รีวิวร้านหนังสือในความทรงจำ

วันนี้ ระหว่างนั่งรถเมล์ พอดีผ่านสถานที่หลายแห่ง ไล่ตั้งแต่เอกมัย - การเคหะธนบุรี ท่ามกลางแสงสีของกรุงเทพยามค่ำคืน บริการหลายอย่างเปิดกันแพร่หลาย แต่หนึ่งในนั้น ร้านหนังสือกลับซุกตัวอยู่แค่หลืบ หรือแค่แผงเล็กๆ บนรถไฟฟ้าเท่านั้น ผิดกับพวกฟิตเนส ที่เปิดกันอย่างอลังการงานสร้าง


เลยทำให้เกิดข้อสงสัยเงียบๆ ในใจ เอ...ท่ามกลางโลกที่หมุนเวียนเปลี่ยนไป คนเราเริ่มหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น แต่กับอาหารสมองล่ะ ทำไมเราถึงได้ให้เนื้อที่กับมันน้อยจัง หรือว่านี่คือปัจจัยฟุ่มเฟือย เป็นธุรกิจที่ทำแล้วไม่ได้ผลงอกเงยหรือ จึงได้เปิดกันแบบกระเหม็ดกระแหม่เนื้อที่เหลือเกิน


ก็ไม่ได้อคติกับฟิตเนสนะคะ ส่วนตัวก็กำลังออกกำลังกายอยู่ เพียงแต่ภาพที่เห็น มันเกิดข้อเปรียบเทียบในใจขึ้นมา และจากจุดเริ่มต้นนั้นเอง ทำให้ไกลนั้นเริ่มหวนคิดว่า ตัวเราล่ะ ผ่านร้านหนังสือมากแค่ไหน


นั่นเลยกลายเป็นที่มาของรีวิวนี้ค่ะ ในชีวิต คุณเคยเข้าร้านหนังสือกี่ร้าน และที่ร้านไหน ทำให้คุณเก็บภาพความทรงจำไว้ได้นานๆ บ้างไหมคะ


ในฐานะหนอนหนังสือ ไกลนั้นขอเริ่มไล่เรียงคนแรก ก็เริ่มจากร้านนี้เลยค่ะ

1. ร้านหนังสือดอกหญ้า สาขาโรบินสัน บางรัก
หากย้อนหลังไปปีกว่าปีก่อน เชื่อแน่ว่า เด็กที่เรียนเส้นบางรักทุกคน ไม่ว่าจะเป็นอสัมชัญ หรือ สตรีมหาพฤฒาราม สายน้ำผึ้ง วัดสุทธิวราราม สตรีศรีสุริโยทัย ทุกคนน่าจะเคยแวะเวียนไปที่ร้านหนังสือแห่งนี้ค่ะ เนื่องจากสมัยนั้น ห้างโรบินสันบางรัก เป็นห้างเดียวที่อยู่บนถนนบางรัก และเป็นห้างที่ดูจะมีทุกอย่างให้เด็กมัธยมอย่างเราๆ ได้เข้าไปเดิน เชื่อไหมว่า อาทิตย์นึง ไกลนั้นต้องลงไปเดินเล่นในห้างนี้ อย่างน้อยก็สองสามครั้งหลังเลิกเรียน


สิ่งที่ไกลนั้นชอบไปเดินมากสุด คือร้านหนังสือดอกหญ้า กับร้านขนมปังค่ะ ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะเป็นยามาซากิ


ช่วงนั้น ร้านดอกหญ้าเป็นร้านหนังสือที่ผูกขาดตลาดหนังสือเกือบทั้งหมด ร้านนายอินทร์นี่ยังไม่เคยเห็น เวลาพูดว่าจะไปซื้อหนังสือ ส่วนมากก็จะนึกถึงดอกหญ้าเป็นแห่งแรก สมัยนั้น หนังสือน่าอ่านเพียบ ช่วงเวลาดังกล่าว เป็นช่วงเวลาของบทความประเภทหวั่นไหวจิตใจค่ะ มีตั้งแต่กลอนแห่งความรัก ยันไปถึงบทความเพื่อค้นหาตัวเอง


สำหรับร้านหนังสือแห่งนี้ ไกลนั้นสมัครเป็นสมาชิกตั้งแต่เรียนชั้นมัธยมปีที่สอง สมัยนั้นเก็บเงินซื้อหนังสือเอง ความที่ชอบอ่านนิยาย เลยซื้อไล่ดะไปเรื่อย ตั้งแต่ของแก้วเก้า ,โสภาค สุวรรณ, ทมยันตี , นันทนา วีระชน, นิดา , จันทรำไพ , วีระวัฒน์ กนกนุเคราะห์ , เฉกชนม์ , ชัยคุปต์ , วาวแพร , พนม นันทพฤกษ์, ประภัสสร เสวิกุล(คนนี้ดังมากเลยในช่วงนั้น เราชอบเรื่องเวลาในขวดแก้วค่ะ ที่บ้านมีหนังสือของเขาหลายเล่มเหมือนกัน) , กฤษณา อโศกสิน , โบตั๋น , ชมัยพร ฯลฯ


ด้านวรรณกรรมเยาวชนก็เป็นอีกอย่างที่ชอบอ่านมากมาย บางเล่มมีเป็นซีรี่ย์ เช่น ราโมนา พ่อมดแห่งออซ ประกาศขายอาณาจักรแห่งเวทมนตร์ (เล่มนี้เหมือนนิยาย แต่สนุกดีค่ะ) ยิ่งพวกเทพนิยายของประเทศต่างๆ แทบจะมีทุกมุมโลก ความที่ชอบอ่านนิทาน เลยทำให้ชอบเรื่องสั้นๆ พวกนี้ ชอบถึงขนาดจำชื่อคนแปลได้ ไม่ใช่แค่จำชื่อคนเขียนนะ


คิดดูแล้ว เราเป็นเด็กที่แปลกมาก ไม่ชอบอ่านการ์ตูนค่ะ ทั้งๆ ที่เพื่อนในกลุ่มนี่แทบจะเรียกว่าเป็นเซียนการ์ตูนตัวฉกาจ ไกลนั้นอ่านการ์ตูนนับเรื่องได้ ที่ชอบๆ คือโดราเอมอนเท่านั้น อย่างอื่นก็ซื้อบ้าง แต่ไม่เยอะ


ร้านดอกหญ้าร้านนี้เป็นร้านที่ไกลนั้นซื้อหนังสือเยอะมากค่ะ ถึงสมัยก่อนจะไม่มีที่นั่ง แต่เราชอบบรรยากาศของร้าน เขาให้ยืนอ่านได้นะ ถ้าทนยืนไหว ซึ่งบางเล่ม ไกลนั้นก็อ่านเอาจนจบในร้านก็มี (เช่นของกุดจี่ หรือ อรุณวดี อรุณมาศ ไม่แน่ใจว่าเขียนแบบนี้รึเปล่า เรื่องความล่มสลายของครอบครัวที่ความรักไม่อาจเยียวยา) เจียดเวลาไปยืนอ่านวันละครึ่งชม. ถือว่าบริหารกล้ามเนื้อขา อิอิ


แต่พอหลังจากจบที่สตรีมหาพฤฒาราม ไกลนั้นก็ไม่เคยไปที่ร้านนี้อีก ไม่รู้ป่านนี้ปิดไปรึยังนะคะ เพราะวันนี้นั่งค้น google ไม่มีแผนที่ร้านนี้เลยค่ะ


2. ร้านดอกหญ้า สาขาคลอนสาน
ร้านนี้เวลากลับบ้านทางเรือข้ามฟาก จะต้องเดินผ่านค่ะ ตัวร้านแทบไม่น่าจะเปิดเป็นร้านหนังสือ เนื่องจากภายในเป็นล็อกเดียวยาวๆ เดินเข้าไปก็แทบจะเดินสวนกันลำบากแล้ว แต่เราก็ยังอุตส่าห์ไปยืนอ่านหนังสือในนั้นจนได้ ฮา ความพยายามสุดยอดจริงๆ

ร้านนี้ประทับใจอย่างนึงค่ะ เขาเอาใจใส่ลูกค้าดีมาก จำได้ว่าสมัยก่อน เราอยากได้หนังสือเรื่องเลือดขัตติยา ของทมยันตี แบบว่าพอรู้ว่าพระเอกชื่ออโณทัย เราก็แทบจะเทใจให้พระเอกไปแล้ว ครั้นพอได้อ่านเรื่องนี้จริงจังในห้องสมุด ยิ่งชอบเข้าไปใหญ่ เสาะหามาหลายร้าน ก็ไม่มีร้านไหนมี จนกระทั่งร้านนี้แหละที่เขาบอกว่า เดี๋ยวพี่จะโทรสั่งให้ ไอ้เราก็ใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ กลัวว่าเขาจะคิดเงินเลย เพราะตามปกติ การสั่งหนังสือมาที่ร้าน จะต้องเสียตังค์ค่ะ (ในปัจจุบัน ทุกที่เป็นกฏนี้นะคะ)

ตอนนั้นเรายังเป็นนักเรียน หนังสือของ ณ บ้านวรรณกรรมแพงแค่ไหน ขนาดตอนนี้เราก็เชื่อว่า คนที่ทำงานแล้ว ก็ยังคิดว่าการซื้อหนังสือแต่ละเรื่องของที่นี่ มันแพงอ่ะ ชุดนึงสี่ร้อยกว่าบาท เราไม่มีตังค์หรอก

แต่ที่นี่ผิดไปเลยค่ะ พี่เขาบอกว่า ไม่ต้องเสีย เดี๋ยวไว้หนังสือมา ค่อยเก็บตังค์ก็ได้ (ใจชื้น เรามีเวลาเก็บตังค์แล้ว ^^")

จากนั้นผ่านไปสองเดือน จนไกลนั้นลืมไปแล้วนะคะ กระทั่งวันนึงก็เข้าร้านนี้ด้วยความชิน ชินที่จะต้องดูว่ามีหนังสืออะไรใหม่ๆ รึเปล่า (เผื่อยืนอ่านต่อ) พี่เขาก็บอกว่า "น้อง หนังสือที่น้องอยากได้ มาแล้วนะคะ"

