ความสุขของกะทิ: ความสุขที่สัมผัสได้ด้วยใจ


ชื่ออื่นๆ : The Happiness Of Kati
ชื่อไทย : ความสุขของกะทิ
ผู้กำกับ : เจนไวย์ ทองดีนอก, เข็มอัปสร สิริสุขะ (กำกับ ผู้ช่วย)
ผู้แต่ง : งามพรรณ เวชชาชีวะ, เจนไวย์ ทองดีนอก
วันเข้าฉาย : 08/01/2009
ประเภท : Drama, Family
ความยาว :
เรท : เรท G
สถานที่ถ่ายทำ : Thailand
ภาษา : ไทย




ได้มีโอกาสไปดูภาพยนตร์เรื่องความสุขของกะทิที่โรงเซ็นทรัลพระรามสอง ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมาค่ะ หนังเรื่องนี้เพื่อนอยากไปดูมาก บอกสั้นๆ "ไม่เคยเห็นหนังไทยเรื่องไหนถ่ายภาพได้สวยเท่าเรื่องนี้เลย"


จากนี้ไปจะเป็นเรื่องราวในหนังนะคะ หากใครอยากดูก่อนอ่านความคิดเห็น ก็เชิญข้ามตรงส่วนนี้ไปได้เลยค่ะ




เริ่มต้น กะทินั่งแกว่งชิงช้า กล้องจับภาพให้เห็นถึงคอนโดหรูกลางกรุง ภาพนั้นนิ่งนานจนเด็กข้างๆ คุยกันเบาๆ "อยากได้บ้านแบบนี้มั่งจัง" เออ ภาพมันจับภาพนานไปหน่อยไหมเนี่ย

จากนั้น กะทิก็ถูกลุงกับน้าพาไปบนห้อง เพื่อจะดูสิ่งของที่แม่ทิ้งไว้


ภาพถูกตัดกลับมาที่อดีตอันสดใสของกะทิ พร้อมกับการตื่นนอนของกะทิให้ห้อง ภาพถูกจับภาพนิ่งหยุดอยู่กับที่อีกรอบ แช่นานจนเราเองยังรู้สึกอึดอัด เอ่อ ห้องหนูกะทิสวยจ้า ยอมรับ แต่อย่าแช่นานมากได้ไหม อารมณ์ของหนังมันเลยเนือยไปเลย แทนที่จะตื่นมาด้วยความสดใส ปรากฏว่าคนดูเจอความอึดอัดไปเต็มๆ


เรื่องราวช่วงแรกๆ คล้ายบทประพันธ์ค่ะ หนูกะทิเล่นได้ดีนะ น่ารัก เด็กไรเนี่ย ทำไมน่ารักขนาดนี้ กับตัวละครตัวนี้ผ่านค่ะ ชอบมาก


แต่มีบางจุดที่น่าคิดไม่น้อย เมื่อหนังที่ดูดี มาตกม้าตายหลายฉาก ทั้งจากตัวแสดงรุ่นใหญ่ ทั้งจากการตัดต่อภาพ เดี๋ยวจะขอแจงให้ฟังเป็นจุดๆ ดีกว่าค่ะ

1. เรื่องนี้ มีความเนือยแฝงอยู่มากเกินไป โดยเฉพาะการดึงอารมณ์กับภาพมาคู่กัน
ไม่เถียงว่าภาพสวยมาก ขนาดถ่ายแช่ที่กะละมังซักผ้า ยังทำให้กะละมังสวยได้ นั่นก็ยอดเยี่ยมมาก เรายังไม่เคยเห็นใครถ่ายกะละมังซักผ้าในภาพยนตร์สวยซักราย แต่คุณทำได้

ความผิดพลาดในเรื่องนี้ คือการเล่นกับภาพมากไป เราเห็นคนถ่ายชอบโคลส์ภาพมุมสูงค่ะ แช่ภาพในมุมสูงนาน พร้อมกับความเงียบกริบ จนเราเริ่มไม่แน่ใจว่ามันคือสื่อถึงอะไรเหรอ จากนั้นค่อยๆ เลื่อนภาพมุมสูงจับภาพกลับมามุมต่ำ พร้อมกับเสียงตัวละครที่พูดกันอยู่ตรงพื้นดิน กว่าจะมาถึงตัวละครก็... ไปแล้วค่ะ... อะไรไปรู้ไหมคะ อารมณ์ไปแล้วค่ะ มันสั้นไป มันกระชากอารมณ์คนดูไปค้างอยู่บนฟ้านั่นแหละ -_-" ดูกับเพื่อนแล้ว จุดนี้คิดตรงกันสองคน

