ความคิดของคนร่วมรถตู้
ตอนนี้งานก็ยังคงนรกอยู่ แต่เอาเถอะ ไม่มีอะไรที่จะนรกไปมากกว่านี้อีกแล้วล่ะค่ะ ไกลนั้นก็พยายามเคลียร์งานอยู่ พยายามคิดว่า เคลียร์วันนี้ให้จบดีกว่ารอพอกหางหมูในวันหน้านะคะ


จะว่าไปก็แปลกดีค่ะ ช่วงไหนที่งานเยอะมากๆ ไกลนั้นจะชอบมีไอเดียเขียนพล็อตนิยายเรื่องใหม่เสมอ ตอนนี้ก็เหมือนกันค่ะ หลังจากนอนๆ คิดเรื่องงานจนล้า ดันไอเดียกระฉูดถึงพล็อตเรื่องใหม่ขึ้นมาอีก ไอ่เรื่องเก่าของเรายังโพสต์ไม่ทันจบ ตอนนี้หาเรื่องเขียนเรื่องใหม่เข้าอีก โอ้ ท่าทางแกยังยุ่งไม่พอใช่ไหม(คำพูดนี้หัวหน้าไกลนั้นชอบบอกค่ะ)


ตอนนี้คิดๆ พล็อตเรื่องนึงอยู่ค่ะ อยากเขียนแนวรักๆ แค้นๆ ดูบ้าง จะว่าไปไม่เคยเขียนแนวนี้จริงๆ จังๆ เลย ตอนนี้นั่งหาข้อมูลการตัดไม้เถื่อนอยู่ค่ะ ถ้าหากเรื่องหน้าคิดชื่อเรื่องออก คงได้ฤกษ์เขียน เพราะตอนนี้คิดพล็อต วางตัวละครหมดแล้ว เหลือแต่ชื่อนี่แหละ ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะชื่อเรื่องอะไรดี อยากได้ชื่อที่มีคำว่า "ฟ้า" จัง คิดมาสองวันแล้วนะ เง้อ


อ้อ วันก่อน ไม่รู้พี่ภัทรนึกครึ้มอะไร หยิบกล้องถ่ายรูปมาให้ถ่าย ไอ้เราก็หลงดี้ด้า นึกว่าพี่ภัทรจะเลือกเราเป็นนางแบบ แต่แป่ว หลังจากจัดท่าทางกันอยู่นาน พี่ภัทรก็โอเชเบตง แชะออกมา ผลคือรูปนี้ค่ะ ^^"





ยังดีนะที่อมยิ้มบังเราได้เต็มหน้า ถ้าหากหน้าเรามีไขมันส่วนเกินจนอมยิ้มบังไม่อยู่ อันนี้อาจจะต้องพิจารณาหน้าก่อนพุงนะ



ต้นเดือนไกลนั้นต้องเตรียมไปเทรนต่ออีก จะมีเรื่องของ CMMI ในบริษัท ที่ต้องเจอกับฝรั่ง เฮ้อ คิดแล้วพาลเครียดลงกระเพาะต่อ วันก่อนกำลังนั่งคิดถึงตำแหน่ง ATM สุดชอกช้ำ แว่วเสียงนึงก็ดังมาจากผู้โดยสารในรถตู้ที่กำลังนั่งคุยกันอยู่ ไกลนั้นไม่ได้ตั้งใจฟังนะ แต่บังเอิญเขาอยู่ข้างๆ พอดีค่ะ

"ประเทศอื่นเขาพูดภาษาอังกฤษกันคล่องเนอะ อยากเป็นแบบนั้นบ้างจัง ขนาดพวกเวียดนามยังพูดฝรั่งเศสได้เลย"

"ก็ใช่น่ะสิ พวกนั้นเขาเป็นเมืองขึ้นมาก่อนนี่นา"

"เคยคิดไหมว่า ทำไมเมืองไทยไม่เป็นเมืองขึ้นอย่างพวกประเทศเพื่อนบ้านบ้าง เชื่อมะ เราไปถามคนที่เรียนภาษาด้วยในคลาส เขาคิดแบบเราหมดเลย ถ้าเมืองไทยเป็นเมืองขึ้น เราคงพูดภาษาอังกฤษคล่องแล้ว"