อ้า พอเราเห็นหนังสือ เราดีใจมากๆเลยค่ะ เพราะหามาหลายที่มากๆ ไม่มีเรื่องนี้เลย วันนั้นเอาตังค์ไปพอดี ก็เลยสอยกลับมานอนกอด จนถึงปัจจุบัน เราก็ยังยึดเรื่องนี้เป็นหนังสือแนวลิเกฝรั่งที่เราชอบที่สุดนะ



3.ศูนย์หนังสือจุฬา (สยาม)
ผ่านประสบการณ์ดีๆ จากร้านหนังสือมาเยอะ คราวนี้มาดูยอดแย่อันดับหนึ่งบ้างดีกว่าค่ะ

หากมีใครถามว่า ไม่ประทับใจร้านหนังสือที่ไหนมากสุด ไกลนั้นคงไม่ลังเลที่จะตอบว่า มันคือศูนย์หนังสือจุฬา ทั้งๆ ที่เป็นแหล่งหนังสือทางวิชาการ แต่กลับไร้น้ำใจอย่างสิ้นเชิง ทั้งเรื่องบริการ และเรื่องการต้อนรับลูกค้า

เหตุการณ์ที่จำได้แม่นสุดคงจะเป็นเมื่อสมัยที่ไกลนั้นต้องทำรายงานวิทยาศาสตร์ เพื่อนในกลุ่มของไกลนั้น มีคนนึงเป็นประธานนักเรียนของโรงเรียน เขาพยายามไปหาข้อมูลที่ห้องสมุดหลายที่ แต่ก็ไม่มี จนกระทั่งต้องไปลองหาหนังสือในร้านหนังสือเช่นศูนย์หนังสือจุฬา

เคยได้ยินกิตติศัพท์ของที่นี่ว่า พนักงานเวลาเห็นเด็กนักเรียนมายืนอ่าน จะแกล้งเดินเข้าเดินออก หรือไม่ก็เดินมาบอกว่าไม่ให้อ่านด้วยนะ แต่ตอนนั้นไม่เชื่อค่ะ คิดว่าคงล้อเล่นมั้ง

เอาล่ะ ไกลนั้นกับเพื่อนที่เป็นประธานนักเรียนก็เลยไปยืนหาข้อมูล หากันอยู่นานมาก จนกระทั่งไปเจอหนังสือเล่มนึง มีทฤษฎีที่น่าสนใจ เลยคิดจะจดข้อความนั้นออกมา พวกเราเขียนไปได้สักพัก พนักงานก็เดินออกมาบอกเสียงเครียดมากๆ ว่า

"น้องทำแบบนี้ได้ยังไง ทำไมไม่ซื้อไปล่ะ"
เพื่อนที่เป็นประธานนักเรียนก็พยายามขอร้อง "หนูคิดว่าจะเอาไปอ้างอิงนิดเดียวค่ะ ซื้อไปมันก็หลายร้อย แต่ส่วนที่ใช้มันแค่หน้านี้เอง ขอหนูจดนะคะพี่ ไม่ทำให้หนังสือยับหรอกค่ะ พี่จะยืนอยู่ด้วยก็ได้"
พนักงานทำหน้าบึ้งมาก พูดว่า "ไม่ได้ ที่นี่ไม่ให้ใครเข้ามาจดอะไร หากอยากอ่านก็ต้องซื้อไป"

เรากับเพื่อนงงมากเลยอ่ะ งงจริงๆ ยอมรับว่าเราก็ผิดที่บังอาจไปยืนจด แต่เราก็มองว่า นี่เราไปทำผิดถึงขั้นให้อภัยไม่ได้เลยเหรอ ทำไมต้องพูดจาด้วยน้ำเสียงแบบนี้ ถึงเราเป็นเด็ก แต่เราก็โตพอที่จะอายกับสายตาคนรอบข้างที่มองตรงมาประหนึ่งว่าเรากำลังขโมยของออกจากร้าน แล้วอีกอย่างนะ ร้านหนังสือมันจะสักแต่ว่าขายหนังสืออย่างเดียวใช่ไหม เพราะแค่พวกเรายืนอ่าน พนักงานก็ตรงรี่เข้ามาใกล้เลยค่ะ

ดังนั้น สิ่งที่พวกเราทำคือการแทคทีม แบ่งกันไปยืนจำคนละย่อหน้า แล้วออกมาจดนอกร้าน เออหนอ ชีวิต ไม่ใช่ขี้เหนียวไม่ซื้อนะ แต่หนังสือบางเล่ม เรารู้ว่าจะใช้แค่หน้าเดียว การเสียเงินหลายร้อย มันก็คิดหนัก

ถึงปัจจุบัน ไกลนั้นมองในฐานะคนที่เขียนหนังสือค่ะ หากใครจะจดนิยายไกลนั้นไปอ่าน ไกลนั้นก็ยินดีและเต็มใจ (ถ้าคุณไม่ได้เอาไปเพื่อลอกงานเขียนนะ) เพราะสิ่งที่คนเขียนต้องการที่สุด คือการให้หนังสือของตัวเองถูกเปิดอ่าน การจะซื้อหรือไม่ซื้อ สำหรับคนเขียนแบบไกลนั้นไม่ได้อยู่ในสาระสำคัญ เขียนไปก็ไม่รู้ว่าจะได้พิมพ์รึเปล่า มันก็หมดหวังเรื่องตังค์ตั้งแต่ตอนเขียนแล้วล่ะ แล้วนี่หากตัวเองเขียนหนังสือวิชาการ และมีเด็กมัธยมมาจด มันสะท้อนอะไรหลายอย่างนะ ตั้งแต่ห้องสมุดมันห่วยจนหนังสือไม่มี ถึงต้องถ่อมาจดร้านหนังสือ หรือว่าตำราเรียนมันแพงจนเด็กคิดหนัก ไม่กล้าซื้อรึเปล่า

อึม บางทีก็แปลกใจค่ะ แปลกใจพนักงานในร้านที่เคร่งวินัยจนลืมคิดบางแง่มุมไป เราไม่ได้ว่าเขาทำผิด หน้าที่เขาอาจจะบังคับให้เขาต้องทำแบบนั้น แต่เขาไร้น้ำใจมากไปหน่อย ถ้าใช้อารมณ์และความรู้สึกมอง เขาควรเมตตากับเด็กมากกว่านี้นะ

ประสบการณ์แย่ๆ ยังไม่จบสิ้น บ่อยครั้งที่ไกลนั้นหาหนังสือ text ไม่ได้ และจำเป็นต้องไปซื้อที่ศูนย์หนังสือจุฬา ไกลนั้นรู้สึกว่าตัวเองด้อยค่าจริงๆ ถามพนักงานไป กว่าจะได้ก็ช้าโคตร แถมบางทีไล่ให้เราไปหาเองก็มี โดยมากมักจะชี้ๆ ล็อก แล้วก็บอกว่า อยู่แถวๆ นั้นแหละ (โห พี่คะ หนังสือภาษาอังกฤษนะคะ ยิ่งเป็นตำรา หน้าตาหนังสือก็ชวนเบลออยู่แล้ว จะไล่หาเจอไหมเพ่)

แต่ยังดีกว่าเพื่อนบางคน เคยได้ยินเพื่อนที่ภาควิศวะมาเล่าว่า เขาใส่กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ ไปซื้อ text book ที่นี่ พนักงานก็มองเขาด้วยสายตาหยามเหยียด ประหนึ่งว่า แกมั่วนิ่มหรือเปล่า มาซื้อหนังสือไฮคลาสชั้นนี้ เล่มนึงเป็นพันนะ อึม เขาเล่ามานะคะ เท็จจริงไม่แน่ใจ เพราะไกลนั้นไม่เคยเจอการต้อนรับแบบนี้ อย่างเลวร้ายสุดคือยืนรอครึ่งชม. กว่าจะได้ถามตัวหนังสือ


พล่ามมานาน เงยหน้ามอง โอ้โห นี่ตีหนึ่งกว่าแล้วหรือ ขอตัวไปนอนก่อนนะคะ จริงๆ มีอีกหลายร้านที่อยากพูด โดยเฉพาะดับเบิ้ลเอ บุ๊คทาวน์เวอร์ ไว้ขอเป็นบล็อกหน้าละกันค่ะ



Create Date : 06 มิถุนายน 2552
Last Update : 6 มิถุนายน 2552 1:11:58 น.
Counter : 1315 Pageviews.

31 comments
  
มีร้านที่หาดใหญ่ชื่อศูนย์หนังสือชุมชน ปัจจุบันปิดตัวไปแล้ว ดีมากเลย เข้าไปอยู่ได้เป็นวันๆ ตอนปิดร้านยังไปร่วมไว้อาลัยเลย
โดย: คนขับช้า วันที่: 6 มิถุนายน 2552 เวลา:1:47:37 น.
  
ศูนย์หนังสือจุฬาเนี่ยทั้งคนเยอะ หนังสือยับ หาหนังสือช้า แต่ว่ามันก็มีข้อดีคือราคาจะถูกกว่าชาวบ้านเกือบๆจะเสมอนะ สมัยก่อนจะซื้อ textbook ก็ต้องที่นี่เลย แต่หลังจากเรียนจบก็ไม่ค่อยได้ไปแล้วทั้งสยามทั้งจุฬา เพราะร้านมันปิดแต่วัน


แล้วก็ตั้งแต่วันที่ 15 จะเข้าไปถาวรเลยจ้ะ
โดย: inxni วันที่: 6 มิถุนายน 2552 เวลา:7:29:01 น.
  
จริงจ๊ะร้านหนังสือน้อยลงทุกวันจ้าที่นิชอบไปอ่านหนังสือฟรีที่พารากอนแทนน่ะเมื่อก่อนหนังสือไม่แพงแต่เดียวนี้แพงขึ้นมากเลยเลือกเล่มที่ชอบจริงๆ ส่วนหนังสือจะพิมพ์ทำบุญทุกปีค่ะ
โดย: ni (ชีวิตจริง ) วันที่: 6 มิถุนายน 2552 เวลา:14:26:43 น.
  
