Constantly talking isn't necessarily communicating.
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2549
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
18 สิงหาคม 2549
 
All Blogs
 
The Curious Incident of the Dog in the Night-Time + + + + + + + เมื่อหมาข้างบ้านถูกฆาตกรรม



ถ้าเราไปเจอหมาข้างบ้านถูกฆาตกรรม คุณจะอยากรู้มั้ยว่าใครเป็นคนฆ่า? คุณจะสืบหาตัวคนร้าย หรือจะปล่อยมันไป เพราะมันก็แค่หมาข้างบ้านตัวหนึ่ง

เป็นเรา เราคงไปทำบุญให้มันไปสู่ที่ชอบ ฐานที่เคยเห็นหน้าลูบหัวลูบหางกันบ้าง แต่ Christopher เด็กหนุ่มวัย 15 ปี ตัวเอกในเรื่องกลับต้องการที่จะสืบหาความจริง เพราะนอกจากเขาจะเป็นเด็กที่รักหมามากแล้ว เขายังอยากจะเขียนนิยายสืบสวนสอบสวนซึ่งเป็นนิยายแบบเดียวที่เขาชอบ และเขามีต้นแบบคือ Sherlock Holmes...

แต่การสืบหาตัวคนร้ายที่ฆาตกรรมหมาข้างบ้าน ทำให้เขาได้พบความจริงที่น่าตกใจและมีความหมายมากกว่ากับชีวิตเขา

หนังสือเล่มนี้น่าจะเป็นวรรณกรรรมเยาวชนทั่วไป ถ้าเรื่องราวมันมีแค่ประมาณนั้น แต่ที่ทำให้มันกระเถิบขึ้นมาเป็นนวนิยายสำหรับผู้ใหญ่ (ด้วย) เพราะ Christopher ไม่ใช่เด็กธรรมดา เขารู้จักชื่อประเทศและเมืองหลวงทุก ๆ แห่งบนโลกนี้ เขาสามารถนับ prime number หรือจำนวนเฉพาะได้ถึง 7,057 (เราว่าอี prime number นี่ต้องเป็นตัววัดความฉลาดแน่ ๆ เพราะเห็นในเรื่อง Da Vinci Code ก็มี ไปหาท่องบ้างดีกว่า จะได้ดูฉลาด )

เขาเข้ากับหมูหมากาไก่ได้ดี แต่กลับไม่เข้าใจอารมณ์และความคิดของคนปกติ เขาไม่ชอบให้ใครมาสัมผัสตัวเขา เขาเกลียดการโกหก และเกลียดสีเหลืองเอามาก ๆ

ใช่แล้ว เขาเป็นออทิสติก หรือเรียกเพราะ ๆ ว่า เด็กพิเศษ ลักษณะข้างต้นของ Christopher คงไม่ใช่อาการของเด็กที่เป็นโรคนี้ทั้งหมด แค่ส่วนนึงเท่านั้น เคยได้ยินมาว่า เด็กที่เป็นออทิสติกบางคนมีสติปัญญาหรือไอคิวในระดับไฮโซ ซึ่ง Christopher เองก็จัดอยู่ในประเภทนั้น เขาชอบและเชี่ยวชาญกับทุกอย่างที่เกี่ยวกับตัวเลข และ ทุกอย่างที่เป็น facts แต่เขารู้สึกเหนื่อย สับสน และเจ็บปวด เมื่อต้องเผชิญกับความซับซ้อนของจิตใจของคนเรา

คนเขียนคือ Mark Haddonให้ Christopher เป็นผู้เล่าเรื่องตามมุมมองและความคิดของเขา ทำให้คนอ่านอย่างเราได้ติดตามเรื่องราวในมุมมองที่แตกต่างและแปลกใหม่กว่าปกติ ซึ่งก็เป็นเพราะ Christopher มองทุกอย่างอย่างเป็นตรรกะ เป็นระบบ เป็นสูตรเลข เป็นแผนผัง เป็นแผนภูมิ ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นไปกับวิธีการคิดของเขา ในเรื่อง ๆ เดียวกันเช่นเรื่องจำนวนกบในสระน้ำที่ไม่เท่ากันในแต่ละปี ไม่น่าเชื่อว่ามันจะมีสูตรเลขคิดออกมาได้ (หรือว่าเราโง่เองฟะ )

