www.facebook.com/ibehindyou

ทุก comment ที่คุณให้มา ทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้สนุกกับการเขียน blog แล้วอ่านอยู่คนเดียว

The Number 23 , วิเคราะห์สภาพจิตใจผู้หลงใหลเลข 23

ถึงมิตรรักผู้อ่านทุกท่าน ก่อนอ่านบทความนี้ ขอเชิญชวนมาร่วมกันที่นี่จ้า


ท่านเห็นด้วยหรือไม่ กับ 'การเซ็นเซอร์' ในหนังหรือในทีวี ปัจจุบัน (ทั้งกรณี 'เบลอ' และ 'แบน')
//www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A5310223/A5310223.html

และก็มาช่วยระดมพลไปที่นี่ด้วยจ้า

//www.petitiononline.com/nocut/petition.html





...หนังตัวอย่างก็น่าดู พล็อตก็น่าสนใจ แถม ผู้กำกับโจเอล ชูมักเกอร์ เวลาทำหนังเล็กๆที่เน้นอารมณ์ดราม่าหรือระทึกขวัญกดดันคนดู เช่น Phone Booth และ Tigerland ส่วนใหญ่ผลลัพธ์ออกมาดี แต่ พอ ผมทำการบ้านก่อนไปดู 23 ด้วยการไปสำรวจคะแนนจากเว็บมะเขือเทศ (www.rottentomatoes.com) พบว่า หนังเน่าสนิท(rotten)ได้คะแนนจากกลุ่มนักวิจารณ์ไปแค่ 8 % คะแนนจากกลุ่มคนดูมีแค่ 46% และในเว็บ IMDBก็รับไปแค่ 6.2/10

ผมลังเลใจว่าสงกรานต์นี้ ผมจะเลือกดูเรื่องไหน และ ตัดเรื่องไหนทิ้งระหว่าง 23 และ The reaping หนังแนวโปรดของผมทั้งคู่ และ กวาดรายรับพร้อมเสียงวิจารณ์มาแบบเน่าสนิททั้งคู่

สุดท้ายผมเลือก 23 เพราะ ตอนที่เลือกซื้อตั๋วไม่มีรอบฉาย The reaping แล้ว

ผมเข้าไปแบบปล่อยวาง ลดความคาดหวัง และ ก่อนหน้านั้นผมก็ไม่อ่านเรื่องย่อหรือคำวิจารณ์ใดๆมาก่อน นอกจากคะแนนที่ว่าไว้ข้างต้น

แล้ว ผมก็พบว่า

ในความเน่าสนิทของมะเขือเทศจากเว็บrottentomatoes นั้น ยังมีแสงสว่างเรืองรอง

ผมเป็นคนส่วนน้อยที่ไม่ได้ชอบเรื่องนี้มาก แต่ก็ค่อนข้างพอใจไม่ถึงกับเสียดายตังค์ค่าตั๋ว



…วอลเทอร์ สแปร์โรว์ (รับบทโดย จิม แครี่ย์) พระเอกของเรื่อง เป็น เจ้าหน้าที่กองควบคุมสัตว์ วันหนึ่งเขารับมอบหมายไปจับสุนัขหลุด เกิดความผิดพลาด เขาโดนกัด และ ทำให้เขาไปพบ ภรรยาตามที่นัดไว้สายกว่าที่ตั้งใจ ภรรยาเขาจึงฆ่าเวลาด้วยการยืนอ่านหนังสือรอ และ มอบหนังสือให้เป็นของขวัญ หนังสือเล่มนั้นชื่อ The Number 23

นิยายเล่มนี้ เล่าเรื่องของ ฟิงเกอร์ลิง (จิม แครี่ย์ ก็เล่นอีก) นักสืบเอกชนที่มีพ่อเป็นนักบัญชี ชีวิตในวัยเด็กถูกกำหนดให้ต้องมาสนใจตัวเลขและพบกับศพแม่ม่ายข้างบ้าน จนคิดฝังใจอยากเป็นนักสืบ เขาเดินทางไปช่วยสาวผมบลอนด์ที่กำลังจะฆ่าตัวตาย และ ทำให้เขาไปพบความจริงที่น่าสะพรึงกลังของ อาถรรพณ์เลข 23

1.ในมนุษย์ โครโมโซมตัวที่ 23 เป็นตัวบ่งชี้เพศ พ่อและแม่ถ่ายทอดโครโมโซม คนละ 23 เส้นสู่ DNA ของลูก

2.มีตัวอักษรทั้งหมด 23 ตัวในภาษาละติน

3.จูเลียส ซีซาร์ ถูกแทง 23 ครั้งจนเสียชีวิต

4.โลกหมุนรอบตัวเองใช้เวลา 23.56 ชั่วโมง ไม่ครบ 24 ชั่วโมงพอดี

5.กลุ่มอัศวินเทมเพลอร์ (อัศวินผู้พิทักษ์ศาสนาคริสต์) มีผู้นำทั้งหมด 23 คน

6.ชาวมายันเชื่อว่าโลกจะถึงกาลอวสาน วันที่ 23 ธันวาคม 2012 (20+1+2=23)

7.เรือไททานิคจมลงสู้ก้นมหาสมุทร ในเช้าวันที่ 15 เมษายน 1912 (4+1+5+1+9+1+2=23)

ฯลฯ


ชีวิตส่วนตัวของฟิงเกอร์ลิง ถูกนำไปโยงเข้ากับเลข 23 แล้วทุกอย่างในชีวิตก็เริ่มเลวร้ายลง เขาเริ่มหมกมุ่นมากขึ้น จนไปบำบัด และ คนรักเริ่มตีตัวออกห่าง จิตแพทย์ส่วนตัวไปเป็นชู้กับคนรัก จนทำให้ เขาตัดสินใจ ฆ่าคนรักอย่างโหดเหี้ยมและป้ายสีให้ชู้รัก นิยายจบลงแต่บทที่ 22 เว้นกระดาษเปล่าไว้ที่บท 23