ตอนนี้ยังนั่งเรือข้ามฟากอยู่หรือเปล่า เปลี่ยนมานั่งรถไฟฟ้าได้มั้ย แล้วต่อรถไปพระราม 2
โดย: THAN IP: 115.67.126.240 วันที่: 7 มิถุนายน 2552 เวลา:20:40:30 น.
  
พี่โณส่งsmsมาหาตั่งแต่เมื่อไรไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลย555

มารู้ตอนจะออกจากบ้านไปรร.นั้นแหละนะ

พี่โณสบายดีอ่ะป่าวน้า

ว่างๆแล้วจะหาเรื่องโทรไปคุยเล่นด้วยนะจ๊ะ
โดย: เบลล์ IP: 124.120.8.197 วันที่: 8 มิถุนายน 2552 เวลา:18:09:34 น.
  
อ่านจบมาหลายวันละแต่เพิ่งล็อกอินมาเม้นท์ .. หุหุ - -"

ร้านดอกหญ้าตรงคลองสาน มันก็ยังมีอยู่นะ แต่ล่าสุด พี่ไม่ได้สังเกตอ่ะจ้ะว่ากลายเป็นร้านอะไรไปแล้ว แต่ที่แน่ ๆ ดอกหญ้าหายไปละ

เดี๋ยวนี้ร้านหนังสือน้อยลงทุกที ๆ เลยเนอะ อย่างร้านนายอินทร์ที่เดอะมอลล์ท่าพระก็หายไปแล้วจ้ะ (พี่สาวบอกมา) ร้านหนังสือที่อยู่รอดที่เห็น ๆ ก็มีซีเอ็ด กะ B2S อ่ะเนอะ
โดย: :D keigo :D วันที่: 9 มิถุนายน 2552 เวลา:17:29:43 น.
  
พี่โณวิวคิดถึงพี่โณจัง ช่วงนี้ชีวิตวิวไม่มีเสียงหัวเราะเลย
ช่างน่าเศร้า เรียนหนักมากๆใครๆก็บอกปีสี่สบาย ไมปีวิวหนักยังงี้ล่ะ ไม่บ่นแหละ อิอิ

ชอบจังเรื่องเกี่ยวกับหนังสือ ร้านหนังสือเนี่ย วันหลังพี่โณเขียนอีกนะคะ สงสัยพี่โณจะเป็นขาประจำดอกหญ้า แต่ก่อนวิวก็ชอบเข้านะ แต่พอเจอบริการห่วยแตกไปทีนึงเลิกเข้าเลย วิวชอบเข้าร้านที่เจ้าของอิสระอ่ะ แบบว่าไม่ใช่ซีเอ็ด ดอกหญ้า นายอินทร์ อะไรประมาณเนี่ยแหละค่ะ งงเหมือนกันว่าเขาเรียกว่าอะไร วิวรู้สึกให้ฟีลของหนังสือมากกว่าอ่ะ แถมร้านพวกนี้จะมีกลิ่นหนังสือที่เป็นหนังสือด้วยอ่ะ เข้าไปแล้วจะรู้สึกว่า อ่า นี่คือวิมานของเรา ห้าๆ แต่ร้านสมัยใหม่พวกนี้ก็ดีนะคะ สะดวกดี เรื่องศูนย์หนังสือจุฬาวิวก็แอบเคืองๆเหมือนกันนะ วิวรำคาญเวลาเขาเดินมาใกล้ๆอ่ะ คนจะเลือกหนังสือเนี่ย มันผิดตรงไหนเหรอ บางทีอยากรู้ว่าเล่มนี้ใช่ที่เราหาอยู่หรือเปล่า ก็เปิดดู จะอะไรหนักหนาก็ไม่รู้ แต่ที่นี่หนังสือเยอะดี ชอบ บางทีเล่มไหนหามานาน ไม่คิดว่าจะมี แต่ที่นี่กลับมี อิอิ
เดี๋ยววิวไปก่อนนะคะ จะไปอ่านหนังสือแล้ว ต้องแอคทีฟเป็นเท่าตัวแหนะ รู้สึกตัวเองย่ำแย่มาก เหมือนว่าตัวเองยังไม่มีความรู้จะไปช่วยเหลือคนอื่นเลย พี่โณรักษาสุขภาพด้วยนะคะ เป็นห่วงๆ
โดย: วิว IP: 124.157.241.171 วันที่: 9 มิถุนายน 2552 เวลา:20:53:04 น.
  
คุณคนขับช้า
ดีจังเลยค่ะ มีร้านหนังสือที่เหมือนมีห้องสมุด ถึงต้องยืนอ่านเราก็ยอมนะ


พี่อิน
หนังสือ text ก็ยังสภาพโอเคนะคะ แต่สงสัยเล่มที่พี่อินอยากได้น่าจะเป็นเล่มที่หายาก หนังสือเลยสภาพเป็นแบบนั้น ตอนนี้โณก็ไม่ค่อยได้ไปซื้อที่โน่นแล้วค่ะ สั่งซื้อทางไปรษณีย์ดีกว่า หรือหากอยากอ่าน โณไปอ่านร้านซีเอ็ดดีกว่า คนที่นั่นใจดี อ่านทั้งวันก็ไม่มีใครว่า แถมยังมีบางคนคอหนังสือกำลังภายในด้วย เคยยืนคุยกันตั้งนาน

คุณ ni ชีวิตจริง
ราคาหนังสือแพงนี่เห็นด้วยค่ะ แต่หากแพงแล้วได้คุณภาพตามนั้นก็คงไม่ว่ากัน แต่นี่บางทีซื้อมาแล้วผิดหวัง เพราะบางเล่มมันหนังสือสอดไส้ เดี๋ยวนี้เลยไม่ค่อยซื้อเลยค่ะ ไปยืนอ่านตามร้านเอา และร้านสมัยนี้ก็เปิดโอกาสให้คนอ่านได้นั่งอ่านนานๆ จะมีเบาะให้นั่งด้วย


พี่ธาร
โณไม่ได้นั่งเรือข้ามฟากมานานแล้วนะคะ นั่งครั้งสุดท้ายตอนเรียนมพ. ตอนนี้ก็ขึ้นแต่รถตู้ กับรถเมล์ อิอิ


น้องเบลล์
อ่า นานๆ ส่งไปทีคงตกใจ พี่สบายดีจ้า น้องเบลล์ล่ะ ยังงานเยอะอยู่อีกรึเปล่า


พี่กบ
โณไม่ได้เดินร้านหนังสือดอกหญ้าตรงคลองสารมานานแล้วค่ะ น่าจะ8 ปีได้แล้วมั้ง ส่วนนายอินทร์ กลับกลายเป็นร้านหนังสือที่โณเข้าน้อยที่สุด สาเหตุเพราะมันมีแต่หนังสือวาไรตี้กับนิยาย หรือไม่ก็แนวจิปาถะ โณไม่ชอบแนวหนังสือของนายอินทร์เลยค่ะ หาอะไรอ่านไม่ค่อยเจอ โดยมากมักจะไปนั่งในซีเอ็ดหรือ B2S มากกว่า ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่า แต่รู้สึกว่าสองร้านนี้ หนังสือจะมากกว่าร้านนายอินทร์ด้วย


น้องวิว
มีเรื่องไรเล่ามาได้นะ ฟังแล้วเศร้าจัง ชีวิตไม่มีเสียงหัวเราะ พี่ว่าบางเรื่องมันอาจจะเครียดๆ ก็ต้องพักบ้างอ่ะ ไปเดินเที่ยว ไปกินอาหารอร่อยๆ มั่ง (หากอยู่กทม. พี่คงพาไปนั่งหม่ำแล้ว) ยิ่งเรียนหนัก ยิ่งต้องทานเยอะๆด้วยนะ

ร้านหนังสือส่วนบุคคล พี่แทบไม่เคยเข้าเลยค่ะ ส่วนมากหนังสือน้อย แต่พี่คิดว่าต่างจังหวัดน่าจะดีกว่า ส่วนที่พี่เป็นขาประจำดอกหญ้า อันนี้ก็คงเป็นสมัย 10 ปีก่อนนะ เพราะตอนนั้นดอกหญ้าดังจริงๆ เดินไปทางไหนมีแต่ร้านดอกหญ้าค่ะ ไม่มีร้านอื่น อ้อ อาจจะมีซีเอ็ด แต่เน้นเรื่องหนังสือทางวิชาการมากกว่า นายอินทร์นี่ไม่ต้องพูดถึง พี่ว่าเปิดน้อยมากเลยอ่ะ

สู้ๆ กับเรื่องเรียนนะคะ จบมาจะได้ช่วยคนอื่น พี่ว่าฟังแล้วน่าภูมิใจมากๆเลยนะ อาชีพที่เกี่ยวข้องกับพวกแพทย์เนี่ย

โดย: ไกลนั้น วันที่: 10 มิถุนายน 2552 เวลา:13:39:23 น.
  
ตอนนี้เหมือนจะไม่สบาย มีน้ำมูกนิดๆ

งานเค้าไม่สั่งเพิ่มแล้วละ แต่ยังปั้นไม่เส็ดเลย

โดย: เบลล์ IP: 124.120.13.35 วันที่: 12 มิถุนายน 2552 เวลา:15:59:13 น.
  
น้องเบลล์
หวังว่าคงไม่ใช่ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่น้อ หายเร็วๆ นะคะ นอนเยอะๆ กินมากๆ ช่วยได้จ้า
โดย: ไกลนั้น วันที่: 12 มิถุนายน 2552 เวลา:17:15:05 น.
  
พี่โณจ๋า คิดถึงมากมาย ไม่ได้เข้ามาทักทายซะนาน เปิดเทอมแล้วยุ่งสุดๆ ไหนจะเรื่องเรียน ไหนจะชมรม เทอมนี้จอยมีแลปตั้ง 5 ตัวอ่ะ ทำreportมันเลย มีแลปหนึ่งต้องแปลjournalส่งอ.ทุกอาทิตย์เลย จะบ้าตาย แหะๆ บ่นมากไปล่ะ รักษาสุขภาพนะคะพี่โณ ช่วงนี้ฝนตกบ่อย มาม.ไม่กี่วันจอยก็เป็นไข้แล้ว นี่น้ำมูกยังไหลไม่หยุดเลย ทรมานจริงๆ - -"
โดย: GoOsHa!R IP: 202.44.135.39 วันที่: 12 มิถุนายน 2552 เวลา:23:05:39 น.
  