โห ฟังแล้วรู้สึกอยากจะชกหน้าไอ้คนพูดจังเลยอ่ะ มันใช้สมองส่วนไหนมาคิดเนี่ย บรรพบุรุษของเราอุตส่าห์ปกป้องเอกราชแทบตาย ลูกหลานกลับใฝ่ต่ำอยากเป็นเมืองขึ้นของคนอื่น ฟังแล้วถึงกับอึ้งในแนวคิดเลยทีเดียว

เพื่อนเขายังคงมีจิตสำนึกดี ตอบกลับมาว่า

"บรรพบุรุษเราคงเสียใจนะ ที่รักษาเอกราชไว้แทบแย่ แต่พวกเรากลับคิดอย่างนี้"

"ก็จริงๆ นะ ดูประเทศที่เป็นเมืองขึ้นสิ เจริญกว่าไทยไปหมดแล้ว คิดๆ ดูการเป็นเมืองขึ้นของประเทศอื่นก็ดีเหมือนกันนะ"


ฟังถึงตรงนี้รู้สึกรับไม่ได้ค่ะ เลยคว้าหูฟังมาเสียบดีกว่า ไกลนั้นยอมรับนะ ตัวเองไม่เก่งภาษาอังกฤษอย่างแรง ไม่เก่งขนาดที่เรียกว่า หากมีสอบภาษาทีไร จะต้องเป็นวิชาแรกที่สอบตก แต่ก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเก่งภาษามากขึ้น หากเมืองไทยต้องตกเป็นอาณานิคมของชาติอื่น


เวลาไกลนั้นพูดกับใคร ไกลนั้นจะพยายามพูดด้วยภาษาไทยทุกครั้ง ไม่พยายามแทรกด้วยภาษาอังกฤษถ้าคนนั้นฟังไทยออก เพราะอย่างแรกคือ เราก็ภูมิใจในภาษาของเรา จะไม่พยายามพูดไทยคำอังกฤษคำเพื่อให้ตัวเองดูเดิ้ล(หรือเดี้ยงก็ไม่รู้นะ เพราะไกลนั้นมองคนแบบหลังค่อนข้างแย่หน่อยๆ)


การที่เราจะเก่งภาษาอื่น ไกลนั้นคิดว่ามันพยายามได้ด้วยตัวเอง ถ้าคุณจะไม่เก่ง ก็คือตัวคุณไม่พยายาม ยอมรับตามตรงว่าตัวเองไม่ชอบเรียนภาษา เนื่องจากไม่ได้ใช้ทุกวัน จะไปจำศัพท์ได้ยังไง แล้วค่อนข้างขี้เกียจด้วยล่ะ ไม่ชอบวิชาที่ต้องท่องก่อนแล้วค่อยเข้าใจ เลยมักจะตกอังกฤษทุกครั้ง แต่ก็โทษตัวเองที่ไม่ตั้งใจเรียนตอนเด็กๆเอง ไม่เคยคิดเลยว่า จะมีกลุ่มนึงที่เรียนภาษาโดยตรง แต่กลับคิดอยากไปเป็นเมืองขึ้นของประเทศอื่น เพียงเพื่อสนองความคิดตื้นๆ ว่า "มันจะได้ทำให้ฉันเก่งภาษาขึ้น"


บ้านเมืองจะพัฒนาได้ ก่อนอื่นคงต้องพัฒนาความคิดของเพื่อนร่วมชาติก่อนแล้วล่ะ ดูจากความคิดตรงนี้ ก็พอเข้าใจว่า ที่เขาอ้างถึงเมืองไทยไม่พัฒนา ส่วนนึงก็เพราะเขาไม่เคยมองดูตัวเองเหมือนกัน เราเคยลองตั้งคำถามกับตัวเองในใจรึเปล่า ที่แล้วมา เราทำอะไรเพื่อสังคมบ้าง ไกลนั้นคิดว่ามันต้องช่วยกันนะ เพราะการที่เราหวังพึ่งปัจจัยภายนอกมากเกินไป มันเลยทำให้เราไม่ยอมสู้และดิ้นรนเองรึเปล่า