เขามองเห็นในสิ่งที่คนปกติทั่วไปมองไม่เห็น ถ้านั่งรถไฟผ่านทุ่งหญ้าในเวลาเท่ากัน ถามว่าเราเห็นอะไรบ้าง เราคงมองเห็นทุ่งหญ้าสีเขียว ท้องฟ้าสดใส ภูเขาอยู่ไกล ๆ โน่น โอ ช่างเป็นทิวทัศน์ที่สวยงาม แต่ถ้าถามนังเด็ก Christopher นี่ สิ่งที่เขาเห็นคือ วัว 7 ตัว แต่ละตัวมีลายแตกต่างกัน มี 3 ตัวที่มีจุดดำมากกว่าพื้นขาว ส่วนที่เหลือมีพื้นขาวมากกว่าจุดดำ ทุ่งหญ้าด้านซ้ายมือเตียน ด้านขวาหญ้าขึ้นรก มีรั้วสีขาวกั้นอยู่ด้านขวาด้วย ภูเขาด้านหลังสูงประมาณ 700 – 800 เมตร ท้องฟ้าปลอดโปร่ง เห็นเมฆเป็นหย่อม ๆ โอ้...เด็กอะไรเนี่ย

จริง ๆ ก็ไม่เห็นเป็นไรนะ ที่เราจะมองอะไรแบบหยาบ ๆ แค่บางทีอาจจะทำให้เรามองข้ามอะไรบางอย่างไปเท่านั้นเอง

กลายเป็นว่าอ่าน ๆ ไปคนที่น่าสงสารคือตัวเราเอง ที่ยิ่งอ่านยิ่งสำเหนียกได้ถึงระดับไอคิวที่ดูด้อยกว่า Christopher หลายเท่าตัว แต่ช้าก่อน ไม่มีใคร perfect สิ่งที่น่าสงสารสำหรับ Christopher ก็คือเรื่องการเข้าถึงตัวและจิตใจของคนรอบข้าง

เปล่าเลย เขาไม่ได้อยากจะเข้าถึงใคร ที่ ๆ เขาอยากอยู่คือที่แคบ ๆ หรือที่ไกล ๆ ไม่มีมนุษย์ตนใดอยู่ใกล้ ๆ มีแต่สัตว์เลี้ยงตัวโปรดอย่างหนู Toby แต่ด้วยเหตุที่เขายังจำเป็นต้องอยู่ในโลกที่มีมนุษย์ร่วมอยู่ด้วยแบบนี้ เขาจึงมีปัญหาไม่น้อย

และคนที่มีปัญหาไม่น้อยไปกว่ากันคือคนในครอบครัว ซึ่งก็คือพ่อและแม่ของเขานั่นเอง หนังสือเล่มนี้ไม่ได้พยายามเค้นเอาความรักความผูกพันระหว่างพ่อแม่กับลูกที่เป็นออทิสติกออกมาอย่างในเรื่อง I Am Sam(กลับกัน อันโน้นพ่อเป็นออทิสติก เรื่องอื่น ๆ อย่าง Running Boy ยังไม่ได้ดูอะ) ไม่มีการ build เพราะคนเล่าเรื่องคือ Christopher ซึ่งเล่าไปตาม facts และวิธีคิดแบบ logic ของเขา แต่ความจริงต่างที่เขาได้เจอ เมื่อนำมาเรียงร้อยต่อกันทำให้เราสัมผัสได้ถึงความรักความอดทนของพ่อแม่ของ Christopher เพราะแม้แต่ตัว Christopher เองในเรื่องยังไม่เข้าใจในสิ่งเหล่านี้

