มีนาคม 2555

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
22
23
24
25
26
27
29
31
 
All Blog
บ ท ส น ท น า ค รั้ ง สุ ด ท้ า ย ข อ ง นั ก โ ท ษ ป ร ะ ห า ร



ในมณฑลเหอหนาน* (Henan) ประเทศจีน (*หะแรกอิชั้นก็ว่ามันจะอ่านว่าอะไรนะ Hunan อ่านว่า หูหนาน แล้ว Henan ล่ะ กร๊ากกส์) มีรายการโทรทัศน์ที่ฮิตติดลมบนอยู่รายการหนึ่งซึ่งมีชื่อที่แปลจากภาษาจีนเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า “Interviews Before Execution”





ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ตค่ะ





ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นการพูดคุยกันก่อนที่จะมีการประหารชีวิต พิธีกรหญิงในรายการซึ่งมีชื่อว่า Ding Yu ได้รับอนุญาตจากทางการให้เข้าไปถ่ายทำรายการและพูดคุยกับนักโทษประหารในเรือนจำประจำมณฑลเหอหนาน เพื่อเอามาออกอากาศทางโทรทัศน์ในช่วงไพรม์ไทม์ทุกคืนวันเสาร์ เป็นเวลากว่า 5 ปี



บางครั้งเธออาจจะได้สัมภาษณ์นักโทษประหาร 1 สัปดาห์ก่อนหน้า และบางครั้งก็เป็นช่วงไม่กี่นาทีก่อนที่นักโทษจะเดินไปยังแดนประหารกันเลยทีเดียว



ในประเทศจีนเนี่ย อาชญากรรมที่ผู้กระทำผิดจะได้รับการลงโทษถึงขั้นประหารชีวิตนั้นมีอยู่ถึง 55 กระทง ตั้งแต่การลักขโมยไปจนถึงการก่อความไม่สงบในบ้านเมือง ทว่าทางรายการ Interviews Before Execution จะคัดเลือกเฉพาะคดีฆาตกรรมอุกฉกรรจ์ เพื่อนำมาออกอากาศสัปดาห์ละครั้ง ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2549 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน รายการนี้ออกอากาศติดต่อกันมากว่า 5 ปีแล้วค่ะ**



**ข่าวล่าสุดที่อิชั้นอ่านเจอทางอินเตอร์เน็ตคือ รายการนี้ถูกถอดออกจากผังไปเมื่ออาทิตย์ก่อน เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากสื่อต่างประเทศที่เผยแพร่เกี่ยวกับรายการนี้ว่า เป็นรายการที่ไร้มนุษยธรรม (พวกแกไปเกี่ยวอะไรกับเค้าด้วยวะ ??)

สำหรับอิชั้นเนี่ย อ่านมาจากหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษท้องถิ่นของฮ่องกงที่มีชื่อว่า South China Morning Post ค่ะ อ่านแล้วก็อิน ถึงกับมานั่งแปล เรียบเรียง แล้วก็นำมาเขียนเป็นบล็อกนี้นี่แหละ


คำสนทนาเด็ด ๆ ระหว่าง Ding Yu พิธีกรของรายการกับ Wu Yan Yan นักโทษประหารหญิงรายหนึ่งซึ่งฆ่าสามีของตัวเองก็คือ


Ding Yu: “ฉันยังไม่เห็นเหตุผลอันสมควรที่คุณต้องเผาสามีคุณให้ตายทั้งเป็นเลยนะ”

Wu Yan Yan: “มันทุบตีด่าทอฉัน ฉันโกรธ ฉันแค้น”



หรือในตอนที่สัมภาษณ์ Zhang Peng นักโทษชายที่ปล้นฆ่าอากงกับอาม่าของแฟนสาว

Ding Yu: “คุณฆ่าอากง-อาม่าของแฟนคุณเอง คุณอยากจะพูดอะไรกับเธอมั้ย?”

