กุมภาพันธ์ 2551

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
 
 
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์


เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์ (The Ancient and Auspicious Order of the Nine Gems) มีอักษรย่อว่า น.ร. เป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่มีความเป็นมาสืบแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา ต่อมา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างดารานพรัตนขึ้นสำหรับใช้ประดับที่เสื้อ ซึ่งทรงเรียกว่า "เครื่องประดับสำหรับยศ" นอกจากนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สร้างแหวนนพรัตนสำหรับพระราชทานแก่พระราชวงศ์ฝ่ายหน้า และฝ่ายใน
ตลอดจนข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ซึ่งเป็นพุทธมามกะ ต่อมา ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สร้างดวงตรามหานพรัตน สำหรับห้อยสายสะพายขึ้นเป็นครั้งแรกของเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ตระกูลนี้ มีเฉพาะชั้นสายสะพายชั้นเดียว ทั้งนี้ ผู้รับพระราชทานต้องเป็นพุทธมามกะเท่านั้น และประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์นี้ในงานมงคล หรืองานที่มีหมายกำหนดการระบุไว้เท่านั้น

เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์ จัดเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่มีลำดับเกียรติเป็นลำดับที่ 3 รองจากเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นมงคลยิ่งราชมิตราภรณ์และเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ และเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุดที่สามัญชนจะได้รับพระราชทาน

ประวัติ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์นั้นมีความเป็นมาสืบเนื่องมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้สร้างและตั้งเครื่องราชอิสริยาภรณ์นี้ โดยมีลักษณะเป็นสายสร้อยพระสังวาลประดับเนาวรัตน์ ใช้เป็นเครื่องสำหรับพิชัยสงครามและสำหรับพระมหากษัตริย์ทรงเมื่อพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกได้ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ก็ทรงได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์นี้มา และทรงสร้าง พระสังวาลนพรัตน์ราชวราภรณ์ ขึ้นใหม่ เป็นสังวาลแฝดประดับเนาวรัตน์ ประกอบด้วย เพชร ทับทิม มรกต บุษราคัม โกเมน นิล มุกดา เพทาย ไพฑูรย์ มีลักษณะเป็นดอก ๆ วางสลับกันตลอดสาย

ต่อมา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระบรมราชกระแสว่า ตามธรรมเนียมเดิมของสยามนั้น จะมี แหวนนพเก้า สำหรับพระเจ้าแผ่นดินทรงและพระราชทานแก่เสนาบดี ซึ่งโดยปกติจะสอดไว้ในประคดที่คาดกับเอว และเมื่อมีงานพิธีที่เป็นมงคลก็จะนำมาสวมที่นิ้วชี้ทางขวาเพื่อประกอบกิจในงานมงคลนั้น ๆ เช่น เจิมให้แก่คู่บ่าวสาว วางศิลาฤกษ์ เป็นต้น และเมื่อพระองค์เสด็จขึ้นครองราชสมบัติก็ได้พระราชทานแหวนดังกล่าวแก่พระบรมวงศานุวงศ์และเสนาบดีผู้ใหญ่รวม 20 วง รวมทั้ง ทรงสร้างดวงตรานพรัตน์ดารา เป็นดอกประจำยามประดับพลอยทั้ง 9 อย่าง ประดับบริเวณหน้าเสื้อ เพื่อพระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์