อ่านแล้วเหมือนเครียด แต่จริง ๆ หนังสือเล่มนี้อ่านสนุกมาก แนว ๆ ม้าตีนปลาย แรก ๆ อาจดูอืด ๆ งง ๆ ว่าจะมาไม้ไหน แต่อ่านไปเรื่อย ๆ จะยิ่งสนุกและยิ่งชอบ เพราะความจริงที่ Christopher ได้ค้นพบนอกจากจะสร้างความตกใจให้กับตัวเขาเองแล้ว ยัง surprise เราไปด้วย

Mark Haddon คนเขียนเคยทำงานกับเด็กออทิสติกมาก่อนเมื่อสมัยหนุ่ม ๆ (เก๋กู๊ดมาก เพราะฉะนั้นมั่นใจได้ ว่าเขาน่าจะเข้าใจหัวอกเด็กออทิสติกเป็นอย่างดี) ตอนนี้เป็นลุงแล้ว หน้าตาแบบนี้



ประวัติคร่าว ๆ และรูปของลุงเอามาจาก wikipedia ใครอยากรู้จักมากกว่านี้ก็ไปศึกษาต่อเองได้ หนังสือเล่มนี้เป็นนิยายเล่มแรกของเขา แต่ขอโทษได้รางวงรางวัลกะเค้าด้วยน้า แต่เราว่าลองอ่านเองก่อนดีกว่าค่อยสนใจว่าเค้าได้รางวัลอะไร เพราะถึงหนังสือเล่มนี้จะไม่ได้รางวัลอะไรเลย เราก็ว่ามันเป็นเล่มที่น่าอ่าน และทำให้เรารู้สึกโชคดีที่ซื้อเล่มนี้มา (ตอนซื้อ เลือกแบบรีบ ๆ อะ )

เพราะอ่านแล้วทำให้เรามองโลกได้ละเอียดขึ้น อาจจะด้วยวิธีการมองโลกในแบบที่เราไม่เคยรู้ หรือไม่เคยสังเกตเห็นเหมือน quote ที่ Christopher ชอบหยิบมาพูดถึงจากหนังสือเรื่อง The Hound of the Baskervilles ซึ่งเป็นหนังสือเล่มโปรดมากของเขา quote นั้นบอกว่า "The world is full of obvious things which nobody by chance ever observes"

อ้อ...เราหลอกลวงประชาชนพ่อแม่พี่น้องเล็กน้อย เพราะหน้าปกที่เราซื้อ หน้าตาแบบนี้



มาพบเจอตอนหลังว่ามีหน้าตาแบบข้างบนด้วย ฮือๆๆๆ อยากได้หน้าปกแบบโน้นนน... เวลาซื้อก็เลือกกันดี ๆ ล่ะ แต่จริง ๆ ก็ไม่ควรจะให้ความสำคัญมากนักหรอก เพราะความเจ๋งจริง ๆ มันอยู่ข้างใน ไม่ใช่ที่หน้าปก...หึ


Create Date : 18 สิงหาคม 2549
Last Update : 18 สิงหาคม 2549 7:48:49 น. 19 comments
Counter : 4848 Pageviews.

 
อืมมม น่าสนใจมั่กๆ เลยอ่ะ
ไว้ต้องหามาอ่านมั่งดีกว่า

แต่ว่า ... รอภาษาไทยครับ
แบบว่าภาษาอังกฤษไม่แข็งแรงอ่ะนะ


โดย: สะเทื้อน วันที่: 18 สิงหาคม 2549 เวลา:9:14:29 น.  

 
อ่านข้าม ๆ ค่ะ เพราะเล่มนี้ซื้อตั้งแต่ออกปกแข็งช่วงแรก แล้วอ่านเนื้อเรื่องย่อมากจนหมดอารมณ์อ่านหนังสือไปเลย

เรากลับชอบปกล่างนะ ขนาดมีปกแข็งแล้วยังคว้าปกสีแดงมาอีกเล่มเลย (จริง ๆ อยากได้ปกล่างเป็นปกแข็งด้วย ที่มีเป็นสีน้ำตาลเหลือง)


โดย: ยาคูลท์ วันที่: 18 สิงหาคม 2549 เวลา:10:04:35 น.  

 
น่าสนใจด้วยคน

ว่าแต่มีแปลเป็นไทยด้วยมั้ย?



เรื่องโครงการนะ ตั้งกรุ๊ปบล็อก LIF ขึ้นมาค่ะ (อย่างที่บล็อกเรา) แล้วเอารายชื่อหนังสือมาลง ทำลิงค์เพื่อนๆ ฯลฯ (ไปอ่านรายละเอียดได้ที่บล็อกคุณยาคูลท์) - ดูตัวอย่างจากบล็อกเราก็ได้นะ

ส่วนเรื่องยืม สนใจเล่มไหนของใคร ก็ไปลงชื่อแจ้งที่บล็อกนั้นได้เลยจ้ะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 18 สิงหาคม 2549 เวลา:10:07:38 น.  

 
มีแปล เป็นภาษาไทยแล้วค่ะ ชื่อ
"คดีฆาตกรรมหมาในยามราตรี"



โดย: grappa วันที่: 18 สิงหาคม 2549 เวลา:10:32:21 น.  

 
ได้ค่ะ เดี๋ยวจะลงคิวไว้ให้นะคะ

ขอที่อยู่หลังไมคืด้วยเน้อ



อ้อ..ขอบคุณพี่กรัปป้าสำหรับข้อมูลค่ะ

มิน่า..ว่าเหมือนๆ เคยอ่านบล็อกใครที่พูดถึงหนังสือเล่มนี้มารอบหนึ่งแล้วนะคะนี่


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 18 สิงหาคม 2549 เวลา:11:02:47 น.  

 
โอ้ ขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนค่ะ ทั้งคุณพี่ยาคูลท์ พี่สาวไกด์ และพี่ grappa

คุณสะเทื้อนคะ ตกลงมันมีเล่มภาษาไทยเหมือนที่คุณพี่ grappa บอกนะคะ เราเองก็เพิ่งรู้เหมือนกัน

คุณพี่สาวไกด์จ๊ะ เราส่งที่อยู่ให้หลังไมค์แล้วจ้ะ ขอบคุณนะคะ


โดย: unwell วันที่: 18 สิงหาคม 2549 เวลา:11:34:32 น.  

 


วัดป่าภูริทัตฯ อยู่ อ.สามโคก ประมาณถนนวงแหวนตัดกับถนนที่จะไป อ.เสนาครับ

ดูแผนที่ที่ลิงก์ข้างล่างนี้ก็ได้ สัปดาห์หน้ามีงานที่วัดพอดีครับ

//www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=1187>


โดย: สะเทื้อน วันที่: 18 สิงหาคม 2549 เวลา:12:36:55 น.  

 
มีภาษาไทยแล้ว
สงสัยจะอ่านฉบับไทยล่ะกัน


โดย: keyzer วันที่: 18 สิงหาคม 2549 เวลา:13:04:45 น.  

 
ยังไง unwell ลองไปดูที่บล็อกอื่นๆ ที่ร่วมในโครงการก็ได้นะ

เพราะหนังสือน่ายืมๆ ก็เยอะเหมือนกัน

อยากยืมเรื่องไหนก็แจ้งเจ้าของบล็อกเค้าไปแล้วกันเน้อ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 18 สิงหาคม 2549 เวลา:14:07:33 น.  

 
สนุกมากเลยอ่ะครับเรื่องนี้ Christopher เก่งมั่กมาก


โดย: เจ้าชายไร้เงา วันที่: 18 สิงหาคม 2549 เวลา:14:22:05 น.  

 
ถ้าไปงานที่วัดในสัปดาห์หน้า ก็คงได้เจอกันนะครับ ...


