Group Blog
 
 
มีนาคม 2554
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
12 มีนาคม 2554
 
All Blogs
 
เพ้อ มันบ่แน่ดอกนาย

เมื่อเดือนที่แล้วตอนที่ได้มีโอกาสกลับไปเยี่ยมแม่คุณคำรณที่สวิสเซอร์แลนด์ ก็มีโอกาสได้เจอเพื่อนคนโน้นคนนี้ด้วย หนึ่งในนั้นก็มี Michael Walter (อ่านแบบฝรั่งเศสว่า มิเชล วอลแตร์) เพื่อนคนนี้เป็นเพื่อนนักข่าวเก่าแก่ของคุณคำรณ กลับสวิสเซอร์แลนด์ทีไร คุณคำรณมักจะหาโอกาสไปเจอเพื่อนคนนี้เสมอ



มิเชลอายุเจ็ดสิบกว่าแล้ว แต่ยังแข็งแรงอยู่ วันที่เจอกัน ก็โน่นเลยบนภูเขา เพราะเป็นช่วงที่มิเชลกำลังไปพักผ่อนที่รีสอร์ตบนภูเขาพอดี เมืองอะไรก็จำชื่อไม่ได้ละ จำได้แต่ว่าวันนั้น ขับรถออกจากเบิร์นกันตอนประมาณสองโมงครึ่ง คุณคำรณขับรถเป็นเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงก็ถึงที่หมาย ทักทายกันเรียบร้อย ก็ตกลงกันว่าจะไปปิกนิคกันบนภูเขาด้วย ก่อนออกเดินเราก็จัดการซื้อแซนวิช ซื้อเครื่องดื่มกัน เรียบร้อยแล้วก็เริ่มออกเดินกันทันที ดีว่าอากาศไม่ร้อน เพราะเป็นหน้าหนาว (แต่แดดก็แอบแรงอยู่นะ) เดินไปคุยไปสารพัดเรื่องราว



สองคนเพื่อนเก่าเค้าก็มีเรื่องคุยกันเยอะ คุยกันไม่หยุดปาก เรื่องงาน เรื่องเกษียณ เรื่องสุขภาพ เรื่องเพื่อนเก่า แต่เรื่องที่อยากเอามาเม้าท์วันนี้ออกจะเป็นเรื่องส่วนตัวของมิเชลสักนิดนึง แต่เรื่องนี้สะกิดใจมาตลอดตั้งแต่วันนั้น จนถึงวันนี้ เหตุที่อยากเขียนเพราะตอนนี้ก็อย่างที่รู้ ๆ กันอยู่ว่าประเทศญี่ปุ่นกำลังประสบกับภัยธรรมชาติอย่าง สึนามิ กันอยู่ (เดี๋ยวจะบอกอีกทีว่ามันเกี่ยวอะไรกับญี่ปุ่น) ผู้คนเสียชีวิตกันก็เยอะ ได้ฟังข่าวนี้แล้วก็สลดใจ ได้แต่ส่งใจไปช่วยชาวญุี่ปุ่นให้รอดปลอดภัยกันเยอะ ๆ อย่าได้มีคนเสียชีวิตเยอะแยะเหมือนตอนที่เกิดกะบ้านเราเลย



มิเชลเป็นหนึ่งในกลุ่มชายรักชาย ที่มีแฟนมีความสัมพันธ์กับชายคนรักชาวอินโดนี่เซียมานานถึง 40 กว่าปี ตอนแรกที่รู้เรื่องนี้พลยังแอบทึ่งว่าโอ้โห รักกันมานานมาก คือรักกันตั้งแต่ตอนที่แฟนของมิเชลอายุ 21 จนปีที่แล้วแฟนเค้าอายุ 64 (อายุน้อยกว่าแม่พลหน่อยนึง) เจอกันที่ประเทศเยอรมันนี และตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน สองคนนี้ก็มีความสัมพันธ์ทางใจและทางกายกันมาตลอด เจอกันทุกโอกาสที่เจอกันได้ จนถึงยุคนี้ซึ่งเป็นยุคแห่งการสื่อสาร สองคนนี้ก็ติดต่อกันได้สะดวกยิ่งขึ้น เรียกว่าติดต่อกันทุกวันว่างั้นก็ได้