Zhang Peng: “เข้มแข็งเข้าไว้นะ และอย่าตกหลุมรักผู้ชายอย่างฉันอีกในอนาคต”



คดีที่ได้รับความสนใจจากประชาชนในเหอหนานอย่างแรง คือคดีของ Bao Rongting ผู้ต้องหาเกย์คนหนึ่ง ซึ่งฆ่าแม่ของตัวเอง แถมยังล่วงเกินศพด้วย

Ding Yu: “คุณฆ่าแม่ของตัวเองเพราะลุแก่โทสะ ใช่หรือไม่”

Bao Rongting: “มันเกี่ยวกับเรื่องเงิน และเรื่องเซ็กส์”



ทางรายการยังสัมภาษณ์ Bao อีกหลายเรื่องซึ่งสามารถนำมาออกอากาศต่อได้อีกถึง 3 ตอน เรียกคนดูได้อีกมหาศาล



รักร่วมเพศถือเป็นเรื่องต้องห้ามในสังคมจีนส่วนใหญ่ และเทรลเล่อร์ของรายการในตอนพิเศษของหนุ่มเกย์ Bao Rongting นี้ได้อรรถาธิบายไว้ว่า "การให้สัมภาษณ์ของ Bao ถือเป็นแสงสว่างนำทางให้แก่กลุ่มคนอันน่าพิศวงกลุ่มเล็ก ๆ ในประเทศจีนแห่งนี้" กันเลยทีเดียวเชียว



ในวันที่ Bao ถูกประหารชีวิต ไม่มีญาติพี่น้องเพื่อนพ้องคนใดมาดูการประหารทั้งสิ้น ฉากหนึ่งที่ทำให้ผู้ชมทางบ้านสะเทือนใจอย่างที่สุด ก็คือฉากสุดท้ายก่อนที่ Bao จะเดินไปสู่แดนประหาร Bao ได้ขอจับมือ (Shake Hand) กับ Ding Yu



Ding Yu ยอมรับในภายหลังว่า เธอกระอักกระอ่วนกับความเป็นเกย์ของ Bao อยู่แล้วอ่ะนะ เธอจึงเกิดอาการลังเลอยู่ครู่ใหญ่ทีเดียว และสุดท้ายเธอก็กลั้นใจแตะมือ Bao แล้วปล่อยในทันที

“หัวฉันเนี่ยเต็มไปด้วยความคิดต่าง ๆ นานา ฉันควรจะจับมือกับเขามั้ย ? ถ้าฉันยอม แล้วเขาจะได้อะไร? มันจะทำให้ทุกฝ่ายสบายใจขึ้นมั้ย? มันจะช่วยให้เขาไปสบายขึ้นมั้ย ? ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าฉันควรจะจับมือกับเขามั้ย”

“เล็บมือของเขาดำและสกปรกมาก ฉันยังรู้สึกแปลก ๆ เมื่อนึกถึงนิ้วมือของเขาทุกครั้ง”



Ding Yu สมรสแล้วและมีลูกชาย 1 คน เมื่อเธอออกไปปรากฏตัวในสถานที่ต่าง ๆ ก็จะมีประชาชนเข้ามาห้อมล้อมแสดงความนิยมชมชอบในตัวเธออยู่เสมอ

“เมื่อฉันนั่งอยู่ตรงหน้านักโทษประหาร ฉันก็รู้สึกเสียใจและเศร้าใจไปกับพวกเขาด้วย แต่ฉันไม่รู้สึกเห็นใจพวกเขานะ คนพวกนี้สมควรแล้วที่จะได้รับการลงโทษ”



Ding Yu เคยสัมภาษณ์นักโทษประหารซึ่งมีอายุเพียง 18 ปี ซึ่งเป็นเกณฑ์อายุต่ำสุดที่ผู้ต้องหาคดีอุกฉกรรจ์จะได้รับการลงโทษถึงขั้นประหารชีวิต (ถ้าอายุต่ำกว่า 18 คงต้องโทษสูงสุดแค่จำคุกตลอดชีวิตมั้งนะ - เดาเอา) 

“พวกเขาจากไปแล้ว ตลอดกาล พวกเขายังเด็กเหลือเกิน ยังไม่มีโอกาสได้เห็นโลกใบนี้เท่าไหร่เลย พวกเขาเลือกทางผิด และผลลัพธ์ของมันคือชีวิต”



Lu Peijin ซึ่งเป็นเจ้าของรายการ Interviews Before Execution เล่าให้ฟังว่า Ding Yu เข้ามาปรึกษาพูดคุย นำเสนอไอเดียการทำรายการนี้ และเขาก็ชอบใจในทันที แต่กว่าจะได้รับการอนุญาตจากทางการก็กินเวลานานมาก



