ชื่อร้าน : Dim Sum
รายการอาหาร : Dim Sum, Cantonese Cuisine
ที่ตั้งร้าน : 63 Sing Woo Rd., Happy Valley, Hongkong
พิกัด GPS : 22° 16' 4.26" N 114° 11' 10.58" E

สวัสดีค่ะ เพื่อนพ้องพี่น้องชาวบล็อกแก๊งทุกท่าน ป้าเดซี่ หายศีรษะไปสองสัปดาห์หลังอัพบล็อกวันฮัลโลวีนไปเมื่อต้นเดือน อีกเดือนกว่า ๆ ก็จะเปลี่ยนพ.ศ.ใหม่กันอีกแล้ว

บริษัทใหม่ที่อิชั้นไปนั่งทำงานสัปดาห์ละ 2 วันเค้าก็มีแผนจะเปิดตัวทำเว็บไซต์ของแต่ละประเทศใหม่หมดจดเพื่อต้อนรับศักราชใหม่ พวกเราชาวต่างชาติทั้งหลายก็โดนขอให้เข้าออฟฟิศเพิ่มอีกวันเป็นสัปดาห์ละ 3 วัน

วันไหนอิชั้นเข้าออฟฟิศ กลับมาก็ยังต้องมานั่งแปลงานให้ Booking.com ต่อ สิริรวมแล้วทำงานวันละ 16 ชั่วโมงเต็ม คนแก่อย่างอิชั้นเหนื่อยสายตัวแทบขาดสิ รู้สึกตัวว่าแก่จริง ๆ ก็ช่วงนี้แหละ เฮ้อ !!

อ่ะ .. ระบายความเหนื่อยกันไปแล้ว ก็เปลี่ยนมาคุยเรื่องกินกันบ้าง จากหัวบล็อกนะคะ ว่าร้านนี้เป็นร้านแนะนำของ Elle Thailand

ถ้าใครเป็นแฟนนิตยสาร Elle ประเทศไทย คงทราบว่าหน้าสุดท้ายของนิตยสารจะเป็นคอลัมน์เกี่ยวกับ Lifestyle ของบุคคลที่น่าสนใจหลายท่าน ว่าเธอและเขาชอบทำอะไร ชอบดนตรีแนวไหน ชอบภาพยนตร์เรื่องอะไร ชอบร้านอาหารร้านไหน ฯลฯ

แขกรับเชิญสาวสวยท่านหนึ่ง (อิชั้นจำไม่ได้ว่าเป็นใคร จะให้ไปนั่งรื้อค้นกองหนังสือหลายสิบเล่มในตู้ก็อ่ะนะ จะเสียเวลาทำมาหารับประทานไปหน่อย) เธอแนะนำร้านติ่มซำที่มีชื่อว่า Dim Sum ร้านนี้แหละค่ะ

อิชั้นแวะเวียนไปร้านนี้ถึงสองครั้ง ครั้งแรกนั่งแท็กซี่ดั้นด้นเดินทางจากกี๊นเหล่เต่สิ่งไป Happy Valley กันเลยทีเดียว ปรากฏว่าร้านปิด โอย .. เข็ดเลย ไม่ไปแล้ว ยังไงก็ไม่ไป





จนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ไปธุระแถว Wanchai เสร็จธุระแล้วหิว ก็นึกถึงร้านนี้ขึ้นมาเลยทีเดียว เพราะร้านอยู่ที่ Happy Valley ไม่ไกลจาก Wanchai ก็โดดขึ้นรถรางชมเมืองไปด้วยเลยค่ะ ไม่นานก็ถึง





ป้ายชื่อที่ติดไว้เหนือประตูร้านเป็นภาษาจีนสวยงาม






นอกจากนี้ยังมีป้ายภาษาอังกฤษ และสัญลักษณ์ Michelin ให้ทราบว่าเป็นร้านที่ได้รับการแนะนำจากมิชลิน (ไม่ได้รับดาวมิชลินแต่อย่างใดนะคะ)





ภายในร้านก็สวยงาม เป็นร้านติ่มซำที่น่ารักร้านนึงเท่าที่อิชั้นเคยไปมาเลยล่ะค่ะ






ตามผนังมีโปสเตอร์วินเทจใส่กรอบแขวนไว้เป็นหย่อม ๆ อิอิ อิชั้นคงต้องเริ่มสะสมภาพแบบนี้ไว้บ้าง เผื่อย้ายกลับไปเมืองไทยหรือประเทศอื่น อาจจะได้เอามาตกแต่งผนังกับเค้าบ้างเนอะ