มีอยู่ช่วงนึง คุณคำรณอยากถ่ายรูปคู่ระหว่างพลกับมิเชล มิเชลก็พูดขึ้นมาว่า ตอนนี้ฉันไม่ต้องกลัวว่าแฟนฉันจะหึงอีกแล้วที่ถ่ายรูปกับเด็กหนุ่มอย่างเธอ พลก็เลยถามว่าทำไมละ มิเชลเลยเล่าให้ฟังว่า เป็นเพราะว่าแฟนเค้าเสียชีวิตตั้งแต่เมื่อคริสมาต์สปีที่แล้ว ได้ยินตอนแรกตกใจเลยนะ เพราะไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ ยิ่งมิเชลด้วยแล้ว เล่าไปยิ้มไป แต่พลเห็นเลยนะว่าแกก็ยังเศร้า ๆ อยู่ แฟนแกตายเพราะเป็นโรคอะไรสักอย่างนึง (ขออภัยอย่างแรง ภาษาอังกฤษอันอ่อนด้อยของพล แปลชื่อโรคนี้ไม่ได้จริง ๆ ว่าจะมาเช็คทีหลังก็ลืมคำนั้นไปแล้ว ) เสียตอนคริสมาต์สพอดี เทศกาลที่เค้าเฉลิมฉลองกัน มิเชลว่า คริสมาต์สปีที่แล้ว พี่ชายเค้าป่วยเข้าโรงพยาบาลพอดี แต่วันนั้นทางโรงพยาบาลก็อนุโลมให้พี่ชายของมิเชลออกไปฉลองคริสมาต์สกับครอบครัวได้ แต่วันนั้นก็เป็นวันที่มิเชลรู้ข่าวพอดีว่าแฟนเสียชีวิต



คิดดูเหอะว่าคนที่ได้รับข่าวร้ายที่สุดในชีวิต ในวันที่มีเทศกาลเฉลิมฉลองอย่างวันคริสมาต์ส เค้าจะรู้สึกยังไง วันนั้นมิเชลบอกพลว่า ตอนนี้ไม่ว่าฉันทำอะไรก็คิดถึงแต่แฟนฉันตลอด เห็นอะไรก็นึกถึงเค้า อยากให้เค้ามาอยู่ข้าง ๆ เหมือนเมื่อก่อน ได้ฟังแล้วแบบ จี๊ดดดด ถ้าเกิดกะเราาบ้างน้อ จะรู้สึกยังไง ยิ่งมิเชลด้วยแล้ว พลเห็นได้เลยว่าความรู้สึกเค้ายังแย่อยู่ คือระหว่างมิเชลกับแฟนเค้าเนี่ย มิเชลผู้แก่กว่าแฟนเค้าสิบกว่าปี เจ็ดสิบกว่าแล้วอะ ใคร ๆ เห็นก็ต้องคิดว่า น่าจะเป็นมิเชลที่อาจจะเสียชีวิตก่อน แต่เพราะความไม่แน่นอนของชีวิต กลายเป็นว่าคนที่อ่อนกว่าตั้งสิบกว่าปี ต้องมาเสียชีวิตไปสะก่อน มิเชลว่าโรคที่แฟนเค้าเป็นเนี่ย ถ้าพบหมอทันรักษาได้แน่นอน เพราะปัจจุบันไม่มีใครเสียชีวิตเพราะโรคที่แฟนเค้าเป็นอีกแล้ว แต่เป็นเพราะว่าตอนที่แฟนเค้าแย่ ๆ เนี่ยไม่มีใครพาไปโรงพยาบาล เลยต้องมาเสียชีวิตอย่างที่ไม่น่าเสีย แถมด้วยระยะทางที่ไกลกันมาก ระหว่าง สวิสเซอร์แลนด์ กับ อินโดนีเซีย ก็ทำให้มิเชลไม่สามารถไปร่วมงานศพแฟนเค้าได้



