีเดินอยู่แบบเดียวทุกเรื่อง

....หนังระดมพลนักแสดงคุณภาพมาประชันบทกันทั้ง John C. Reilly , Tim Roth , Dougray Scott เพียงแต่บทของแต่ละคนนั้นไม่ได้รับการเน้นน้ำหนักเน้นตัวละครมากมาย การโผล่ออกมาจึงไม่ได้แสดงความสามารถอะไรเท่าไหร่ เพราะหนังโยนความรับผิดชอบในการแบกตัวหนังและแบกความเป็นแม่ไปไว้ที่ตัว Jennifer Connelly แต่เพียงผู้เดียว แต่ Jennifer Connelly ก็ยังไม่ใช่นักแสดงที่ผมชื่นชอบที่สุดในหนัง เมื่อมี Ariel Gade เด็กน้อยที่รับบท Cecil ได้ดีเหลือเชื่อ การแสดงที่ไม่เวอร์ไม่ตื่นสนาม เล่นได้ชนิดกำลังงาม ความสัมพันธ์ของแม่-ลูกจะไม่น่าเชื่อถือเลย ถ้าเล่นดีแค่คนใดคนหนึ่ง การแสดงของเธอในบทลูก มันช่วยเสริมความโดดเด่นของคนเป็นแม่ได้ดีเมื่อลูกเองก็เล่นได้ดีไม่แพ้กัน

สิ่งที่ชอบ

1.ความเป็นดราม่าและแง่มุมคนเป็นแม่... หนังทำได้ดีบวกกับการแสดงของ Jennifer Connelly ทำให้ธีมแม่-ลูก ของหนังฉบับดัดแปลงนี้ชัดเจน และ มีมิติจับต้องได้

2. การถ่ายภาพของAffonso Beato ... สายฝนโปรยปรายในเมือง หรือ บรรยากาศอพาร์ตเมนท์ของตัวละคร หนังถ่ายภาพออกมาสวยมีสไตล์ ทั้งแสงและโทนสี ที่สำคัญได้อารมณ์ เหงา เศร้า หลอน ไปพร้อมๆกัน การถ่ายภาพที่ออกมาสื่อสารและเชื่อมโยงกับความรู้สึกตัวละครได้อย่างน่าอัศจรรย์

3. Ariel Gade .... การแสดงของ Jennifer Connelly ดีในระดับมาตรฐานไม่ประหลาดใจ แต่การแสดงของเธอคนนี้ดีจนผมชื่นชมมาก สีหน้าเธอตอนตกใจตื่นกลางดึกเมื่อเห็นแม่ฝันร้าย สีหน้าเธออบอุ่นเมื่อรู้ว่าแม่ยังคงอยู่ ฯลฯ เป็นการแสดงของดาราเด็กที่เล่นได้น่าจับตามองอีกคนหนึ่ง

4.ฉากตอนจบ ... ในหนังต้นฉบับ ตัวร้ายบ่อนทำลายหนังอย่างแรง คือ ส่วนเหตุการณ์อีกหลายปีหลังเกิดเรื่อง ที่หนังพ่วงมาทั้งที่หนังควรจะจบไปแล้ว พอมาถึงฉบับดัดแปลงการที่หนังย่นระยะเวลาลงเหลือไม่กี่วันหลังเกิดเรื่องแล้วกลับมาขนของ มันทำให้ตอนจบของเรื่องนี้เน้นธีมตัวเองได้ชัดขึ้น(แม่,ลูก)และดูไม่ประดักประเดิดเป็นส่วนเกินเหมือนของต้นฉบับ

สี่งที่ไม่ชอบ

1.ไม่น่ากลัว ... อย่างน้อยถึงจะไม่ทำตัวเป็นหนังผี แต่ในแง่ของการเป็นดราม่าจิตวิทยา ส่วนที่หนังทำได้ดีที่สุดคือดราม่า แต่ส่วนความระทึกขวัญความกดดันนั้นยังขาดชั้นเชิงอยู่มาก

2.3.ฉากไคลแมกซ์ ... ฉากไคลแมกซ์ที่เป็นบทสรุปในห้องน้ำ ของ Dahlia + Natasha + Ceci มันจบลงอย่างง่ายเกินไป ทุกอย่างเกิดขึ้นและจบลงเร็วพร้อมกับการปิดฉากของหนังอย่างรวดเร็ว มันเหมือนกับหนังที่เดินเรื่องอย่างดราม่ามาอย่างเต็มตัว แต่กำลังจะปิดฉากด้วยความสยองขวัญ จึงมาเร่งเครื่องตอนท้ายแล้วปิดฉากในห้องน้ำแบบห้วนๆ น่าเสียดายที่อารมณ์นั้นมันห้วนเกินไป เมื่อเทียบกับไคลแมกซ์ในลิฟต์ของต้นฉบับแล้ว ในต้นฉบับเป็นฉากเฉลยที่น่าตกใจ คาดไม่ถึงและฝันร้ายอย่างแท้จริง

3.ครึ่งชั่วโมงแรกของหนัง ... เป็นการดำเนินเรื่องที่ทำลายความหวังของคนดูให้มลายลง เพราะมันไม่มีวี่แววของความเป็นหนังสยองขวัญเลย ครั้นจะดูในแนวดราม่ามันก็ยังน่าเบื่ออยู่ดี

สรุป ... หากเปรียบเทียบหนังผีญี่ปุ่นที่นำมารีเมคแล้ว ผมยังยกให้ The Ring เป็นงานรีเมคที่ดีที่สุด เป็นตัวของตัวเองและยังคงให้ความรู้สึกน่ากลัวใกล้เคียงต้นฉบับ ในขณะที่ The Ring Two คืองานรีเมคโดยผู้กำกับคนเดิมที่พอมีดีอยู่บ้างแต่รวมๆแล้วน่าผิดหวัง The Grudge คือ งานรีเมคที่ไม่ต่างจากต้นฉบับมากเพียงแค่เปลี่ยนตัวละครเป็นฝรั่งและใส่รายละเอียดให้รู้เรื่องมากขึ้น และ Dark Water คือ งานรีเมคเรื่องเดียวที่ฉีกตัวเองจากต้นฉบับจากหนังสยองขวัญมาเป็นดราม่าระทึกขวัญโดยยังคงธีมหลักเดิมๆอยู่ หากเทียบในแง่ความเป็นหนังผีถือว่าน่าผิดหวัง แต่หากหักกลบลบความสยองทิ้งไป หนังเรื่องนี้เป็นหนังดราม่าจิตวิทยาที่หลอนและเศร้าชั้นดีเรื่องหนึ่ง พร้อมมีบรรยากาศกดดันชวนระทึกเป็นช่วงๆ มีช่วงที่น่าเบื่อปนแทรกอยู่บ้าง ความยอดเยี่ยมคือการถ่ายภาพและการแสดงของนักแสดงแม่-ลูกในเรื่อง

ปล ... ผมตัดสินใจชมเรื่องนี้โดยไม่ลังเล และไม่สนคำวิจารณ์ใดๆทั้งสิ้นเพราะความผูกพันที่เคยมีมากับเรื่องสั้น และ หนังต้นฉบับ บวก ประสบการณ์ตรง >> 2ปีก่อน ห้องพักของผมที่อยู่บนชั้น 9 (แหม ตรงกับนางเอกเรื่องนี้ไม่มีผิด) ในวันที่ฝนตกกระหน่ำทั้งวันและคืน ผมต้องตื่นขึ้นมาเพราะรอยน้ำหยดลงมาจากฝ้าเพดานที่น้ำรั่วซึมจากดาดฟ้า ผมเงยหน้ามองรอยน้ำบนฝ้าค่อยๆขยายวงกว้าง ไม่กี่วันถัดมาผมเปิดประตูเข้าไปดูตอนกลางวัน ก็พบความสยองเกินบรรยายและเข้าใจความตื่นตระหนกของตัวละคร เมื่อน้ำจากฝ้าแผ่ไปทั่วห้องหยดลงมาใส่ข้าวของเสียหายไปหมด จนเมื่อขึ้นไปบนดาดฟ้า ผมก็พบว่า ... พื้นดาดฟ้ามันรั่วซึม แล้วน้ำเลยไหลลงห้องผมเอง โอ้ จอร์จ เซ็งอย่างแรง ... เจอผียังจะดีเสียกว่า

