Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2549
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
9 กรกฏาคม 2549
 
All Blogs
 
กรณีเขาพระวิหาร

กรณีเขาพระวิหาร นับเป็นกรณีศึกษาที่มีความสำคัญต่อการทำความเข้าใจในปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเมืองระหว่างประเทศ ส่งผลให้ไทยต้องสูญเสียทั้งดินแดนและศักดิ์ศรีของประเทศนับเป็นความเพลี่ยงพล้ำของไทยในการดำเนินนโยบายต่างประเทศประการหนึ่ง ซึ่งนักรัฐศาสตร์ทั่วไปจะต้องศึกษาถึงมูลเหตุและผลลัพธ์ของกรณีดังกล่าว อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ในการพิจารณาดำเนินมาตรการใด ๆ ในอนาคต

ปราสาทเขาพระวิหารตั้งอยู่บนทิวเขาพมนดงรัก ทิวเขากั้นระหว่างประเทศกัมพูชากับภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ตัวปราสาทตั้งอยู่ในบริเวณเขตก้ำกึ่งระหว่างอำเภอจอมกระสาน จังหวัดพระวิหารของกัมพูชา และบ้านภูมิซรอล อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ของไทยปราสาทเขาพระวิหาร ในภาษาเขมรเรียกว่า "เปรี๊ยะ วิเฮียร์" (Phrea vihear) การก่อสร้างไม่เคยปรากฎหลักฐานบนศิลาจารึกที่แสดงถึงวันเดือนปีในการก่อสร้างเขาพระวิหารในช่วงระยะเวลากว่า ๓๐๐ ปี การก่อสร้างอาจจะเริ่มขึ้นในช่วงสมัยพระเจ้ายโศวรมันที่ ๑ (ค.ศ. ๘๘๙-๙๑๐) เเละสิ้นสุดในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ ๒ (ค.ศ.๑๑๑๓-๑๑๔๕)

องค์ปราสาทนั้นสร้างอุทิศให้กับพระศิวะซึ่งเรียกกันว่า ศิขเรศวร (เทพเจ้าสูงสุด) ซึ่งตามตำนานแล้วเชื่อว่าพระองค์ทรงประทับอยู่บนยอดเขาไกรลาส ยอดเขาที่สูงสุดของเขาพระสุเมร ศูนย์กลางของจักรวาล ดังนั้นการสร้างปราสาทเขาพระวิหารจึงต้องสร้างบนหน้าผาเป้ยตาดีของเทือกเขาพนมดงรักที่ความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางถึง ๖๕๗ เมตร ทำให้เมื่อมองจากแผ่นดินเขมรขึ้นมาจะเห็นตัวปราสาทเหมือนวิหารสวรรค์ ลอยอยู่บนฟากฟ้า (www.manager.go.th) และได้มีการประดิษฐานภัทเรศวรลึงค์ภายในองค์ปรางค์ประธานจากการศึกษาของนักโบราณคดีฝรั่งเศสคล็อต จาร์ค ได้กล่าวว่าโอรสของพระเจ้าชัยวรมันที่ ๒ (ค.ศ. ๘๐๒-๘๕๐) อาจเป็นผู้ที่เริ่มสร้างปราสาทนี้ เมื่อพระองค์ได้มีบัญชาให้ลำเลียงหินมาจากภูเขาลึงคปาวัตที่วัดภูกษัตริย์องค์อื่น ๆ ที่มีส่วนในการสร้างปราสาทเเห่งนี้ คือ พระเจ้าราเชนวรมันที่ ๒ (ค.ศ. ๙๔๔-๙๖๘) พระเจ้าชัยวรมันที่ ๕ (ค.ศ. ๙๖๘-๑๐๐๑) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ ๑ (ค.ศ. ๑๐๐๕-๑๐๕๐) ถัดมายังมีพระเจ้าอุทัยทิตบวรมันที่ ๒ และพระเจ้าหรรษาวรมันที่ ๒ (ค.ศ. ๑๐๘๐-๑๑๑๓) ซึ่งพระองค์ได้สั่งให้ทิวากรบัณฑิต ผู้เป็นทั้งครูและเสนาบดีที่มีชื่อเสียงให้เป็นผู้ที่ปรับปรุงบันไดทั้งหมด รวมทั้งดัดเเปลงสิ่งก่อสร้างที่อยู่รอบ ๆ โคปุระที่ ๔ (โคปุระ ๒) หลังจากสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ ๒ และพระเจ้าหรรษาวรมันที่ ๒ (www.everykid.com)