ฟังเรื่องมิเชลจบ พลยังหันไปพูดกับคุณคำรณเลยว่า ดูสิเนี่ย คนอายุอ่อนกว่ายังตายก่อนคนอายุมากกว่าสะงั้น ไม่แน่ว่าฉันอาจจะตายก่อนเธอก็ได้นะ วันนั้น คิดเรื่องนี้อยู่นานเลยนะว่า ชีวิตคือความไม่แน่นอนจริง ๆ เห็นแก่ ๆ อย่างนั้นดันแข็งแรงตายยาก คนอ่อนกว่า ไม่รู้จักดูแลตัวเอง หรือประเหมาะเคราะร้ายเจอโรคร้ายเสียชีวิตก่อนสะงั้น ฟังเรื่องนี้แล้ว ก็ทำให้คิดได้ว่ายังอายุไม่มาก ก็ควรใส่ใจสุขภาพเข้าไว้ มีคนรักก็ดูแลกันดี ๆ ทำดีใส่กันเข้าไว้ จะได้ไม่เสียใจทีหลัง (อันนี้คือคิดได้ตอนนั้นนะ)

วันนั้นก็เดินขึ้นเขาแต่ไม่มีห้วยให้ลงกันหลายลูกเลยทีเดียว ระหว่างทางก็หยุดพัก กินแซนวิชที่เตรียมติดตัวมาระหว่างทาง สองคนเค้าก็ยังคุยโน่นนี่นั่นกันอีกหลายเรื่อง พลก็ถ่ายรูปไป เดินตามเค้าไป จบทริปเดินทัวร์เขาตอนบ่าย ๆ กลับเบิร์นด้วยความเหนื่อยล้า แต่สดชื่นแจ่มใสกะอากาศบริสุทธิ์จากภูเขาสูง



วกเข้าเรื่องญี่ปุ่นต่อ คุณคำรณเนี่ย อาชีพของเธอคือนักข่าว หลัก ๆ ก็ทำงานที่เมืองจีนนี่แหละ ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นที่ไหนในเมืองจีน เธอต้องไปทำงานรายงานให้ทางสวิสเซอร์แลนด์รู้อยู่เสมอ และเพราะเมื่อวานนี้เกิดสึนามิที่ญุี่ปุ่น ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองจีนเท่าไรนี่แหละ ทางต้นสังกัดเลยมีคำสั่งให้เธอไปทำรายงานข่าวที่ญี่ปุ่น เธอก็บอกตั้งแต่ตอนเย็นแล้วละ ว่าฉันอาจจะต้องไปญี่ปุ่นนะ พลก็อือ ๆ ออ ๆ ไป ไม่ได้คิดว่าเธอต้องไปจริง ๆ เพราะเธอเคยเล่าว่ามีนักข่าวอยู่ที่ญี่ปุ่นเหมือนกัน แล้วตอนหัวค่ำเธอก็ออกไปประชุมสมาคมนักข่าวอะไรของเธอนี่แหละ ในใจก็นึกว่าเออเดี๊ยวกลับมาคงได้กินข้าวด้วยกัน แต่ที่ไหนได้ เธอกินมาแล้ว



รู้ว่าเธอกินข้าวเย็นมาแล้วเท่านั้นแหละ มันปรี๊ดดดด ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเนี่ยก็ไม่ค่อยอยากกินข้าวเย็นอยู่แล้ว แต่เพราะความงี่เง่า โกรธเธอสะงั้น พาลพะโลพะเกไปถึงเรื่องตอนเช้าที่เค้าฟังภาษาอังกฤษของเราผิด จากคำว่า teacher เป็น T shirt กับ tissue คือต้องบอกก่อนว่า ตาคำรณเนี่ย ชอบกวนประสาทอยู่บ่อย ๆ ชอบแหย่เล่นว่างั้นเถอะ แหย่จนบางทีไม่รู้ว่าพี่แกแหย่ หรือพี่แกไม่เข้าใจจริง ๆ ประกอบภาษาอังกฤษสำเนียงกระเหรี่ยงของพล เลยทำให้อารมณ์เสียกับเธอแต่เช้า ประกอบกับเรื่องข้าวเย็น เลยรวบตึงมาพร้อมกันเลย คุยกันอยู่ โทรศัพท์จากสวิสเซอร์แลนด์ก็มาพอดีว่า เธอต้องไปทำงานที่ญี่ปุ่น ตอนที่เค้าคุยโทรศัพท์กันเนี่ย บอกตรง ๆ ว่าไม่รู้เรื่องหรอกว่าเค้าคุยกันเรื่องไร เพราะเค้าคุยกันเป็นภาษาฝรั่งเศส แต่ก็แอบเดา ๆ เอา

พอเห็นเค้าคุยโทรศัพท์พลก็เลยออกมาดูหนังสะงั้น แล้วการสนทนาระหว่างเราก็จบลง พลดูหนังไปก็เห็นแล้วละว่าพี่แกเก็บกระเป๋า ก็สันนิษฐานได้แล้วละว่าเธอคงต้องไปญี่ปุ่น แต่ด้วยความงี่เง่าเลยไม่ได้ถามว่าอะไรยังไง เค้าก็ไม่ยอมบอก ดูหนังเสร็จก็เข้านอน สักพักเธอก็ตามเข้ามานอน ไม่บอกอะไรเราสักคำ ตีห้าเธอก็ลุกไปอาบน้ำแต่งตัว พลก็นึกว่าเออเดี๋ยวก่อนไป เค้าคงบอกอะไรมั่ง ที่ไหนได้ ใกล้หกโมงเช้า ได้ยินเสียงประตูบ้านปิด เธอออกไปสะแล้ว ไม่บอกไม่ล่ำลาสักคำ



แต่ก็ส่งข้อความคุยกันเรียบร้อย ไปถึงญี่ปุ่นก็ส่งข้อความส่งข่าวมาแล้ว แต่ก็ยังอดเป็นกังวลและรู้สึกผิดไม่ได้ เธอว่าตอนนี้เธอกำลังเครียดเรื่องงาน ไม่มีเวลามาทะเลาะ ยิ่งเห็นข่าวแล้วก็สลดหดหู่ ห่วงเธอก็ห่วง นึก ๆ ไป ถ้ามีไรที่ต้องเสียใจทีหลังจะทำยังไง คงให้อภัยตัวเองไม่ได้แน่ ๆ ตอนนี้ก็ได้แต่ภาวนาให้เธอทำงานด้วยความปลอดภัย แอบกังวลเรื่อง aftershock ด้วยละ ไหนตอนนี้จะอยู่คนเดียวก็แอบกลัวเหมือนกันนะ ไม่เคยกลัวมาก่อนเลย แต่ครั้งนี้ดันมีกลัวอะ เพราะตามข่าวเค้าว่าปักกิ่งรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวด้วย อพาร์ตเม้นต์ที่อยู่เนี่ยมันชั้นห้า ถ้าเกิดอะไรขึ้น

ขอให้คุณพระคุ้มครองคุณคำรณให้ทำงานด้วยความปลอดภัยด้วยเถอะ และคุ้มครองชาวญี่ปุ่นที่กำลังลำบากอยู่ด้วยเทอด คุณคำรณกลับมาเมื่อไร จะขอโทษเค้า แล้วจะพยายามไม่งี่เง่ากะเค้าอีกแล้ว สัญญาด้วยเกียรติลูกเสือสำรองเลยเอ้า


Create Date : 12 มีนาคม 2554
Last Update : 12 มีนาคม 2554 21:45:38 น. 14 comments
Counter : 2341 Pageviews.

 

ขอร้องไห้กับทุกชีวิตที่สูญเสีย
เศร้าอะ
พล สำหรับป้านะ เอ๊ะ ป้าลืมบอกพลไปรึเปล่าว่าป้าเคยเป็นมะเร็ง รักษาตัวอยู่เข้าปีที่ 11 แล้ว
ทุกวันนี้ ป้าเลยใช้ชีวิตให้มีความสุขที่สุดทุกๆ วัน เหมือนที่เหลืออยู่มันคือกำไรชีวิตนะ
พยายามไม่โกรธ ไม่เกลียด ไม่โมโหโกรธา ไม่งอน ไม่ทุกๆ อย่างที่ทำให้อารมณ์มันปรี๊ด อย่างพลว่าแหละ
รู้วันเกิด ไม่รู้วันตาย นะ
ทำวันนี้ให้มีความสุข และทุกๆ วันด้วยนะ
น้องนะมิ บ้านเธออยู่ทางตอนใต้ เมือง นาโกยา ปลอดภัยดีค่ะ ส่งข่าวมาแล้ว


โดย: kim_tiger วันที่: 12 มีนาคม 2554 เวลา:23:07:08 น.  

 
อ่านเรื่องของมิเชล ก้อซึ้งใจมากๆเลย ความรักที่มั่นคงและยาวนาน อยากให้ดำ+แฟน มีรักที่มั่นคงและยาวนาน เช่นกัน เบาๆเรื่องอารมณ์ของตัวเองหน่อยนะจ๊ะ จุ๊บๆๆๆๆ


โดย: ขาวอวบ IP: 58.9.240.51 วันที่: 13 มีนาคม 2554 เวลา:9:45:04 น.  

 
This is a very good story that you share us,thanks.
Sorry I don't have Thai font on my iPod here.
My younger brother died two years ago ,I totally understand and agree what you ment.

Don't wait until he comes back if ther is any way to let khun Kamron knows that you love him and want to apologize please do it right away!!


โดย: anchesa วันที่: 13 มีนาคม 2554 เวลา:14:44:54 น.  

 
คนรักกันพอจากกันก็เสียใจเป็นเรื่องธรรมดา

แต่ที่ไม่ธรรมดาก็คือเสียใจกับเรื่องที่อยากทำให้คนที่รักแล้วยังไม่ได้นี่ซิ มันคาใจไปตลอดชีวิตน่ะพล

เพราะงั้นระหว่างที่มีชีวิตร่วมกัน อยากบอกรักก็ต้องบอก อยากจะทำสิ่งดีๆให้เขาก็รีบทำซะ อย่ามั่วแต่หาเรื่องงอนกันนะคะ

น้าเองก็คิดกะคนข้างๆว่าเราสองคนแก่แล้วลูกหลานอยู่กันพร้อมหน้าวันนี้เรามาเก็บภาพรวมญาติกันเถอะ ว่าแล้วก็นัดลูกหลาน เพราะบังเอิญ เจ้าบิ๋งที่อยู่เยอรมันกลับมาเยี่ยมบ้านพอดี โอกาสอย่างนี้คงหาไม่ได้ง่ายๆ สิ่งที่ไม่แน่นอนอาจจะเกิดขี้น อิอิก็เลยเป็นการรวมทีมของครอบครัวใหญ่ค่ะ

บล๊อกหน้าติดตามน่ะพล


โดย: ซองขาวเบอร์ 9 วันที่: 13 มีนาคม 2554 เวลา:17:55:34 น.  

 
อ่านบล๊อกซะหายคิดอ้ายเลยล่ะ
สัจธรรมประการหนึ่งคือ
ไม่ว่ารักกันแค่ไหนวันหนึ่งก็ต้องพลัดพลาดจากกันอยู่ดี
ดังนั้นในเวลาที่เหลืออยู่ก็ดีต่อกันมาก ๆเนาะอ้ายเนาะ

แม้ผมจะไม่เคยมีความรักที่ดีเลยสักครั้ง
แต่กระนั้นก็ยังชื่นชม และเชื่อว่ารักแท้มีจริง
และมันคงสวยงามประดับโลกใบนี้ให้น่าอยู่เสมอ


