Group Blog
|
FAST-5 FAST FAQ FAQ ชุดนี้ ทำขึ้นมาเพื่อคนขี้เกียจ คนที่ไม่เข้าใจ หรือคนที่ไม่มีเวลาอ่านรายละเอียด รวมถึงคนทั่วๆไป ที่ต้องการเข้าใจ fast-5 diet แบบรวดเร็วนะครับ เนื่องจากผมพบการเข้าใจผิดเกี่ยวกัีบ fast-5 ค่อนข้างเยอะ จะพยายามไม่ให้ซ้ำกับ FAQ ของเดิม 1. Fast-5 คืออะไร fast แปลว่าเร็วใช่หรือไม่ ? // fast ในที่นี้ แปลว่าอด (fasting) ส่วน 5 หมายถึงชั่วโมงที่สามารถกินอาหารได้ ( eating window ) นั่นหมายถึงการที่คุณจะมีเวลากินอาหารในแต่ละวัน 5 ชั่วโมง ที่เหลืออีก 19 ชั่วโมง คุณไม่สามารถกินอาหารใดๆ ที่ให้พลังงาน แม้แต่ลูกอมสักเม็ด, และด้วยที่มาของชื่อ วิธีนี้ไม่ได้ออกแบบมา เพื่อการลดน้ำหนักแบบสายฟ้าแลบ ถ้าจำเป็น แนะนำให้ไปสมัครค่ายมวย 2. ช่วยสรุปสั้นๆที่สุด ว่าจะกินแบบ fast-5 ต้องทำยังไง // ใน 1 วันคุณสามารถกินอาหารได้ระหว่างเวลา 17.00 - 22.00 โดยในช่วงเวลาดังกล่าวคุณจะกินยังไงก็ได้ ตอนไหนก็ได้ เท่าไรก็ได้ (แน่นอนว่าเราไม่เชียร์ให้คุณกินอาหารขยะ หรือกินจนท้องแตกตาย แต่เราก็ไม่ได้ห้ามขาด) ส่วนนอกเวลาที่เหลือ คุณกินได้แต่น้ำเปล่า และอาหารที่ให้พลังงานเท่ากับ 0 ( มีรายละเอียดเพิ่ม อ่านต่อไป) 3. แล้วกินอะไรได้บ้าง ใน 19 ชั่วโมง (fasting windows) // น้ำเปล่า โซดาตราสิงห์ หรือช้าง ม้า วัวควาย แต่ห้ามกินเหล้าด้วย เนื่องจากเหล้ามีพลังงาน บรรดาโค้ก 0 หรือกลุ่มน้ำอัดลมไร้น้ำตาล สามารถกินได้โดยไม่ต้องกังวลจำนวน เนื่องจากใช้น้ำตาลกลุ่มไร้พลังงาน ส่วนหมากฝรั่ง หรือลูกอมไร้น้ำตาล ไม่แนะนำ แต่ลองได้ สังเกตตัวเองว่ามีผลต่อการลดของน้ำหนักรึไม่ เพราะกลุ่มนี้ใช้สารทดแทนน้ำตาลกลุ่มมีพลังงานต่ำและเผาพลาญยาก ชา กาแฟ ไม่ใส่นมหรือน้ำตาล กินได้ แต่อย่าเยอะมาก เพราะคาเฟอีนอาจไปรบกวนกลไกของ fast-5 และน้ำตาลพลังงานต่ำเป็นซองๆ ทั้งหลายใช้ไม่ได้ เพราะส่วนผสมเติมเต็มที่มาด้วยในซอง ให้พลังงานทั้งนั้น จากประสบการณ์ส่วนตัว การกินน้ำเปล่าอย่างเดียวดีที่สุด เพราะจะทำให้เราเลิกนิสัยกินจุบจิบและโหยหาของหวานได้แบบหักดิบ 4. กินตอนเช้าได้มั้ย กลัวเรียน/ทำงานไม่รู้เรื่อง // การกินอาหารในช่วงที่คุณหมอเบิร์ตแนะนำคือ 17.00-22.00 นั้น มีข้อดีคือมัน "โกง" เวลาให้เรา ทำให้เวลาอดของเราในทางจิตวิทยาน้อยลง เพราะ หลังจากกินเสร็จ เราจะเข้าสู่การนอน ซึ่งเราจะไม่เก็บมาคิด พอเข้าช่วงเช้า การมาถึงของ EW