ตัวปราสาทเขาพระวิหารหันหน้าไปทางทิศเหนือ ด้านหน้าและทางขึ้นปราสาทจึงอยู่ในเขตประเทศไทย แต่ตัวปราสาทส่วนใหญ่อยู่ในประเทศกัมพูชา ประกอบด้วยทางเดินและอาคารเรียงกันเป็นระยะตามลานหินต่างระดับ รวมทั้งหมด ๔ ระดับ ปรางค์ประธานอยู่ที่ชั้นบนสุด บนลานต่างระดับแต่ละชั้นคืออาคารรูปกากบาท หรือโคปุระ ในปี พ.ศ.๒๔๔๒ (ร.ศ. ๑๑๘) พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในฐานภาพข้าหลวงต่างพระองค์ มณฑลอิสาน สมัยรัชกาลที่ ๕ เป็นผู้ค้นพบปราสาทแห่งนี้ แล้วทรงจารึก ร.ศ.ที่ค้นพบและพระนามของพระองค์ไว้ที่บริเวณชะง่อนผาเป้ยตาดีว่า “๑๑๘ สรรพสิทธิ” ก่อนที่กัมพูชาจะมาอ้างสิทธิการเป็นเจ้าของในอีกกว่า ๖๐ ปีต่อมา (//www.manager.co.th)

จากสนธิสัญญาที่ไทยได้ทำกับฝรั่งเศสเมื่อปี ๒๔๔๗ (ค.ศ.๑๙๐๔) ตรงกับสมัยรัชกาลที่ ๕ ฝรั่งเศสได้ทำแผนที่ประเทศกัมพูชาขึ้น และจากเส้นแบ่งพรมแดนนั้น ปราสาทเขาพระวิหารจะอยู่ในอาณาเขตของไทย แต่เมื่อมีการทำสนธิสัญญาเพิ่มเติมในปี ๒๔๕๐ ก็มีการกำหนดเขตแดนขึ้นใหม่อีก ในครั้งนี้ทำให้ปราสาทเขาพระวิหารต้องตกไปอยู่ในอาณาเขตของกัมพูชา แต่ไทยก็ไม่ได้ทักท้วงแต่ประการใด จึงเท่ากับเป็นการยอมรับไปโดยปริยาย ต่อมา เกิดสงครามเรียกร้องดินแดนระหว่างไทยกับฝรั่งเศสในปี ๒๔๘๔ สมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ทำให้ไทยได้ดินแดน ๔ จังหวัด คือ ไชยบุรี จำปาศักดิ์ เสียมราฐ และพระตะบอง มาจากกัมพูชาปราสาทเขาพระวิหารก็อยู่ในเขตดินแดนที่ไทยได้มาในยุคปลุกกระแสชาตินิยมครั้งนั้นด้วย

ต่อมาภายหลังเมื่อญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกครั้งที่ ๒ ไทยจำเป็นต้องปรับสภาพตัวเองไม่ให้เป็นผู้แพ้สงครามตามญี่ปุ่น จึงต้องยอมยกดินแดนที่ได้มาทั้ง ๔ จังหวัดนั้นให้กับฝรั่งเศสไป จนเมื่อฝรั่งเศสพ่ายแพ้ ณ สมรภูมิเดียนเบียนฟูในสงครามอินโดจีนเมื่อปี ๒๔๙๗ จึงต้องถอนทหารออกจากเวียดนามเหนือ ไทยจึงได้ส่งทหารเข้าไปครอบครองพื้นที่ปราสาทเขาพระวิหารอีกครั้งหนึ่ง แต่ไม่มีกฎหมายระหว่างประเทศรองรับกระทั่งถึงปี ๒๕๐๒ เจ้านโรดม สีหนุ ยื่นฟ้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๐๒ ว่าประเทศไทยรุกล้ำอธิปไตยกัมพูชา ขอให้ศาลสั่งดังนี้ “ขอประทานศาลได้โปรดพิพากษาและชี้ขาด ไม่ว่าราชอาณาจักรไทยจะมาปรากฏตัวต่อสู้คดีหรือไม่ก็ตาม ว่า