ผมนี่แย่จริง เป็นแฟนบล๊อกมานานเพิ่งจะรู้ว่าคุณคำรณเป็นนักข่าว

เรื่องคนที่จับฉลากแบ่งพระราชมรดก ร.7 กับสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีนั้น

ชื่อว่าหม่อมมณี สิริวรสาร
ซึ่งแต่เดิมได้เสกสมรสกับพระองค์เจ้าจิรศักดิ์ สุประภาต (สกุลประชาธิปกศักดิเดชน์) และพระองค์เจ้าพระองค์นี้
ร.7 ได้รับเป็นพระราชบุตรบุญธรรม โดยราชสกุลเดิมของพระองค์คือ ภาณุพันธุ์ (เป็นบุตรอันเกิดจากหม่อมคนหนึ่งของสมเด็จพระบรมราชปิตุลา บรมวงศาพิมุข หรือที่รู้จักกันในนามสมเด็จวังบูรพาไงล่ะครับ)

ส่วนสมเด็จวังบูรพานั้นเท่าคือน้องแท้ ๆ ของ ร.5 ดังนั้นเชื้อสายจึงเข้มข้นมาก

ต่อมากพระองค์เจ้าจิรศักดิ์ สิ้นพระชนม์
หม่อมมณีก็เสกสมรสใหม่กับเจ้าพี่ของพระองค์จิรศักดิ์ฯ

และต่อมาก็หย่าขาดกันจนในที่สุดในบั้นปลายก็แต่งงาน
ครั้งที่ 3 กับนายแพทย์ประชา สิริวรสาร

ส่วนที่มีสิทธิ์จับฉลากพระราชมรดกในส่วนของร. 7 เพราะ
คุณหญิงมณีเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของพระองค์จิรศักดิ์ ที่ถือว่าเป็นทายาทตามกฎหมายของร.7
และนอกจากนี้คุณหญิงมณียังมี คุณชายคุณหญิงอีกคนหรือสองคนไม่แน่ใจครับ ที่เกิดกับพระองค์เจ้าจิรศักดิ์ ฯ

ในหนังสือเรื่อง "ชีวิตเหมือนฝันคุณหญิงมณี สิริรวรสาร" จำได้ว่าเกือบทั้งเล่มเล่าถึงชีวิตที่เมืองนอก ทั้งนั้น
จะคาบเกี่ยวกับพระราชวงศ์บ้างเป็นบางที

เป็นหนังสือที่แนวชีวประวัติที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยอ่านมา


โดย: peeradol33189 วันที่: 14 มีนาคม 2554 เวลา:15:20:18 น.  

 
อ่านแล้วเศร้าเพราะมีการสูญเสียแบบกระทันหัน..แต่ดีใจที่ยังมีรักแท้ให้แก่กันอยู่บนโลกนี้...บ้าง

ขอบคุณที่แวะไปที่บล๊อคนะคะ..อาหารที่บล๊อคจะเลือกทำที่ไม่ยากค่ะ^-^ เพราะเป็นมือสมัครเล่น

อ่านคอมเม้นต์ของคุณPeeradol33189 แล้วอยากขอยืมหนังสือเล่มนี้อ่านจัง


โดย: jaysephine วันที่: 15 มีนาคม 2554 เวลา:8:35:40 น.  

 
ดีจ้าคุณพล ...

อ่านแล้วก็อินนะค่ะ .. อาจจะเพราะว่าเราเองก็เป็นแบบนี้ล่ะค่ะ เวลามีอะไรกระทบใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เกิด แก่ เจ็บ ตาย มันก็อินได้เสมอเพราะมันคือ "ชีวิต" น่ะค่ะ คนเราเป็นคน มีเลือดเนื้อ เรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นมันก็มีเหตุทำให้อารมณ์ร่วมเป็นธรรมดาค่ะ โดยเฉพาะเรื่องของความรัก การสูญเสีย การพลัดพราก