...วอลเทอร์ ยิ่งอ่านนิยาย ยิ่งรู้สึกว่า เหมือนกับชีวิตตัวเอง และ เริ่มเอาตัวเองไปขลุกผสมกับเลข 23 เช่น ตัวเลขของสีที่ทาบ้าน , ตัวเลขของเลขที่บ้าน ฯลฯ

มาถึงตรงนี้ ผมดูไปก็นึกถึงสมัยเรียน เขาศึกษากันมานานว่า โครงสร้างของจิตใจในระดับส่วนที่เรียกว่า Ego มีขอบเขตของมันเรียกว่า Ego boundary

เช่น ถ้า นาย ก. ดูละครแล้วเศร้าเนื่องจากนางเอกตายเราก็ร้องไห้ , นาย ข. ดูเจมส์บอนด์ ก็นึกคึกอยากเป็นพระเอกแต่ซักพักก็จบไป , นายค. เจอเพื่อนที่ถูกโกงเงินก็หงุดหงิดแทน

ถ้าแค่นี้ ถือว่าปกติ

แต่คนที่เสีย Ego boundary คือ คนที่ก้าวข้ามเส้นแบ่งของ แฟนตาซี(fantasy) และ ความเป็นจริง(reality) หรือ ก้าวข้ามเส้นแบ่งของ ตัวเรา(self) และ ตัวเขา(others) ชนิดข้ามไปแล้วอาจลืมข้ามกลับมา

ก็จะกลายเป็น นายก. ร้องไห้เจ็ดวันเจ็ดคืน กินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะนางเอกละครตาย จนวางแผนจะไปงานศพ , นายข. แต่งตัวชุดทักซิโด้ ไปซื้อปืนมาพก เปลี่ยนชื่อตัวเองเป็น เจมส์ แล้วกระโดดเข้าปล้ำหญิงกลางห้าง , นายค. หงุดหงิดคิดว่าเงินตัวเองก็คงโดนโกงเหมือนกัน นั่งหมกมุ่นพร้อมบอกใครต่อใครว่าตัวเองโดนโกงเงิน เดินไปต่อยคนโกง

...วอลเทอร์ พระเอกของเรา กำลังเสีย Ego boundary

วอลเทอร์ สงสัยว่าใครกันที่เป็นคนเขียนหนังสือเล่มนี้ เพราะรายละเอียดในวัยเด็กจนมาถึงปัจจุบัน มันช่างตรงกับชีวิตของเขาอย่างเหลือเชื่อ จะต่างไปก็ตรงที่ตอนนี้ เขายังไม่ได้คิดจะฆ่าใคร

แต่ เขาก็หมกมุ่นกับ 23 ไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อพบว่า ทุกอย่างรอบตัวล้วนรวมกันได้ 23

และ ภรรยาของเขาก็เริ่มไปสนิทกับเพื่อนจิตแพทย์คล้ายในนิยายเข้าไปทุกที

เขาเริ่มฝันร้าย และ เห็นภาพตัวเองฆ่าภรรยา


เรื่องราวถัดจากนี้ คือ สิ่งที่ท้าทายคนดูว่า เรื่องราวแท้จริงเป็นเช่นไร

ใครเป็นคนเขียนนิยายเล่มนี้ คนเขียนมีวัตถุประสงค์อย่างไร

และ ทำไมถึงต้อง 23




...หนังเล่าเรื่องแบบคู่ขนาน ระหว่าง ชีวิตอันเรียบง่ายของวอลเทอร์ และ ชีวิตอันหวือหวาของฟิงเกอร์ลิง ก่อนจะถูกเลข 23 ขมวดสองชีวิตให้มาพบบั้นปลายร่วมกัน

ในตอนต้นของหนัง เริ่มต้นชนิดเดาได้ยากว่า จะเป็นหนังผี หนังอาถรรพณ์ หรือ หนังเขย่าขวัญจิตวิทยา แต่เมื่อถึงท้ายเรื่อง ทุกอย่างก็เริ่มชัดเจนขึ้น

หนังทำได้ดีในช่วงแรก การกำหนดเลข 23 เป็นความคิดที่น่าสนใจ ชวนให้เห็นถึงสภาพที่ไม่มั่นใจในจิตมนุษย์ ที่โอนอ่อนเชื่ออะไรง่ายๆอย่างเหลือเชื่อ ทั้งที่ บางครั้งผลรวม 23 ในหนังก็เป็นความพยายามชนิดดันทุรัง แต่ก็ยังรวมกันให้ได้เป็นเลขนี้ จนไม่น่าแปลกใจที่เราจะเห็นคนงมงายในไสยศาสตร์อยู่อีกจำนวนมาก

...ดูหนังแนวนี้บ่อยๆก็คงอดเดาไม่ได้ ผมเองก็เช่นกัน มันเป็นไปโดยอัตโนมัติ เพราะเผลอเดาไปตั้งแต่ก่อนเข้าโรงแล้ว เนื่องจากอ่านในเน็ต เขาว่าไว้ว่า เรื่องนี้สูตรสำเร็จ เดาได้ง่ายเกินไป

ถึงผมจะเดาถูกเมื่อรู้เฉลยในตอนจบ แต่ในตอนดูนั้น ไม่ทำให้น่าเบื่อเลย เพราะ ถึงคุณจะเดาได้ แต่ หนังเรื่องนี้เป็นตัวอย่างที่ดีในการเปรียบเทียบกับหนังไทยเรื่อง แฝด ของการเขียนบทหนังหักมุม