๑. ราชอาณาจักรไทย มีพันธะที่จะต้องถอนหน่วยทหารที่ได้ส่งไปตั้งประจำ ณ บริเวณสิ่งหักพังของปราสาทพระวิหาร ตั้งแต่ ค.ศ.๑๙๕๔
๒. อำนาจอธิปไตยแห่งดินแดนเหนือปราสาทพระวิหาร เป็นของราชอาณาจักรกัมพูชา”
ปัญหาเรื่องปราสาทเขาพระวิหารทำให้ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับกัมพูชาต้องสะดุดลง จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ดำเนินการต่อสู้เพื่อยืนยันสิทธิของไทยเหนือดินแดนปราสาทเขาพระวิหาร ทั้งยังขอรับบริจาคเงินจากคนไทยทั้งประเทศ คนละ ๑ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายให้คณะทนายความฝ่ายไทยไปต่อสู้ในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือที่รู้จักกันในนามศาลโลก จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนในทำนองว่าไทยแข็งแกร่งกว่ากัมพูชามากนัก แต่ก็จะระงับยับยั้งไม่ถือสากัมพูชา และถือคติตามนิทานที่ว่าหมูหาญท้าสู้สิงโต (www.manager.co.th) ทำให้เจ้านโรดม สีหนุ พระราชโอรสของเจ้านโรดมสุรามฤตจึงได้ประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทยในเดือนตุลาคม ๒๕๐๔

การไต่สวนพิจารณาคดีของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเป็นไปอย่างต่อเนื่องยาวนานถึง ๓ ปี มีการนัดพิจารณาสืบพยานทั้งหมด ๗๓ ครั้ง จนในที่สุด ศาลโลกก็ตัดสินให้กัมพูชาเป็นฝ่ายชนะคดีด้วยคะแนน ๙ ต่อ ๓ เสียง เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๐๕ ยังผลให้ประเทศไทยต้อง
ยินยอมทำตามข้อเรียกร้องทั้ง ๒ ข้อของกัมพูชา นับเป็นการเสียดินแดนครั้งสุดท้ายของประเทศไทยในยุครัตนโกสินทร์ พื้นที่ที่เสียไปทั้งหมดประมาณ ๑๕๐ ไร่หลังจากการพ่ายแพ้คดีแล้ว นับเป็นครั้งแรกที่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์สนับสนุนและยินยอมให้นักศึกษาเดินขบวนประท้วงคำตัดสินคดีของศาลโลก และปิดทางขึ้นปราสาทเขาพระวิหารที่อยู่ในเขตแดนไทย เพื่อเป็นการตอบโต้กัมพูชา ดังนั้นหากชาวกัมพูชาต้องการจะขึ้นไปสู่ปราสาทเขาพระวิหาร ก็ต้องอาศัยผ่านทางช่องเขาแคบ ๆ สูงชัน และอันตราย ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "ช่องบันไดหัก" แทน เพราะด้านหน้าและทาง ขึ้น-ลง ของปราสาทเขาพระวิหารนั้นอยู่ทางฝั่งประเทศไทย เมื่อปราสาทเขาพระวิหารอยู่ในการดูแลของกัมพูชาแล้ว กัมพูชาสั่งปิดและเปิดให้เข้าชมอยู่หลายครั้ง ตามแต่สถานการณ์ของประเทศ