ปล 2. หนังบางเรื่องอาจไม่ใช่หนังที่ดีมากๆ แต่หากมาถูกจังหวะบางอย่าง มันก็สามารถกลายเป็นหนังที่เข้าท่าหรือโดนใจขึ้นมาทันที ผมเองก็เช่นกัน การที่ผมไปดูในวันที่ฝนตกตลอดทั้งวันทั้งคืนในโรงSF MBK เมื่อวันพุธที่ผ่าน บรรยากาศรอบตัวไม่ต่างจากภาพบนจอ มันทำให้เกิดความรู้สึกร่วมกับบรรยากาศเศร้าๆในหนัง แถมเมื่อหนังจบแล้วเดินออกจากโรง ความรู้สึกเศร้าและวังเวงมันก็ตามติดออกมาเช่นกัน


ติดตามบทความใหม่ๆ หรือ บทความน่าสนใจ หรือ เริ่มต้นอ่านBlogนี้มีข้อสงสัย คลิกไปเริ่มต้นที่ --> หน้าแรก


รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง




ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง

ความเห็น
ของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป




 

Create Date : 17 กันยายน 2548
33 comments
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2549 21:47:02 น.
Counter : 9404 Pageviews.

 



very interesting na ka

 

โดย: Justin's mom IP: 68.184.215.114 17 กันยายน 2548 3:13:36 น.  

 

กลัวอ่ะ ไม่ชอบดูอะไรที่เกี่ยวกับผี

ป.ล. ชอบusername ของเจ้าของบล็อกจัง

 

โดย: oHLa IP: 88.110.196.123 17 กันยายน 2548 4:01:02 น.  

 

อ่านเกือบไม่ไหว แต่กำลังอยากไปดูเรื่องนี้พอดีครับ

 

โดย: Roony 17 กันยายน 2548 15:50:58 น.  

 

ว่าจะไปดูอยู่น่ะ ชอบแนว ๆ นี้

 

โดย: JJ_Rod 17 กันยายน 2548 20:23:54 น.  

 

คิดอยู่ ..จะไปดูดีไหมหว่า
ตังจะหมดกระเป๋าแล้วอ่า -*-

 

โดย: Teej 17 กันยายน 2548 21:01:57 น.  

 

เอามาจากเรื่องนี้เองเหรอคะ หนังสือเล่มนี้เราก็มี มิน่าล่ะทำไมถึงคุ้นๆ

 

โดย: ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์ 18 กันยายน 2548 0:41:09 น.  

 

อิอิ ชื่อจูนน้าตามอ่านเธอวิจารณ์รหนังมาหลายทีเเล้วอ่ะชอบมากเลยเราก็เป็นอีกคนนึงอ่ะที่ชอบดูหนังเหมือนกันเรื่องนี้เราชอบอ่ะเรารู้สึกว่าเป็นหนังผีที่ดุเป็นเหตุเป็นผลดีว่ามันเป็นอย่างนี้เพราะอะไรเรื่องมันดูเศร้าๆๆไปเนอะถ่ายนิวยอร์คออกมาได้น่าเศร้าอย่างนี้เก่งอ่ะเเถมอพาตร์เมนต์ก้อน่ากลัวมากเลยอ่ะเข้าใจหาโลเกชั่นดีเน้อ
ยังไงก้อถ้าเธอมีmsn ก้อเเอดเมลเรามาหน่อยเเล้วกันนะjune_pucca@hotmail.comจะได้คุยกันเรื่องหนังได้บับบายจ้า

 

โดย: june IP: 202.57.157.31 19 กันยายน 2548 2:36:35 น.  

 

ในต้นฉบับเป็นฉากเฉลยที่น่าตกใจ คาดไม่ถึงและฝันร้ายอย่างแท้จริง


-- ในต้นฉบับมันจบยังไงเหรอครับ แอบสปอยล์หน่อยจิ

 

โดย: papercut IP: 203.148.221.131 19 กันยายน 2548 12:53:44 น.  

 

ตอบคุณ papercut /ความเห็นนี้ Spoil เล่าตอนจบ ในหนังต้นฉบับญี่ปุ่น

.. นางเอกช่วยลูก แล้วพาหนีเข้าลิฟต์ กอดลูกแน่นพร้อมปกป้องลูกอย่างสุดชีวิต น้ำก็ไหลท่วมมาเรื่อยๆรอบตัว รอบๆตึก ลิฟต์ค่อยๆเคลื่อนผ่านชั้น ที่ผีเด็กสาวอยู่ ทันใดนั้น ประตูห้องของผีเด็กสาวเปิดออก เด็กสาวกำลังก้าวขาออกมาจากห้องเพื่อมาที่ลิฟต์ แม่กอดลูกแน่นสุดชีวิตไม่ให้ผีมาทำอะไรได้ แต่