ทางรายการได้ให้เหตุผลกับทางการไปว่า รายการนี้จะนำเสนอและให้ความรู้แก่ผู้ชมในการดำรงตนอยู่ในกฏหมายบ้านเมือง

“เราอยากเตือนผู้ชม เพราะถ้ามีการเตือนกันก่อน โศกนาฏกรรมเหล่านี้ก็คงไม่เกิดขึ้น สังคมก็จะผาสุก”

“ผู้ชมชื่นชอบ Ding Yu มาก ขณะเดียวกันก็เกลียดบรรดานักโทษประหารด้วย พวกเราเปรียบเทียบรายการนี้กันว่า “นางฟ้ากับซาตาน” Lu Peijin กล่าว



ขณะที่ Ding Yu ไม่เห็นด้วย

“ผู้ชมเปรียบเทียบรายการนี้ว่าเป็นบทสนทนาระหว่างนางฟ้ากับซาตาน แต่ฉันไม่เคยนึกว่าตัวเองเป็นนางฟ้า ฉันมองว่าตัวเองเป็นพยาน ฉันเข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงต้องมาอยู่ตรงนี้ ฉันเข้าใจความรู้สึกก่อนตายของพวกเขา และฉันเข้าใจขั้นตอนระหว่างการมีชีวิตไปสู่การตายอย่างถ่องแท้”

“ฉันรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ พบเจอผู้คนมากมาย ได้รับฟังเกี่ยวกับคดีนั้นคดีนี้ เรียนรู้ความจริงอันโหดร้าย ฉันจะเก็บความทรงจำเหล่านี้ไว้ที่ไหนล่ะ มันไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย มันเหมือนกับหัวใจฉันมีแต่ขยะเต็มไปหมด”

 

..................................................




คุยกันท้ายเรื่อง


ตอนที่อิชั้นอ่านบทความนี้ มันนึกถึงตัวเองขึ้นมาได้ยังไงก็ไม่ทราบค่ะ อิชั้นเคยทำงานถอดเทปการสอบสวนให้กับแผนกยาเสพติด ของกรมศุลกากรฮ่องกงเมื่อประมาณปีที่แล้ว ได้รับทราบเรื่องที่สาวไทยมาถูกจับที่สนามบินฮ่องกงในข้อหาพกยาไอซ์เข้าประเทศ



เรื่องราวของเธอมันมหัศจรรย์พันลึกสำหรับอิชั้นมาก แฟนหนุ่มชาวไนจีเรียของเธอซึ่งรู้จักกันมาเพียงแค่ 6 เดือน เจอหน้าเจอตัวเป็น ๆ กันแค่ 2 ครั้ง แอบเอายามาซุกไว้ในสัมภาระโดยที่เธอไม่รู้ตัว (ถ้าคำให้การของเธอเป็นความจริงอ่ะนะคะ)



ตอนนั้น สิ่งที่อิชั้นอยากทำมาก คือเขียนถึงเหตุการณ์ดังกล่าว อยากให้ใครก็ตามที่บังเอิญเข้ามาอ่าน ได้มีโอกาสเล่าต่อ ๆ กันไป เผื่อมันอาจจะไปเข้าหูหญิงสาวอีกหลายคนที่เผลอไปเชื่อใจใครง่าย ๆ อย่างผู้ต้องหารายนี้ จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของคนอื่น



แต่มีคนเข้ามาเตือนว่ามันผิดจรรยาบรรณ ตอนนั้นก็เสียความรู้สึก เสียเซลฟ์ไปพอสมควร สุดท้ายก็ไม่ได้เขียน



ยิ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ทางสถานฑูตไทยในมาเลเซียมาประชาสัมพันธ์ออกข่าวว่า มีนักโทษชาวไทยไปติดคุกที่ประเทศมาเลเซียเพื่อรอการประหารชีวิตถึง 7 ราย แถมที่ต้องโทษไม่หนักถึงขั้นประหารชีวิตก็มีอีกเป็นจำนวนมาก เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ โดนสามีหรือแฟนชาวต่างชาติ (โดยเฉพาะพวกไนจีเรีย) หลอกให้หิ้วยาเสพติดให้ บ้างก็ลักลอบเข้ามาทำงานในประเทศอย่างผิดกฏหมาย