การเล่าเรื่องหนังหักมุมหรือหนังเฉลยปริศนาที่ดี มีอยู่สองแบบในความเห็นของผม

คือ

1.หนังเดาไม่ได้ เพราะไม่คิดว่าจะหักมุม เช่น Sixth sense

2.เดาได้ แต่ เดาได้หลายทาง เพราะผู้กำกับทำให้เราไขว้เขว ไม่แน่ใจว่า จริงๆแล้วคำตอบของเรื่องคืออะไร เพราะแต่ละทางก็ล้วนเป็นไปได้แทบทั้งสิ้น

เรื่องนี้ก็เช่นกัน ในตอนต้นคุณอาจเดาว่าเป็นผี อาจเดาว่าภรรยาวางแผนแกล้ง อาจเดาว่ามีฝาแฝด อาจเดาว่าพระเอกบ้า อาจเดาว่าเป็นเรื่องราวของอาถรรพณ์ ทุกเส้นทางที่คิดไว้นั้น ล้วนมีความเป็นไปได้จนกระทั่งช่วงท้าย

แต่ แฝด มีทางเลือกอยู่เส้นทางเดียว พอเริ่มเดาได้ ทุกอย่างก็จบลง ไม่มีทางเลือกอื่นพอจะเป็นไปได้ให้ต้องคิดต้องลุ้นอีก นี่คือ จุดอ่อนที่น่าเสียดาย


Spoiler alert : ข้อความตัวสีเขียวถัดจากนี้ เฉลยตอนจบ และ วิเคราะห์แง่มุมทางจิตวิทยา




หนังเฉลยไว้ว่า

เรื่องในหนังสือนั้น เป็น ตา วอลเทอร์ หรือ จิม แครี่ย์ นี่แล เขียนไว้

เพราะเมื่อ 13 ปีก่อน เขาเองเป็นฆาตกรที่ฆ่าคนรักตัวเอง เพราะคนรักคิดเอาใจออกห่าง เขาเองก็มีความผิดปกติทางจิตเป็นพื้นฐานอยู่ก่อนแล้ว

ความรู้สึกผิดในใจ (guilt)ค่อยๆกัดกิน

จนเขาหาทางระบายออกผ่านการเขียนนิยายเล่มนี้ ในห้องพักของโรงแรม ก่อนจะตัดสินใจกระโดดตึกฆ่าตัวตาย
แต่ดันรอด

จิตแพทย์ผู้รักษา แอบเห็น นิยายเรื่องนี้ก็เลยเก็บเอาไว้ และ รักษา จิมจนหาย

จิม ความจำเสื่อม จึงออกไปใช้ชีวิตใหม่

แต่ จิตแพทย์เกิดจิตเสื่อมแทน หันไปหมกมุ่นกับเลข 23 และ รวมเล่มนิยายออกมา

สุดท้ายแล้ว 23 ก็ไม่ต่างอะไรจาก บาป(sin) ที่ตามหาตัวเจ้าของจนเจอ และ มนุษย์ก็ต้องชดใช้กรรมที่เคยทำมา

ความบังเอิญส่วนหนึ่งในหนัง แสดงให้เห็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือ หลักการทางจิตวิทยา นั่นคือ ปรากฎการณ์เหนือธรรมชาติ ที่อาจเป็นกรรมที่ไล่ทัน หรือ เป็นวิญญาณที่ยังคงอยู่ ส่งผลให้ หมากัดที่แขนบริเวณเดียวกับรอยแผลตอนที่พระเอกฆ่าคนรัก และ หมาก็พาเขาไปพบหลุมฝังศพนั้น

…วิเคราะห์เนื้อหาในนิยาย The number 23 ในเชิงจิตวิเคราะห์ แม้จะไม่ได้ลึกซึ้งแต่ก็ ถือว่า น่าสนใจ เพราะจัดได้ว่าเป็นการทำการบ้านของคนเขียนบทที่ดีอยู่พอตัว ไม่ได้เขียนขึ้นมามั่วๆซั่วๆ

นิยายเล่มนี้ เป็นเหมือน ตัวแทนของการไถ่บาป เช่นเดียวกับ การอดอาหารของคริสเตียน เบลล์ ใน The machinist และ ยังเป็นสัญลักษณ์ของ ความรู้สึกผิดในใจตัวละคร (guilt)

เพราะไม่จำเป็นเลยที่ ตัวนิยาย ซึ่งพระเอกในตอนนั้น จะซุกซ่อนโค้ดลับทุกคำที่ 23 ทุกๆหน้าที่ 23 เพื่อให้คนอ่านแกะรอยไปจนเจอ หลุมฝังโครงกระดูกที่แท้จริง
เหตุผลที่อธิบายได้มีอยู่ข้อเดียว

นั่นคือ ในระดับจิตสำนึกรู้ตัวที่แม้ต้องการจะเอาตัวรอดและป้ายความผิด แต่มันก็เกิดความรู้สึกต่อสู้กับ ส่วนของความรู้สึกผิด(guilt)ที่ทรมานจิตใจ เขาจึงเขียนจนหวังว่าอยากจะให้มีใครไปค้นพบโครงกระดูกของคนรัก อยากจะให้มีคนไปขุดพ้นจนเจอ แต่ ความรู้สึกผิดนี้อยู่ในระดับจิตใต้สำนึก(unconscious)จึงกดไว้และแปรมันมาสู่นิยาย เป็นความรู้สึกของ มโนธรรม(superego)ที่มีอยู่ลึกๆในใจจนเกิดความขัดแย้งขึ้นมา