.... เด็กสาวที่ออกมาจากห้องของผีนั้น คือ ลูกสาวของเธอ นั่นหมายความว่า เธอและคนดูถูกหลอก เพราะ ลูกที่เธอกอดอยู่นานและคนดูก็เข้าใจว่าเป็นลูก คือ "ผี" ที่โหยหาแม่ เธอจะหนีก็หนีไม่ทันเสียแล้ว

...น้ำค่อยๆท่วมลิฟต์แล้วลิฟต์ก็เปิดออกมา น้ำก็ท่วมทลายออกมา ลูกสาวก็เห็นแต่ลิฟต์ที่ว่างเปล่า

 

โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" 19 กันยายน 2548 15:20:41 น.  

 

อ่อยย น่ากลัวหลายๆ
ขอบคุณค้าบ

 

โดย: papercut IP: 203.148.221.131 20 กันยายน 2548 9:28:47 น.  

 

ขอตอนจบแบบหนังสือด้วยสิครับ

 

โดย: Ryuichi ณ pantip IP: 58.9.2.23 21 กันยายน 2548 14:05:48 น.  

 

อยากได้ตอนจบของทั้ง 3 แบบเลยค่ะ
ไปดูแบบล่าสุดกับเพื่อนๆมาแล้ว
ก็ยังไม่ค่อยน่ากลัวอย่างที่บอกนั่นแหละ
ก็งั้นๆนะ ( พวกแกกอดกันกลมเลยนี่หว่า )

 

โดย: ศพสาวสุดปิ๊ง IP: 61.19.144.178 21 กันยายน 2548 14:24:06 น.  

 

คุณ papercut หรือ ผู้สนใจ ชมตัวอย่างภาพจากเวอร์ชั่นต้นฉบับ ได้จากบล้อกนี้เลยครับ

https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=dml&group=2&date=20-09-2005&blog=1

ปล... ฉากในลิฟต์ ที่บอกคุณ papercut คือรูปที่ 2 ข้างล่างจากลิงค์ข้างบนครับ

 

โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" 21 กันยายน 2548 20:25:03 น.  

 

พื้นดาดฟ้ามันรั่วซึม แล้วน้ำเลยไหลลงห้องผมเอง โอ้ จอร์จ เซ็งอย่างแรง ... เจอผียังจะดีเสียกว่า
^
^
อ่านๆมาแล้วขำตรงเนี๊ย

 

โดย: โบเองเอย IP: 58.9.137.243 24 กันยายน 2548 23:29:32 น.  

 

 

โดย: เม IP: 58.8.20.149 25 กันยายน 2548 1:01:50 น.  

 

ชอบเด็ก Ariel เหมือนกันค่ะ แกดูเข้มแข็งดี น่ารักด้วย

 

โดย: *-* IP: 210.86.128.54 28 กันยายน 2548 11:18:04 น.  

 

หลอกกันชัดๆไม่เห็นจะมีอะไรเลย (เชิดใส่)

 

โดย: ฝน IP: 203.151.140.118 2 ตุลาคม 2548 15:10:43 น.  

 

ชอบบรรยากาศ และการถ่ายภาพของหนังเรื่องนี้ครับ มันดูเศร้า เหงา น่ากลัว ไปพร้อมๆ กัน อย่างที่คุณบอกเลย

 

โดย: Dream Seeker IP: 203.188.53.108 13 ธันวาคม 2548 0:18:35 น.  

 

Menttt

 

โดย: DDD IP: 61.91.67.21 18 ธันวาคม 2548 10:52:23 น.  

 

ยังไม่ได้ดูอ่ะ
แต่ก็ว่าจะไปดู วิจารณ์ได้ดีค่ะ
ดีกว่านักวิจารณ์หลายคนที่ดีแต่ถล่มหนังอย่างเดียว
โดยไม่ให้ข้อมูลอะไรเลย
ขอบคุณค่

 

โดย: (บิด)พลิ้ว IP: 203.151.140.122 18 ธันวาคม 2548 11:11:11 น.  

 

เขียนได้ดีมากๆเลยค่ะ เราก็เพิ่งดูฉบับฮอลลีวู๊ดเมื่อวานนี้เอง เราว่ามันซึ้งมากๆเลยเนี่ย

 

โดย: endimian 20 ธันวาคม 2548 14:51:18 น.  