คนเราเมื่อมีความรัก ก็มักจะยึดติด เราเองก็เป็น ยึดมากอะไรมากจนบางครั้งคิดว่า เอ่อ มันทุกข์หรือเปล่าหนิ แต่ว่าบางทุกข์เราก็รับรู้แล้วก็ก้มหน้ารับอ่ะนะค่ะว่า เออ รักและทุกข์แต่ก็ยังเปิดแขนอ้ารับนะ แล้วมันก็เป็นหน้าที่ของเรานี่ล่ะค่ะที่จะต้องหยั่งตัวเองด้วยสติ ... อยู่กัน รักกัน ทะเลาะกัน สุดท้ายมันก็ตายจากกันเสมอ ...แล้วแต่ว่าใครจะไปก่อน ซึ่งเดี๋ยวนี้มันไม่ได้เป็นเหมือนสัจธรรมที่ว่าคนแก่กว่าตายก่อนแล้วล่ะค่ะ เพราะฉะนั้นเราอยู่กันไป ก็ต้องยอมรับและเข้าใจไปว่า มันเป็นเรื่องที่จะเกิดได้เสมอไม่ว่าจะหนุ่ม แก่ บทมีอะไรขึ้นมา คนอ่อนกว่าไปก่อนเราก็ต้องทำใจกันล่ะค่ะ ...


พอมาเจอกับเหตุการณ์สึนามิที่ญี่ปุ่น มันก็เหมือนยิ่งตอกย้ำไปอีกว่า "ชีวิตสั้นอิ๊บอ๋ ... " อันนี้ต้องขอพูดแบบห้วนๆ ไม่เพราะอย่างนี้เลยนะค่ะ เพราะว่ารู้สึกจริงๆ ว่ามันสั้นมากๆ อะไรจะเกิดก็ยังไม่รู้ ... อยู่ๆ ดูภาพทางทีวีวันแรกที่เกิดสึนามิแล้วเราเห็นคลื่นถาโถมมาบนฝั่่ง สูงเป็น 10 ม. แล้วยังเห็นรถเคลื่อนไหวไปมาบนท้องถนน คุณพล เราคิดเล่นๆ นะค่ะว่า เอ่อ ถ้าตรูนั่งอยู่บนรถแล้วมองเห็นคลื่นมาถลาลิ่วๆ มาหาแบบนั้นจะทำยังไง .... ตอนนี้ยังตอบไม่ได้เลยค่ะว่าจะทำยังไงดี ... มันคงหมดความคิดถึงสิ่งใดๆ ล่วงหน้าแล้วล่ะค่ะ เพราะคิดว่า ณ ปัจจุบัน น่าจะเป็นอย่างเดียวที่คิดถึงนะ

เพราะฉะนั้นเราว่า ทุกอย่าง สุขกับปัจจุบันขณะดีกว่าค่ะจะได้ไม่ต้องปวดหัวคิดมาก ... เน๊าะ ...


ส่งกำลังใจให้คุณพลและคุณคำรณนะค่ะ ขอให้เค้าทำงานโดยปลอดภัย ไม่มีเหตุการณ์ใดๆ ให้ต้องเป็นห่วงและกลับบ้านมาอย่างปลอดภัยค่ะ กลับมาแล้วก็กอดๆ เค้าไปนะค่ะ ส่งใจและความรักให้เค้าสุดๆ ไปเลยค่ะคุณพล


โดย: JewNid วันที่: 15 มีนาคม 2554 เวลา:13:10:40 น.  

 
คุณพลมาเลยมาเลย มาเป็นพี่น้องกับพวกเรา เรามีกันสามคนแต่ยังอยากมีพี่น้องเพิ่มอีก เพราะตั้งแต่คุณนายไปอยู่บนสวรรค์แล้ว เราสามคนกับพ่อเหงามากมาก

เห็นน๊าแอบเข้าไปกินข้าวมันไก่บล็อคเจ อิอิ ทำเองเลยค่าง่ายมากมาก บางครั้งเจก็ทำด้วยไมโครเวฟนะ ง่ายและสะดวกดีค่า

ยินดีที่รู้จักนะจ๊ะ


โดย: jaysephine วันที่: 16 มีนาคม 2554 เวลา:8:12:03 น.  

 
หวัดดีจ๊ะพล ก้อยเคยอ่าน Only love is Real ชอบมากๆๆๆๆ แถมเราเป็นคนที่เชื่อมากๆ เรื่องการกลับชาติมาเกิดเนี่ย ว่าไปแล้วก็อยากจะอ่านอีกสักรอบ

ท่าทางชีวิตพลดูน่าสนุกดีจังเลยเนอะ ยินดีที่ได้รู้จักจ้า


โดย: Adorable Corazon วันที่: 17 มีนาคม 2554 เวลา:1:50:32 น.  

 
มาชวนไปดู จับปูใส่กระด้งค่ะ พล

นัวเนียกันสนุกแถมมีฉากนู๊ดเล็กๆค่ะ


โดย: ซองขาวเบอร์ 9 วันที่: 17 มีนาคม 2554 เวลา:11:10:53 น.  

 
เพื่อนที่ทำงานบางคนเค้าแปลกๆหน่ะ..เรากินอะไรเค้าก็ชอบเข้ามาถาม..พอเราบอกเค้าก็ชอบทำหน้าเบะๆ..วันก่อนแกล้งซะเลย..เอาจับฉ่ายไปกินที่ออฟฟิศ..ไม่ปิดประตูด้วย..ได้ยินเสียงพึมพำพึมพำว่า ... WHO FART?? Smell like dead rat!! ฮ่าๆๆๆ เจนั่งกินไปอมยิ้มไป.. แกล้งคนสนุกดี

นี่ๆๆๆ..รู้นะ..ไปแอบดูนักมวยบ้านเค้า..ตอนนี้รับสมัครพี่เลี้ยงกิตติมศักดิ์หล่ะ...สนใจป่าว ฮี่ๆๆๆๆ เออ ย้อนกลับไปดูอีกรอบ "มันเป็นตาแซ่บจริงๆหว่ะ" ฮ่าๆๆๆ

ป้า..เอ้ย..เจหน่ะสี่สิบแล้วจ้า..มามะมาเป็นน้องเราซะดีดี



โดย: jaysephine วันที่: 18 มีนาคม 2554 เวลา:8:28:58 น.  

 
แวะมาส่งกำลังใจให้กับเพื่อนของคุณคำรณด้วยนะค่ะ
ว่าขอให้เค้าปลอดภัยค่ะ ...

แถมดีใจด้วยกับคุณคำรณและคุณพลนะค่ะ
ที่แบบว่ากลับมาเจอกันแล้ว ดีใจ๊ ดีใจ ... แบบนี้
เหมือนค่อยๆ เตือนตัวเองได้เหมือนกันนะค่ะว่า
ทะเลาะกันได้บ้างแต่ว่าก็อย่าลืม เข้าใจกันและกัน
เน๊าะๆ ... ชีวิตนี้มันสั้นนักค่ะคุณพล เราเตือนตัวเอง
บ่อยๆ เช่นกันค่ะ จะได้ทะเลาะกันน้อยลง เน๊าะๆ


โดย: JewNid วันที่: 18 มีนาคม 2554 เวลา:9:54:44 น.  

 
ถึงคุณน้องพล
คุณคำรณกลับมาหรือยังจ๊ะ..ถ้ากลับมาแล้ว อย่ามัวแต่งอนหล่ะ..ดีกันดีกันซะนะ..ทำของอร่อยๆให้คุณคำรนทานด้วยนะ..อย่าลืม

ด้วยรัก
จากป้าเอ้ย..จากพี่เจ


โดย: jaysephine วันที่: 19 มีนาคม 2554 เวลา:0:25:44 น.  

 
แวะมาอ่านจร้าขออนุญาตฝากเว็บไว้ในอ้อมกอดน้อยๆด้วยนะครับ|เข้าชมเว็บ บิ๊กอายขอบคุณครับ


โดย: bigeye (tewtor ) วันที่: 16 เมษายน 2554 เวลา:17:51:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

aoigata
Location :
Biel Switzerland

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add aoigata's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.