คณะทนายความของฝ่ายไทย
๑. ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช หัวหน้าคณะ
๒. ม.จ.วงษ์มหิป ชยางกูร เอกอัครราชทูตประจำประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นผู้แทนประเทศ
๓. นายอังรี โรแลง ศาสตราจารย์กิติมศักดิ์ในมหาวิทยาลัยบรัสเซลส์ ทนายความ
๔. เซอร์แฟรงก์ ซอสคีส ทนายความ
๕. เจมส์ เนวินส์ ไฮด์ ทนายความ

คณะลูกขุน ประกอบด้วย
๑. โบดาน วินิธานสกี้ ประธานศาลโลก ชาวโปแลนด์
๒. ริคาโด เจ. อาลเฟโร รองประธานศาลโลก ชาวปานามา
๓. จูลส์ บาเดรัง ชาวฝรั่งเศส
๔. อับเดลฮามิด บาดารี ชาวอียิปต์
๕. เซอร์ เจรัล ฟีสต์มอรีส ชาวสหราชอาณาจักร
๖. วลาดิมีร์ เอ็ม คดเรดสกี้ ชาวรัสเซีย
๗. โคดาโร ทากานะ ชาวญี่ปุ่น
๘. โฮเซ่ ลูอิส บุสตามัน ริเบโร ชาวเปรู
๙. เกตาโน่ มอเรลลี่ ชาวอิตาลี

ผู้ตัดสินให้ไทยชนะ ได้แก่
๑. ลูซิโอ เอ็ม มอเรโน กินตานา ชาวอาร์เจนตินา
๒. เซอร์ เพอร์ซี่ สเปนเดอร์ ชาวออสเตรเลีย
๓. วี เค เวลลิงตัน คู ชาวจีน

ผู้ที่งดออกเสียง
๑. สปีโรปู ลอส ชาวกรีซ (ป่วย)
๒. โรแบโต คอโดวา ชาวเม็กซิโก (ป่วย)
๓. ฟิลิป ซี เจสซัป (ทนายฝ่ายไทย)

ในปัจจุบัน ปัญหาเรื่องเส้นเขตแดนในบริเวณเขาพระวิหารก็ยังมีอยู่ แม้ว่าไทยจะปฏิบัติตามคำตัดสินของศาลโลกโดยเคร่งครัดแล้วก็ตาม ประเทศคู่กรณีทั้งสองต่างพยายามเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลงอันจะก่อให้เกิดสันติภาพและความมั่นคงร่วมกันในภูมิภาค อย่างไรก็ตาม จากประวัติศาสตร์ที่มีความขัดแย้งต่อเนื่องกันมาเป็นระยะเวลายาวนาน การแทรกแซงจากประเทศจักรวรรดินิยมในอดีต และการเปลี่ยนแปลงของภูมิประเทศ จึงทำให้ยังไม่สามารถหาข้อยุติปัญหาพรมเเดนได้ในขณะนี้

บรรณานุกรม

//www.everykid.com

//www.manager.co.th

//203.144.136.10



Create Date : 09 กรกฎาคม 2549
Last Update : 9 กรกฎาคม 2549 23:27:11 น. 24 comments
Counter : 841 Pageviews.

 
อั่มม่ะ..................แมร่งน่าจาเปงของไทยเนอะไอเขมรมานบอกว่าเปนของมานเฉย..................*0*


โดย: t0 IP: 61.7.190.230 วันที่: 23 มิถุนายน 2551 เวลา:11:41:59 น.  

 
อย่างนี้ต้องมีสงครามโลกครั้งที่3แล้ว


โดย: อัศวิน IP: 61.7.190.230 วันที่: 23 มิถุนายน 2551 เวลา:12:07:05 น.  

 
เหอะๆ เกินไปแล้วพวก แล้วครั้งที่ 4 จะไม่มีได้ไง หล่ะ

มีสงคราม สู้ๆเว้ย


โดย: สังข์ทอง IP: 61.7.190.230 วันที่: 23 มิถุนายน 2551 เวลา:12:09:07 น.  

 
ไม่ค่อยรุ้เรื่องของข้อกฏหมายหรอกนะค่ะ แต่รู้แค่เพียงว่าเป็นคนไทยคนนึง ที่รักแผ่นดินและไม่อยากให้ถูกใครมาเอารัดเอาเปรียบ และในขณะเดียวกันก็ไม่อยากไปเอารัดเอาเปรียบใคร แต่เรื่องบริเวณ รอบปราสาทเขาพระวิหาร มันไม่ใช่อาณาบริเวณของไทยเหรอค่ะ ที่ท่านบางคนได้ออกหนังสือประกาศข้อตกลง ร่วมกัน (ที่ไม่รู้ท่านไปตกลงร่วมกันกะใครทำเหมือนว่าประเทศเป็นของท่านคนเดียว) โดยดูจากแค่แผนที่ที่ทางกัมพูชา ส่งมาโดยไม่ได้ไปดูว่าที่เค้าส่งมานั้นถูกต้องหรือไม่ และ ได้กินเขตแดนของไทยไปแค่ไหน

รู้ตัวว่าเป็นแค่หนึ่งเสียงเล็กๆๆที่อาจไม่มีค่าพอที่จะทำอะไรหรือต่อสู้แย่งชิงสิ่งที่ควรจะเป็นของคนไทย กลับคืนมาได้ แต่ก็ดีใจที่อย่างน้อยก็ได้ใช้สิทธิ์เรียกร้องหรือต่อสู้ เพื่อ แผ่นดินของเรา


โดย: หมูหวาน IP: 117.47.82.122 วันที่: 24 มิถุนายน 2551 เวลา:21:40:00 น.  

 
ในเมื่อตัวปราสาทเป็นของกัมพูชาดินแดนเป็นของเราก็ให้มันย้ายตัวปราสาทออกไปดิ้ อิอิ แผ่นดินเป็นของเรา เราก็มีสิทธิ์มิใช่เหรอคุณศาลโลก อิอิ (ถ้าเราจะกวนแบบนี้ได้ม้ะ)


โดย: ฉัตรชวาล แสงนิกร IP: 58.9.120.71 วันที่: 9 กรกฎาคม 2551 เวลา:2:00:22 น.  

 
ความจริงเขาพระวิหารต้องเป็นของประเทศไทยเท่านั้น เพราะอยู่ในพื้นที่ของไทยไม่ใช่เขมร


โดย: ประชากรโลก IP: 202.143.132.38 วันที่: 31 กรกฎาคม 2551 เวลา:14:11:51 น.  

 
ก็ให้ไปแต่ปราสาท กับไอ้พวกเขมรมันไปสิ พื้นที่ก้เป็นของเราเหมือนเดิมสิ ส่วนมันจะเอาไปยังไงก็ช่างหัวมัน มีปัญญาก็ให้พวกมันมาช่วยกันยกไปสิอิอิอิอิอิอิอิ


โดย: ประชากรโลก IP: 202.143.132.38 วันที่: 31 กรกฎาคม 2551 เวลา:14:18:07 น.  

 
ถ้าต้องการตัวปราสาทก็มาเอาไปดิไม่เห็นต้องวุ่นวายเลยแต่ดินแดนเป็นของไทยนะ


โดย: ยัยปลาทอง IP: 125.26.193.144 วันที่: 5 สิงหาคม 2551 เวลา:8:47:13 น.  

 
พูดตามความจริง วัฒนธรรมเป็นของกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นนครวัด หรือศิลปะต่างๆ รวมถึงปราสาทเขาพระวิหาร ก็วัฒนธรรมเดียวกัน แต่เรามีแค่พื้นที่ที่เป็นของเรา ............ลองคิดกลับกันแล้วกัน ถ้าวัฒนาธรรมของเราอยู่ในดินแดงของคนอื่น เราจะคิดว่าน่าจะเป็นของเราหรือไม่ นึกถึงปราสาทอยุธยา อยู่ในดินแดน กัมพูชาบ้าง เปิดใจกว้างๆดู คนไทยทุกคน


โดย: yosi IP: 10.11.22.21, 203.153.163.34 วันที่: 4 กรกฎาคม 2552 เวลา:13:23:14 น.  