และ หากลองดูเนื้อหาในนิยาย เทียบกับ ชีวิตจริงของ จิม คือ คนไม่ค่อยเอาไหน ไม่มีใครเอา รู้สึกโดดเดี่ยวตั้งแต่เด็ก

นิยายของเขาก็เหมือน การล่องลอยในระดับจิตใต้สำนึก มีทั้งการชดเชย(compensation)และการขยำรวม(condensation)สิ่งที่ตกตะกอนในจิตใจตั้งแต่เด็ก อาทิเช่น ความอ่อนด้อยอ่อนแอทั้งในการงานและชีวิตคู่ ถูกชดเชยเป็น นักสืบสุดเท่ เชี่ยวชาญทั้งเชิงรักและเชิงรบ , ตัวเลขทั้งหลายก็มาจาก การถูกจับยัดตัวเลขใส่สมองโดยคนเป็นพ่อตั้งแต่เด็ก , ภาพความตายอันน่าสยดสยอง รวมไปถึง การฆ่าตัวตายของพ่อ ก็ถูกจับมาแทนด้วย สัญลักษณ์ การตายของแม่ม่าย และ เรื่องราวการฆ่าตัวตายในนิยายของตัวเอง (สังเกตให้ดี แม่ม่ายที่ถูกฆ่า , แม่แท้ๆของฟิงเกอร์ลิง และ suiide blonde คือ คนๆเดียวกัน ทั้งสามล้วนเป็น ตัวแทนของแม่ ที่ตายจากไป)

...การปิดท้ายด้วยการเลือกตัดสินใจของตัวละคร เป็น ทางออกที่ผมชอบมากที่หนังเลือกคลี่คลายให้พระเอกตัดสินใจ รอดจากการฆ่าตัวตายเพราะถูกลูกเรียก ลูก ยังเป็นเหมือน สิ่งกระตุ้นเตือนให้เขาบอกประโยคสำคัญกับคนดูว่า

There's no such thing as destiny. There are only different choices. Some choices are easy, some aren't. Those are the really important ones, the ones that define us as people

ชีวิตคนเราก็เป็นเช่นนี้เอง หลายคนยอมปล่อยให้ความผิด ความชั่วร้ายเกิดขึ้นต่อไป เพราะเราไม่อยากรับผิดชอบ และ เราก็ด่วนสรุปว่า มันเป็นชะตาลิขิตแล้วหละ

ทั้งที่จริง เส้นทางที่เราเดินอยู่นั้น เราสามารถเลือกได้ว่าเราจะไปทางไหน และ การเลือกที่แตกต่างของแต่ละคน ก็เป็นตัวบอก ความเป็นคนๆนั้นที่ชัดเจน เช่น พระเอกเลือกที่จะเดินหน้าไปรับความผิดเพื่อปล่อยให้ผู้บริสุทธิ์กลับออกมา มันก็บ่งชี้ถึง ตัวตนที่ดีงามภายในจิตใจของเขานั่นเอง




...จิม แครี่ย์ เติบโตมากับการเป็นนักแสดงตลกเว่อร์ๆ ตลกในแนว slapstick จนเหมือนภาพติดตัวที่ยากเกินจะสลัดหลุด ทั้งที่ฝีไม้ลายมือของเขานั้น เล่นหนังดราม่าจริงจังได้อยู่ในเกณฑ์ยอดเยี่ยม ดูได้จาก Eternal sunshine of the spotless mind , The majestic หรือ บางช่วงบางตอนใน Trueman show น่าเสียดายตรงที่ หนังดราม่าที่เขาเลือกนั้นส่วนใหญ่ ไม่ค่อยจะดังเปรี้ยงปร้าง เหมือนกับว่า เขาจะ เลือกหนังตลกได้โดน แต่เลือกหนังแนวอื่นทีไร ส่วนใหญ่จะคว่ำ

...หนังเรื่องนี้ก็เช่นกัน จะว่ากันตามจริง หนังไม่ได้ย่ำแย่เลวร้ายขนาดเสียงวิจารณ์หรือคะแนนที่ออกมา ยังออกจะดูสนุกชวนคิดชวนติดตามเสียด้วยซ้ำสำหรับคนชอบหนังแนวนี้ ถึงจะมีคนว่าไว้ว่าพล็อตหนังคล้ายกับ Secret window ที่พูดถึง ตัวเอกกับตัวละครในนิยายคล้ายๆกัน แต่ เรื่องนี้ยังดูมีพล็อกหักเหล่อหลอกให้เดาให้ลุ้นได้ยากกว่า เรื่องที่ว่าหลายเท่า

เนื้อหาในหนัง น่าสนใจกับความพยายามโยงใยเลข 23 กับ ความวิบัติทั้งหลายในโลก มีความบังเอิญอยู่หลายจุดและดูจะผสมความเหลือเชื่อไปก็อีกหลายจุด ถึงแม้ตอนเฉลยแล้วจะพออธิบายได้แล้วก็ตาม แต่ปัจจัยที่ทำให้หนังเรื่องนี้ไปไม่ถึงระดับสุดยอดทั้งที่ ดูเหมือนจะใส่แง่มุมปมทางจิตวิทยามาผสมความลึกลับได้ดี ก็คือ ชั้นเชิงและกึ๋นของบทหนัง

เพราะนี่คือหนังดูครั้งเดียวจบ คุณก็ไม่คิดจะดูอีก เพราะไม่มีอะไรเหลือให้อยากย้อนกลับไปดูอีกครั้ง ไม่มีอะไรหลงเหลือติดหัวออกมาหลังม่านปิด เรียกได้ว่า ถ้าจะเสีย ก็มาเสียตรงช่วงเฉลยตอนท้าย ที่หนังเสียรูปขบวนไปกับการใช้เวลา เฉลย นานมาก นานจนทำให้ พลังของหนังที่ขับเคลื่อนมาอย่างลุ้นระทึกตั้งแต่ต้นต้องแผ่วปลายไปอย่างน่าผิดหวัง ช่วงท้ายๆของหนังจึงเป็นความน่าเบื่อกับการเล่าแฟลชแบ็ค แถมยังเล่นเฉลยรายละเอียดแบบหมดเปลือกทุกแง่ทุกมุมจนไม่เหลืออะไรให้คนดูต้องขบคิดเลย

23 จึงเป็นแค่หนังระทึกขวัญที่ดูสนุกคุ้มค่าตังค์ แต่ก็ไม่ถึงกับ ห้ามพลาดแต่อย่างใด

สิ่งที่ชอบ

1.จิม แครี่ย์

2.ช่วงเวลาในหนังก่อนเฉลย

สิ่งที่ไม่ชอบ

  1. ความแผ่วปลายช่วงท้าย


สรุป ... ใครชอบหนังแนวนี้ หนังในแนวอาถรรพณ์ , ปมทางจิตวิทยา ฯลฯ ไปดูได้ ไม่ผิดหวัง หนังอาจไม่ดียอดเยี่ยม แต่ก็ไม่ย่ำแย่เลวร้ายเหมือนคะแนนวิจารณ์ที่ฝั่งเมืองนอกเมืองนาให้มา ใครเป็นแฟน จิม แครี่ย์ ไปดูบทบาทใหม่ของเขาที่เล่นได้เยี่ยมยอดดีทีเดียว

ป.ล. ผมคิดว่า ทำไมตัวละครในเรื่องขนาดจิตแพทย์ ถึงช่างงมงายไปหมกมุ่นกับ 23 อะไรง่ายๆกันปานนั้น เฮ้อ คนเรา แต่พอหนังกำลังจะจบผมก็เป็นหนึ่งในนั้นที่นั่งคำนวณอยู่เหมือนกันว่า วันเดือนปีเกิดของผม (06/08/2520 = 6+8+2+5+2) รวมกัน ก็ได้ 23 เหมือนกันนี่หว่า โอ้ 23 ช่างเป็นตัวเลขที่ชวนหลงใหล ไม่แพ้ ก้นหอยมรณะ เลยทีเดียว




ขอฝาก"หนังสือรัก"ไว้กับผู้อ่านด้วยเน้อ กับ พ็อกเก็ตบุ้คเล่มแรก ที ไม่ใช่ หนังสือวิจารณ์หนัง แต่คือการหยิบยกความรักและความสัมพันธ์ในภาพยนตร์ มาช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและคนรอบข้าง ได้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม



(วางขายตามร้านหนังสือทั่วไป หาไม่เจอถามจากพนักงานขายได้เลยจ้า)






ชวนไปอ่านบทความเรื่องอื่นๆ คลิก >> หน้าสารบัญ

ชวนคลิก ชวนคุยกับเจ้าของ Blog ที่ --> หน้าแรก

รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง





ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง

ความเห็น
ของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป




Create Date : 14 เมษายน 2550
Last Update : 15 เมษายน 2550 11:59:56 น. 40 comments
Counter : 8694 Pageviews.

 
เย้ คราวนี้เป็นคนแรกบ้าง

ขอบคุณที่เขียนให้อ่านครับ


โดย: noname IP: 203.113.33.6 วันที่: 14 เมษายน 2550 เวลา:1:52:47 น.  

 
ถึงจะอ่านตรงที่สปอยด์แล้วก็เหอะ แต่ผมก็จะไปดู
สวัสดีปีใหม่ไทย

สุขสันต์วันสงกรานต์ครับ



โดย: หนุ่มจันทร์เจ้า~สาวกาสะลอง วันที่: 14 เมษายน 2550 เวลา:2:06:41 น.  

 
วันเดือน ปี เกิดผมก็ รวมแล้วได้ 23 เหมือนกัน เหอๆ ตกใจ นะเนี่ย


โดย: อยากหล่อกว่านี้ทำไงดี (อยากหล่อกว่านี้ทำไงดี ) วันที่: 14 เมษายน 2550 เวลา:2:12:13 น.  

 
คุณจข.บล๊อกเกิดวันที่6สิงหาคมเหรอครับ ถ้าใช่ ผมเองก็เกิดวันเดียวกันเลย แต่อ่อนปีเท่านั้นเอง อิอิ

เรื่องนี้ว่าจะรอแผ่นอ่ะครับ กระแสไม่ค่อยดีเท่าไหร่


โดย: the red IP: 203.155.247.19 วันที่: 14 เมษายน 2550 เวลา:3:05:01 น.  

 
หุหุ เราก็เป็นพวกลุ่มหลงกับเลข 23 พอสมควร แต่คิดว่าคงยังไม่เดินข้ามเส้นอะไรแบบคุณวอลเทอร์หรอกค่ะ


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 14 เมษายน 2550 เวลา:8:50:19 น.  

 
มะกอกเกิดวันที่ 23 คะ ทำให้รู้สึกกลัวยังไงไม่รู้ ยิ่งอยู่คนเดียว มืด ๆ อย่างนี้ด้วย บรึ๋ยยยย ขนลุกเจ้าคะ


โดย: Makok (Castertroy ) วันที่: 14 เมษายน 2550 เวลา:9:49:54 น.  