เหตุการณ์ดังกล่าวเหมือนกับคดีที่อิชั้นเจอมาเปี๊ยบ อิชั้นมัวแต่ไปใส่ใจกับคำพูดของคนเพียงคนเดียว แล้วเสียอาการ พลาดโอกาสเขียนเล่าเรื่องนั้นไป ยิ่งเวลาผ่านไป ความทรงจำก็หดหาย ให้มาเขียนตอนนี้ก็คงเขียนได้ไม่ดีแล้ว

ส่วนตัวแล้ว มีคนอ่านหลายคนที่มาเจอบล็อกอิชั้นด้วยความบังเอิญ แล้วมาทิ้งข้อความไว้ในบล็อก (เมื่อก่อนตอนที่ยังเปิดให้คอมเมนต์น่ะนะ) บ้างก็หลังไมค์ บ้างก็อีเมล บ้างก็โพสท์ถามไว้ในเพจ Facebook นี่แหละ ขอคำปรึกษาเรื่องการมาทำงานในฮ่องกง 

แล้วอิชั้นก็จะเหมือนอาอึ้มใจร้าย ... ย้อนถามเขาเหล่านั้นไปว่า "คุณจะมาฮ่องกงด้วยวีซ่าอะไรเหรอคะ ถึงคิดจะมาทำงานไปด้วยน่ะ" (ใจร้ายเนอะ)

การมาทำงานต่างประเทศ มันไม่ใช่ว่า พอคุณได้ฟังมาจากเพื่อนของเพื่อนของเพื่อนว่า งานสบาย ได้เงินดีต่าง ๆ นานา แล้วคุณก็เอาวะ จะมาตายเอาดาบหน้า ประเทศต่าง ๆ เค้าก็มีกฏหมาย มีขื่อมีแปอ่ะนะคะ


อิชั้นว่า การบอกเล่าเรื่องราวการลงโทษผู้กระทำผิดแบบนี้ มันคือการให้วิทยาทานแก่ผู้ไม่รู้นะ


ถ้าพวกเราชาวไกลบ้านมัวแต่มานั่งเล่าถึงความสุข ความสะดวกสบาย ในการมาใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศของตนเองกัน คนอ่านจะได้อะไรกลับไปบ้างล่ะ ? นอกจากการอยากจะมาอยู่ มาทำงานในต่างประเทศบ้าง (อย่างผิดกฏหมาย) เฮ้อ ...


ขอจบกันสั้น ๆ ด้วน ๆ แบบนี้แล







Create Date : 28 มีนาคม 2555
Last Update : 28 มีนาคม 2555 14:19:55 น.
Counter : 1249 Pageviews.

0 comments

ป้าเดซี่
Location :
堅尼地城  Hong Kong SAR

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 77 คน [?]





เจ้าของบล็อกนี้มีชื่อไซเบอร์ว่า "ป้าเดซี่" ค่ะ ย้ายตามครอบครัวมาปักหลักและทำงานที่ฮ่องกงเป็นปีที่ 8

เป็นมนุษย์เงินเดือนไทยในต่างแดนมาก็หลายงาน ตั้งแต่เลขานุการผู้บริหาร พนักงานติดตามเร่งรัดหนี้สิน นักแปล ล่าม ฯลฯ

ปัจจุบันเป็นนักแปลอิสระสัญชาติไทยประจำบริษัทรับจองห้องพักออนไลน์สัญชาติดัตช์มากว่า 4 ปี เป็นผู้จัดการชุมชนออนไลน์สัญชาติไทยประจำบริษัทศึกษาวิจัยทางการตลาดสัญชาติฝรั่งเศสมากว่า 3 ปี และเป็นจิตอาสาทำงานแปลเอกสารให้กับมูลนิธิเด็กอ่อนในสลัมฯ ประเทศไทยมากว่า 4 ปีค่ะ

บล็อกนี้ก็เป็นบล็อกเกี่ยวกับการใช้ชีวิต และอาการวิปริตทางความคิดและจิตใจของผู้หญิงไทยสายสามัญคนหนึ่ง ซึ่งมาใช้ชีวิตแบบสุขบ้าง ทุกข์บ้างในฮ่องกง

หวังว่าทุกท่านที่พลัดหลงเข้ามาในบล็อกนี้คงได้รับความไร้สาระกลับออกไปบ้างตามยถากรรมนะคะ