โดย: สะเทื้อน วันที่: 18 สิงหาคม 2549 เวลา:19:14:56 น.  

 
เราว่า..เราเคยเห็นนะเล่มไทย
แต่ยังไม่ได้อ่านอ่ะค่ะ


โดย: renton_renton วันที่: 18 สิงหาคม 2549 เวลา:20:39:17 น.  

 
I've read it. I really like this book until the end of its which, for me, kind of "disappointing".

Hey! Unwell, I really recommend the book called "Flicker". I've read it for like 50 pages and i'm hooked. It's about fictional B-movie director who made movies and somehow it connected to the universe or something (hey, I've just read about 1/10 of this very thick book).

So if you're really into movie&book, I highly recommend it na. And when I finnish it, I will talk about it in my blog haha+.


โดย: BloodyMonday วันที่: 18 สิงหาคม 2549 เวลา:20:39:39 น.  

 
เรื่องน่าอ่านมากๆ แต่ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง


โดย: สายลมอิสระ วันที่: 18 สิงหาคม 2549 เวลา:21:49:36 น.  

 
ตอนแรกที่หยิบๆเล่มนี้มาพลิกดุเพราะชอบอ่านเรื่องสืบสวนค่ะ แต่ไปๆมาๆก็ไม่ได้ซื้อ พอมาตอนนี้เริ่มสนใจในอีกแง่มุมหนึ่งแทนคือเรื่องของเด็กออทิสติก ยิ่งมีหลายคนช่วยกัน confirm แบบนี้ จดเข้าลิสต์ไว้ซื้อที่งานหนังสือฯครั้งหน้าแน่นอนค่ะ


โดย: azzurrini วันที่: 18 สิงหาคม 2549 เวลา:22:17:57 น.  

 
อนุโมทนาบุญนะครับ

ไปเถอะ ดีแล้วล่ะครับ วัดไหนก็ได้
วัดสังฆทานนี่ก็เป็นวัดที่ดีมากๆ เลยนะ

ถ้าชอบไปวัดที่เน้นออกไปทางปฏิบัติ
ในละแวกใกล้ๆ กทม. เช่น นนทบุรี ปทุมธานี
ผมรู้จักหลายวัดครับ ....



โดย: สะเทื้อน วันที่: 19 สิงหาคม 2549 เวลา:13:31:54 น.  

 
(วันนี้ไปดูเรื่องไรมาอ่ะคะ วันนี้ไปดู Brickมา โอ..รักมากมาย กะ เครื่องบินมีงู...)



โดย: renton_renton วันที่: 19 สิงหาคม 2549 เวลา:19:39:44 น.  

 
สวัสดีครับคุณ unwell

เพลงที่พูดถึงผมรู้จักดีครับ
เเต่เผอิญไฟล์ Mp 3 ที่มีอยู่
ไม่มีเพลงนี้อยู่ด้วย

มีเเต่เทป ไม่รู้จะช่วยยังไงจริงๆ
เอาเป็นว่ายังไง ลองหาดูนะครับ

เพลง September Blue ของ Chris Rea
อยู่ในอัลบั้มชุด Dancing With Strangers [1987]



ซีดีน่าจะพอมีขาย ต้องเฟ้นหากันซักหน่อย

เเต่ถ้าหากคุณ unwell สนใจเพลงอื่นๆ ของ
Chris Rea บอกผมได้ครับ ถ้ามีจะส่งให้ทันทีครับ


โดย: Dark Secret วันที่: 19 สิงหาคม 2549 เวลา:20:21:49 น.  

 
มาสนับสนุน Flicker ที่คนข้างบนแนะนำด้วยคน มันมากๆ ค่ะ วางไม่ลงเลย อ่านข้ามคืนจนสิบเอ็ดโมงเช้าถึงได้นอน


โดย: ลูกสาวโมโจโจโจ้ (the grinning cheshire cat ) วันที่: 22 สิงหาคม 2549 เวลา:15:56:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

unwell
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Friends' blogs
[Add unwell's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.