 
ไม่ค่อยได้ไปดูหนังในโรง คงต้องรอดูแผ่น
ขอบคุณที่เล่าให้ฟัง
อยากฟัง reaping ด้วยนะ


โดย: Trick IP: 202.28.181.10 วันที่: 14 เมษายน 2550 เวลา:11:34:17 น.  

 


โดย: สายลมอิสระ วันที่: 14 เมษายน 2550 เวลา:12:26:19 น.  

 
อ๊ากก...เราเกิดวันที่ 23 พอดิบพอดี..
สงสัยต้องรีบไปดูๆๆ....


โดย: หมีบางกอก (Bkkbear ) วันที่: 14 เมษายน 2550 เวลา:12:30:00 น.  

 




น่าสนใจมาก ๆ ค่ะ






โดย: icebridy วันที่: 14 เมษายน 2550 เวลา:21:14:27 น.  

 
กำลังลังเลเรื่องนี้อยู่พอดีเลย


โดย: หัวใจสีชมพู วันที่: 14 เมษายน 2550 เวลา:23:32:39 น.  

 
จ่ายค่าบริการละ วิเคราะห์ได้ดีเหมือนเคยค่ะ ... เกิดวันเดียวกันปีเดียวกันเลย แต่คุณหมอเป็นพี่เดือนนึงจ้า


โดย: rachel IP: 124.121.193.150 วันที่: 16 เมษายน 2550 เวลา:2:46:37 น.  

 
I got 26 from my birthday krub.

Thank you na krub.


โดย: ThirskUK IP: 203.120.162.66 วันที่: 16 เมษายน 2550 เวลา:17:57:48 น.  

 
ไปดูมาวันนี้
ชอบหนังแนวนี้นะคะ แต่..
หลับค่ะ
อ่านในบล็อกนี้สนุกกว่าดูค่ะ


โดย: katt IP: 58.8.163.163 วันที่: 16 เมษายน 2550 เวลา:21:28:31 น.  

 
อยากดูหนังเรื่องนี้มากกกกกกกค่ะ เพราะเห็นตัวอย่าง แล้วก็ชอบ จิม แคร์รีย์ อยู่แล้ว พอมาอ่านแล้ว อื้มม อยากดู !!
รอดู Hannibal เหมือนกันค่ะ รอมานานแล้ววว ชอบมากกก ^^


โดย: *~ ไอติมเชอร์เบท ^^" ~* วันที่: 17 เมษายน 2550 เวลา:1:13:28 น.  

 
"CRIME AND PUNISHMENT"


โดย: GodFather IP: 58.8.23.165 วันที่: 17 เมษายน 2550 เวลา:10:07:19 น.  

 
ได้บัตรฟรีมาดูค่ะ ชอบจิมเรื่องนี้ เค้าแสดงดีกว่าที่คาดไว้เยอะเลยค่ะ


โดย: หมวยแก้มป่อง IP: 61.19.222.33 วันที่: 17 เมษายน 2550 เวลา:11:03:32 น.  

 
ช่างบังเอิญ ผมเกิดวันที่ 23 เหมือนกัน ไปดูมาแล้วครับ ชอบหนังเรื่องนี้ตรงที่มีการใช้สีสันให้เกิดความรู้สึกลึกลับ แต่คิดเหมือนคุณตรงที่ว่า ทำไมจิตแพทย์ไปหลงเจ้าตัวเลข 23 ได้
อีกอย่าง ในเมื่อจิตแพทย์เป็นคนรักษาจิม จนออกจากสถาบันจิตไป ทำไมตอนเจอจิมอีกครั้งถึงบอกว่าเขาน่าจะตายไปแล้ว งงตรงนี้ล่ะครับ


โดย: thefoolcrazyman IP: 58.10.71.74 วันที่: 17 เมษายน 2550 เวลา:12:54:55 น.  

 
ไปดูมาแล้วเมื่อวานค่ะ

เห็นด้วย หนังดีดูสนุก แต่ไม่ชวนดูซ้ำ


โดย: K-modjung IP: 61.90.140.186 วันที่: 17 เมษายน 2550 เวลา:13:43:42 น.  

 
มาอ่าน

สวัสดีปีใหม่ไทยย้อนหลังครับ


โดย: น้ำใส IP: 58.64.121.30 วันที่: 17 เมษายน 2550 เวลา:15:02:35 น.  

 
เป็นหนึ่งในคนที่เอาเลขเกิดตัวเองมาคิดค่ะ

วันอาทิตย์ ที่ 29 ก.ค. 22
1+2+9+7+2+2=23

เรื่องนี้ไปดูที่เมเจอร์พระราม 3 ค่ะ เค้ามีให้โชว์เลขในบัตร ปชช. ถ้ามีเลข "23" จะได้รางวัล ไอ้เราก็นึกว่าจะได้เสื้อค่ะ กลับได้เพียง "ปากกา" ฮือๆๆ ขี้โกงๆๆ


โดย: zadako IP: 58.8.36.181 วันที่: 17 เมษายน 2550 เวลา:22:34:51 น.  

 
เพิ่งดูมาสดๆเลยครับ ดูหนังจบแล้วรู้สึกหลอนกะเลข23มากๆๆ ตั๋วรอบ 21.20 (21+2=23!!)
ได้ตั๋วนั่งแถว E 10-11 แต่พอไปนั่งกลับมีคนนั่งเบอร์ 10ผมเลยเขยิบที่นั่งมาเป็น 11 -12 (11+12=23!!) ดูหนังจบเดินออกจากโรง 5 ทุ่ม12(11+12= 23!!) ขนาดรอลิฟต์ชั้น8(เอสเอฟมาบุญครอง) ก็ตู้ลิฟต์ที่15 (8+15=23!!) นี่ยังไม่รวมกะบัตรจอดรถอีกนะครับที่บวกได้23 โอยยยยย
ผมว่าผมเริ่มหลอนแล้วละ ดีนะเกือบกระทู้ที่ 23แล้ว


โดย: คิดถึงเมื่อครั้งฉันยังเป็นเด็ก IP: 58.64.123.165 วันที่: 18 เมษายน 2550 เวลา:3:41:57 น.  

 
ไหนๆ ก็ไหนๆ มาเป็นกระทู้ที่ 23 ให้เข้ากับหัวเรื่องเสียเลยค่ะ แต่มาแวะเวียนดูเจ้าของกระทู้ด้วยความเป็นห่วง แอบเห็นแว้บๆ ว่าจะไปเที่ยวเมืองตรัง กลับมาหรือยังคะ ?


โดย: FuRiEs IP: 125.24.193.151 วันที่: 18 เมษายน 2550 เวลา:12:45:33 น.  

 
^
^
อะเจ๊ยยยยยยย ... ตอนแรกไม่ได้สังเกต พออ่านเม้นต์ไล่มาถึงคุณข้างบน กลายเป็นว่าผมตกที่นั่งกลายเป็นเม้นต์หมายเลข #23 พอดีเลยเหรอครับเนี่ย?!? เหอๆๆ
อืม ... คิดว่าคงไม่ทันได้ดู ผมก็เลยอ่านทั้งหมด รวมทั้งส่วนสปอยล์ไปเรียบโร้ยแล้ว ... ถ้าออกมาแบบนี้ก็ดูน่าสนใจในระดับนึงนะครับ ตอนแรกยังคิดว่าจะมีอะไรน้อยกว่านี้ซะอีกอ่า ...


โดย: No#23 !!!!!!!!!! (บลูยอชท์ ) วันที่: 18 เมษายน 2550 เวลา:13:00:57 น.  

 
^
^
แง้ๆ พอดีโหลดหน้านี้ทิ้งไว้ แล้วลงไปหม่ำข้าว ... อดกลายเป็นเบอร์ #23 เลยตรู


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 18 เมษายน 2550 เวลา:13:04:22 น.  

 
ไปดูมาแล้วเมื่อวานค่ะ เสียดายตอนซื้อตั๋วดันซื้อเลขที่ D 21, 22 น่าจะซื้อ 23 จะได้เก็บไว้เป็นที่ระลึก


โดย: แก้มน้อยคอยรัก IP: 61.90.144.101 วันที่: 18 เมษายน 2550 เวลา:14:30:55 น.  

 
ตายละวา ข้าเจ้า บ่ได้ตั้งใจ "ลู่"(แปลว่า แย่งชิง มิใช่กีฬาประเภทลู่ลาน) เอาเบอร์ 23 จากท่าน บลูยอชท์แต่อย่างใด ... ขอสุมาเต๊อะ เจ้า (แปลว่าขออภัยอย่างรุนแรงนะค้า)


โดย: FuRiEs IP: 125.24.194.88 วันที่: 19 เมษายน 2550 เวลา:14:09:27 น.  

 
^
^
เคี้ยกๆ คุณ FuRiEs ไม่ต้องแปลเสียงในฟิล์มหรอกครับ ... เฮาคนเมืองเหมือนกั๋น อู้คำเมืองกันก็ฮู้เรื่องเน้อ เหอะๆ

........ จั่นเจา ... เตรียมเครื่องประหารหัวกระต่าย เด๋วนี้ !!!!!!!! ............. ล้อเล่นนะคร้าบ 555


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 19 เมษายน 2550 เวลา:16:40:19 น.  

 
เครื่องประหารหัวกระต่าย ?????? บัง อาจจจจจจจจ 5555 FuRiEs นี่เป็นปิศาจสไตล์ MeDuSa เลยนะคะ คุณบลูยอชท์ !!!!! ต้องเครื่องประหารหัวงูเก็งกอง สิค้า


โดย: FuRiEs IP: 125.24.194.88 วันที่: 19 เมษายน 2550 เวลา:20:19:02 น.  

 
^
^
โอ๊วววว ... แต๊ก๊า !!!!!!!! น่ากัว สุดๆๆๆๆๆ ... แบบนี้อย่าจ้องตาผมเป็นเด็ดขาดนะคับ เด๋วผมจะใจละลาย ... เอ๊ย! จะแข็ง ........ ตาย กลายเป็นหิน ไปซะก่อนง่ะ 555


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 20 เมษายน 2550 เวลา:9:42:45 น.  

 
หะเอิ๊ก หะเอิ๊ก ไม่ยอมจ้องตา งั้นเดี๋ยวชูมือให้จ้อง (ที่บ่แม่น ร่ม) ดีไหมคะ คุณบลูยอชท์ แต่ขอเวลาควักลูกกะตาไปแหมะไว้ที่ฝ่ามือ แบบผีน้อยจ๊ะเอ๋ ใน กะทะเขาวงกต เสียก่อนนะคะ


โดย: FuRiEs IP: 125.24.193.117 วันที่: 20 เมษายน 2550 เวลา:13:36:21 น.  

 
คุณหมอครับ แล้วเรื่องนั้นเรื่องอะไรครับ ที่พูดเรื่องหมายเลข 42 ครับ


โดย: คุณชายอ่านะ IP: 203.113.81.167 วันที่: 23 เมษายน 2550 เวลา:22:07:49 น.  

 


โดย: อิอิ IP: 203.151.15.242 วันที่: 24 เมษายน 2550 เวลา:11:29:29 น.  