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่รึเปล่าเนี่ย เฟ้ย อารายกันน้อ พักนี้พี่ได้ยินแต่คนป่วยแฮะ ส่วนมากเป็นหวัดทั้งนั้นเลย

วันก่อนพี่ก็เกือบไปเหมือนกัน รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว แถมมึนๆ เลยไปปั่นจักรยานซะครึ่งชม. โห หายบ้าเลยน้องจอย ไข้เขิ้ยนี่หายปลิดทิ้ง มีแต่เหนื่อย กับเหนื่อย

ยิ่งช่วงนี้ พี่ออกแรงเดินมากกว่าเดิม ออกกำลังกายแถมยัง Save ตังค์ค่ามอเตอร์ไซด์รับจ้างด้วย

ว่าแต่เราล่ะ รับน้องไปถึงไหนแล้ว ยุ่งแบบนี้มีเวลาไปเหล่น้องรึยังคะ
โดย: ไกลนั้น วันที่: 12 มิถุนายน 2552 เวลา:23:49:27 น.
  
พี่โณณณณณ แอคโค่สุดๆ วิวเหนื่อยอ่ะ พี่โณจะฟังวิวบ่นใช่มั้ย อิอิ
เปิดเทอมมาสองอาทิตย์วิวจะบ้าตาย เทอมนี้วิวไม่มีคำว่าวันหยุดปรากฏในปฏิทินเลย
วันเสาร์อาทิตย์ยังต้องเรียน แถมบางทีเสาร์อาทิตย์ตารางแน่นแล้ว ยังไปยัดใส่วันจันทร์ถึงศุกร์อีก
ทั้งๆที่จันทร์ถึงศุกร์ก็แน่นเอี๊ยดแล้วนะ วิวไม่ได้หายใจหายคอเลย บางทีข้าวเที่ยงก็ไม่ได้กิน ตอนนี้วิวพึ่งวิตามิน โปรตีนเกลือแร่อัดเม็ดแทนข้าวแล้ว เหนื่อยสุดๆ
ถ้าเป็นแต่ก่อนยังมีเสาร์อาทิตย์ให้คอยเคลียร์งาน ให้อ่านทบทวนอาทิตย์ที่ผ่านมา เฮ้อ
เรียนอย่างเดียวไม่พอวิชาที่เรียนเทอมนี้แต่ละตัวก็สุดยอดดด เอากับมันซิ
วิชาพวกคลีนิคไม่ค่อยเท่าไหร่พอไหวอยู่ แค่แอดวานซ์ขึ้นนิดหน่อยเท่านั้นเอง(ประชด555+)
แต่ไม่เท่าไหร่มาเจอวิชาวิจัยตัวที่2เนี่ย อึ้งกิมกี่ วิวไม่เข้าใจเลยอ่ะ ไม่เข้าใจแบบสุดๆ
ทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษหมด อันนี้เข้าใจเพราะต่างประเทศวิชาการเค้าจะอัพเดตเร็วกว่าตำราไทย อันนี้ไม่ว่ากัน
แต่ภาษารีเซิจที่เค้าเขียนซิ แปลเป็นไทยแล้วก็ต้องแปลเป็นไทย ก็ยังไม่รู้เรื่องเลย งงมากมาย
วิวว่าเป็นวิชาที่วิวอ่านเท็กไม่รู้เรื่องมากที่สุดเลย ภาษายากเกิน โง่ๆอย่างวิวได้ดับอนาถแน่ๆ
ถ้าเป็นเท็กคลีนิควิวว่าเท็กเค้าเขียนด้วยภาษาง่ายๆอ่านแล้วเ้ข้าใจง่ายดี แต่นี่ เฮ้อ -_-''
พี่โณขาตอนที่พี่โณเรียนป.โทต้องเรียนตัวนี้หรือเปล่าคะ แล้ววิวจะทำไงดีให้เข้าใจอ่า พี่โณแนะนำหน่อยๆ แบบว่าไม่ไหวแล้ว
ชีวิตน้อยๆของวิวใกล้ดับแล้ว T T บางคืนวิวเครียดจนใจสั่นเลย แบบว่าอยากทำงานให้เสร็จทุกอย่างแต่ก็ต้องเผื่อเวลาไว้พักผ่อน เครียดไปหมด เฮ้อ
แต่ก็เข้าใจนะว่าใกล้จะจบแล้วก็ต้องหนักขึ้นทุกที ไม่งั้นจบออกมาคงไม่มีคุณภาพพอที่จะไปดูแลคนอื่นได้
แล้วอีกอย่างเทอมนี้ทุกคนก็คงเหนื่อยกันหมดทั้งอาจารย์ พี่เจ้าหน้าที่ แม่บ้าน เริ่มทำใจได้แหละ
เฮ้อ บ่นมาซะยาว อิอิ พี่โณจะว่าวิวพูดมากมั้ยเนี่ย คราวหลังพี่โณต้องคิดหนักแน่ๆเวลาให้วิวเล่าอะไรให้ฟัง ห้าๆล้อเล่นนะคะ
วันนี้แอบมีเรื่องดีใจอยู่อย่างหลังจากชีวิตเหี่ยวเฉา วันนี้วิวได้เรียนการวางแปลน เขียนแปลนแบบพวกสถาปัตย์เลย ชอบๆอยากเรียนมานานแล้ว ไม่นึกว่าจะได้เรียน ห้าๆ เสียดายมีเรียนแค่หกชั่วโมงเอง รู้สึกสบายใจแหละ ได้ระบายแล้ว ช่วงนี้วิวพูดมากๆเลย ใครโทรมาหาวิวๆจะบ่นๆๆๆให้ฟัง ห้าๆไปแล้วนะคะ จะไปดำเนินชีวิตอันแสนสุขต่อT T อยากอ่านนิยายอ่ะพี่โณ แงๆ
โดย: วิว IP: 124.157.241.159 วันที่: 13 มิถุนายน 2552 เวลา:19:46:55 น.
  
ไม่ช่ายหวัดสายพันธ์ใหม่น้า ตอนนี้ไม่เปนไรละ

แค่นอนตากแอร์ไม่ห่มผ้าเลยน้ำมูกไหลแค่นั้นเองน้า

แต่เมื่อวานเดินไปเหยีบกระเบื้องที่แตกหน้าห้องน้ำ

มันบาดซะงั้น เลือดไหลอย่างกะน้ำเปล่า

กว่าจะหยุดได้ หมดผ้ากอชไป3แผ่น

นี่ยังไม่น้ำที่หยดบนพื้นกะในห้องน้ำตอนล้างแผลนะ

พอวันนี้มาดูแผลมันถากไปแค่นิดเดียวเองง่ะ

แต่ปวดแผลมาก เพราะเมื่อวานเดินทั้งวัน

เนื่องจากเรียนตั้งแต่เช้า

นิ้วเท้าคงกลายเปนมัมมี่น้อยไปอีกหลายวัน

(นิ้วยิ่งเล็กๆอยู่)
โดย: เบลล์ IP: 124.120.19.121 วันที่: 14 มิถุนายน 2552 เวลา:11:11:27 น.
  
น้องวิว

พี่ว่าคงเป็นแค่ช่วงนี้มั้ง หลังจากอาจารย์สั่งงานจนพอใจแล้ว เดี๋ยวเขาก็จะหยุดสั่งเองแหละ พี่เคยเจอวิชานึง สอบตอนตีสามค่ะน้องวิว พ่อกับแม่พี่โทรมาถามพี่เลยว่า อาจารย์คนนี้ลามกรึเปล่า ทำไมให้นักศึกษาไปสอบกันตอนนั้น พี่ก็อึ้งๆ ไป แต่จริงๆ คือมันเป็นลูกติดพันค่ะ เพราะอาจารย์กะเวลาสอบไม่ดี ทำให้การสอบยืดเยื้อจนเลยไปถึงตอนตีสาม ทั้งๆ ที่เวลานัดสอบจริงคือบ่ายสองโมงตรง และสองอาทิตย์นั้น พี่อยู่ที่ม. ไม่ได้หลับไม่ได้นอน นั่งทำงานกลุ่มกับเพื่อน เพื่อให้โปรเจคเสร็จ

ย้อนกลับไปคิดดู มันก็ขำๆ ดีนะ หากคิดแง่ดี ก็คือฝึกความถึกอ่ะจ้ะ เวลาเราไปสมัครงาน เราสามารถบอกกับว่าที่นายจ้างเราในอนาคตได้ว่า หนูถึกนะพี่ จ้างหนูรับประกันไม่ผิดหวัง ผ่านงานมาโชกโชน อดหลับอดนอนได้ มีแรงถึกทำงาน จ้างหนูรับรองไม่ต้องจ้างใครเพิ่ม อารายทำนองนี้อ่ะ ฮา

ส่วนวิชาที่เป็น text พี่ไม่เคยเรียนวิชาที่น้องวิวว่านะ แต่พี่มีเรียนการเขียน research ค่ะ เป็นอาจารย์จากเยอรมันมาสอน เขาพูดภาษาอังกฤษชัดนะ แต่พี่โง่เอง ฟังไม่ออก พอมาเจอคนอิตาลีที่พี่เคยเล่าให้หนูฟังอ่ะ พี่รู้สึกว่า สำเนียงอาจารย์พี่ชัดโคตร ชัดจนไม่รู้จะหาความชัดจากไหนได้มากกว่านี้อีกแล้ว คิดดีๆ พี่ว่าภาษาอังกฤษสมัยก่อนพี่คงแย่มาก เพราะตอนนี้พี่เริ่มฟังได้บ้างนิดหน่อย คือไม่เยอะ แต่พอจะฟังเทปอะไรแล้วจับประเด็นได้มั่ง ไม่เหมือนสมัยก่อนที่ฟังไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียว

แต่เครียดจนใจสั่นนี่ไม่ค่อยดีแล้วนะ งานอะไรต้องทำให้เสร็จ แต่ต้องทำแบบสบายๆ ใจ พี่ว่าคำนี้ต่างกันนะคะ คือเราต้องตั้งใจทำงาน แต่เราอย่าเครียด หากคิดว่าการตั้งใจทำแล้วต้องเครียด อันนี้คิดผิด พี่พูดจริงๆ งานที่ทำตอนเครียด ผลลัพธ์มักออกมาได้ห่วยมาก ยกตัวอย่างเช่น ครั้งที่แล้ว พี่เครียดมาก สอบภาษาอังกฤษได้ห่วยแตก ทั้งๆ ที่ตัวเองนั่งทำแบบฝึกหัดทุกวัน พี่มาคิดๆ ดู อึม เราสร้างแรงกดดันให้ตัวเองมากไป พี่เลยเปลี่ยนใหม่ ลองทำตัวสบายๆ แต่ตั้งใจ วางแผนไว้ว่าทุกวันต้องอ่านหนังสือให้ได้กี่หน้า แต่อย่าเครียด ทำสบายๆ ถ้าเบื่อก็ไปคว้านิยายมาอ่านสักครึ่งชม. แล้วค่อยมานั่งอ่านภาษาอังกฤษใหม่ แรกๆ รู้สึกเหมือนฝืนใจ แต่หลังๆ เริ่มสนุก อีกอย่างที่พี่ว่าสำคัญคือ สุขภาพค่ะ หากร่างกายไม่แข็งแรง เจ็บป่วยบ่อย เราจะไม่มีแรงไปทำงานที่เราวางแผนไว้ได้ พี่เลยพยายามออกกำลังกายให้มากๆ เลิกคิดฟุ้งซ่าน ไม่รู้น้องวิวจะเชื่อรึเปล่า คนทำงาน จะมีเรื่องราวให้คิดมากมาย คือไม่ใช่คิดแค่เรื่องเรียน แต่มันโยงไปถึงเรื่องคนกับผลงาน การคิดแบบนี้พี่เคยเป็นนะ สมัยก่อนคิดจนปวดหัว แต่หลังๆ เริ่มฝึกสติเลยรู้สึกตัวไว เหมือนเวลาที่คิดเรื่องไม่เข้าท่า จิตใจจะไวผิดปกติ คือเตือนเราออกมาว่า เราคิดเรื่องเดิมอีกแล้วนะ พี่ก็จะรีบไปหาอย่างอื่นทำเพื่อให้เลิกคิด อย่างพวกเรา การอ่านหนังสือนิยายก็สามารถทำให้เกิดสมาธิดีๆ ได้จ้ะ สังเกตมะ เวลาอ่านนิยาย ใครมาเรียก พี่มักไม่ค่อยได้ยิน เพราะเราหลุดไปอยู่ในหนังสือเล่มนั้นแล้ว

อือ น้องวิวชอบวิชาวางแปลนเหรอ เคยเรียนดรออิ้งไหมคะ พี่เรียนแล้วนรกมาก แต่ได้ B+ ได้ยังไงก็ไม่รู้ ผิดกับพ่อ ทั้งที่เขาไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เวลาพี่มีการบ้านดรออิ้ง พี่จะหิ้วมาถามพ่อว่า ตรงมุมนี้ควรเป็น front ของตัวแปลนไหน พ่อจะทำหน้าเอือมนิดหน่อย แล้วก็อธิบายให้ฟังว่ามันต้องคู่กับตัวไหน เออ ดีจริง คนเรียนปริญญาตรี สู้คนที่ไม่ได้เรียนไม่ได้ ของพรรค์นี้พี่ว่าคงเป็นพรสวรรค์นะคะ


แต่พี่สงสัยอ่ะ เราเรียนเภสัชไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องเรียนวิชาวางแปลนด้วยอ่ะ หรือว่าเราจงใจเลือกเรียนเองคะ


หากอยากอ่านนิยาย ก็ไปอ่านเหอะ พี่ว่าคนเราก็ต้องเติมพลังชีวิตด้วยสิ่งที่ตัวเองชอบเหมือนกันอ่ะ
โดย: ไกลนั้น วันที่: 14 มิถุนายน 2552 เวลา:15:35:22 น.
  
น้องเบลล์
คุยกับเบลล์ทีไร เหมือนจะได้ฟังเรื่องเจ็บตัวหนใหม่ทุกครั้ง สงสัยมีดาวราหูสิงในราศีเกิดของเบลล์รึเปล่าจ้ะ ฮา (แซวๆเล่นน้า)

ว่าแต่ไม่ไปเย็บแผลเหรอ ท่าจะเลือดไหลเยอะนะ เดี๋ยวเป็นบาดทะยักหรอก

พูดแล้วนึกได้ วันก่อนมีน้องที่ออฟฟิศ ไปฟัดกับแมวบ้ามา คือจู่ๆ แมวมันมากัดเขาอ่ะ ทำให้เขาต้องไปฉีดยากันพิษแมวบ้า ฟังไปก็ขำไป แต่พี่คงเริ่มหลอน ตอนนี้เดินไปทางไหน ถ้าเห็นแมวจะเริ่มระแวง จ้องตามันไปมา แบบว่า แกอย่ามาใกล้ช้าน

ส่วนน้องเบลล์ พี่ว่าหยุดชีพจรที่เท้า นอนพักผ่อนที่บ้านดีกว่า ท่าทางคงระบมนะ พักหน่อย นิ้วจะได้หายไวๆ จ้ะ

ส่วนพี่ เดี๋ยวต้องแต่งตัวไปงานแต่งงานของหัวหน้าแล้ว คาดว่าบล็อกหน้าจะได้อัพรูปวันงานแต่งงานแหงมๆ
โดย: ไกลนั้น วันที่: 14 มิถุนายน 2552 เวลา:15:42:47 น.
  
พี่โณของวิวมันไม่ใช่แค่ช่วงนี้อ่ะค่ะ พอดีทุกวิชาของวิวมันมีตารางเรียนจนครบเทอมเลยว่าวันไหนมีเรียนอะไร ที่ไหน เวลาไหน แล้วงานก็แบบว่ามีมาเรื่อยๆตลอด แต่วิวก็สบายใจขึ้นแล้วค่ะ ได้ระบายให้คนนู้นคนนี้ฟัง เริ่มสนุกกับมันแล้ว (คาดว่าคงสนุก55+) วันก่อนเพื่อนวิวยังชวนไปตะโกนที่อุทยานเกษตรเลย ไปปลดปล่อย55+

วันนี้วิวชิลมาก กลับมาจากเรียนไม่ได้ทำอะไรเลย เล่นเน็ตไปเรื่อย อ่านหนังสือ ฟังเพลง สบายใจมาก555+ วันพฤหัสมีสอบยังสบายๆเลย คงจริงอย่างที่พี่โณบอกถ้าเครียดงานออกมาจะห่วย อิอิ เริ่มยอมรับมันได้แล้ว วิวว่าถ้าเครียดไปก็ไม่ดีกับสุขภาพ วิวกลัวว่าถ้าวิวเป็นอะไรไปแล้วไม่มีใครรู้เนี่ยซิ มารู้อีกทีคงเห็นวิวขึ้นอืดแล้วแน่ๆ มีอยู่ครั้งนึงวิวเกือบไม่รอดแต่ไม่ถึงกับตายเลยนะ แบบว่าแต่ก่อนพอวิวอ่านหนังสือดึกวิวจะดื่มกาแฟ แต่ไม่บ่อยนัก แค่แก้วเดียว(แล้วก็หลับ555+) แต่ว่าวันนั้นคือต้องอ่านให้จบแล้วคิดว่าเอาไงก็เอา เลยซัดกาแฟไปสองแก้ว หลังจากนั้นวิวทำอะไรไม่ได้เลย ใจสั่นมากๆมึนหัว แบบจะนอนก็นอนไม่ได้ ทั้งอ้วกทั้งท้องเสีย กะว่าถ้าทนไม่ได้จะโทรบอกเพื่อนให้พาไปโรงพยาบาล แต่พอมารู้สึกตัวอีกทีก็เช้าแล้ว สงสัยเหนื่อยจัด55+ หลังจากนั้นวิวก็ไม่เคยแตะกาแฟอีกเลย วิวว่าร่างกายวิวคงได้คาเฟอีนไปเยอะจนร่างกายรับไม่ไหวแน่ๆ เดี๋ยวนี้เลยต้องพึ่งโออิชิแทน แต่ไม่ได้ช่วยอะไรเล้ย55+

พี่โณ ถ้าวิวเจอสอบแบบพี่โณเนี่ยวิวคงจะหลับคาห้องสอบหรือเปล่า55+ ตีสามแหนะทำไปได้ แต่มันก็เป็นสีสันดีเนอะวิวว่า
พีโณวิวขอถามอะไรได้มั้ยคะ แบบว่าเวลาเราไปสัมภาษณ์งานเนี่ย เราบอกเค้าได้เหรอว่าเราถึกอ่ะ เค้าจะเชื่อเราเหรอคะ แล้วถ้าเค้าถามว่าทำไมผมต้องรับคุณ คุณแตกต่างจากคนอื่นยังไง ถ้าวิวเจอยังงี้ตอบไม่ถูกแน่ๆ เกรดวิวก็ไม่ได้ดีเลิศอะไรกิจกรรมที่วิวทำส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เป็นพวกเฮดที่เป็นหน้าเป็นตา แบบว่าไม่มีอะไรเด่นเลยอ่ะพี่โณ วิวจะทำไงดีอ่ะคะ แล้วโรงงานๆหนึ่งก็มีเภสัชไม่กี่คนเอง ประมาณ10คนได้ แล้วยังงี้วิวจะได้เข้ามั้ยอ่ะคะ แอบกลุ้มใจ แต่ยังไงก็จะเข้าให้ได้ ฮึ้ยๆ พี่โณพูดเหมือนอาจารย์ที่มาสอนวันนี้เลยค่ะว่าเวลาทำงานเรามีอะไรให้คิดอีกเยอะทั้งงานทั้งคน แถมคนแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันอีก

พี่โณวิวไม่เคยเรียนดรออิ้งหรอกค่ะ วิวอยากลงเรียนนะแต่ว่าลงไม่ได้ เพราะวิชาในคณะวิวก็เอาไปหมดแล้ว คืออะไรแบบนี้อ่ะวิวชอบมาตั้งแต่เด็กๆแล้วมั้ง วิวชอบวาดรูป ชอบลงสี พูดแล้วอยากวาดจัง แต่อุปกรณ์อยู่บ้านหมดเลย ตอนแรกวิวยังอยากจะแอดเข้าวิศวะหรือไม่ก็สถาปัตย์เลย แต่แม่ไม่ให้เรียนT T วิวเคยคิดนะว่าพอวิวเรียนจบนี้ปุ๊บวิวอยากไปเรียนเพิ่มเลย พี่โณเชื่อมั้ยว่าวิวเคยขายรูปได้ ดีใจสุดๆเลยเป็นเงินก้อนแรกที่หาได้เองเลย ภูมิใจๆ วันนั้นวิวไปเรียนวาดรูปสีน้ำมันที่บ้านอาจารย์ แล้วเพื่อนอาจารย์จะเปิดบริษัทมาเห็นรูปวิว เลยขอซื้อเลย เขาบอกว่าสวย วิวงี้หน้าบานเป็นกระด้งเลย อิอิ วิวก็เลยขายไปเลย เพราะเราก็วาดใหม่ได้ แต่แอบเสียดายที่เป็นสองรูปแรกที่วิววาดสีน้ำมันเป็นครั้งแรก

พี่โณวิวก็แอบคิดเหมือนพี่โณนะ คนสมัยก่อนเขาไม่ได้เรียนหนังสือ แต่ทำไมเค้าถึงรู้ว่าอันนี้รักษาอะไรได้ เวลาคนเป็นอย่างงี้แล้วจะทำไง บางทีวิวก็แอบอึ้งๆนะว่าทำไมพวกเขาเก่งกันจัง แอบอยากเก่งบ้างจัง

อ้อพี่โณ การวางแปลนเป็นแค่หัวข้อหนึ่งของวิชาประกันคุณภาพอ่ะค่ะ แบบว่าโรงงานยาจะต้องทำยังไงถึงจะได้มาตรฐาน ทำยังไงไลน์การผลิตถึงจะโฟลได้ดี จะวางเครื่องจักร วางอุปกรณ์ ทำผนังยังไง ห้องนี้อยู่ตรงไหนอะไรประมาณนี้แหละค่ะ แต่เรียนแค่หกชั่วโมง วิวว่ายังไม่ลึกซึ้งเลย เหมือนเรียนแค่สโคปกว้างๆ อาจารย์บอกว่าเราเป็นแค่ส่วนเล็กๆแต่สำคัญ เลยต้องรู้ไว้เวลาออกแบบโรงงานจะได้บอกวิศวะถูกว่าโรงงานเราต้องการยังไง เวลาเค้าส่งแปลนมาให้ดูเราก็จะได้ดูออกว่าเขาเขียนมายังงี้ได้หรือเปล่า แอบสนุกเนอะวิวว่า

ขอบคุณพี่โณมากๆเลยนะคะที่รับฟังแล้วก็ให้คำแนะนำวิว จะลองทำแบบพี่โณบ้าง อิอิ

อ้อพี่โณ บล็อกหน้าอัพรูปเยอะๆนะคะ อยากเห็นพี่โณใส่ชุดออกงานอ่า อิอิ
โดย: วิว IP: 124.157.229.251 วันที่: 15 มิถุนายน 2552 เวลา:1:42:12 น.
  
โห เม้นท์แต่ละเม้นท์ ยาววววววววววววมากกกกกกกกกกกกก
โดย: THAN IP: 115.67.102.149 วันที่: 15 มิถุนายน 2552 เวลา:6:18:20 น.
  
แงมๆๆ มีแต่คนแต่งงาน

แล้วเมื่อไรน้า จะถึงคิวพี่โณบ้างน้า

5555

อ๋อ แผลเบลล์ไม่ต้องเย็บค่า

ไม่ลึกๆ ตอนนี้ก้อ โอเคแล้วละ

แต่คงต้องพันแผลอีก2-3วัน

(มีแต่เชื้อโรคแปลกๆป้องกันไว้ก่อน)

ตอนนี่รร.เบลล์ใส่ที่ปิดปากหันใหญ่เลย

ได้ข่าวว่ามีคนป่วย2คน

คนนึงไม่มารร.อาทิดหว่าแล้ว

อีกคนมาแต่ไม่ป้องกันอะไรเลย

กลัวติดจิงๆเลย
โดย: เบลล์ IP: 124.120.10.135 วันที่: 15 มิถุนายน 2552 เวลา:17:11:06 น.
  
น้องวิว

หากดื่มกาแฟดีๆ จะไม่หัวใจสั่นอ่ะ พี่เคยลอง แต่หากกินไอ้ถ้วยแดง แบบที่โฆษณา พี่ว่าหัวใจสั่นแน่ๆ พี่เคยล่อหนักสุดก็สามช้อน กินเสร็จสลบทันที ยังกะกินยานอนหลับ คราวนั้นเลยซึ้งใจ คนมันจะหลับนะ อะไรก็ฉุดไม่อยู่

เลยมีคนตั้งคำถามอะไรเอ่ยขึ้นในคณะพี่ว่า "อะไรเอ่ย หนักที่สุด"
เฉลยจ้า "หนังตาไง ตอนที่มันจะปิด เวลาอ่านหนังสือสอบ" ฮา หนักจริงๆ ด้วยวุ้ย พวกคณะนี้มันชอบพูดอะไรกันฮาๆ ดีอ่ะ

วันที่พี่สอบตอนตีสาม พี่เบลอจนพูดไม่ถูก ดีที่มีข้อสอบดันออกตรงกับสิ่งที่พี่เคยทำ เลยรอดตาย แต่หากเลือกได้ พี่ว่าเราคงไม่อยากได้ประสบการณ์แบบนี้หรอกค่ะ เพราะหลังจากสอบเสร็จ ออกมาก็เกือบหกโมงเช้า เลยระเห็จไปนอนเอาแรงที่หอเพื่อนสนิทก่อน ก็เบียดๆ กันนอน ตอนนั้นนอนด้วยกันอบอุ่นดี เพื่อนพี่ทำอาหารอร่อยด้วย พี่ไปอาศัยท้องหลายมื้อ

ส่วนคำถามเวลาสัมภาษณ์งาน พี่เคยเจอนะ ที่เขาถามว่า ทำไมเขาต้องรับพี่เข้าทำงานด้วย พี่ก็ยิ้มๆ นะ ก็บอกว่า ถ้าคิดว่าคนอื่นทำงานได้มากกว่าเรา คุณก็มีสิทธิ์เลือกเขาได้ แต่เราก็ยอมรับว่าเราตั้งใจทำงาน มีความรับผิดชอบ เกรดดี เราก็มีสิทธิ์เลือกได้เหมือนกัน เชื่อไหม เขามองหน้าพี่เลยอ่ะ อ้าว ก็พี่ตอบตามตรง เขาก็พยายามจะให้พี่ตอบไอ้คำถามที่คนดาษทั่วไปตอบ เพราะพี่เดาเอานะ คนส่วนมากคงตอบว่า เขาเกรดดี ขยัน เขียนโปรแกรมได้ มีความตั้งใจที่จะพัฒนางานอย่างดี คือคำพูดแบบนี้พี่ว่าใครก็พูดได้ ก็วัดใจกันไปเลยดีกว่า ดูจากผลการเรียน จากกึ๋น ในการสัมภาษณ์ ถ้าคิดว่าคนที่อยู่หน้าห้อง สามารถทำงานได้ดีกว่าก็เลือกเขาสิ ไม่จำเป็นต้องเลือกเราก็ได้อ่ะ

พูดแล้วนึกได้ ที่บริษัทนั้นสัมภาษณ์ได้อึ้งมากเลยอ่ะ เขาดูผลการเรียนของพี่ แล้วก็บอกว่า เนี่ย คุณเรียนไปตั้งเยอะตั้งแยะ ถามจริงๆ เหอะ คุณคิดว่าคุณได้ใช้มันหมดเหรอ แล้วคนสัมภาษณ์ก็เล่าว่า เขาเรียนราม จบแปดปี บางวิชาไม่เคยรู้สึกว่า ต้องเรียน แต่ไม่เรียนก็ไม่ได้ เขาไม่เข้าใจระบบการศึกษาบ้านเรา ทำไมต้องอัดไอ้วิชาบางตัวที่ไม่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ด้วย แล้วคุณล่ะ คุณคิดว่าหลักสูตรมันห่วยไหม (ยังกะไปสัมภาษณ์คณะรัฐมนตรีเรื่องการปฏิรูปการศึกษาเลยเนอะ)

หนนั้นพี่ตอบไปว่า ก็ยอมรับว่าเราคงไม่สามารถใช้ความรู้ทั้งหมดกับงานได้หรอก เพราะงานบางอย่าง เราก็ต้องเข้าไปศึกษาระบบใหม่ แต่การที่เขาจัดหลักสูตรมาแบบนี้ ก็เพื่อรองรับการศึกษาต่อของนักศึกษาในอนาคต เขาไม่มีทางล่วงรู้หรอกว่า นักศึกษาจะไปต่อสายไหน อาจจะมีการเรียนบริหาร หรือสายวิชาชีพอื่นๆที่นอกเหนือจากวิศวะ การที่จัดหลักสูตรแบบนี้ ก็สมเหตุสมผลกันดี เพราะยังไม่เคยมีปัญหาเรื่องการเทียบโอนหน่วยกิตของเมืองไทยไปต่อเมืองนอกเลย (อันนี้คือม.ของพี่มีการแลกเปลี่ยนนักศึกษากันด้วยนะ เลยอ้างๆ ไถๆ ไปได้) อีกอย่าง ถึงแม้การทำงานจริงๆ เราจะใช้ความรู้ที่เรียนไม่หมด แต่เราก็ไม่มีทางรู้ได้ว่าเราจะต้องใช้ความรู้ตรงไหน จึงจำเป็นต้องเรียนรู้ให้กว้างที่สุด เพื่อประโยชน์ในการศึกษาต่อและการพัฒนาตัวเองในอนาคต