บางภาพก็งงมาก คือฉากที่กะทิวิ่งไปเจอม้า แล้วยังไงเหรอ เอ่อ คือไม่เข้าใจค่ะ ฉากนี้จะสื่อสารอะไรออกมา เราอาจจะโง่เกินกว่าจะรับสารนั้นได้ แต่เราไม่เข้าใจจริงๆ


อีกฉากเป็นตอนถ่ายไปที่ใบมะละกอ ถ่ายอยู่จุดสูงมาก ถ่ายแช่ไว้นานจนเรางง มองใบมะละกอจนละเอียดเลย แล้วค่อยๆเลื่อนภาพต่ำมาที่ตาหลานคุยกัน ในความเห็นส่วนตัว เราว่าการถ่ายลักษณะนี้บางทีต้องดูฉากด้วยค่ะ เพราะเด็กข้างๆ เราคุยกันตลอดเลย จะไปโทษตัวหนังคงไม่ได้ ในเมื่อมันเล่นกันลักษณะนี้ แต่มันก็เนิบๆ จนทำให้หาวไปสามสี่รอบ


2. น้ากันต์ เปลี่ยนตัวเล่นได้ไหม



ผิดหวังกับตัวละครน้ากันต์มากมาย อันนี้เราคงหวังสูงไป แต่ไม่ไหวจริงๆ น้ากันต์ในเรื่องคือผู้ชายที่อบอุ่น รักเด็ก เล่นกับเด็กจนทำให้เด็กไว้ใจ กระทั่งเป็นคนที่กะทิยอมเล่าทุกๆ อย่างในใจให้ฟัง แต่ น้อย วงพรู ทำได้ไม่ดีเท่าที่เราคาดและหวัง แม้เพื่อนที่เข้าไปดูด้วยกัน ก่อนเข้าโรงยังบอกว่า เราอคติกับ น้อย วงพรู มากไปรึเปล่า เขาเล่นดีนะ อย่างโง้นอย่างงี้ เราก็อ้ะๆ นายไม่ได้อ่านหนังสือ เราอ่านหนังสือมา ก็ลองมาแชร์กันดู แต่สิ่งที่ออกมาคือ มันยังไม่ใช่ บทนี้อาจจะไม่เหมาะกับนักแสดงคนนี้นะ เวลาเขาพูดออกมา เราอยากปิดหู มันแง้วๆ เหมือนแมวหงิงๆ ยังไงก็ไม่รู้ กลายเป็นคนน่ารำคาญไปเลย โฮ เสียดายจริงๆ

ดังนั้น ฉากที่เราชอบน้ากันต์ คือฉากที่น้ากันต์ไม่ได้พูด แป่ว...


3. บทแม่ของกะทิ


จะมีช่วงกลางเรื่องที่แม่ของกะทิเล่าถึงความหลัง ตอนที่ทิ้งกะทิให้อยู่กับตายาย ฉากนั้นเล่นแล้วอึ้ง ไม่ใช่อึ้งเพราะซึ้ง แต่อึ้งเพราะ มันดูหลอกๆ อารมณ์ หรือเป็นเพราะตัวลูกสาวนิ่งเกินไป ไม่ได้รับส่งอารมณ์ใดๆ แต่เรากลับคิดว่ากะทิเล่นดีนะ เพราะในหนังสือ บทกะทิคืออย่างนี้เลย