 
ไปดูเพราะ จิม แครี่ย์ เลยนะเนี่ย

แต่ก่อนแอนตี้หนังอีตานี่มากๆ คือ ดูแล้วไม่ขำอะคับ

แต่ช่วงหลังๆ เปลี่ยนใจกลับมาตามดู เพราะบทที่พี่แกเลือกเล่นแต่ละเรื่องเนี่ยดีๆ ทั้งนั้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หนังในดวงใจอย่าง Eternal sunshine of the spotless mind.

หลายๆ คนคงยังจำประโยคสุดแสนประทับใจ ที่ จิม แครี่ย์ ถ่ายทอดออกมาเป็นบทสรุปของหนังเรื่องนั้นได้

สั้นๆ ง่ายๆ ............... "It 's OK."



สำหรับเรื่อง 23 นี่ดูแล้วไม่ถึงกับชอบ แต่ก็ไม่ถึงกะเสียดายตังค์

โดยเฉพาะตอนจบ ผมว่าเนียนมากๆ อ่ะครับ

บางครั้ง การที่ฆาตกรผู้กระทำผิดต้องชดใช้ด้วยความตาย อาจดูสะใจและสาสม

แต่มันอาจไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง เพราะมันกลายเป็นการยุติปัญหาด้วยการหนี

การเลือกที่จะอยู่เพื่อแก้ไขความผิดพลาด และน้อมรับกรรมที่ก่อในระดับที่เหมาะสม ต่างหากจึงเป็นสิ่งที่ถูกที่ควร

\\(O*v*O)//


โดย: ผมอยากแอบเข้าข้างหลังคุณ (I love หมอหญิงซินปี) IP: 203.209.95.203 วันที่: 29 พฤษภาคม 2550 เวลา:3:29:39 น.  

 
เข้ามาอ่านวิจารณ์เรื่องนี้เลยได้รู้วันเดือนปีเกิดของคุณเจ้าของบล็อก อืมวันเกิดและปีเกิดใกล้เคียงกับผมเลย อิ อิ
ตอนแรกที่จะดูแผ่นเรื่องนี้ มีแต่คนบอกว่าห่วย แต่พอผมดูแล้วก็สนุกดีนะครับ เสียแต่เพื่อนมันดันมา spoil ซะหมดเปลือก เลยเสียอรรถรสไปพอสมควร


โดย: AronSun IP: 124.120.241.113 วันที่: 8 สิงหาคม 2550 เวลา:14:53:52 น.  

 
แฮปปี้เบิร์ธเดย์ย้อนหลังค่ะ

เพิ่งได้ดูในเครื่องเจแปนแอร์ไลน์ขากลับไทยรอบนี้ ... หนังออกจะน่าติดตามค่ะ เกือบตามไม่ทันไปหลายจุด แอบงงๆ ว่าแล้วคุณเมียจะจงใจเอาหนังสือให้คุณจิมทำไม (ตรงนี้คงมึนๆ ฟังไม่ทันเอง)

ชอบภาพ กับการตัดสลับฉากนะคะ เล่าได้น่าสนใจดี แม้จะเว่อร์ไปนิดสในบางจุด ดูไปแล้วก็สงสัยไป มันจะอะไรหนักหนาวะ ไอ้เลขยี่สิบสามเนี่ย

ชอบคำพูดที่ว่า
"ถ้าคุณมองหาเลขยี่สิบสาม คุณก็จะเจอยี่สิบสามในทุกที่" มันสะท้อนอะไรหลายๆ อย่างเกี่ยวกับวิธีการคิด การดำเนินชีวิตของคนเราได้ดีนะคะ

กับตอนจบ...แบบ ซึ้งมากๆ เล้ยย

ปล. ดูเรื่องนี้แหละ เลยเพิ่งจะรู้สึกว่า พี่จิมหล่อแฮะ หุ่นเท่เป็นบ้า แถมเล่นหนังได้ดีสุดๆ (จริงๆ ก็ชอบตอนเค้าเล่นเรื่อง "อยากให้เรื่องนี้ไม่มีโชคร้าย" กับ "ทรูแมนโชว์" อยู่แล้ว... ไม่ชอบพี่แกเล่นตลกโอเว่อร์เลย)


โดย: The SoVo (http://kangalala.spaces.live.com/) IP: 122.16.126.6 วันที่: 12 สิงหาคม 2550 เวลา:0:18:10 น.  

 
ฝากไว้ 1 คอมเม้นท์

พยายามคิดถึงสิ่งรอบๆตัว แต่ไม่มีอะไร เกี่ยวข้องกับเลข 23 เลย แม้แต่อย่างเดียวน้อยใจ


โดย: วา IP: 58.136.93.7 วันที่: 19 สิงหาคม 2550 เวลา:11:41:05 น.  

 
ที่อยากดูหนังเรื่องนี้ เพราะอยู่บ้านเลขที่ 23
มีใครอยากมาร่วมสยองกับผมไหม


โดย: olivine วันที่: 6 กันยายน 2550 เวลา:4:33:23 น.  

 
น้าจิมสุดหล่อเล่นหนังเครียดอีกแล้วอ่า.... ไม่กล้าดูเวลาน้าจิมทำหน้าเครียด... มันเครียดตามอ้ะ -*-

ชอบดูน้าจิมร่าเริงมากกว่า


โดย: wan IP: 61.90.69.225 วันที่: 18 เมษายน 2551 เวลา:23:15:34 น.  

 
ขอบคุณสำหรับบทความค่ะ


โดย: sher IP: 183.89.48.91 วันที่: 21 มิถุนายน 2553 เวลา:21:36:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
<<
เมษายน 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
14 เมษายน 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.