 
จริงเห็นด้วยนะ ลองเอาใจเขามาใส่ใจเรา แต่เขมรก็ไม่มีสิทธิ์มาว่าคนไทยเสียๆหายๆ อ่ะถูกป่ะ เค้าชอบว่าเราอ่ะ ว่าไปอีกอย่างศาลโลกเค้าก้ทำไปตามหน้าที่ของเค้า แต่ควรจะมีความคิดบ้างจริงม๊ะ ที่ว่าไอ้แผ่นดินของเราอ่ะ มันก็เป็นของเราอยู่วันยันคำแหละทางขึ้นเขามันก็อยู่ฝั่งของเราเห็นๆหน่ะถูกป่ะพี่น้องทุกคน เค้าน่าจะเห็นใจเราบ้างเน๊อะ


โดย: ค่ะ IP: 110.49.121.201 วันที่: 2 สิงหาคม 2552 เวลา:20:06:59 น.  

 



โดย: เอกราช IP: 125.25.197.58 วันที่: 17 กันยายน 2552 เวลา:14:46:04 น.  

 



โดย: เอกราช IP: 125.25.197.58 วันที่: 17 กันยายน 2552 เวลา:14:46:05 น.  

 
ได้ความรู้มากค่ะ


โดย: หิงห้อย IP: 124.121.150.8 วันที่: 10 มกราคม 2553 เวลา:20:07:37 น.  

 
ตัวบุคคลทั้งสองประเทศคือ ไทยและกัมพูชาต่างก็พูดความจริงในเรื่องเขาพระวิหารเพียงแค่30% เท่านั้นมันก็เลยหาจุดจบไม่ได้ดั่งที่เป็นอยู่


โดย: รชต มีดา IP: 202.44.8.100 วันที่: 28 กรกฎาคม 2553 เวลา:9:18:26 น.  

 
คดีใดที่ตัดสินผิดพลาดไปเพราะกลฉ้อฉล สามารถรื้อคดีมาตัดสินใหม่ได้ไหมครับ อย่างเช่นกรณีนี้


โดย: แก้ไข IP: 61.19.97.194 วันที่: 28 กรกฎาคม 2553 เวลา:16:41:14 น.  

 
คำตัดสินของศาลโลกไม่จำเป็นต้องยอมรับ ไม่มีใครบังคับให้ประเทศใดทำตามคำตัดสินนั้นได้

การนำคดีเขาพระวิหารขึ้นสู่ศาลโลก เป็นความพร้อมใจของทั้งสองประเทศครับ ดังนั้น เมื่อมีการตัดสิน ประเทศคู่ความก็สามารถสงวนสิทธิโต้แย้งได้เสมอ


โดย: ดร.อนุชาติฯ (anuchartbunnag ) วันที่: 28 กรกฎาคม 2553 เวลา:20:14:17 น.  

 
ไทยเราอ่อนข้อให้เขมรมากเกินไป เกรงใจอะไรกันนักหนา เบื่อรัฐบาลเต็มทน ปล่อยให้เขมรแข็งข้อกับไทยอยู่ได้ น่าจะจัดการให้เด็ดขาดไปเลย เขมรจะได้หายกร่างกันเสียที


โดย: ครูชายแดน IP: 118.172.136.17 วันที่: 29 กรกฎาคม 2553 เวลา:10:59:46 น.  

 
ผมเป็นคนใน จังหวัดศรีสะเกษ อ.กันทรารมย์ และเคยได้ไปดูไปเห็นมาแล้วหลายครั้ง และผมก็คิดว่าถ้าใครได้ไปเห็นแบบผมก็คงจะคิดว่ามันเป็นของเราทั้งนั้น ผมยินดีเอาชีวิตแรกเพื่อเอาแผ่นดินของเรากลับคืนมา ดั่งคำปฏฺิญาณที่กระผมให้ไว้ต่อหน้า ธงชัยเฉลิมพล
และผมก็เชื่อว่าเหล่าทหารไทยทุกเหล่า ทุกนายพร้อม ที่จะทวงแผ่นดินของเราคืน


โดย: ทหารชั้นผู้น้อย IP: 125.27.121.36 วันที่: 29 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:07:17 น.  