4. การดึงฉากของเรื่องนี้มาถ่ายทอดอารมณ์
ตอนแรกเราคิดว่าจะมีแต่ภาคแรก ยังงงๆ ว่าจะสั้นไปหรือเปล่า แต่กลายเป็นยำใหญ่ใส่สารพัด คือยำภาคสอง รวมกับภาคหนึ่ง เช่นตอนที่มีนักขี่จักรยานมาเยี่ยมรร. ฉากนั้นเพื่อนเราเสนอว่า ตัดไปได้ไหม เราก็คิดเหมือนกันนะ หรือจะแค่ให้มีใครสักคนมาตั้งคำถามให้กะทิฟังเหรอ ว่าแม่อยู่ไหน ถึงสร้างฉากนี้ขึ้นมา

เชิงรบ ในเรื่องนี้เหมือนจะเด่น เราคิดว่าจะมีฉากบู๊ระหว่างเชิงรบกับป้อมยักษ์ แต่ไหง กลับไม่มี ไปเป็นฉากเตะฟุตบอลแทน เรายังอยากดูฉากบู๊อันนั้นมากกว่าอีก


5. การไม่จับภาพ ในสิ่งที่คนดู(อย่างเรา)อยากดู
อันนี้แรงสุดสำหรับเรา งงมาก คือเรื่องนี้ให้ความสำคัญกับการจับภาพนักหนา แต่ไอ้ภาพที่อยากให้กล้องจับกลับไม่มี เช่น ฉากที่แม่เล่าให้กะทิฟังว่า แม่ทำลูกเจ็บ ทำลูกหล่นบ่อย จนลูกต้องเนื้อตัวเป็นแผล ตอนนั้นทำไมกล้องไม่จับภาพในสมุดภาพนะ จะได้ย้ำความรู้สึกแรงๆ เลยว่า ไอ้เจ็บตรงนี้คือเจ็บขนาดที่ทำให้แม่ถึงกับสาบานว่าจะไม่แตะต้องลูก เลยพ่วงมาถึงตอนที่แม่เล่าให้กะทิฟังทั้งนั้นตา ว่าแม่สาบานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้ หากกะทิรอดตาย แม่จะไม่แตะต้องตัวลูกอีก มันอ่อนไปเลย ทั้งๆ ที่ตอนอ่านหนังสือ เราอินจริงๆ นี่คือคำสาบานที่แรงที่สุดเท่าที่แม่คนนึงจะขอแลกกับชีวิตลูก เธอไม่มีชีวิตจะสูญเสียให้อะไรอีกแล้ว จึงขอมอบสิ่งที่มีค่าที่สุด คือการไม่แตะต้องลูก ไม่ทำให้ลูกต้องเจ็บปวดเพราะตัวเองทำ ความกลัวว่าลูกจะต้องเดือดร้อนเพราะตนจึงผลักดันให้แม่ต้องถอยออกมา หากอยู่ใกล้ก็คงห้ามใจไม่อยู่ และลูกอาจจะลำบากอีก ในหนังสือถ่ายทอดออกมาแล้วเรารู้สึกแรงเหมือนกัน

แต่พอในหนัง เฮ้อ เพื่อนที่ออกมาจากโรงด้วยกันถึงกับบ่น "แม่บ้าไรเนี่ย สาบานอะไรอย่างงี้ก็มีด้วย พล็อตอ่อนเหลือเกิน" เง้อ เศร้าไป เราอ่านหนังสือมาก็เลยเฉยๆ แต่คนไม่อ่านหนังสือ ก็คงคิดเหมือนเพื่อนเราล่ะมั้ง

อีกตอน เป็นฉากที่กะทิกับลุงตองนั่งดูภาพถ่าย ลุงตองบอกว่า หนูได้ตามาจากพ่อ อ้าว แล้วไม่ถ่ายหน้าพ่อให้ดูบ้างเหรอ หรือให้คนดูจินตนาการไปเอง คือบางทีมันน้อยไปกับจุดนี้

