: : : : : ชีวิตก็เหมือนทำนองดนตรี มีขึ้นมีลง และอารมณ์ในแต่ละเพลง : : : : :
|
||||
First day in Kuala Lumpur Malaysia : Royal Museum (Istana Negara) เมื่อไหว้พระขอพรเสร็จเรียบร้อยเราก็มุ่งหน้าเข้าเมืองกันอีกรอบ คราวนี้ระหว่างทางที่เข้าเมืองนั้น Mr.Khoo ได้บอกว่าจะพาเราไปที่ Royal Museum ด้วยความที่สถานที่นี่ไม่ได้อยู่ในรายการการเดินทางครั้งนี้ เราก็เลยงงๆว่าจริงๆหรอจะพาไปจริงหรอ??? Mr.Khoo บอกว่าจริงๆ เพราะเวลาเหลือเยอะ สามารถเที่ยวได้อีกหลายที่เลย เราขับรถมาซักพักไม่น่าจะเกิน 15 นาที เราก็มา Royal Museum ขอบอกว่าเงียบมากกกกกกกกก แทบจะไม่มีคนเลย ไม่เหมือนวัดพระแก้วบ้านเราที่มีต่างชาติไปแออัดกันข้างหน้าทางเข้า มาดูด้านหน้ากันว่าเป็นอย่างไร ด้านหน้าฝั่งซ้ายจะบอกเวลาเปิด-ปิดของที่นี่คะ ส่วนฝั่งขวาจะเป็นเหมือนสวนสาธารณะเล็ก พร้อมมีป้ายหินอ่อนขนาดใหญ่บอกสถานที่ ชมส่วนหน้ากับไปแล้วคราวนี้ก็เข้ามาด้านในกันบ้างนะคะ เข้ามาปุ๊บจะมีป้ายบอกราคาค่าเข้าชมคะ เมื่อเข้ามาปุ๊บก็จะเจอสนามหญ้าโล่งๆ มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลสนามหญ้าและบริเวณต่างๆอยู่ตลอดเวลา สถานที่สะอาดมาก แถมไม่ึค่อยมีคนเข้าด้วย ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ระหว่างทางเดินเข้าไปยังตัวตึก ก็จะมีป้ายประชาสัมพันธ์และแสดงรูปภาพภายในตัวอาคารว่าอลังการแค่ไหน อลังการถึงขั้นมีห้องทำฟันเป็นการส่วนตัวด้วย เดินมาเรื่อยๆเราก็จะถึงหน้าตัวอาคารเลยคะ ทางเข้าจะอยู่ประตูใหญ่ด้านหน้าเลย จะบอกว่าประทับใจห้องที่อยู่ทางด้านปีกซ้ายมากที่สุดคะ สวยมาก เป็นท้องบรรทมและห้องส่วนพระองค์ของกษัตริย์มาเลเซีย ทั้งตึกจะแบ่งเป็นห้องของเชื้อพระวงษ์ทั้งหมด ห้องเสวยเยอะมากคะ ตกแต่งสไตล์ยุโรป โทนสีออกวินเทจ ฟ้า-ชมพู-เขียว ทั้งนั้นเลย ลวดลายเป็นดอกไม้ เน้นเรียบๆแต่หรูหรา ตอนเราเดินภายในไม่มีคนเลยคะ ไม่มีกรุ๊ปทัวร์ลง ไม่มีคนอื่นนอกจากเราเลยคะ แต่ภายในอาคารห้ามถ่ายรูปนะคะ เลยไม่ได้ถ่ายมาให้ดูกัน ภาพนี้คือปีกซ้ายของอาคาร คือตัวอาคารที่ถัดจากโดมๆนั่นไปนะคะ ไม่ใช่ตรงโดม Mr.Khoo ไม่ได้เข้าไปด้วย แต่ใจดีซื้อตั๋วให้เรากับสามีเข้าไปกันสองคน ปลื้มเลย >///< เมื่อเดินทัวร์จนหนำใจแล้วก็ได้เวลากลับแล้วค่า ไอ้เราก็มัวแต่ห่วงถ่ายรูป คุณสามีกับ Mr.Khoo เดินเลยไปไกลเลย เราเลยได้ภาพด้านหลังมาแบบนี้ อิอิ จบลงแล้วสำหรับพระราชวังเก่า ไปครั้งนี้เราไม่ได้ไปพระราชวังใหม่นะคะ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมไม่ได้ไป เดี๋ยวคราวหน้ามามาเลเซียอีกคงต้องหาโอกาสไปให้ได้ เก็บตกสถานที่แห่งนี้ด้วยประวัติแล้วกันคะ พระราชวังสูลต่านของกษัตริย์มาเลเซีย มีชื่อว่า Istana Negara เป็นสถานท่องเที่ยวยอดนิยมในย่านใจกลางเมืองหลวง ระบอบกษัตริย์ของมาเลเซีย เริ่มมีขึ้นเมื่อได้เอกราชจากอังกฤษใน ค.