 
ทำไมต้องเสียเปรียบเค้าอยู่เสมอ อย่าไปยอมครับพี่น้อง


โดย: Ferry IP: 10.45.106.237, 202.28.179.13 วันที่: 29 กรกฎาคม 2553 เวลา:23:09:55 น.  

 
ฟะรางเศลเลว


โดย: ริน IP: 61.7.188.86 วันที่: 4 สิงหาคม 2553 เวลา:23:00:48 น.  

 
ถ้าเขมรใช้สมองอันน้อยนิดของมัน..คิดสักหน่อย
ไม่เอาแต่ได้ฝ่ายเดียว.....เพราะที่ผ่านมา..เขมรละเมิดกฎและคำสั่งศาลโลกครบทุกข้อแล้ว แผนที่ปลอมของเขมรที่ใช้ในศาลโลกด้วย..คิดได้ยังไง.....
-ฝรั่งเศสตัว(ไม่)ดี..ให้ทหารไปขุดคลองน้ำ...แล้วเขียนแผนที่บอกว่าเป็นสันปันน้ำ
-ศาลโลกแม่ง..งี่เง่า....ด้วยข้อมูลแลหลักฐานในขณะนั้น มันไม่สามารถตัดสินได้..ก็ยังดันทุรังไปตัดสินอีก
-มรดกโลก....สิ่งที่ได้มาจากความบัดซบของเขมรและคนไทย(ขายแผ่นดิน)บางคน
............ผมจะเป็นคนหนึ่งที่จะคัดค้านเรื่องนี้..ผมจะไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์จารึกว่าไทยเสียดินแดนครั้งที่14ในช่วงเวลาของผม....เราจะบอกลูกหลานของเรายังไง..เพื่ออธิปไตยของชาติ....ความถูกต้อง..ความยุติธรรม..ของชาติไทย...คนไทยเท่านั้นคือผู้ที่จะทวงมันคืนมา........


โดย: บ้านผมอยู่ชายแดนไทยเขมร IP: 112.143.4.182 วันที่: 7 สิงหาคม 2553 เวลา:11:55:29 น.  

 
ใช่แล้วหละคับ
คนไทยต้องรักชาติและหวงแหนอธิปไตยของเรา
อย่าเชื่อจนกว่าจะไดมาเห็นด้วยตาของคุณเอง
ว่าที่นี่กำลังเกิดอะไร.....
จะไม่ยอมเสียแม้แต่ดินเม็ดเดียว........


ศีรษเกส.....รัชาติ


โดย: ทิวา IP: 112.143.4.182 วันที่: 7 สิงหาคม 2553 เวลา:12:02:53 น.  

 
ผมคิดว่า การตัดข้อพิพาทเกี่ยวกับโบราณเช่นนี้
การพิจารณาของศาลนั้น ควรมองให้ลึกกว่าตัวบทหรือข้อตกลงสนธิสัญญา เพราะเนื่องจากโบราณสถานนั้นจะต้องพิจารณาย้อนกลับไปในอดีตว่าเจตนารมณ์
ของการสร้าง



โดย: แสงจัน IP: 61.7.188.151 วันที่: 13 สิงหาคม 2553 เวลา:16:52:29 น.  

 
พูดแล้วมันเจ็บใจนะครับพี่น้อง...เราต้องช่วยกันพลักดันผู้มีอำนาจในบ้านเราอย่าหลอกลวงประชาชนอีกต่อไปนะครับ...ประชาชนอย่างเราๆ ไม่ใช่วัวควาย


โดย: คนรักชาติไทย IP: 202.14.117.243 วันที่: 7 มกราคม 2554 เวลา:9:41:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

anuchartbunnag
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add anuchartbunnag's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.