ครั้นถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงพระราชดำริว่า พระบรมวงศานุวงศ์ได้รับดวงตรานพรัตนราชวราภรณ์นั้น ไม่มีสายสังวาล เนื่องจาก สายสังวาลนั้นสำหรับพระมหากษัตริย์ทรงเท่านั้น พระองค์จึงทรงสร้างดวงตรามหานพรัตน์ เป็นดวงตราขนาดเล็กลักษณะเช่นเดียวกับดอกประจำยามใช้สำหรับห้อยกับแพรแถบสีเหลืองขอบเขียวริ้วแดงริ้วน้ำเงิน สำหรับสะพายบ่าจากขวาลงมาซ้ายแทนสังวาล พร้อมทั้ง ตราพระราชบัญญัติเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์ขึ้น กำหนดให้มีเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตระกูลนี้ 20 สำรับ ตามจำนวนแหวนที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าทรงสร้างขึ้น แบ่งเป็น สำหรับพระมหากษัตริย์ 1 สำรับ และพระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์อีก 19 สำรับ โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประธานแห่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์นี้ และให้มีตำแหน่งมหาสวามิศราธิบดี ซึ่งพระองค์ทรงดำรงตำแหน่งนี้หรือทรงแต่งตั้งพระบรมวงศานุวงศ์ดำรงตำแหน่งนี้ได้ รวมทั้ง พระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายในที่มีพระเกียรติยศใหญ่ โดยไม่นับรวมใน 20 สำรับข้างต้น

เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2456 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาฯ ให้เพิ่มจำนวนเครื่องราชอิสริยาภรณ์นี้อีก 7 สำรับ รวมเป็น 27 สำรับ เนื่องจากพระองค์ทรงดำริว่า พระสังวาลนพรัตน์ราชวราภรณ์ที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงสร้างขึ้นนั้น มีจำนวนเนาวรัตน์ดอกพระสังวาลสลับกัน 27 ดอก จึงสมควรกำหนดจำนวนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้เท่ากับจำนวนดอกพระสังวาลนั้น ซึ่งนับเป็นจำนวนของเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์ที่สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

องค์ประกอบของ น.ร.
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์ มีชั้นเดียว แบ่งออกเป็นฝ่ายหน้า (บุรุษ) และฝ่ายใน (สตรี) แบ่งออกเป็น

สำหรับพระมหากษัตริย์

มีลักษณะเช่นเดียวกับสำหรับพระราชทานฝ่ายหน้า แต่มีพระสังวาลย์นพรัตนเป็นพระสังวาลย์แฝด มีดอกประจำยามประดับเพชร 1 ทับทิม 1 มรกต 1 บุษราคัม 1 โกเมน 1 นิล 1 มุกดา 1 เพทาย 1 ไพฑูรย์ 1 คั่นสลับกันไปอย่างละดอก ทรงเหนือพระอังษาขวา เฉียงลงทางซ้าย

สำหรับฝ่ายหน้า

1. มหานพรัตน ด้านหน้าเป็นดอกประจำยาม 8 ดอก ประดับ ทับทิม 1 มรกต 1 บุษราคัม 1 โกเมน 1 นิล 1 มุกดา 1 เพทาย 1 ไพฑูรย์ 1 ใจกลางเป็นเพชรรวมพลอย 9 อย่างด้านหลังลงยาสีแดง สีเขียว สีน้ำเงิน และ อุณาโลมอยู่กลาง มีจุลมงกุฏประดับเพชรอยู่เบื้องบน ใช้ห้อยกับแพรแถบกว้าง 10 เซนติเมตร สีเหลืองขอบเขียว มีริ้วแดงและน้ำเงินคั่นระหว่างสีเหลืองและขอบสีเขียวนั้น สะพายบ่าขวาเฉียงลงทางซ้าย
2. ดารานพรัตน เป็นรูปดารา 8 แฉก ทำด้วยเงินจำหลักเป็นเพชรสร่ง กลางเป็นดอกประจำยามฝังพลอย 8 อย่าง ใจกลางเป็นเพชรเหมือนมหานพรัตน ใช้ประดับที่อกเสื้อด้านซ้าย
3. แหวนนพรัตน ทำด้วยทองคำเนื้อสูง