วันนี้มาแนวเลือดรักชาติค่ะ ไม่อยากให้คนคิดกันอย่างนี้เลย จริงๆ นะ ฟังแล้วหดหู่เลยค่ะ ย้อนมาคิดถึงตัวเองที่อ่อนภาษาอังกฤษ เรายังไม่เคยคิดในหัวให้ประเทศไทยไปเป็นเมืองขึ้นของชาติอื่นเพื่อให้ตัวเองเก่งภาษาเลยอ่ะ หากการได้ภาษาอังกฤษ ต้องแลกมาด้วยการสูญเสียความภาคภูมิใจในเอกราชที่สร้างมา ทั้งจากเลือดเนื้อของบรรพบุรุษ และจากการเสียสละของผู้อยู่เบื้องหลัง ไกลนั้นขอกระเสือกกระสนท่องศัพท์เองดีกว่า


วันนี้ขอระบายสักหน่อยเถอะ เพราะรับไม่ได้กับความคิดนี้จริงๆ และยิ่งได้ยินเขาบอกว่าเพื่อนร่วมชั้นเรียนก็พูดแบบนี้ ทำให้รู้สึกแย่เข้าไปอีก เพราะนั่นอาจจะมีอีกหลายคนที่คิดอย่างที่คนๆ นั้นคิดก็ได้นะ



อยากให้บ้านเมืองเราทำหนังที่สอนให้คนรักชาติจังเล้ย ฟังอย่างนี้แล้วก็หวนคิดอีกอย่างนึงนะ เพราะเราเน้นหนังที่ตบๆ กันเกินไปรึเปล่าน้อ อยากให้ทำแบบเกาหลีที่เป็นหนังประวัติศาสตร์อ่ะค่ะ ชอบดูจัง แต่ตอนนี้พยายามเลิกดู กลัวติดอ่ะ เดี๋ยวจะไม่ได้ทำงานทำการ



Create Date : 26 มกราคม 2551
Last Update : 26 มกราคม 2551 17:46:58 น.
Counter : 768 Pageviews.

6 comments
  

โดย: a_mulika วันที่: 27 มกราคม 2551 เวลา:0:46:12 น.
  
ใช่ๆพูดอย่างงี้ได้ไงเนี่ย

ภูมิใจนักหรือที่ได้เป็นเมืองขึ้นคนอื่น อย่างน้อยเราเจริญมาได้ถึงวันนี้ก็ด้วยลำแข้ง ด้วยหัวสมองของเรา ภูมิใจกว่าตั้งเยอะ...คิดได้ไงเนี่ย...

ช่วงนี้ไม่ค่อยได้แวบมาหาพี่โณเลย ตั้งใจจะฉุดคะแนนเลขตัวเองอยู่ค่ะ
ไม่รู้จะทำได้เปล่า เพราะรู้สึกเรื่องที่เรียนเวลามันจะง่ายมันก็ง่าย เวลามันจะไม่เข้าใจก็ไม่เข้าหัวเอาซะเลย...เฮ้อ...ชีวิต
โดย: โทรโพสเฟียร์ [no login] (โทรโพสเฟียร์ ) วันที่: 27 มกราคม 2551 เวลา:19:17:07 น.
  
ง่ะ แซวกันงี้ได้ไง ที่หนูเลี้ยงแล้วรอดก็มีตั้งเยอะนะพี่โณ มันแล้วแต่เวรแต่กรรมของแต่ละตัวนา ไม่ได้เกี่ยวกับหนูซะหน่อยนี่คะ อิอิ

คนที่คิดแบบนี้หนูฟังจนขี้เกียจฟังแล้วค่ะพี่โณ เหอๆ บางครั้งแม้แต่คนที่เป็นผู้ใหญ่ยังคิดแบบนี้เลยอ้ะ เซ็งจิต บางคนแถมมาให้อีกนะว่า เมืองไทยเราไม่เคยตกอยู่ใต้อาณานิคมของประเทศอะไรเลย แค่เสียเอกราชแก่พม่าสองครั้งเอ๊ง 555+ ก็จริงของเขาแฮะ เฮ้อ... ได้แต่ปลง

ช่วงนี้ก็มีหนังรักชาติออกนะ เรื่องอะไรสักอย่างนี่แหละจำไม่ได้ค่ะ ได้ยินผ่านๆ น่ะค่ะ แหะๆ

ป.ล. เนื้อกวางนี่อร่อยนา อิอิ สู้ๆ เน้อเรื่องงาน สู้ๆ
โดย: may (ศศิกัณห์ ) วันที่: 28 มกราคม 2551 เวลา:18:39:40 น.
  
หุหุ นานาจิตตังอ่ะน้องเอ้ยยยย ... เค้าไม่ขวนขวายหาความรู้ใส่ตัว เลยจะให้บังคับให้พูดอังกฤษได้ด้วยการเป็นเมืองขึ้น ... ซะงั้น เห้อออ ...

อิอิ ภาษาอังกฤษไม่ใช่เรื่องยากจ๊า น้องโณ พี่พูดงี้กับทุก ๆ คนที่มาตะแง้ว ๆ ใส่พี่เสมอ ต้องหมั่นฝึกฝน การที่เราพูดได้ เราจะต้องฟังให้ออกให้เข้าใจซะก่อน เพราะการที่เราพูดไม่ได้ เพราะเราฟังไม่ออกน่ะจ้ะ ลองดูน๊า ...

ปล. จบวิดวะภาษาศาสตร์ เอก ภาษาไทยเหมือนโณเลย เอิ้กๆๆๆ :P
โดย: :D keigo :D วันที่: 29 มกราคม 2551 เวลา:9:45:40 น.
  
สวัสดีค่ะ

ที่พี่โณเปรยไว้ว่าเดี๋ยวนี้มีสอนเรื่องเสียกรุงในสมัยอยุธยาอยู่หรือเปล่า... ส้มว่ามีนะคะ จำได้ว่าตอนม.2 เรียนมา แต่ก็ไม่ได้ลึกซึ้งอะไร แค่ผิวเผินนนอกจากคนที่หาอ่านนอกตำราจะมีบทวิเคราะห์ซึ่งดูน่าสนใจกว่าในหนังสือเรียนตั้งเยอะ (<< ความคิดส้มนะคะ) ด้วยความที่ว่าส้มไม่ค่อยอ่านวิชาสังคมก่อนสอบเลย เป็นมาตั้งแต่ประถม ไม่รู้เป็นโรคอะไร พยายามทั้งอ่านทั้งย่อ เขียนให้มันผ่านสมองแต่ยิ่งเขียนยิ่งลืม ท่าทางจะโรคประสาทนิดๆ มีแต่เขายิ่งจำ ส้มยิ่งลืม ส่วนใหญ่ได้สังคมมาจากการอ่านหนังสือทั่วไปมากกว่า ยังคิดว่าอยากให้เลขอยู่ในสมองเหมือนสังคมมั่งจัง

มันคงจะเหมือนคนเก่งเลขรึเปล่าคะที่เขาจะทบทวนนิดหน่อยก่อนสอบ แต่ไม่ใช่อ่านเป็นกองๆเหมือนเด็กศิลป์ ส้มเห็นจากน้องสาวตัวเองที่บอกว่าเลขง่ายเสมอ และก็ไม่ค่อยเห็นเอาสมุดเลขมาทวนก่อนสอบเสียเท่าไหร่ น้องบอกมาว่ายิ่งท่องยิ่งซ้ำยิ่งลืม แปลกทั้งบ้านจริงๆ แต่เวลาคะแนนน้องสาวออกมามันเกือบเต็มทุกที ไมรู้ว่าเหตุผลคล้ายๆกันนี้ คนอื่นจะเป็นหรือเปล่า...

เรื่องคอมเม้นต์... ก็ส้มเคยเจอเหตุการณ์แบบที่ว่าแสดงความคิดเห็นทีนักเขียนเครียดไปเลย ส้มเลยกลัวๆว่าคราวนี้จะทำใครเครียดอีกหรือเปล่า... เพราะส้มว่าตัวเองก็พูดตรง จนบางทีมันดูเหมือนตัดกำลังใจ และบางทีเพื่อนยังบอกว่าขอกำลังใจแทนได้ไหม

แล้วก็อังกฤษ ญาติส้มบอกมาว่าพูดบ่อยๆเดี๋ยวก็ได้เอง แล้วก็หัดพูดเข้าไว้ เจอฝรั่งเป็นพูด (ใครจะกล้า) นานๆไปมันก็จะเข้าใจประโยคที่เขาพูด ตอนแรกๆเราฟังอาจไม่เข้าใจทั้งหมด แต่เอาพอรู้จับใจความได้ว่าพูดเรื่องอะไร นั่นคือสัญญาณการเริ่มต้นที่ดี ส้มก็ยังไม่เคยลองนะคะ ฟังได้แต่พูดไม่ออก... ห้าวันในเดือนหน้าความคืบหน้าเป็นยังไงบอกด้วยนะคะ เป็นกำลังใจให้พี่โณคล่องอังกฤษค่ะ



โดย: โทรโพสเฟียร์ [no login] IP: 203.153.171.97 วันที่: 29 มกราคม 2551 เวลา:20:06:01 น.
  
คุณ a_mulika
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมนะคะ ^^



น้องส้ม (โทรโพสเฟียร์)
นั่นสิ พี่ขนาดโง่ๆ อังกฤษยังไม่เคยคิดอยากตกเป็นเมืองขึ้นของใครเลยนะ แปลกดีแฮะ ไม่รู้ว่านี่คือสิ่งที่เรียกว่าความขี้เกียจของคนรึเปล่า เพราะให้คิดหัวแทบแตก ก็ไม่ได้มีอะไรดีเลยนะ กับการเป็นเมืองขึ้นของชาติอื่น

ส่วนเรื่องสอบก็สู้ๆ จ้า ขอให้ทำคะแนนได้เยอะๆนะคะ

เรื่องวิจารณ์เนี่ย พี่ก็เข้าใจคนที่โดนวิจารณ์นะ บางคนอาจจะรับไม่ได้อ่ะ อึม แต่ตัวพี่เองหากยังวิจารณ์ในส่วนของนิยาย พี่ค่อนข้างรับได้นะ มันจะเป็นประโยชน์กับคนเขียนค่ะ เขาจะได้พัฒนาตัวเองด้วย เพราะบางทีคนเขียนอาจจะหลุดเองเหมือนกัน

พี่ว่าคนเก่งเลขนี่มันต้องทำโจทย์เยอะๆนะ มันเป็นการอ่านทวนไปในตัว พี่ชอบอ่ะ เพราะมันทำให้เราได้คิดดี



เมย์
ถ้าเขาใช้คำว่า แค่เสียเอกราชสองครั้งเอ๊ง ก็อย่าพูดดีกว่านะ แนวคิดเขากับพี่คงไม่ตรงกันแล้วล่ะ อึม คนที่เขาพูดประโยคนี้ออกมา(ที่เล่าบนบล็อกอ่ะ) พี่ว่าเขาคงอายุมากกว่าพี่นะ เพราะดูจากการแต่งตัวแล้วก็อื่นๆ
ขอบคุณเมย์สำหรับกำลังใจเรื่องงานจ้า



พี่กบ
นั่นสิคะพี่กบ พวกไม่ยอมขยันแต่อยากจะโดนบังคับด้วยการเป็นเมืองขึ้นของคนอื่น พวกนี้เรียกว่าสิ้นคิดดีกว่าค่ะ อย่านานาจิตตังอ่ะ เพราะเรื่องนี้ไม่ควรจะขึ้นกับความคิดใครความคิดมัน แต่มันเป็นจิตสำนึกจริงๆอ่ะ
โดย: ไกลนั้น วันที่: 30 มกราคม 2551 เวลา:16:45:58 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไกลนั้น
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



สวัสดีค่ะ ไกลนั้น คือ นามปากกาที่ใช้ในการเขียนนิยายที่ถนนนักเขียนในเวบพันทิพย์ดอทคอมค่ะ หลายๆคนอาจจะเคยได้อ่านงานเขียนของไกลนั้นมาบ้างแล้ว ในนามปากกาว่า อโณทัย



ไกลนั้นขอฝากผลงานเขียนที่ได้ตีพิมพ์ในปัจจุบัน ตรงด้านล่างด้วยนะคะ ^^ อ่านแล้วคิดเห็นยังไง บอกได้เลยนะคะ


เรื่องสั้น


ต้องหนีเท่านั้น

ความฝันที่หายไป

การกลับมาของอากง

หมอดุ

ความเจ็บปวดครั้งสุดท้าย


รอวันนั้น


สะเตง...อรุณฉายที่ปลายใจ






เรื่องยาว



Believe...สุดปลายฝันนั้นคือเธอ




คือทุกสิ่งเพื่อเธอ เล่ม 1




คือทุกสิ่งเพื่อเธอ เล่ม 2




เพียงความคิดถึง



ทางกลางใจ เล่ม1




ทางกลางใจ เล่ม2
มกราคม 2551

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
11
12
13
14
15
16
17
19
20
21
22
23
24
25
27
28
29
30
 
 
All Blog