ถ้วยชามรามไหเป็น China คุณภาพดี ตะเกียบทำจากไม้ไผ่ค่ะ สวยแปลก ที่ใส่เมนูและไม้จิ้มฟันก็เป็นไม้ไผ่เช่นเดียวกัน






ติ่มซำที่นี่ราคาค่อนข้างสูงกว่าร้านทั่วไปนะคะ ราคาพอ ๆ กับ Yung Kee เลยทีเดียว แถว Happy Valley ก็เป็นย่านที่พักอาศัยของผู้มีอันจะกินหรือพวก Expat ลูกค้าประจำก็คงเป็นกลุ่มดังกล่าว วันนี้อิชั้นไปช่วงบ่ายแก่ ๆ แล้ว ไม่ต้องรอโต๊ะ






นั่งดูเมนูอยู่ค่อนข้างนานเลยทีเดียว และโดยไม่ได้นัดหมาย อิชั้นกับหนุ่มที่บ้านสั่งแต่ของนึ่งกับของต้ม ไม่ได้สั่งของทอดเลยแม้แต่อย่างเดียว เข่งแรกเป็นดัมปลิงไส้กุ้งกับกุ้ยช่ายค่ะ






เข่งที่สองขนาดเล็กน่ารักมาก มีฮ้าเก๋ายักษ์ 2 ลูก






ตักมาให้ดูว่ามันยักษ์มาก ล้นช้อนน่ะค่ะ ข้างในก็เป็นกุ้งตัวใหญ่ ๆ สไตล์ฮ้าเก๋าทั่วไปในฮ่องกงที่จะใช้กุ้งเป็นตัว ๆ






จานต่อไปเป็นเกี๊ยวลวกราดซอส XO ของทางร้าน ซึ่งคนไทยอย่างอิชั้นบอกได้เลยว่าเค้าผสมซอสหวานแบบน้ำจิ้มไก่ลงไปด้วย รสชาติอร่อยถูกใจ หนุ่มที่บ้านก็ชอบเมนูนี้มากค่ะ






อีกเมนูนึงเป็น wonton soup เกี๊ยวหมูค่ะ มีกุ้ยช่ายขาวโรยหน้ามาด้วย






ชามนี้ค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียว ตักแบ่งกันได้คนละ 2-3 ถ้วย






เมนูสุดท้ายคือสิวหล่งป๊าว หรือที่บ้านเราเรียกเสี่ยวหลงเป่าค่ะ เค้าแต่งหน้าด้วยหูฉลาม ให้ดูเลอค่าขึ้น (ฮาเก๋าพิเศษของร้านนี้แต่งหน้าด้วยทองคำเปลวน่ะ)






ปิดท้ายบล็อกนี้กันด้วยเด็กน้อยชาวฮ่องกงหน้าตาน่ารักน่าชัง อิชั้นถ่ายใกล้เกินแถมโฟกัสไม่ทัน ภาพเบลอไปเยอะเลย เธอมาเล่นซ่อนแอบกับหนุ่มที่บ้าน แถมเม้าท์หนุ่มที่บ้านให้มามี๊เธอฟังว่า "Mamy, he is so funny!!" ทำเอา Funny guy ยิ้มแฉ่งเลยทีเดียว

ร้านนี้ก็เป็นร้านดังร้านหนึ่งในฮ่องกงนะคะ ได้ข่าวว่าเคยปิดกิจการไปครั้งนึงเนื่องจากเชฟคนเก่าแก่เกินทำอาหารไม่ไหว ตอนนี้ก็กลับมาเปิดบริการกันอีกครั้งพร้อมเชฟหนุ่มคนใหม่ และการตกแต่งร้านใหม่แบบร่วมสมัย

ราคาอาหารอาจจะแพงกว่าร้านติ่มซำทั่วไปในฮ่องกง (อย่างมื้อนี้หมดไปสี่ร้อยกว่าเหรียญค่ะ) ถ้าใครอยากรับประทานติ่มซำฮ่องกงแท้ ๆ ที่รสชาติไม่จัดจ้าน ให้ผู้รับประทานได้เข้าถึงรสชาติแท้ ๆ ของเครื่องปรุง มาร้านนี้ไม่ผิดหวังค่ะ

พบกันใหม่บล็อกหน้า สวัสดีค่ะ