สำหรับฝ่ายใน
1. มหานพรัตน มีลักษณะเช่นเดียวกับสำหรับพระราชทานฝ่ายหน้า ใช้ห้อยกับแพรแถบกว้าง 7.5 เซนติเมตร สะพายบ่าขวาเฉียงลงทางซ้าย หรือห้อยกับแพรแถบสีเดียวกัน กว้าง 3 เซนติเมตร ผูกเป็นรูปแมลงปอ ประดับเสื้อที่หน้าบ่าซ้าย
2. ดารานพรัตน มีลักษณะเช่นเดียวกับสำหรับพระราชทานฝ่ายหน้า ใช้ประดับที่อกเสื้อด้านซ้าย

นอกจากนี้ ยังมีเครื่องหมายสำหรับประดับแพรแถบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ โดยมีลักษณะเป็นรูปดอกประจำยามลงยาสีทับทิม 1 มรกต 1 บุษราคัม 1 โกเมน 1 นิล 1 มุกดา 1 เพทาย 1 ไพฑูรย์ 1 ใจกลางเป็นเพชรสร่งเงิน และเครื่องหมายที่ใช้เป็นดุมเสื้อเป็นรูปดอกไม้จีบด้วยแพรแถบของเครื่องราชอิสริยาภรณ์ มีสิทธิใช้ประดับเป็นดุมเสื้อเวลาแต่งเครื่องสากลโดยให้ประดับที่รังดุมคอพับของเสื้อชั้นนอกเบื้องซ้าย และสามารถใช้ประดับเมื่อสวมชุดไทย โดยบุรุษ มีสิทธิใช้ประดับเป็นดุมเสื้อเวลาแต่งเสื้อชุดไทยสีสุภาพ โดยประดับที่อกเสื้อเบื้องซ้าย บริเวณปากระเป๋าเสื้อ ส่วนสตรีนั้น มีสิทธิใช้ประดับเป็นดุมเสื้อเวลาแต่งเสื้อชุดไทยเรือนต้น ชุดไทยจิตรลดา ชุดไทยอมรินทร์ และชุดไทยบรมพิมาน โดยประดับที่อกเสื้อเบื้องซ้าย

ผู้ได้รับพระราชทาน น.ร.
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์ มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประธานเครื่องราชอิสริยาภรณ์และทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจที่จะทรงพระราชทานและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์นี้ได้ ปัจจุบัน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชุดนี้มีจำนวน 27 สำรับ สำหรับพระมหากษัตริย์ 1 สำรับ และอีก 26 สำรับ สำหรับพระราชทานพระบรมวงศ์ผู้ใหญ่และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ โดยผู้ที่จะได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยภรณ์นี้ต้องเป็นพุทธมามกะเท่านั้น

ผู้ได้รับพระราชทาน น.ร.จะได้รับใบประกาศนียบัตรทรงลงพระปรมาภิไธยและประทับพระราชลัญจกร อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้ได้รับ น.ร. วายชนม์ ผู้รับมรดกจะต้องส่งเครื่องราชอิรสริยาภรณ์คืนภายใน 30 วัน ถ้าส่งคืนไม่ได้กองมรดกจะต้องรับผิดชอบ หรือในกรณีที่ทรงเรียก น.ร. คืนจากผู้ได้รับพระราชทานนั้น ถ้าผู้รับพระราชทานไม่สามารถส่งคืนได้ ต้องใช้ราคาเครื่องราชอิสริยาภรณ์นั้น

นอกจากนี้ ยังมีการพระราชทานจัดเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาด้วย เช่น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน น.ร. แด่พระพุทธชินราช พระประธาน ณ พระอุโบสถ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน น.ร. แด่พระพุทธสิหิงค์ซึ่งเป็นพระประธาน ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีมหาธาตุวรวิหาร

ผู้ได้รับพระราชทาน น.ร. ในปัจจุบัน
1. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว องค์ประธานแห่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์
2. สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
3. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร
4. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
5. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี
6. พลเอกเปรม ติณสูลานนท์



Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2551 12:17:00 น.
Counter : 662 Pageviews.

1 comments
  
เข้ามาอ่านขอรับ
โดย: natthaset IP: 203.156.78.26 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:19:15:13 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อยากขอบใจสักครั้งหนึ่ง
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]