พี่ตอบเขาไปประมาณนี้อ่ะ คือก่อนอื่นต้องบอกว่าเร็วมากนะ เขาถามมาเราต้องคิดแบบมีสติหน่อย แล้วค่อยตอบไป ซึ่งบางทีพี่ว่าไร้สาระกับคำถามพวกนี้อ่ะ ย้อนคิดจริงจัง พี่ว่าคนถามเขาออกจะเป็นประเภทโมหะจริตผสมกับวิตกจริตนะ มาคาดหวังอะไรกับเด็กใหม่ให้ตอบในสิ่งที่คุณอยากฟัง พอเจอคนที่ชกเข้าหมัดจังๆ เลยเงียบ ไม่พูดอะไรต่อ แกล้งถูไถไปพูดเรื่องระบบงาน แล้วก็พยายามยกอะไรยากๆ มาฟาดฟันเรา มันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเลยอ่ะ ใครจะไปสู้คุณได้ ในเมื่อเราเพิ่งจบใหม่ ก็อย่าไปคิดมากเลยน้องวิว

งานอะไรที่เรารัก เราอยากทำ ถึงแม้ไม่ได้เรียนมา เราก็ยังพยายามกระเสือกกระสนจะทำ มันคือความชอบมั้ง พี่ว่านะ เขาถึงว่าคนเรามักจะทำงานอดิเรกได้ดี เนื่องจากไร้ความกดดัน และเป็นสิ่งที่ชอบทำ ทำด้วยใจ เลยไม่ค่อยมีเรื่องคิดมากเท่าไหร่ อ้อมีเรื่องฮาๆ นะ คือ เพื่อนพี่ที่เรียนคณะนึง แนวๆ ใช้ภาษานี่แหละ เขาบอกให้พี่ช่วยเขียนเรียงความส่ง เออ ดีจริงเพื่อนเรา ตัวเองเรียนเอกตัวนี้ แต่ดันมาให้เด็กวิศวะเขียนเรียงความให้ มันจะรอดไหมเนี่ย

ส่วนรูปงานแต่งงาน พี่คงไม่เอารูปคนลงแน่ๆ จ้ะ แต่จะเอารูปอาหารมาลง ประทับใจกับอาหารในงานเลี้ยงมากมาย
โดย: ไกลนั้น วันที่: 15 มิถุนายน 2552 เวลา:17:30:07 น.
  
พี่ธาร
อ่า อันนี้ไม่รู้แฮะ แต่เริ่มสังเกตว่า บล็อกโณมักจะเปิดประเด็นคุยกันยาวจริงๆ แหะๆๆ


น้องเบลล์
แล้วทางกทม.มาล้างรร.รึยังอ่ะน้องเบลล์ ต้องระวังน้า พี่ไม่รู้ว่าหยูกยาในเมืองไทยมันจะพอรึเปล่า เห็นแพร่ระบาดเร็วจัง ที่เรียนพิเศษก็มีคนเอาผ้าคาดปากจมูกเหมือนกัน

หายเจ็บแผลเร็วๆ น้า

พูดถึงเรื่องแต่งงาน ปลายปีนี้พี่ก็ต้องไปอีกงานนึง แต่โอ้ว น้องเบลล์เป็นคนแรกนะเนี่ยที่บอกว่าเมื่อไหร่จะคิวพี่บ้าง ก๊ากกก ขำแร่ะ ฮาๆๆ
โดย: ไกลนั้น วันที่: 15 มิถุนายน 2552 เวลา:17:44:05 น.
  
เปนปิดล้างไปหลายรร.แล้วละแต่รร.เบลล์ยังเลย

ตอนนี้แผลเจ็บเฉพาะตอนเดินแล้วละ

แต่คาดว่าจัปิดแผลไปเรื่อยๆก่อน

มีแต่โรคแปลกๆ

ก้ออยากเห็นที่โณออกจากหมู่บ้านคานทองไง


5555
โดย: เบลล์ IP: 124.122.64.230 วันที่: 16 มิถุนายน 2552 เวลา:16:41:18 น.
  
พี่โณ

อย่างที่คิดเลยค่ะ

พออ่านหนังสือหนักเข้าเริ่มขึ้เกียจออกกำลังกาย

มันง่วงไม่ไหวจริงๆ

พรุ่งนี้จอยมีเรียนdrawingแหละ

แอบเครียดเพราะจอยเกลียดการวาดรูปมาก

ดีนะที่เรียนแต่เขียนแบบ ไม่ได้เรียนauto cadเหมือนชาวบ้าน

ไม่งั้นคงไม่ต้องทำอะไรกัน แค่รีพอร์ทก็จะทับตายแล้ว

มาบ่นๆ อีกแล้ว พี่โณเป็นไงบ้างค่ะ?? สบายดีบ่??

ช่วงนี้ฝนตกบ่อย รักษาสุขภาพนะคะ

Ps.รับน้องเป็นหน้าที่ปีสองค่ะ ปีสามดูเฉยๆ

Ps2.ขนาดน้องรหัสตัวเองจอยยังไม่เห็นหน้าเลยพี่โณ ไม่มีเวลาไปเหล่ใครเลยอ่ะ แอบเซ็งอยู่

Ps3.คิดถึงพี่โณน้า ^____^
โดย: GoOsHa!R IP: 202.44.135.39 วันที่: 17 มิถุนายน 2552 เวลา:0:17:49 น.
  
ตามปกติพี่จะซื้อหนังสือตามร้าน แต่มีไม่ปกติอยู่สองครั้งที่ซื้อหนังสือในเน็ต ครั้งแรกก็ปีที่แล้ว ซื้อหนังสือสองเล่ม ครั้งที่สองก็เมื่อไม่กี่วันมานี้เอง พอดีเป็นหนังสือที่หาซื้อยากน่ะ ไปค้นเจอในเน็ตจึงตัดสินใจซื้อโดยไม่ต้องคิด ว่าแต่โณเถอะ ชอบสั่งซื้อหนังสือแบบออนไลน์มั้ย

อ้อ อีกเรื่อง อดฮาไม่ได้ ก็เรื่องที่โณกับเพื่อนไปยืนจดข้อมูลในร้านหนังสือไง ทุกวันนี้พี่ยังไปแอบจดอยู่เลย เวลาเจอนิตยสารออกใหม่ ต้องเปิดดูหน้าเรื่องสั้นและจำว่าเล่มนี้ใครได้ตีพิมพ์ ชื่ออะไร ถ้าเป็นคนที่คุ้นชื่อก็ง่ายหน่อย เพราะจะได้จำแต่ชื่อเรื่อง จากนั้นค่อยเลี่ยงออกมาจดในเศษกระดาษ ไม่กล้าเขียนตรงนั้นหรอก 555
โดย: http://yutthachaibodin.wordpress.com/ IP: 119.31.81.6 วันที่: 17 มิถุนายน 2552 เวลา:18:45:11 น.
  
น้องเบลล์
ยังไม่มีที่ไหนมาล้างรร. แสดงว่ารร.หนูยังไม่เจอคนเป็นโรคนี้อ่ะจิ ดีออก หากมีใครเป็นขึ้นมาคงโกลาหล
พูดแล้วนึกได้ วันก่อนพี่ออกจากออฟฟิศตอนสามทุ่มครึ่ง ก็นั่งรถไฟฟ้าไปลงตรงสนามกีฬาอ่ะ พอดีป้ายนี้เป็นป้ายสุดท้ายของสายตากสิน ตอนที่พี่ลงจากรถนะ ก็มีพนักงานแต่งชุดแบบมิดชิดมากๆ มีถุงมือยางด้วย พอเขาเห็นผู้โดยสายลงจากรถหมด เขาก็รีบเข้าไปพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อทันที
อึม O-o" มันเลยทำให้พี่รู้สึกว่า รถขบวนที่พี่นั่งมาเนี่ย เต็มไปด้วยเชื้อโรคอ่ะ ฮ่าๆๆ
ส่วนหมู่บ้านที่น้องเบลล์ว่า ก๊ากกก


น้องจอย
พี่เกลียดวาดรูป drawing มากๆเลยอ่ะ ไม่รู้สิ วาดแล้วไม่เจริญตาเจริญใจ พี่ชอบวาดรูปที่เป็นคนมากกว่า เคยมีครั้งนึง นั่งใช้ดินสอ EE สเก็ตภาพอาจารย์สอนคณิตศาตร์ แนวๆ การ์ตูนล้อเลียนอ่ะ ดึงเอาลักษณะเด่นๆ ของเขาออกมาแล้วเติมให้ตลกๆ เพื่อนๆ ชอบกันใหญ่ พี่เลยเกิดความคิดอยากไปเรียนวาดรูป เลยไปปรึกษาอาจารย์ที่ชมรมออกแบบ อาจารย์ก็บอกว่ายังไม่มีคนสนใจ แต่หากมีผลงานก็ลองส่งมา พี่เลยรีบถอย เพราะผลงานส่วนมาก พี่สเก็ตแต่หน้าอาจารย์ทั้งนั้น ขืนส่งไปก็มีหวังโดนเชือดอ่ะจิ
ช่วงสองสามวันก่อนงานเยอะมากๆเลยอ่ะน้องจอย กลับบ้านดึกทุกคืน มีวันนี้แหละที่พี่จะชิ่งเร็วแล้ว ไม่ไหว ง่วงนอนมาก กะว่าจะออกจากออฟฟิศจะไปนอนดีกว่า
อ้อ พี่ยังไม่เห็นหน้าน้องรหัสเลยอ่ะ น้องปีที่แล้วชื่อไรยังจำไม่ได้เลย รู้อย่างเดียว น้องทุกคนต้องจำพี่ได้ ไม่งั้น ไม่เลี้ยง ฮ่าๆๆ
คิดถึงน้องจอยเหมือนกัน ไว้มากทม.แบบไม่ใช่งานหนังสือบ้างจิ จะได้นัดเจอ


พี่ธาร
โณมักจะซื้อหนังสือจากเน็ตค่ะ ระยะหลังๆ จะเริ่มซื้อไม่เยอะเท่ากับสมัยก่อน ช่วงนี้โณเริ่มหยิบเรื่องเก่าๆ ที่เคยอ่านแล้วลืมมานั่งอ่านใหม่ มีเรื่องนึงทำน้ำตาร่วง แปลกดีแฮะ ปกติใจหินค่ะ อ่านอะไรไม่ค่อยรู้สึกรู้สาเท่าไหร่

