|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
ปีที่สองของนักเรียนโข่ง
เผลอแป็บเดียว ตอนนี้พลกลายเป็นนักเรียนปีสองไปสะแล้ว แต่ภาษาจีน เอ่อ ไม่แน่ใจว่าปีสองตามไปด้วยหรือเปล่า รวม ๆ ก็ยังไม่ค่อยพอใจตัวเองเท่าไร (เวลาอ่านหนังสือเข้าใจเยอะนะ ตอนนี้ซื้อหนังสือภาษาจีนเล่มเล็ก ๆ มาอ่าน เข้าใจ แปลได้เกือบหมดนะ แต่เวลาพูด ทำไม๊ทำไม มันพูดไม่ค่อยได้ ฟังคนจีนพูดเข้าใจนะ แต่พอจะตอบเค้านี่ เรื่องใหญ่มากกกกกกกก) ถึงแม้ว่าตอนนี้เวลาไปไหนมาไหน จะฟังคนจีนพูดได้รู้เรื่องมากขึ้น ถึงแม้จะไม่ทั้งหมด แต่ก็รู้เรื่องบ้าง อ่านก็ได้มากขึ้น แต่ก็ไม่ถึงกะคล่องปรื๊อ เวลาอ่านในใจนี่คล่องเชียว แต่พอต้องอ่านออกเสียง ไหงไม่ค่อยคล่องสะงั้น เจอคำศัพท์ใหม่ ๆ สะมั้ง ไม่ได้แก้ตัวเลยนะเนี่ย
ตอนนี้เปิดเทอมมาได้ประมาณสองเดือนแล้ว ไปเรียนทุกวัน (ถ้าไม่มีเหตุขัดข้องทางเทคนิค ) วันแรกที่ไปลงทะเบียนกะปุ้ย (เพื่อนคนไทยจากเมื่อปีที่แล้ว) ในใจก็อะ ปีนี้ฉันเป็นนักเรียนปีสองแล้วนะ คงไม่ต้องไปตรงจุดลงทะเบียนนอกตึกเหมือนเมื่อปีที่แล้วแน่เลย ถือเอกสารไปถามคนแถวนั้น เค้าดันบอกว่า ไปข้างนอกนะคะคุ๊ณณ เอ้า ข้างนอกก็ข้างนอก แต่ในใจก็แบบ เอ๊ะ! แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เจอเจ้าหน้าที่เค้าก็บอกว่า มีรูปมาไหม 5-10 รูป อ้าว ทำไงละ รูปก็ไม่มี ก็เลยต้องไปถ่ายรูปกัน กว่าจะได้รูป ปิดเที่ยงอีก เลยต้องรอกันถึงตอนบ่าย 2
กลับมาที่จุดเดิม พอรู้ว่าเป็นนักเรียนเก่า (ซึ่งกรูก็บอกไปแล้วว่ากรูเป็นนักเรียนเก่า) เค้าเลยบอกให้เข้าไปในตึก พอไปในตึก เค้าว่า (ใครวะ) ต้องไปช่องนี้ ก็ไปช่องนี้ พอเจ้าหน้าที่ (อาสา) เห็นหลักฐาน ก็โบ้ยให้ไปช่องข้าง ๆ (ที่มีแผงกั้นอยู่) พอไปอีกช่อง เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าให้ไปช่องเก่า อ้าว (อีห่าจิก) ก็ช่องนั่นมันให้มาช่องนี้ พอบอกเค้าว่าอะไรยังไง เค้าก็ให้ถือหลักฐานไปห้อง 110 แต่หูได้ยินเป็น 107 ไปถึงหน้าห้อง 107 เจอนักเรียนอ้วน (มาก) ยืนรออยู่แล้วหน้าห้อง พอเห็นหน้าพลปุ๊บ นักเรียนอ้วนรีบบอกเลยว่า ไม่มีใครอยู่ในห้อง ฉันรอตั้งนานแล้ว
พอปุ้ยมาสมทบ ก็ว่า มันไม่ใช่ห้องนี้หรอกพี่ ห้อง 110 อ้าวว่าไงว่าตามกัน พอไปถึง โอ้วว มันแถวอะไรทำไมมันยาวปานนี้ แถมปนกันเปะปะ สองคนกะปุ้ยก็มองหาอาเจ๊ที่รับผิดชอบนักเรียนไทย (เวลาจะติดต่ออะไร ก็ต้องเจ๊คนนี้แหละ มหาวิทยาลัยจะมีเจ้าหน้าที่รับผิดชอบนักเรียนเป็นโซน ๆ) เมียง ๆ มอง ๆ จนเห็นเจ๊นั่งหน้าม้าแป้นแล้นอยู่ในห้อง ยืนต่อแถวสักอึดใจ (ใหญ่ ๆ) ปุ้ยก็ทนไม่ไหว บอกให้พลเข้าไปถาม พลก็เงอะ ๆ งะ ๆ ก็เห็นเค้าต่อแถวกันอยู่อะน้อ ปุ้ยเลยไปถามเจ๊เองเลยว่า ใช่แถวนักเรียนไทยไหม ทำไมคนยืนมั่วกันไปหมด อาเจ๊ว่าใช่ มีหลักฐานมาครบไหม พอว่ามีครบ เจ๊ว่ามาเลย เจ๊จัดการให้เสร็จสรรพ ได้กระดาษมาแผ่นนึง แล้วขึ้นไปชั้น 10 ต่อ เพื่อเลือกวิชาที่จะลงเรียนวิชานี้
เทอมนี้เริ่มแรกลงเรียนทั้งหมด 5 วิชา วิชาหลักมีแค่สองวิชาคือ 中级汉语 (ไวยกรณ์ขั้นกลาง 6 คาบ)กับ 厅和说 (วิชาการฟังและพูด 4คาบ)สองวิชานี้รวมกันได้สิบคาบ 中级汉语 อาทิตย์นึงเรียน 6 คาบ วันจันทร์ พุธ ศุกร์ ส่วน 厅和说 มีเรียนอาทิตย์ละ 4 คาบ วันอังคาร กับ วันพฤหัส สองวิชานี่เป็นวิชาหลัก คือบังคับให้เรียนว่างั้นเหอะ ยังไงก็ต้องเรียน แต่อย่างที่บอกว่า สองวิชารวมกันได้แค่ 10 คาบต่อสัปดาห์ แต่ตามระเบียบ อาทิตย์นึงต้องลงเรียนอย่างน้อย 12 คาบต่อสัปดาห์ ก็ยังเหลือที่ต้องลงอีกอย่างน้อย วิชานึง แต่แหม แค่วิชาเดียวจะไปพออะไร เคยเรียนมาอาทิตย์ละ 20 คาบตอนปีหนึ่งแล้วอะน้อ เลือกไปเลือกมา ครบ 20 คาบจนได้ เลือกไปสามวิชาคือ 中国报刊 (วิชาการอ่านหนังสือพิมพ์จีน 4 คาบ วันจันทร์กับวันพุธ) 普通阅读 (วิชาการอ่าน 4 คาบ วันอังคารกับวันพฤหัส) 听力 (วิชาการฟัง 2 คาบ วันศุกร์)
เปิดเทอมวันแรก ไปเรียนแต่เช้า วิชาการอ่านหนังสือพิมพ์ (เลือกเรียนเพราะคิดว่า น่าจะได้ประโยชน์ที่สุดแล้ว คิดว่าคงอ่านเยอะ ไม่ค่อยมีเขียน) แต่พอไปถึงห้องเรียน เอ๊ะทำไมไม่มีคนมาเรียนเลยวะ หน้าห้องมีกระดาษแปะอยู่แผ่นแต่ไม่ได้สนใจอะไรมาก รอไปรอมา มีนักเรียนญี่ปุ่นมาแจมอีกคน ทักทายกันนิดหน่อย แล้วเธอก็ถามว่า หน้าห้องเค้าติดอะไรไว้ มอง ๆ ไปมีคำว่า 停课 ซึ่งแปลว่า หยุดเรียน นึกด่าตวเองในใจว่า อีห่าจิก มาก่อนก็ไม่รู้จักดูสะบ้างเลย สรุปว่ามาเช้าฟรีสะงั้น
วิชาอื่น ๆ ก็นะ มีการบ้านทุกวัน คำศัพท์ใหม่ ๆ เยอะมาก (วิชาการอ่าน ซึ่งก็จำไม่ได้หรอกจ้า มันเยอะเกิ๊น ) แถมเนื้อหาก็เยอะเกิน ให้เวลาแค่ยี่สิบนาที แต่ต้องอ่านเนื้อเรื่อง 3 หน้ากระดาษ แถมต้องทำแบบฝึกหัดอีกนะ ซึ่งก็ทำไม่เคยทัน ต้องเตรียมอ่านไปก่อน ถ้าไม่เตรียมอ่านไปหรอ อย่าหวังว่าจะรู้เรื่องเลย
วิชาไวยกรณ์ ก็พอกล้อมแกล้มนะ เหล่าซือเป็นผู้หญิง แต่เรียน ๆ ไปแล้วนึกถึง ซ่งเหล่าซือที่เคยสอนเมื่อปีที่แล้ว ไม่อยากเปรียบเทียบเลยนะ แต่มันอดไม่ได้จริง ๆ อยากเรียนกะท่านอีก ไวยกรณ์นี่ก็การบ้านทุกวัน ไม่มีวันไหนที่ไม่มีการบ้าน ในห้องไหนจะต้อง 讨论 เม้าท์เป็นภาษาจีนในห้องกันอีก ซึ่ง แหม พูดกันคล่องปรื๋อเลยเชียว มีสาวฝรั่งเศสในห้องอยู่คนนึง ชื่อ เจนนี่ ชีเก่งมากกกก เก่งจริงเก่งจังอะ ชีพูดได้ดี ฟังได้ดี เขียนได้ดี สรุปชีเก่งไปหมด
เทอมนี้ต้องเปลี่ยนห้องเรียนตลอด เลยไม่ค่อยจะสนิทกะใครเท่าไร ห้องนี้ดีว่ามีน้องคนไทยอยู่คนนึงชื่อ น้องนัน อาศัยว่าเป็นเพื่อนเม้าท์กัน น้องนันเรียนภาษาจีนจากไทยมาแล้วสี่ปี คุยกันถูกอัธยาศัยดี เลิกเรียนวันศุกร์ทีไร ชวนกันไปร้านอาหารไทยตลอด
วิชาต่อมา วิชาพูดและฟัง เหล่าซือที่สอนเป็นผู้หญิง ยังสาว ๆ อยู่เลย สอนเก่ง สอนดี ชอบเรียนกะเค้านะ แต่ก็นะ ชื่อวิชามันก็บอกอยู่แล้วว่าทั้งพูด ทั้งฟัง เมื่ออาทิตย์ที่แล้วก็เพิ่งสอบการพูดไป จับกลุ่มกันสามคน ผลนะหรอ อย่าไปพูดถึงมันเลย เอาเป็นว่าวิชานี้เรียนได้เพลิน ๆ ละกัน มีเพื่อนคนไทยในห้องอีกสามคน น้องจอย น้องนก และ อ๋อ กับจอยนี่เราจะเม้าท์กันบ่อยหน่อย คุยกันถูกคอดี เพิ่งไปกินข้าวด้วยกันมาเมื่อวันพฤหัส
ต่อมาวิชาการฟัง เหล่าซือเป็นผู้ชาย พลลงความเห็นกะเพื่อนคนไทยอีกคนว่า แกเป็นคนพูดแล้วฟังไม่รู้เรื่อง แต่คนอื่นเค้าฟังรู้เรื่องแหะ สะงั้นไป สรุปนักเรียนง่อ แต่กล่าวโทษเหล่าซือ เลวแท้ ๆ วิชานี้ก็เรียนได้เพลิน ๆ นะ ไม่อะไรมากมาย
สุดท้ายวิชาการอ่านหนังสือพิมพ์ ไปลองเรียนอยู่สองครั้ง สุดท้ายรู้ตัวเองว่าเรียนไม่รอดหรอก เหล่าซือเป็นผู้หญิงนะ สอนดี พูดเร็ว แต่ฟังรู้เรื่อง ตลก แต่พอสอนในเนื้อเรื่องปุ๊บ เรียนไม่รู้เรื่องเลย มันเป็นศัพท์ที่ยากอะ แถมศัพท์ในหนังสือ แปลจีนเป็นจีน วิชาอื่น แปลจีนเป็นอังกฤษก็กล้อม ๆ แกล้ม ๆ นะ มาเจอแปลจีนเป็นจีน อยากหนีกลับไทยเลยอะ แล้วเนื้อหานะยากอะ ทั้ง ๆ ที่เหล่าซือบอกแล้วนะ ว่าอ่านหนังสือนะ ไม่ต้องเข้าใจทั้งหมดหรอก แค่ 80 % ก็พอแล้ว รู้เรื่องแล้ว แต่ที่เรียนเนี่ย เข้าใจน้อยกว่าครึ่งอะ ครั้งที่สองมีเพื่อนนั่งข้าง ๆ ที่เรียนภาษาจีนมาแล้วสามปี ถามเค้าว่าเธอว่ายากไหม เธอก็ตอบมาเลยแบบไม่ต้องคิดว่ายาก แล้วพลจะไปเหลือหรอ สุดท้ายต้องเลิกเรียนวิชานี้ ทั้ง ๆ ที่ชอบเหล่าซือที่สอนนะ แต่เรียนไม่ไหวจริง ๆ
เพื่อนที่เรียนด้วยกันเทอมนี้ เป็นเพื่อนใหม่แทบจะทั้งหมด แต่แทบจะไม่คุ้นกับเพื่อนใหม่เลยสักคน เพราะเปลี่ยนวิชาเรียนตลอดวัน ทุกวัน เรียนวิชาเดียว เปลี่ยนอีกแล้ว เลยไม่รู้จะไปคุ้นกะใคร ฝรั่งก็เหอะ เค้าก็ไม่ได้อยากจะรู้จักทักทายอะไรกับเพื่อนในห้องกันมากนัก มาเรียน แล้วก็กลับ เซ็งเลย จะมีที่คุ้น ๆ กันหน่อยก็น้องคนไทยที่เรียนด้วยกันนะแหละ
สรุปว่าตอนนี้เหลือวิชาเรียนอยู่ 4 วิชา อาทิตย์นึงเรียน 16 คาบ กำลังดีละ วันจันทร์กับวันพุธ เรียนแค่วิชาไวยกรณ์วิชาเดียว ก็สบาย ๆ อยู่นะ แต่การบ้านตรึมทุกวัน แถมตอนนี้ต้องเตรียมตัวสอบวิชาไวยกรณ์เดือนหน้าอีกแนะ ต้องออกไปพูดหน้าชั้นกันคนละประมาษ 10-15 นาที คู่หรือเดี่ยวก็ได้ เลยจับคู่กับน้องนัน ว่าจะพูดกันหัวข้อเรื่อง อาหารไทย ผลออกมายังไงเดี๋ยวมาเม้าท์ใหม่เด้อ
Create Date : 06 พฤศจิกายน 2553 |
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2553 0:23:09 น. |
|
36 comments
|
Counter : 1078 Pageviews. |
|
|
|
โดย: MaFiaVza วันที่: 6 พฤศจิกายน 2553 เวลา:16:39:45 น. |
|
|
|
โดย: ป้าโซ วันที่: 6 พฤศจิกายน 2553 เวลา:17:02:31 น. |
|
|
|
โดย: Thairabian วันที่: 6 พฤศจิกายน 2553 เวลา:18:43:06 น. |
|
|
|
โดย: JewNid วันที่: 6 พฤศจิกายน 2553 เวลา:22:02:04 น. |
|
|
|
โดย: รัชชี่ (รัชชี่ ) วันที่: 7 พฤศจิกายน 2553 เวลา:19:04:31 น. |
|
|
|
โดย: anchesa วันที่: 8 พฤศจิกายน 2553 เวลา:0:13:03 น. |
|
|
|
โดย: Thairabian วันที่: 8 พฤศจิกายน 2553 เวลา:14:04:26 น. |
|
|
|
โดย: Thairabian วันที่: 9 พฤศจิกายน 2553 เวลา:17:10:48 น. |
|
|
|
โดย: Khun_Pitta วันที่: 9 พฤศจิกายน 2553 เวลา:17:15:58 น. |
|
|
|
โดย: ป้าโซ วันที่: 12 พฤศจิกายน 2553 เวลา:23:58:00 น. |
|
|
|
โดย: kim_tiger วันที่: 13 พฤศจิกายน 2553 เวลา:21:10:56 น. |
|
|
|
โดย: หญิงอวบ (kearaly ) วันที่: 24 พฤศจิกายน 2553 เวลา:0:23:34 น. |
|
|
|
โดย: yyswim วันที่: 25 พฤศจิกายน 2553 เวลา:0:52:51 น. |
|
|
|
โดย: taiwanlover IP: 114.43.104.90 วันที่: 2 ธันวาคม 2553 เวลา:10:51:46 น. |
|
|
|
โดย: รัชชี่ (รัชชี่ ) วันที่: 10 ธันวาคม 2553 เวลา:19:11:49 น. |
|
|
|
โดย: Thairabian วันที่: 24 ธันวาคม 2553 เวลา:21:39:52 น. |
|
|
|
โดย: yyswim วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:0:13:30 น. |
|
|
|
โดย: yyswim วันที่: 3 มีนาคม 2554 เวลา:23:49:03 น. |
|
|
|
โดย: Thairabian วันที่: 4 มีนาคม 2554 เวลา:12:08:28 น. |
|
|
|
โดย: aoiobake วันที่: 5 มีนาคม 2554 เวลา:10:35:55 น. |
|
|
|
|
|
|
|
สถานที่ท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว