|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
|
|
|
|
|
|
|
โขน
สวัสดีครับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ หลานๆ.... หลังจากแอบหายไปนาน...
วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 22 เม.ย. 54 เวลา 22:22 น. ร่างกายขณะนี้ยังคงสภาพปกติ จิตยังปกติ ลองตรวจสอบกันดูนะครับว่า ยังปกติกันอยู่รึเปล่า
หลายครั้งที่ผมนั่งคิดไปคนเดียวว่า ทำไมหนอคนเราที่เกิดมาอาศัยโลกใบเดียวกันนี้ ช่างมีนิสัยใจคอที่แตกต่างกันได้ หลากหลาย ทั้งๆที่เราๆก็รู้ว่า นิสัยคนนั้นหลากหลาย แต่เราก็ยังต้องการให้ หลายๆคน คิดและ ทำตามแบบของเรา ช่างดูแล้วขัดแย้งกันจริงๆ
มีหลายเรื่อง หลายเหตุการณ์ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเรา มันมักจะขัดแย้งกันเองเสมอๆ ลองนึกดู และ คิดตามนะครับ
หลายๆเรื่องที่เราขัดแย้งกับคนรอบข้าง คนรัก ครอบครัว ลูก เพื่อนร่วมงาน ลูกน้อง เจ้านาย สาเหตุมันมาจาก ความยึดตัวตนของเราเอง ใช่ หรือ ไม่ ลองย้อนไปดูที่ผมเกริ่นไว้ทีแรกนะครับ คนเรามีนิสัยแตกต่างกันหลากหลาย...!
ผมเองก็เป็นบ่อยๆ แต่จะโชคดีอยู่บ้างที่ จะรู้ ได้เร็วขึ้นเรื่อยๆ ผล จากการได้ฝึกปฎิบัติบ่อยๆ ลองฝึกดูนะครับ
วันนี้จะขอเล่าอะไรให้อ่าน เหตุจากมีน้องๆหลายคนที่ผมรู้จัก มักขอคำปรึกษา เรื่องหลักๆก็ คือ เรื่องความรัก
ซึ่งเป็นปัญหาระดับชาติทีเดียวเชียว แต่วันนี้จะยังไม่กล่าวถึงเรื่องนี้....
เอ...แล้วจะเขียนมาทำไมหว่า
แต่จะกล่าวถึงเรื่อง โขน... ใครเคยดู โขนบ้างครับ ผมบอกได้เลยว่าทุกคนดู โขน ทุกวัน และ แทบจะทุกเวลาซะด้วยซ้ำไป
เริ่มตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมา เราก็จะสวมหัวโขน เป็นลูกจ้างมืออาชีพ อาชีพเรา ช่วงเวลานี้คือต้องรีบไปให้ทันเวลาที่ กำหนดไว้
เมื่อออกจากบ้าน เราก็ใส่หัวโขนอันใหม่ เป็นผู้ใช้บริการ คือ ใช้บริการมอไซค์ รับจ้าง หรือ รถเมล์ ,เรือเมล์, BTS หรือ รถส่วนตัว ในแต่ละ กรณี หัวโขนของเราก็จะแตกต่างกันออกไป นั่งมอไซค์รับจ้างก็จะ เจี๋ยมๆ รถเมล์ เรือเมล์ ก็จ๋อยๆ BTS ก็จะดูดีมีชาติตระกูลมานิด นั่งรถส่วนตัว ก็จะดูดีตามยี่ห้อรถ
เมื่อมาถึงที่ทำมาหากิน ก็จะสวมหัวโขนตาม อาชีพ ตำแหน่ง รายได้ บางคนเป็นลูกน้องเขาก็ต้องทำตัวแบบหนึ่ง เจ้านายก็จะต้องกร่างๆหน่อย
หลังเลิกงาน เราก็จะเป็นโน่น เป็นนี่ ไปตามความสนใจของเรา จนถึงเวลาเรานอน บางคนเวลานอนยัง เอาหัวโขนมาใส่ขณะหลับ ก็คือ คิด อยากเป็นโน่น เป็นนี่ ...
ในแต่ละวัน เรา เป็นหลายบทบาทมากจริงๆ หลากหลายอารมณ์ จน ลืมไปเลยว่า เราเกิดมาทำไมหว่า
เราเกิดมาเพื่อจะ ข่มเหงคนอื่น เพื่อเห็นแก่ตัวให้สุดๆ ละโมบโลภมาก คิดแต่จะเอาของคนอื่น และอีกมากมาย รึเปล่า
เกิดมาเสียเวลารึเปล่า หันกลับไปตรึก ดูนะครับว่า เกิดมาทำไม เราเกิดมาเพื่ออะไร เพราะ ตอนเราตาย (ขอใช้คำว่าตายนะครับ ที่ต้องขอ เพราะ คนไทยส่วนมากยัง เคืองกับคำนี้อยู่ ไม่รู้มันจะอยู่ค้ำฟ้าหรืออย่างไรกันน้อ)
ตอนเราตาย เขาไม่ได้เอาระดับฐานะเรามาจัดอันดับนะครับว่า
เออ...เอ็งรวยไปอยู่ชั้น ดาวดึงค์ เอ็งมันจนจัดเลยไปลงนรกไป...
หรือ เออ...เอ็งมันโคตรเก่งเขียนโปรแกรมเลย ได้แชมป์ เขียนโปรแกรมระดับโลก เอ็งไปนิพพานเลย
หรือ เอ็งมันโคตรไม่เอาใหนเลยมาทำงานก็สายตลอด ทำงานอะไรก็ไม่ถูกใจ หัวหน้าเอาซะเลย สมควรไปนรกขุมสุดท้าย
ลองตรึกดูนะ ไม่ใช่ข้าเก่งบริหารงานมาก เป็นระดับผู้บริหาร เงินเดือนสูง รายได้มากมาย เรียนจบสูงจนมองหัวคนอื่นไม่เห็น ถ้ายัง หลง จน งมงาย ก็ขอให้สนุกกับการเกิดไปเรื่อยๆนะครับ แต่ฝากไว้นิดนะครับ เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่า จะเกิดเป็นคนอีก หรือ ไม่
ผมเคยมอง หมาตัวหนึ่ง และ เคยคิดลึกๆว่า ชาติก่อนๆของมัน เป็นอะไรมานะ มันอาจจะเคยเป็น นักการเมืองระดับประเทศมาก่อนก็ได้ หรือ ผู้บริหารที่เก่งๆก็เป็นไปได้ หรือจะเป็น ญาติของผมเองก็เป็นไปได้
ขอทิ้งท้ายไว้นะครับว่า หมั่นเข้าหา กุศล และ ละ อกุศล
ผมว่าในปัจจุบันนี้ ความมีน้ำใจ ความเมตตา ความรัก จิตอาสาในสังคมเรามันเหือดแห้งเหลือน้อยลงไปมากๆจริงๆ
เริ่มสำรวจตัวเราเองก่อนนะครับ รักตัวเองก่อน (รักตัวเอง กับ เห็นแก่ตัวนี่ไม่เหมือนกันนะครับ)
รัก เมตตา คนไกล้ชิด พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย พี่ น้อง และขยายออกไปเรื่อยๆ สังคมก็จะน่าอยู่มากขึ้น
Create Date : 23 เมษายน 2554 |
|
6 comments |
Last Update : 23 เมษายน 2554 0:04:37 น. |
Counter : 805 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: เกลือหนึ่งกำน้อย IP: 85.166.69.34 23 เมษายน 2554 3:39:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: konseo 23 เมษายน 2554 12:07:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: หยุดนิ่ง 27 เมษายน 2554 21:14:50 น. |
|
|
|
|
|
|
|
พอดีกะว่าจะแว๊บเข้าแป๊บเดียวค่ะ
(แต่พอรู้ว่าคุณผัสสะอัพบล็อก
ก็เลยรีบพรวดพราดเข้ามาเลย)
ที่ว่าจะแว๊บแค่แป๊บเดียวก็เพราะต่อเลโก้ค้างอยู่ค่ะ
(ต่อสถานีดับเพลิง) นี่ก็ต่อรอบที่ 3 แล้ว
เพราะลูกชายบังเกิดเกล้ากระทำชำรุดค่ะ
(ทุกรอบที่แม่ต่อเสร็จ ฮึ่ม)
แต่ก็พอดีเข้าทางแม่ ซึ่งชอบต่อเลโก้พอดี้พอดี อิๆๆ
แบบว่าชดเชยส่วนที่ขาดหายไปในวัยเด็กน่ะค่ะ
ไม่เคยมีของเล่นอะไรแบบนี้กับใครเขาเลยค่ะ
พูดถึงเรื่องอัตตาของมนุษย์เรา
เป็นเรื่องที่เข้าในไม่ยากนะคะ
แต่ทำได้ยากเพราะคนเรามีทิฐิมาก
กิเลสหนา ตัณหาเยอะ ยึดมั่นถือมั่นเกินตัว
ไม่ปล่อยวาง ไม่เจริญรอยตามแนวทาง
ที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ท่านตรัสสอนไว้
คนเราถ้าตัดให้ลง ปลงให้ได้
พอใจในสิ่งที่ตนมี ยินดีในสิ่งที่ตนได้
สังคมคงไม่วุ่นวายอย่างนี้นะคะ
เกลือหนึ่งกำน้อยคนนี้ก็เป็นคนหนึ่งนะคะ
ที่ค่อนข้างปลงกับชีวิต(คงเพราะแก่แล้ว ฮี่ๆ)
ไม่ยึดติดกับอะไรให้ชีวิตมันยุ่งยากมากมาย
ไม่อยากได้ใคร่มีอะไรเกินตัวให้มันทุกข์ใจ
ไม่เก็บเรื่องของคนอื่นมาขบคิดให้ยุ่งสมอง
ใครจะคิดร้ายหรือพูดจาว่าเราลับหลังก็ไม่ใส่ใจ
ทำวันนี้ให้ดีที่สุดเท่านั้นพอค่ะ
บางครั้งหรือหลายครั้งเราทำสิ่งที่ถูกต้อง
แต่บางทีมันก็ไม่ถูกใจใครบางคน
ก็ต้องทำใจค่ะ เหนื่อยแต่ไม่ท้อที่จะทำดี(ของเรา)ต่อไป
ฝรั่งแถวเมืองที่อยู่นี้..แม้จะดูหยิ่งๆ โดดเดี่ยว ตัวใครตัวมัน
ไม่มีความกรุณาปราณีเผื่อแผ่หรือผูกพันซาบซึ้ง
เหมือนคนไทยเราก็จริงอยู่นะคะ
แต่เท่าที่เห็นเกือบ10ปี ส่วนมากเลยพวกเขาก็ไม่เห็นแก่ตัว
ไม่เห็นแก่ได้ ไม่จาบจ้วง หรือจ้องแต่จะตักตวงผลประโยชน์จากคนอื่น ในทำนองทำดีเอาหน้า
หรือหว่านพืชหวังผล อาจจะมีบ้างนะคะ แต่ยังไม่เคยเจอค่ะ