จะเร็วกว่าในความรู้สึกของเรา เทียบกับการที่เรากินสายๆ แล้วต้องผ่านช่วงเที่ยง เย็น ค่ำ ดึก กว่าจะนอน เช้า จนกลับมาสาย ถึงเรา จะไม่หิว ท้องไส้ไม่เรียกร้อง แต่จิตใจเรา อาจจะยังติดในรสอาหาร บรรยากาศในการกินอยุ่ครับ ยกเว้นคนที่เบื่ออาหารเป็นทุนอยู่แล้ว หรือตบะกล้าแข็งแบบกลุ่ม fast-1 fast-2 ส่วนเรื่องการใช้ชีวิตในตอนกลางวัน ร่างกายของเราจะมีการนำพลังงานจาก fatty acid และ ketone bodies รวมไปถึง glucose ที่สะสมไว้ในตับ มาใช้ จึงไม่ทำให้เราอิดโรย หรือปวดหัวครับ และถ้าคุณกลัวการเริ่มต้น เรามีักระบวนการปรับตัวให้คุณ 5. ปรับตัวยังไงล่ะ? แล้วเราอดไปเลยตั้งแต่วันแรกได้มั้ย? // อันที่จริงแล้ว การหักดิบนั้น .. ไม่อันตรายมากนักสำหรับคนทั่วไป และถ้าคุณรับความเสี่ยงที่จะอิดโรย หิวข้าว ท้องร้องจ๊อกๆ ได้ในช่วงสัปดาห์แรก คุณก็สามารถเริ่มการกินในกรอบเวลาได้เลย อย่างไรก็ดี วิธีนี้เหมาะสำหรับคนมีสติ และเข้าใจ fast-5 เป็นอย่างดี รู้ว่าควรจะแก้ไขสถานการณ์อย่างไร สำหรับคนที่เป็นโรคกระเพาะ เราแนะนำให้คุณไปหาหมอ ตรวจว่าโรคกระเพาะของคุณไม่ได้เกิดจากเชื่อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นต้นเหตุหลักของโรคกระเพาะเรื้อรังเสียก่อน และรักษาให้หาย ในกรณีที่มักปวดท้องเพราะสาเหตุของการกินอาหารไม่เป็นเวลาเป็นหลัก เราแนะนำให้คุณเข้าสู่กระบวนการปรับตัว ซึ่งนอกจากอาการโรคกระเพาะของคุณจะไม่ทรุดแล้ว คุณอาจจะหายจากโรคกระเพาะของคุณเลยก็ได้ ที่สำคัญ ไม่ว่าจะสาเหตุอันใด ถ้าเป็นโรคกระเพาะขั้นรุนแรง ให้ไปรักษาก่อน กระบวนการปรับตัว คือการเลื่อนมืออาหารของคุณให้สายขึ้นเรื่อยๆ เช่น จาก 7.00 ไปเป็น 8.00 และ 9.00 ทำไปเรื่อยๆ จนถึง 17.00 โดยกระบวนการเลื่อนเวลานี้ สามารถยืดหยุดได้ โดยเน้นว่า เดินช้าๆ หยุดได้ อย่าถอยหลัง และสามารถใช้เวลาได้ร่วมเดือน ในรายที่ปรับตัวลำบาก 6. จะยังไงดีล่ะ ไม่สะดวกช่วง 17.00 - 22.00 น. // ในขั้นนี้ จะบอกว่า เราสามารถเลือกช่วงเวลาได้ทั้งวัน ติดกัน 5 ชั่วโมง และตรงกันทุกวัน มาเป็นช่วงเวลาของ EW เช่น 6.00-11.00 , 16.00-21.00 ถ้าจำเป็น และไม่มีผลเสียอันใด นอกจากที่กล่าวมาข้างต้น อันที่จริงๆ ถ้าบ้านใครนิยมกินข้าวเย็นเร็วๆ ผมแนะนำ 16.00-21.00 จะเหมาะกว่าครับ ที่มา : //www.myfast-5.com เครดิต : คุณระเบิด เจ้าของเว็บค่ะ |
คุณหนูเอ๊าะอ๋อ
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?] |