ความโง่เขลา
สวัสดีเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ และ ผู้อ่านทุกท่าน หลังจากที่หายไป 2 เดือนกว่าๆ ก็กลับมาอีกครั้ง (ว่าแต่จะมีคนเข้ามาอ่านรึเปล่า...ไม่ค่อยแน่ใจซะแล้วสิ) วันนี้จะมาเล่าเรื่อง ความโง่เขลาของตัวเอง ใช่แล้วครับของตัวผมเองนั่นแหละ (บางคนอาจจะบอกว่า แล้วจะมาเล่าทำไม ก็แค่อยากแบ่งปันประสบการณ์ เท่านั้นเองครับ) เรื่องมีอยู่ว่า ตัวผมเองนั้นเป็นคนดื้อรั้น เอาแต่ใจตัวเอง ไม่ค่อยสนใจคนรอบข้าง จนบางครั้งก็ไปทำร้ายความรู้สึกของคนรอบกาย โดยไม่รู้ตัว และ รู้ตัวบ้างในบางคราว เป็นของมันอยู่อย่างนี้จนเป็น สันดาน ก็ว่าได้ จนมาวันหนึ่ง ผมได้มีเวลาอยู่กับตัวเองโดย บังเอิญ และ เหตุการณ์ในรอบตัว ณ เวลานั้น อยู่ในช่วงขาลง ทั้งเรื่องงาน เงิน และ ความรัก จึงทำให้เกิดจิต อ่อนแรง และ ฟุ้ง... จึงย้อนกลับมาดูตัวเองว่า ที่ผ่านมา ผมทำอะไรไปเพื่อ คนอื่นบ้าง เมื่อคิดๆดูแล้ว น้อยครับ และ ทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง มากเหมือนกันนะ... จึงสรุปว่า ผมเป็นคนเห็นแก่ตัวเกินไป จนทำให้คนที่ผมรัก และ รักผม หลายๆคน เบื่อหน่ายในพฤติกรรมบางอย่างของผม แต่ในความเห็นแก่ตัวของผม แท้จริงลึกๆแล้ว มันไม่ได้เป็นอย่างที่แสดงออกเลย แต่ อาจเป็นเพราะผม มีปมในใจสมัยวัยเด็กอยู่(อันนี้วิเคราะห์เอง) ผมจะยกตัวอย่างให้ พอเห็นภาพนะ ตัวอย่างที่ 1 เช่น ผม กับ แม่ผมเอง ในสมัย ครึ่งชีวิตแรก จะสนิทสนม พูดคุยกันดีมากๆ ไปไหนก็ไปด้วยกันตลอด มีอะไรผมก็จะเล่าให้ท่านฟังเสมอ แต่มา ครึ่งชีวิตกลาง กลับไม่ค่อยคุยกัน และ ไม่สนใจเหมือนสมัยก่อน ไม่ค่อยไปไหนด้วยกัน (ผมว่าต้องมีคนเป็นเหมือนผมบ้าง ไม่มาก ก็น้อย) จนมาถึง ณ เวลาหนึ่งผม สังเกตุท่าน หลายๆครั้ง ผมว่าท่าน เหงามากนะ ท่านไม่รู้จะคุยกับใคร ไม่รู้จะไปไหนมาไหนกับใคร ความรู้สึกเหล่านี้คุณจะเข้าใจได้ก็ต่อเมื่อ คุณ มีความรู้สึกเช่นเดียวกัน ...แล้วจะแก้ไขได้อย่างไร จะบอกกล่าวตอนท้ายนะครับ คราวนี้มาลองดูตัวอย่างที่ 2 คราวนี้กับคนรัก ผมจะอัตตาสูงมาก กับ คนรัก นิสัยไม่ดีเลย เป็นคนไม่โรแมนติค (ทั้งๆที่แต่ก่อนก็โร อยู่นะ แต่พออายุเยอะ มันหายไปไหนหมดหว่า) ส่วนใหญ่ผมจะไม่ค่อยฟัง ไม่เชื่อ และ ไม่ค่อยเห็นด้วยในหลายๆเรื่อง จนทำให้เกิดการทะเลาะกันบ่อยๆ แต่ในใจแล้ว ทุกครั้งที่มีการทะเลาะกัน ผมจะรู้สึกเสียใจอยู่ลึกๆ และ ถ้าเกิดคนรักมีน้ำตา ผมจะรู้สึกแย่มากๆ... คราวนี้พอจะเห็นภาพบ้างไหมครับ ผมว่าเหตุการณ์ที่ผม ยกตัวอย่างมานี้ น่าจะมีหลายๆคนเคยประสบพบมาบ้าง คราวนี้มาดูว่าเราจะแก้อย่างไร ในตัวอย่างที่ 1 ผมเริ่มเข้าหาแม่ผมมากกว่าเดิม คุยกันมากขึ้น ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้น แค่นี้ ก็ทำให้ท่านมีความสุขมากขึ้นแล้วหละครับ และ ตัวอย่างที่ 2 ผมเริ่ม รับฟังให้มากขึ้น อย่างใช้อารมณ์ในการสนทนามากเกินไป ยอมรับในเหตุผล และ ความหวังดีของคนรักบ้างนะ อย่าทำตัวเป็นผู้รู้ไปทุกเรื่อง เก่งไปหมด ใช้ความรู้สึกให้มากกว่า ความคิด ใส่ใจในรายละเอียด และ เอาอกเอาใจบ้าง ถ้าไม่เคยทำก็ค่อยๆเริ่มทีละเรื่อง เดี๋ยวก็ดีเอง(มั้ง)... ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ ถ้าใครกำลังเป็นแบบนี้อยู่หละก็ คุณควร (แนะนำ ควรเลยนะ) อย่างด่วน รีบเปลี่ยน พฤติกรรม แบบที่ผมเป็นมาก่อน ผมเองก็ไม่ได้ทำได้ในวันเดียวหรอกครับ มันต้องใช้เวลา แต่ก็ดีกว่าไม่คิดจะทำอะไรเลย ....อย่ารอจนถึงวันที่คุณไม่มีโอกาสนะครับ (มันจะทำให้คุณ เสียใจไปตลอดชีวิต) บางคนอ่านแล้วอาจคิดว่า ผมเป็นนักปฎิบัติธรรมแล้ว ทำไม...เอ....ทำไมมันน่าจะเป็นคนดี แบบภาพที่ออกมาสวยงามไม่มีที่ติ ประมาณนั้น แต่จริงๆแล้ว นักปฎิบัติ หลายๆคน และ ส่วนใหญ่ซะด้วย ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับ คนทั่วไปเท่าไรหรอกครับ มันต่างกันที่รู้มากขึ้น และ รู้สึกเร็วกว่าเดิม แต่ ไม่ได้หมายความว่าจะ กลายเป็นคนพิเศษอะไร...
Create Date : 04 พฤษภาคม 2555 |
|
12 comments |
Last Update : 4 พฤษภาคม 2555 19:58:08 น. |
Counter : 1598 Pageviews. |
|
|
|
ที่บอกว่า...นักปฎิบัติ หลายๆคน และ ส่วนใหญ่ซะด้วย ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับ คนทั่วไปเท่าไรหรอกครับ
เคยเจอ มีคนพูดว่า ปฎิบัติได้แค่นี้เองเหรอ
เศร้านะ เขาไม่เข้าใจเหรอ ว่าเรา กำลังปฎิบัติ
เราไม่ได้บรรลุ.......