อีกฉากเป็นตอนพี่ทองพายเรือมาเจอกะทิอยู่ในเรือคนเดียว ฉากนี้จริงๆ ควรส่งซึ้งได้ต่อนะ เราคิดว่าจะได้เห็นฉากที่ทองช่วยกะทิไว้ ในสภาพทุลักทุเล จนแม่ช้ำหัวใจ หรือแม้แต่ตอนที่กะทิต้องไข้ขึ้นเพราะป่วยหนัก จนแม่ยิ่งแน่ใจแล้วว่าไม่ควรอยู่ใกล้ลูกอีก และต้องฝากไว้กับตาและยาย แต่นี่ ไม่มีเลย ภาพตัดไปเป็นแม่ร้องไห้(ที่ดูแล้วไม่ธรรมชาติ) หนูกะทิก็นิ่งๆ ตรงตามบท แต่มันเลยยิ่งแย่ไปกันใหญ่ จนเราคิดว่า เอาเวลาตอนแช่ภาพนานๆ ช่วงแรก มาทำฉากแนวนี้น่าจะดีกว่า จะช่วยส่งเหตุผลการจากไปของแม่ได้ด้วย เพราะคุณรัชนก เอาไม่อยู่จริงๆ ไม่โทษเธอเพราะคาดว่าเล่นยาก แต่มันกู่ไม่กลับจริงๆ อ่ะ




หลายๆ อย่างมันดันมารวมกัน รวมถึงจุดพีคที่ดั้นไปอยู่ท้ายเรื่อง จุดนี้คือจุดเฉลย ทำให้หนังเรื่องนี้ อาจจะดูแล้วไม่สะดุดใจ แน่นอน เราไม่ได้หวังว่ามันจะต้องยิ้มแย้มรื่นเริง เพราะเราอ่านหนังสือมา เราถึงอยากไปดู ซึ่งการเดินเรื่องในหนังสือ มันมีนัยยะซ่อนหลายจุด ค่อนข้างยากในการดึงออกมา เราก็ไม่คิดตรงนั้นหรอก แต่การเล่นกับภาพมากไป ทำให้เรารู้สึกอึดอัด แม้ว่าหนังเรื่องนี้จะสะอาด มีความเป็นไทยๆ ถ่ายภาพสวยงามก็เหอะ ถ่ายสวยจริงๆ รับประกันค่ะ ภาพเรื่องนี้สุดยอดหลายฉาก คิดง่ายๆ ขนาดกะละมังซักผ้ายังถ่ายสวย อย่างอื่น ไม่ต้องพูดถึง ยังกะดูหนังสารคดี ถ่ายแมลง ถ่ายทุ่งหญ้า ถ่ายมิติภาพ เราชอบจริงๆ ดูภาพก็โอเคแล้วล่ะสำหรับเรื่องนี้ (แต่จุดตาย ก็คือภาพอีกเหมือนกัน)


ตัวหนังตอบโจทย์คนดูได้ดี ความสุขของกะทิคืออะไร เรื่องนี้จึงมีเนื้อเรื่องที่ผ่าน ไม่เหมือนแฮปปี้เบิร์ดเดย์ ที่ทำให้เราคิดตลอดเวลา มันจะมีผู้ชายแบบเต็นด้วยเหรอ ยิ่งตอนจบ เฮ้อ ลอยทะเลไปเลย


นักแสดงนำอย่างหนูพลอย แสดงได้เก่งมาก น่ารัก สดใส เหมาะกับบทกะทิจริงๆ น้องเล่นดีค่ะ ปรบมือให้หลายๆ แปะเลย ^^


คุณตาคุณยายก็เหมาะนะ กับน้าฎาก็โอเค ลุงตองนี่ ตรงใจมาก พี่ทองก็อีกคน หาเล่นได้เหมาะสม เรื่องนี้จึงค่อนข้างเด่นไปทางคาแรคเตอร์นักแสดงที่ตรงกับบทประพันธ์ค่ะ

แต่...(ทำไมต้องมีแต่ด้วยนะ) ในเรื่องนี้ การใช้ตัวนักแสดงยังไม่ดีพอค่ะ หากคนไม่อ่านหนังสือ คงงงๆ บรรดาญาติๆ ของกะทิค่ะ เพราะจู่ๆ น้าฎาก็โผล่ น้ากันต์ก็มา ลุงตองก็โผล่ เราว่ามันไม่มีการปูพื้นที่ดี เหมือนกับหวังให้คนดูเรื่องนี้ จำเป็นต้องอ่านหนังสือมาก่อนถึงจะเข้าใจ ถ้าเป็นแบบนั้นคงมีปัญหา เพราะใครจะไปอ่านหนังสือมาก่อนได้ทุกคน บางคนยังไม่เคยอ่านเรื่องนี้ด้วยซ้ำ