 

เช่ามาดูนะคะแต่ว่าดูไม่จบน่ะค่ะ เบื่อซะก่อน อพาตเม้นท์น่ากลัวจิงค่ะ บรรยากาศหนังหลอนจิงแต่ตัวหนังน่าเบื่อค่ะ ดูแล้วง่วง

 

โดย: Lotte IP: 161.200.170.79 2 มกราคม 2549 17:55:39 น.  

 

เช่ามาดูนะคะแต่ว่าดูไม่จบน่ะค่ะ เบื่อซะก่อน อพาตเม้นท์น่ากลัวจิงค่ะ บรรยากาศหนังหลอนจิงแต่ตัวหนังน่าเบื่อค่ะ ดูแล้วง่วง

 

โดย: Lotte IP: 161.200.170.79 2 มกราคม 2549 17:55:43 น.  

 

เพิ่งได้ดูคะ นําตาไหลเลยคะ หนังนำเสนอความสัมพันธ์แม่ลูกได้ดีเชียว ใครไม่ได้เป็นแม่ จะไม่สามารถเข้าถึงอารมณ์ลึกๆตรงนี้ได้

 

โดย: เอมิหลี IP: 202.149.107.196 19 มกราคม 2549 13:25:20 น.  

 


//fearbrgfbbrss.host.com
desk3
[url=//feasbrgfbbrss.host.com]desk4[/url]
[link=//feaabrgfbbrss.host.com]desk6[/link]

 

โดย: Ethanaro IP: 72.225.173.175 19 เมษายน 2549 3:29:12 น.  

 

เราก้ออ่านไม่จบแต่ดูภาพก้อน่ากัวนะ

 

โดย: 12 IP: 58.9.183.174 4 มกราคม 2550 16:54:33 น.  

 

เพิ่งได้ดูครับ ชอบการแสดงกับบรรยากาศของหนัง แต่เสียดายตรงที่ไปเปลี่ยนฉากไคลแม็กซ์อ่ะครับ รอดูฉากลิฟต์อยู่ อ้าว ทำไมมาในห้องน้ำแทน (ฉากลิฟต์ต้นฉบับทำเอาขนลุกเกรียวเลย)

ปล. เด็กเรื่องนี้แสดงดีจริงๆ ด้วยสิ

 

โดย: absent-minded IP: 222.212.105.231 7 มกราคม 2550 3:44:59 น.  

 

สงสารผีเด็ก สงสาร 2 แม่ลูกด้วย สรุปสงสารทั้งคนทั้งผี

 

โดย: nuiohyes IP: 203.156.190.165 8 มกราคม 2550 11:41:50 น.  

 

 

โดย: สาว IP: 58.147.68.68 5 เมษายน 2550 18:22:09 น.  

 

เขียนได้ดีมากค่ะ
ชื่นชมฝีมือการเขียนและมุมมองของคุณจริงๆ
เขียนต่อไปนะคะ

 

โดย: แรบบิท IP: 203.154.97.198 16 พฤษภาคม 2550 17:44:23 น.  

 

6/10 คะแนน

วันนั้น อยากดูหนัง Horror มาก คิดอะไรไม่ออกเลยหยิบเรื่องนี้มาดู

เนื้อเรื่อง รวมถึง ตอนจบ รู้สึกคล้ายๆกับเรื่อง The Ring ยังไงก็ไม่รู้นะ ที่สำคัญคือ มันไม่น่ากลัวเลย หลายๆฉากเหมือนจะมีอะไร พอเอาเข้าจริงก็ไม่มีอะไรซักที

 

โดย: นักวิจารณ์สมัครเล่น IP: 125.24.181.222 3 พฤศจิกายน 2550 15:50:43 น.  

 

กำลังดูหนังช่องเจ็ดเลย เลยอยากรู้ว่ามันเป็นเรื่องยังไง ขอบคุณค่ะ แต่ยังไงก็งงอยู่ดี คงต้องดูจนจบก่อนละมั้ง

 

โดย: faiene IP: 58.64.87.210 6 มิถุนายน 2552 23:18:02 น.  

 

หนังเรื่องนี้ไม่น่ากลัวแต่เศร้ามากมาย
ทำให้เสียน้ำตาได้อีก.....

 

โดย: B IP: 222.123.153.43 10 มิถุนายน 2552 16:23:34 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
<<
กันยายน 2548
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
17 กันยายน 2548
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.