มาต่อที่การสั่งหนังสือ โณชอบสั่งกับ SE-ED ค่ะ เพราะอย่างแรกคือ ได้ลดราคา ไม่มีค่าจัดส่ง หากเดินไปเอาที่ร้านซีเอ็ด อีกอย่างคือ โณจะได้ไปคุยกับคนขายด้วย เวลาเจอกันทีไร เขาจะบอกว่าคิดถึงจัง ไม่ค่อยได้เจอเลย นี่ก็คุยมาตั้งแต่เขายังไม่ท้อง จนกระทั่งเขาท้องจวนจะคลอดแล้วล่ะค่ะ ฮา

ไอ้เรื่องที่พี่ธารฮา โณกลับไม่ฮาแฮะ ก็รู้อ่ะค่ะว่ามันน่าเกลียด แต่อารมณ์เด็กๆ ก็ทำให้รู้สึกว่า เราไม่ได้ขโมยของ ทำไมต้องพูดแบบนั้นกับเราด้วย ยิ่งได้เดินในดับเบิ้ลเอบุ๊ค ที่อนุญาตให้อ่านหนังสือได้ และนั่งไปได้นานๆ โดยเหมือนห้องสมุดทั้งหลัง ทำให้โณเห็นข้อแตกต่างเหมือนฟ้ากับนรกเลยค่ะ
โดย: ไกลนั้น วันที่: 18 มิถุนายน 2552 เวลา:17:29:46 น.
  
ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมค่ะ
จะตามติดด้วยใจระทึกเลยค่ะ
อย่าลืมส่งข่าวคราวกันบ้างนะคะ
โดย: ทรายหวาน วันที่: 19 มิถุนายน 2552 เวลา:1:23:09 น.
  
ตอนนี้สั่งปิดไปแล้วนะพี่โณ ปิดวันนี้วันเดียว
แล้ววันจันทร์ไปเรียนปกติ(งกวันเรียนจิงๆ)
แต่จะว่าไปอาจจะเป็นเพราะรรเบลล์ไม่มีผอก้อเปนได้
โดย: เบลล์ IP: 124.120.12.190 วันที่: 19 มิถุนายน 2552 เวลา:12:02:25 น.
  
คุณทรายหวาน
โณต้องขอบคุณคุณด้วยเช่นกันนะคะที่ติดตามอ่านนิยาย หากมีความคืบหน้า จะแจ้งกลับไปให้ทราบแน่นอนค่ะ และถ้ามีความคิดเห็นใดๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องที่เขียน ก็บอกกันได้เลยนะคะ ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นค่ะ ^^


น้องเบลล์
อึม จะว่าไงดี พี่เริ่มขำไม่ค่อยออกแร่ะ เพราะที่ทำงาน มีพี่คนนึงพาลูกมาที่ออฟฟิศอ่ะ แล้ววันนั้นลูกพี่เขาป่วย พวกเราก็ไม่รู้ว่าป่วยเป็นไข้หวัด2009 มารู้อีกที ก็วันนี้แหล่ะ T___T ตอนนี้กลิ่นเดตตอลเลยฟุ้งทั่วห้อง เดชะบุญที่ห้องพี่เขากับห้องทางทีมเทคนิก มันคนละห้องกัน

สมัยก่อนเวลากินข้าวที่ออฟฟิศ พวกเราจะเอากับข้าวมานั่งกินรวมกันอ่ะ แบบว่าใครมีกับข้าวเยอะก็เทแบ่งไว้ เผื่อคนอื่นมาร่วมกิน ก็ไม่มีช้อนกลางนะ แต่พอไอ้ไข้หวัดนี่ระบาด วัฒนธรรมใหม่ในองค์กรคือ ช้อนกลาง แบบว่ากลายเป็นผู้ดีไปทันที ฮ่าๆๆ


ส่วนไอ้โซฟาตัวที่น้องคนป่วยมานอน (พอดีออฟฟิศมีโซฟาตัวนึง เอาไว้ให้คนมานั่ง แต่ส่วนมากเป็นลูกๆ ของพี่ๆ ที่ทำงานแหละ) มีพี่อีกคนเสนอว่า ให้เอาไปเผาซะ อันนี้มาแนวโหดแร่ะ O_o" แต่ก็แอบสนับสนุน อยากให้ยกไปเผาเหมือนกัน เพราะไม่มีใครกล้านั่ง ยกเว้นแขกหรือแมสเซนเจอร์ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ อีกคนบอกว่า ให้เอาเดตตอลมาราด ข้อสรุปคือ เอาเดตตอลมาราดๆ เช็ดๆ


ระยะฟักตัวของโรคนี้มันกี่วันเนี่ย พี่เริ่มสยอง รู้สึกใกล้ตัวขึ้นทุกทีแย้ว
โดย: ไกลนั้น วันที่: 19 มิถุนายน 2552 เวลา:15:54:06 น.
  
ซะงั้น เบลล์ขำไม่ออกนานแล้วละ
เพื่อนเบลล์กลับมาจากอเมริกาหลายคนมาก
แล้วมีอีกหลายคนไม่สบาย
มีที่ป่วยแน่ๆ4-5คน แต่ไม่รู้ว่าเปนหวัดธรรมดารึป่าว
ส่วนเบลล์เหมือนจะเป็นหวัดหลายวันละ
แต่ก้อยังไม่เป็น แถวเสาร์ อาทิตย์เรียนพิเสดทั้งวันอีก
55 จะติดกะเค้าไม่เนี่ย
โดย: เบลล์ IP: 124.120.7.115 วันที่: 20 มิถุนายน 2552 เวลา:8:46:58 น.
  
ปล. ระยะฝักตัวก้อเหมือนหวัดใหญ่ธรรมดาเลย เอาง่ายๆว่าถ้าไม่ไปตรวจก้ออาจจะคิดว่าเป็นหวัดธรรมดาได้อ่ะ
(แต่เบลล์จะเป็นหวัด2011ให้ดู 5555 อันนี้ล้อเล่น)
โดย: เบลล์ IP: 124.120.7.115 วันที่: 20 มิถุนายน 2552 เวลา:8:49:56 น.
  
น้องเบลล์
พี่แปลกใจอยู่อย่างนึงอ่ะ ทำไมโรคนี้คนเป็นถึงได้แพร่ไปที่เด็กเยอะจัง เห็นปิดกันไปหลายรร.แล้วนะ แต่วันนี้อ่านข่าว เห็นเขาบอกว่า จริงๆ มันก็คล้ายๆ กับฤดูการแพร่พันธุ์ของไข้หวัดใหญ่ ซึ่งตรงนี้พี่เลยไม่แน่ใจว่า สรุปเราไม่ควรเสี่ยงติด หรือว่าติดๆ ไปก็ไม่มีผลอะไรหรอก เพราะโรคหวัด มันก็มีสิทธิ์เป็นกันทุกคนอยู่ดี

อีกอย่าง อัตราการเสียชีวิตของคนเป็นโรคนี้ โดยมากมักจะเป็นกับคนที่มีโรคประจำตัวอื่นๆ อยู่ก่อน อย่างนี้ก็พอเข้าใจนะ เพราะคนพวกนั้น ภูมิคุ้มกันในร่างกายก็คงจะต่ำอยู่แล้ว

ช่วงนี้พี่ไปเรียนพิเศษทีไร กลับมาที่บ้านจะผวาหน่อยๆ นะ คือที่เรียนที่พี่ไปเรียน มีทั้งเด็กมัธยมปลาย และก็ผู้ใหญ่วัยทำงาน เวลากลับบ้านทีไร พี่จะเป็นโรคอุปทานแหล่ะ แนวๆ รู้สึกเวียนหัว จมูกคัน ฮ่าๆ แต่ก็ยังไม่เดี้ยงไปนะ พอดีช่วงก่อนหน้านี้ถึงพี่ทำงานที่ออฟฟิศจนดึก แต่พี่ก็พยายามเดินออกกำลังกาย หรือไม่ก็หันมาปั่นจักรยานวันละครึ่งชม. สลับกับยกเวทสี่สิบที (ประมาณสองเซต) พอให้แขนได้ใช้ตรงกล้ามเนื้อส่วนท้องแขนบ้างอ้ะ

อือ พี่ว่าเราต้องระวังนะน้องเบลล์ เพื่อนที่ป่วยเนี่ย ใส่หน้ากากรึเปล่าอ่ะ หากไม่ใส่ พี่ว่าหนูใส่ดีกว่า เผื่อหนูเป็น อันนี้ต้องโดนกักตัวเลยนะ เพราะตอนนี้ลูกพี่ที่ออฟฟิศ โดนกักตัวไปแล้วฮับ
โดย: ไกลนั้น วันที่: 20 มิถุนายน 2552 เวลา:22:34:32 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไกลนั้น
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



สวัสดีค่ะ ไกลนั้น คือ นามปากกาที่ใช้ในการเขียนนิยายที่ถนนนักเขียนในเวบพันทิพย์ดอทคอมค่ะ หลายๆคนอาจจะเคยได้อ่านงานเขียนของไกลนั้นมาบ้างแล้ว ในนามปากกาว่า อโณทัย



ไกลนั้นขอฝากผลงานเขียนที่ได้ตีพิมพ์ในปัจจุบัน ตรงด้านล่างด้วยนะคะ ^^ อ่านแล้วคิดเห็นยังไง บอกได้เลยนะคะ


เรื่องสั้น


ต้องหนีเท่านั้น

ความฝันที่หายไป

การกลับมาของอากง

หมอดุ

ความเจ็บปวดครั้งสุดท้าย


รอวันนั้น


สะเตง...อรุณฉายที่ปลายใจ






เรื่องยาว



Believe...สุดปลายฝันนั้นคือเธอ




คือทุกสิ่งเพื่อเธอ เล่ม 1




คือทุกสิ่งเพื่อเธอ เล่ม 2




เพียงความคิดถึง



ทางกลางใจ เล่ม1




ทางกลางใจ เล่ม2
มิถุนายน 2552

 
1
2
3
4
5
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog