|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
ความสุขเล็กๆกับบางสิ่งที่ถูกลืม
วันนี้เป็นวันเสาร์ที่แอบทำตัวสบายๆกว่าจะแซะตัวเองขึ้นมาจากที่นอนก็ปาเข้าไปสายโด่งพร้อมอาการติดเฟซบุ๊คงอมแงม ป้วนเปี้ยนอยู่หน้าจอทั้งวันอยากรู้ว่าเพื่อนๆจะคุยอะไรกันบ้าง นอกเหนือจากการให้ข้าวหมูในเกมส์แฮปปี้หมูน้อย ออกมาทำธุระข้างนอกไม่ลืมแวะเข้าร้านขายเครื่องเขียนเพื่อซื้อของที่เคยหมายตาเอาไว้
ร้านขายอุปกรณ์เครื่องเขียนและร้านหนังสือเป็นร้านที่ฉันชอบแวะเวียนเข้าไปดูไม่ขาด ทำตัวเหมือนเป็นหุ้นส่วนของร้านแต่จริงๆเป็นแค่ลูกค้าหน้าตาดีคนหนึ่ง 555+ สิ่งที่ขาดไม่ได้คือหาปากกาสวยๆเขียนลื่นๆสักด้ามสองด้าม จนเดินมาถึงชั้นวางของด้านในก็ไปสะดุดตากับแผนที่ดาวที่วางอยู่ ฉันหยิบมันขึ้นมาดูพร้อมคิดว่าดาวนายพรานมันอยู่ตรงไหนหว่า หลายปีแล้วที่ทำงานจนลืมมองบนฟ้าว่าดาวลูกไก่อยู่ตรงไหน ดาวไถอยู่ตรงไหนตามจินตนาการของเด็กๆ ฟ้าวันนี้อาจไม่ต่างจากฟ้าวันไหนๆแต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคงเป็นที่ตัวเรามากกว่า
จำได้เมื่อตอนเด็กๆนอนมองดูท้องฟ้าบนระเบียงตามประสา พ่อ แม่ ลูก กิจกรรมยามค่ำคืนของคนยุคเก่าจะมีอะไรมากมายนอกจากเวลาหลังอาหารเย็นต่างพากันมารวมตัวเพื่อสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัว แม่จะหานิทานมาเล่าให้ฉันฟังตอนดึกๆก่อนนอนเสมอโดยมีตัวละครเอกคือตากับยาย และถ้าวันนี้ฉันต้องมีลูกฉันคงไม่เล่านิทานของตากับยายให้ลูกฟังแน่ๆเพราะลูกของฉันมันอาจจะเกิดมาทันในยุคเรยากับซีเคในดอกส้มสีทอง (แต่ก่อนจะมีลูกต้องขอเวลาไปหาสามีให้ได้ก่อน 555)
ฉันเชื่อว่าวิธีหาความสุขให้กับชีวิตของหลายคนอาจแตกต่างกันไปตามรสนิยม รายได้ และอาชีพ และแน่นอนว่าความสุขในวันนี้และความสุขในวันวานอาจเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อมและสังคม เราไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าโลกทุกวันนี้เปลี่ยนไปด้วยเพราะมีความทันสมัยมากขึ้น คนส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกปิดตาหรือปิดหูเหมือนแต่ก่อน วันนี้เราจึงอยู่ในโลกที่ไร้พรมแดนสามารถติดต่อกันข้ามโลกเพียงปลายนิ้ว
ขอบคุณโลกไซเบอร์ที่ทำให้วันนี้ฉันได้เจอเพื่อนเก่าๆหลายคนหลังจากที่จบการศึกษาแยกกย้ายกันไปประกอบภารกิจตามแต่เขาเหล่านั้นจะเลือก แล้วเวลาก็พาเรากลับมาเจอกันอีกครั้งถึงแม้จะผ่านไปเป็นสิบปี วีรกรรมในอดีตก็ทำให้เราหัวเราะกันอย่างมีความสุขเมื่อได้รำลึกถึงมัน แม้ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนจะยังแนบแน่นเหมือนเดิมแต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือพวกเราโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นมีความรับผิดชอบในชีวิตมากขึ้น และมีเรื่องราวอีกมากมายที่ต้องคิดต้องทำต่างจากวันที่วิ่งเล่นอยู่ในโรงเรียน
ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ฉันเหม่อมองออกไปอาจจะมีกลุ่มดาวน้อยใหญ่มากมายทั้งดาวฤกษ์และดาวเคราห์ หากแต่สิ่งที่คิดและมองเห็นต่างจากเมื่อสิบปีที่แล้วโดยสิ้นเชิงเพียงเพราะภาระมากมายที่ฉันต้องรับผิดชอบมันหนักเกินกว่าจะมานั่งจินตนาการถามหาทางช้างเผือกได้ และฉันก็เชื่อว่าเพื่อนของฉันหลายๆคนลืมนิทานกระต่ายในดวงจันทร์และความเสียสละของแม่ไก่ที่ยอมถูกเชือดเพื่อเป็นอาหารแก่พระธุดงค์
วันเวลาสอนให้เราต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้นและต้องพาตัวเองไปให้รอดในยุคที่บ้านเมืองยังมีกีฬาสี ฉันไม่รู้หรอกว่าพรรคไหนจะได้เป็นแกนนำรัฐบาล รู้แค่ว่าจะทำยังไงเพื่อให้ตัวเองอิ่มและพ่อแม่สบาย นึกย้อนไปสมัยเรียนมัธยมฉันเป็นคนหนึ่งที่ไม่เอาใจใส่ในเรื่องของการเรียนมากนัก กินให้หมดวัน เล่นให้หมดวันแล้วเวลาก็ผ่านไป พอเรียนจบมีโอกาสได้ทำงานหลายๆแห่งฉันใช้โอกาสที่มีให้คุ้มค่าไม่หายใจทิ้งเหมือนสมัยเรียน แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีนอกลู่นอกทางอยู่บ้าง
จวบจนวันที่ก้อนเนื้อก้อนนี้อายุสามสิบหกปี มันผ่านร้อนผ่านหนาวมามากเสียจนถือว่าใช้ชีวิตคุ้มค่าเมื่อเทียบกับคนบางคนที่ยอมปล่อยให้เวลาผ่านไปเพียงเพราะมองไม่เห็นค่าว่าจะต้องดิ้นรนไปเพื่ออะไร ฉันเป็นคนหนึ่งที่ทำอะไรเพื่อวิ่งตามความฝันและวิ่งหนีความกลัว ครอบครัวก็ไม่ได้ร่ำรวยแต่เชื่อว่าสบายกว่าหลายๆคน แต่ถึงกระนั้นคนหลายๆคนที่เขาแย่กว่าฉันกลับเป็นผู้ที่จุดประกายให้ฉันต้องตระหนักอีกครั้งว่าจะช้าไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
หลายครั้งที่ฉันเอาเวลาที่เหลืออยู่ไปทำสิ่งที่ฉันชอบแล้วก็บอกกับตัวเองว่านั่นคือความสุขของฉันโดยลืมคิดไปว่าวันนี้ฉันต้องเหนื่อยเพื่อคนแก่สองคนที่ฉันรัก ฉันอาจจะมีชีวิตยืนยาวไปจากนี้อีกยี่สิบปี สามสิบปี หรือสี่สิบปี แต่พ่อและแม่ของฉันนี่สิจะอยู่ได้ถึงวันนั้นรึเปล่า ครอบครัวของเราไม่ได้ลำบากแต่ก็ไม่ได้สบายเกินกว่าจะนั่งงอมืองอตีนเพื่อรอโชคชะตา เหลือบไปมองกองหนังสือและเอกสารข้างๆเตียงฉันมีงานอีกมากมายที่รอฉันสะสาง มันคือเงินมหาศาลถ้าฉันทำสำเร็จ จริงอยู่เงินไม่ใช่พระเจ้าแต่หลายๆครั้งที่เงินได้รับบทบาทเป็นผู้สร้างที่อยู่ของพระเจ้า
เราทุกคนมีสิ่งที่ได้รับมาเท่าๆกันคือเวลา ที่เหลือก็แค่ใช้สติปัญญาบริหารเวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุดเท่าที่จะทำได้ ดีกว่าหายใจทิ้งไปวันๆแล้วหนึ่งชีวิตที่เกิดมาก็ดับไป และจากนี้ไปไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นฉันก็จะไม่เสียใจถ้าฉันได้พยายามอย่าถึงที่สุด
หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล และแน่นอนมันต้องมีทั้งกลีบกุหลาบและขวากหนาม ปลายทางคือความสำเร็จที่หอมหวานแค่ฉันจะผ่านมันไปได้หรือเปล่า แม้ฉันจะไม่ใช่คนที่ดีพร้อมแต่ฉันก็เชื่อว่าถ้าฉันดีพอ มุ่งมั่น และตั้งใจมากพอ จะไม่มีอะไรที่มาหยุดความตั้งใจของฉันได้ และนั่นคือชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นสำหรับคนที่ฉันรัก และมันก็มีมากพอที่จะแบ่งปันให้ผู้คนรอบข้าง หนึ่งชีวิตที่เกิดมา ตั้งอยู่ และดับไปจะมีอะไรมากเกินกว่าอยากเห็นคนที่เรารักมีความสุขที่สุดเท่าที่ฉันจะทำได้
และถ้าวันนี้เราไหวตัวทันเราจะไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปด้วยการหายใจทิ้งไปวันๆ ตั้งสติแล้วกลับมองที่โจทย์ของชีวิตว่าวันนี้เราเกิดมาเพื่ออะไร ตั้งใจลงมือทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ประหนึ่งไม่เหลือโอกาสให้ได้แก้ตัวอีกแล้ว เราเลือกเกิดไม่ได้แต่เราเลือกที่จะดำเนินชีวิตได้ และฉันจะไม่รอให้ดวงชะตาเป็นผู้ลิขิตเพราะทุกก้าวย่างของชีวิตฉันขอลิขิตด้วยตัวฉันเอง...
ขอบคุณพ่อและแม่..ผู้ให้ชีวิต ขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีหลายๆท่าน..ผู้ให้โอกาส ขอบคุณคนดี..สำหรับกำลังใจยามอ่อนล้า ขอบคุณปูเป้กะอิคคิว..สำหรับแรงบันดาลใจที่เหลือล้น ขอบคุณเพื่อนๆ SC - PRC ..สำหรับมิตรภาพดีๆและความอบอุ่น ขอบคุณกะหล่ำ..ผู้ที่ทำให้รู้ว่าโอกาสคือสิ่งที่สำคัญในชีวิต และไม่ลืมที่จะขอบคุณตัวเอง..ที่ยังมีลมหายใจ..
ไม่จำเป็นต้องบินสูงอย่างใครเขา จงบินเอาเท่าที่เราจะบินไหว ท่าที่บินไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร ขอบินไปให้ถึงฝันเท่านั้นพอ...
Create Date : 26 มิถุนายน 2554 |
|
1 comments |
Last Update : 26 มิถุนายน 2554 20:11:11 น. |
Counter : 1204 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: saisunee soi 9 IP: 223.207.121.236 26 มิถุนายน 2554 20:31:37 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
เชียงใหม่ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 13 คน [?]
|
ต้นหญ้าเล็กๆที่แทรกตัวขึ้นมาระหว่างรอยแยกของปูนที่แข็งกระด้าง มันค่อยๆโตขึ้นเพียงเพราะมันมีความหวังว่ามันจะได้แสงแดดได้น้ำ
ในความแข็งของปูนก็ยังมีหนึ่งชีวิตเล็กๆที่ดูไร้ค่าแต่สามารถมีชีวิตอยู่ได้บนความแข็งนั้นได้...
มันไม่รู้หรอกว่ามันจะมีชีวิตอยู่ได้นานสักเท่าไรมันรู้แค่ว่ามันจะอยู่รอดและเติบโตด้วยความหวังเล็กๆของมัน
|
|
|
|
|
|
|