สรุป หนังเรื่องนี้ ขอให้คะแนนภาพถ่ายสวย ส่วนอื่นๆ หักลบหักล้างกันไป ก็เป็น 7.5 คะแนนค่ะ เนื่องจากการคัดลำดับเรื่อง การตัดต่อภาพ รวมถึงนักแสดงที่กระตุกบางจุด ก็เท่านี้ดีกว่า


ถึงโดยรวมจะคะแนนกลางๆ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องนึงที่อยากให้กำลังใจคนทำ อาจจะประสบการณ์ไม่มาก หรือเพราะอะไรก็แล้วแต่ ก็อยากให้กำลังใจว่า ขอให้ทำหนังเนื้อหาดีๆ แบบนี้บ่อยๆ นะคะ เราเบื่อหนังผี หนังเกย์ หนังตลก(ที่ทำโดยคณะตลก)เต็มที เราอยากเสพหนังแบบนี้ ถึงจะมีบางช็อตที่ไม่ตรงใจนัก เรากับเพื่อนคิดว่า สิ่งเหล่านี้มันปรับปรุงกันได้ ยิ่งมีฝีมือเป็นพื้นฐาน การปรับเปลี่ยนพวกนี้ไม่ยากเลยค่ะ


สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น อยากขอให้ทุกคนที่เข้ามาอ่าน ลองใช้วิจารณญาณด้วยนะคะ เราสนับสนุนหนังไทย และคิดว่าเรื่องนี้มีความสะอาดมากพอที่จะจูงลูกหลานไปดูได้ (แต่เด็กอาจหลับ หรือคุยกันเลย เพราะเด็กข้างๆเราคุยกันตลอดเรื่อง หนังมันเนือยจริงๆ ต้องระวังในการจูงลูกหลานไปดูด้วยค่ะ อาจจะทำความรบกวนให้คนข้างๆ โดยที่เราไม่ได้ตั้งใจ) และไม่มีการใช้คำหยาบคายในเรื่องให้ต้องกลุ้ม อย่าหาว่าโอ๊ย ดัดจริตจริง ชีวิตมันก็ต้องเจอคำพวกนี้อยู่แล้วล่ะ แต่เราเลือกจะเสพได้นี่นา ทำไมเราไม่เลือกสิ่งดีๆ ล่ะ จะไปฟัง ไปดูหนังที่เล่นคำสกปรก หรือมุขถ่อยๆ ที่ชอบหยิบพวกเพศหญิงเพศชายมาล้อมาผวนทำไม รู้ไปไม่เกิดความฉลาดขึ้นเลยสักนิด มีแต่ให้สมองโง่ลงเพราะจิตใจฝักใฝ่แต่ความสกปรก ไม่ดีกับคนสร้างหนังและคนดูเลยค่ะ


ก็ลองไปดูนะคะ แล้วจะรู้ว่าความสุขของกะทิ ตรงกับสิ่งที่เป็นความสุขของเราด้วยรึเปล่า^^



Create Date : 12 มกราคม 2552
Last Update : 12 มกราคม 2552 15:43:01 น.
Counter : 2995 Pageviews.

9 comments
  
สวัสดีปีใหม่ค่ะไกลนั้น รู้สึกจะไมได้เจ๊อะกันในนี้ประมาณหลายปีอยู่นะเนี่ย ฮิๆๆ ขอให้เป็นปีที่ดีนะคะ

พอดีเลยค่ะ กำลังลังเลอยู่ว่าจะไปดูหนังเรื่องนี้ดีมั้ย เพราะยังแอบรู้สึกว่ากะทิน่ารักแต่โตไปหน่อยนะ ส่วนน้ากันต์ในภาพยนตร์ก้อ เอ่อ .... --' งั้นเค้าเก็บตังค์ไว้ดู inkheart ดีก่านะ XD
โดย: เด็กที่รอคอย(ทำไมมันล๊อคอินไม่ได้เลยล่ะ) IP: 119.31.41.39 วันที่: 12 มกราคม 2552 เวลา:17:00:08 น.
  
เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้ครับ ไม่ชอบอะไรหลาย ๆ อย่างในหนังเรื่องนี้...โดยเฉพาะฉากม้าเนี่ย กับฉากที่คนฝรั่งเศสเข้ามาเยี่ยมโรงเรียนเนี่ยมีทำไมเหรอ...หรือถ้ามีก็ควรทำให้มันสมเหตุสมผลหรือจริงจังกับมันหน่อย...คิดว่าฉากม้าเนี่ย น่าจะมีความหหมายทางวรรณคดีเหมือนกับ Epiphany ของหนูกะทิ คือเห็นลักษณะของม้าที่ Grace ที่ทำให้หนูกะทิคิดอะไรหรือก้าวต่อไปในทางที่ positive (แต่ไม่รู้ว่าใช่หรือเปล่านะครับ...คือหนังมันทำจนไม่รู้ว่าต้องการจะสื่ออะไร)

ใช่ ๆ เห็นด้วยเลยครับ น้ากันต์นี่ไม่ได้เรื่องเลย กับคุณแม่ของกะทินี่ัยังแสดงได้ไม่ค่อยกินใจ (คิดอยู่ว่าถ้าให้สินจัยหรือคนอื่นแสดงนี่คงต้องร้องไห้ออกมาเป็นปี๊บ ๆ มากกว่านี้)
โดย: Liza Minnelli วันที่: 12 มกราคม 2552 เวลา:17:09:12 น.
  
รู้นะว่า ว่าเรา ขอโทษด้วยนะ อดใจไม่ไหว หนังมันช้าจริงๆ ไม่ทันใจเลย
โดย: ดช.ขยุตม์ IP: 124.120.140.165 วันที่: 12 มกราคม 2552 เวลา:19:38:09 น.
  
คุณเด็กที่รอคอย
สวัสดีค่ะ ไม่ได้เจอกันในเน็ตตั้งนาน หวังว่าคงสบายดีนะคะ (แต่จริงๆ ไกลนั้นแอบเข้าไปอ่านแฟนฟิคเรื่องออสก้าในบล็อกคุณนะ อิอิ)

ส่วนหนัง อึม กะทิโตไปหน่อยจริงๆค่ะ แต่หน้าตาให้เลย ส่วน inkheart น่าดูนะคะ


คุณ Liza Minnelli
ฉากที่คนฝรั่งเศสมาเยี่ยมรร. ตรงนี้มีในบทประพันธ์ค่ะ แต่ไม่มีการมาตั้งคำถามเกี่ยวกับพ่อแม่ของกะทิ ส่วนเรื่องม้า อ้อ พอเข้าใจล่ะ แต่บอกตรงๆว่าฉากนี้เราไม่เข้าใจความหมายของมันจริงๆ

ในส่วนบทน้ากันต์ เราว่าบุคลิกเขาพอไหวนะ แต่พอพูดทีมันไม่ไหวเลย เสียหมด ถึงคนที่ไม่เคยอ่านบทประพันธ์มา ก็ย่อมรู้สึกว่าไม่ใช่ค่ะ ไม่เกี่ยวกับการเอาตัวละครไปเทียบบทประพันธ์ อึม ส่วนคุณรัชนก เราว่าเธอเคยเล่นหนังดีนะ ตรงนี้ไม่แน่ใจว่าบทตรงนั้นยากจริงๆ หรือว่าอะไร แต่ยังไงก็เป็นจุดตายของเรื่องอีกแห่งที่แสดงมาแล้วคนดูรู้สึกโดนหลอกน่ะค่ะ


โดย: ไกลนั้น วันที่: 13 มกราคม 2552 เวลา:17:13:31 น.
  
พี่โณไปดูแล้วหรอ

เบลล์ยังไม่ได้ดูเลยอยากดูมากมาย
โดย: เบลล์ IP: 124.120.21.106 วันที่: 13 มกราคม 2552 เวลา:21:52:50 น.
  
งืม เห็นด้วยกะข้อความที่ว่า "ไปดูหนังที่เล่นคำสกปรก หรือมุขถ่อยๆ ที่ชอบหยิบพวกเพศหญิงเพศชายมาล้อมาผวนทำไม รู้ไปไม่เกิดความฉลาดขึ้นเลยสักนิด มีแต่ให้สมองโง่ลงเพราะจิตใจฝักใฝ่แต่ความสกปรก ไม่ดีกับคนสร้างหนังและคนดูเลยค่ะ" มากๆคะ คือหลานไม่ชอบดูหนังไทยก็เพราะสาเหตนี้แหละ มันไร้สาระซะจนไม่รู้ว่าจะเสียเวลาดูไปทำไม เพื่อนๆเคยบอกว่าเอาเฮ้อหลาน...ดูๆไปอย่าคิดมาก ถือว่าคลายเครียด แต่ยิ่งดูยิ่งเครียดนะคะ เพราะขัดใจ
โดย: karnkraw วันที่: 14 มกราคม 2552 เวลา:5:40:25 น.
  
น้องเบลล์
พอดีนัดไปดูกับเพื่อนค่ะ พี่ก็เลยได้ไปดูเร็วกว่าปกติ พี่ไม่อยากให้ตั้งหวังอะไรกับหนังมากนัก ยิ่งคนอ่านหนังสือ พี่ก็ไม่แน่ใจว่าจะคิดยังไง ต้องลองไปดูค่ะ


คุณ karnkraw
เราอาจจะไม่ชอบหนังที่เล่นมุขห่วยๆ มั้งคะ บางทีเราดูแล้วมันไม่ใช่แนวก็ถอยดีกว่า เพราะหนังพวกนี้ภาพมันก็ขายกันที่ตัวดารา ดูง่ายค่ะ เลยไม่ได้หลุดไปดูเท่าไหร่

แต่ก็อย่าคิดมากเลยนะคะ หากวันนึงเกิดต้องเข้าไปดูหนังพวกนี้ก็ถือว่าดูๆ ไปละกันค่ะ หากมีความสุข ตลกก็ถือว่าดี แต่หากไม่คิดอย่างนั้นก็อย่าไปเครียดเลยค่ะ เดี๋ยวจะคิดมากไปเปล่าๆ
โดย: ไกลนั้น วันที่: 14 มกราคม 2552 เวลา:13:48:12 น.
  
เห็นด้วยทุกอย่างเลยค่ะ

ทำไมไม่จับภาพในสมุดภาพก็ไม่รู้จะได้เห็นกันไปเลยว่า

กะทิเจ็บตัวขนาดไหน

โดย: ฝนเอยฝนตก วันที่: 14 มกราคม 2552 เวลา:13:49:49 น.
  
ชอบหนังสือครับ
ชอบเล่มสองมากกว่า
ยังไม่คิดเรื่องดูหนังเลย แต่ลูกสาวเริ่มเอ่ยปากชวนเหมือนกัน
โดย: คนขับช้า วันที่: 14 มกราคม 2552 เวลา:21:54:23 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไกลนั้น
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



สวัสดีค่ะ ไกลนั้น คือ นามปากกาที่ใช้ในการเขียนนิยายที่ถนนนักเขียนในเวบพันทิพย์ดอทคอมค่ะ หลายๆคนอาจจะเคยได้อ่านงานเขียนของไกลนั้นมาบ้างแล้ว ในนามปากกาว่า อโณทัย



ไกลนั้นขอฝากผลงานเขียนที่ได้ตีพิมพ์ในปัจจุบัน ตรงด้านล่างด้วยนะคะ ^^ อ่านแล้วคิดเห็นยังไง บอกได้เลยนะคะ


เรื่องสั้น


ต้องหนีเท่านั้น

ความฝันที่หายไป

การกลับมาของอากง

หมอดุ

ความเจ็บปวดครั้งสุดท้าย


รอวันนั้น


สะเตง...อรุณฉายที่ปลายใจ






เรื่องยาว



Believe...สุดปลายฝันนั้นคือเธอ




คือทุกสิ่งเพื่อเธอ เล่ม 1




คือทุกสิ่งเพื่อเธอ เล่ม 2




เพียงความคิดถึง



ทางกลางใจ เล่ม1




ทางกลางใจ เล่ม2
มกราคม 2552

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31