ศ. 1954 หรือ 52 ปีมานี้เอง ต่างกับสถาบันกษัตริย์ไทยที่มีมานานนับพันปี ก่อนนั้นมาเลเซียก็มีตำแหน่งเจ้าเมืองที่เรียกว่าสูลต่าน ปกครองรัฐต่างๆตามรูปแบบ ของประเทศในโลกมูลลิมที่เข้ามาแผ่ขยายอิทธิพลในยุคต้นๆของประวัติศาสตร์มาเลเซีย....พระราชวัง เนการา แห่งนี้มีประวัติค่อนข้างแปลกประหลาดพิศดาร เริ่มจากแต่เดิมเป็นคฤหาสถ์ของชาว จีนอพยพที่เข้ามาตั้งรกรากและสร้างความร่ำรวยจากการทำเหมืองแร่และธุรกิจอื่น มีชื่อว่า ชานวิง (Chan Wing) ซึ่งได้สร้างบ้านหลังใหญ่ขึ้นมาเมื่อปี ค.ศ 1920 ให้เป็นที่อยู่อาศัยของครอบครัว ขนาดใหญ่ที่พาภรรยาจากฮ่องกงจำนวนถึง 26 คน ตามบันทึกชองลูกสาวคนที่ 8 และบอกว่า ชานวิง เดิมมีฐานะยากจน ต่อมากลายเป็นมหาเศรษฐี (คศ. 1873 - 1947 ) และยังบอกด้วยว่าบ้านหลัง ่นี้เคยใช้เป็นที่เลี้ยงสังสรรงานใหญ่ๆ รวมทั้งจัดปีใหม่ในเทศกาลตรุษจีน.. ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ชานวิง และครอบครัวได้อพยพไปอยู่ประเทศอินเดียโดยทางเครื่องบิน และเมื่อสงครามสิ้นสุด ก็ไม่ได้กลับมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ แต่ได้ไปสร้างบ้านอยู่บนภูเขา กระทั่งบ้านหลังใหญ่นี้ได้ตกเป็นของรัฐบาลอังกฤษที่ปกครองมาเลเซียในสมัยนั้น....ค.ศ 1954 เป็นปีที่มาเลเซียได้รับเอกราชจากอังกฤษ และได้รับสถาปนาขึ้นเป็นสหพันธรัฐมาเลเซีย ก็ได้มีการปรับปรุงครั้งใหญ่เพื่อให้เป็นที่ประทับของกษัตริย์ ระบอบกษัตริย์มาเลเซียจึงมีอายุมาถึงปัจจุบันเพียงแค่ 52 ปีนี้เอง..... และจากการที่อังกฤษ เคยปกครองประเทศนี้มาก่อน ก็ได้นำเอาประเพณีการผลัดเปลี่ยนทหารหน้าวัง ที่แต่งกายเต็มยศสวยงามมาใช้ เช่นเดียวกับพระราชวังบั๊กกิมแฮม แม้ว่าจะไม่ใหญ่โตเหมือนต้นตำรับจากประเทศผู้ดี แต่ก็ทำให้เป็นที่สนใจของบรรดานักท่องเที่ยวไม่น้อย ต่างถ่ายภาพคู่กับทหารกันยกใหญ่ ::: ติดตามที่เที่ยวที่ต่อไปใน Blog ต่อไปคะ ::: |
โดเรมอนสีชมพู
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]
Group Blog
All Blog
Friends Blog
Link |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |