|
ตอนที่ 14 เผชิญหน้า
When The Destiny Comes Along
Ep.14 เผชิญหน้า "สวัสดีครับ" เขาทักทายเธอด้วยภาษาอังกฤษเช่นเคย
การที่มิคกี้ ยูชอนมายืนอยู่ตรงหน้าแบบนี้เป็นครั้งที่สอง
น่าจะเป็นเรื่องที่เธอดีใจ ..เเต่ทำไมถึงอยากให้เวลานี้ผ่านไปเร็วๆกันนะ..
"สวัสดีค่ะ" ฝ้ายรู้สึกอึดอัดที่มีบางสิ่งปิดบังเขาอยู่
ขณะที่เขาพยายามเข้ามาหาเธออยู่อย่างนี้
((..ควรจะบอกเขาไปดีไหมนะว่าเป็นแฟนเพลงของเขา...))
((..ไม่ได้ๆ..ไม่ได้เด็ดขาด ถ้าเขารู้ว่าคนเขียนจดหมายนั่นเป็นเรา
ก็ไม่ทำให้ใครรู้สึกดีขึ้นมาหรอก เก็บไว้น่ะดีแล้ว..))
ความคิดของตัวเองยังคงขัดแย้งกันอยู่ ฝ้ายมองยูชอนด้วยสายตาประหม่า ตอนนี้คนทั้งร้านพากันมองมาที่ทั้งสองคน
เมื่อฝ้ายรู้ตัวว่าตกเป็นเป้าสายตาเธอจึงอาศัยจังหวะนี้ขอปลีกตัวจากยูชอน
"ขอตัวนะคะ" ฝ้ายเลือกที่จะหนีมากกว่าการเผชิญหน้าให้เขาได้จับผิด
แต่ยูชอนกลับเลือกที่จะรั้งเธอเอาไว้ "ผมตั้งใจเข้ามาหาคุณนะครับ"
ฝ้ายหยุดกึกทันที เเละยูชอนยังคงพูดต่อไป "ผมตั้งใจเข้ามาหาคุณ"
.. ได้ผล คำพูดเดิมที่ย้ำเป็นครั้งที่สองทำให้เธอหันมาได้
เธอจ้องยูชอนราวกับไม่เคยเข้าใจอะไรมาก่อนเลยในโลกนี้
เเต่เเท้ที่จริงเธอเข้าใจอย่างดีเชียวล่ะ หากว่าเธอไม่มีความผิดติดตัว
หรือความลับที่กำลังปิดบังเขาอยู่การได้ยินในสิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่
คงทำให้หัวใจแช่มชื่นไปพร้อมกับบรรยากาศยามฝนตกด้านนอกเลยทีเดียว
ยูชอนจ้องหญิงสาวอยู่ชั่วครู่ เขาไม่แน่ใจอารมณ์ของเธอตอนนี้เท่าไหร่นัก
เเต่ในเมื่อทุกอย่างเดินหน้าหมดเเล้ว เขาก็ไม่อยากจะหยุดลงดื้อๆ
"ผมเห็นคุณเข้ามาในนี้ผมเลยตั้งใจมาหา" "มาหา?" ฝ้ายทวนคำ
ด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา ใจเต้นรัวกลัวว่าเขาจะถามอะไรออกมาตรงๆ
อะไรที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่กังวลอยู่..
"ครับ" ยูชอนตอบด้วยสีหน้ายิ้มๆและสายตาอ่อนโยนเหมือนที่เธอคุ้นเคย
เป็นประจำจากจอคอมพิวเตอร์หรือโทรทัศน์
จิตใจที่รู้สึกหวั่นไหวอยู่เเล้ว เมื่อเจอแบบนี้เข้าไปอีก
ยิ่งทำให้ต้องออกแรงต่อต้านมากกว่าเดิม
"มาหาทำไมคะ?" ฝ้ายพยายามทำสีหน้าเรียบเฉย
เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้ฟังดูปกติที่สุด
((เธอมันขี้ขลาดนะฝ้าย ขี้ขลาดจริงๆ))
ยูชอนก้มหน้ามองพื้นครู่หนึ่ง เขาแอบสูดลมหายใจเงียบๆไม่ให้เธอรู้ว่า
เขาต้องอาศัยความกล้ามากเเค่ไหนที่ต้องทำเหมือน
วุ่นวายกับชีวิตเธออย่างนี้ "คือ เมื่อกี๊ผมไปที่.." เเต่เเล้ว
คำพูดของเขาก็ถูกขัดจังหวะขึ้น "ยูชอนซังใช่มั้ยคะ?"
เด็กสาวมัธยมปลายอายุราว 17ปี ดูสะดุดตาในความรู้สึกสาวไทยอย่างฝ้าย
ชุดเครื่องแบบนักเรียนที่คาดว่าน่าจะผิดระเบียบ เสื้อตัวหลวมโพรก
กระโปรงอัดพลีทสั้นเต่อ ผมสั้นสีบลอนด์ทองแต่ถูกยีพองทั้งหัว
แถมด้วยมาสคาร่าหนาเหมือนยางมะตอยเกาะบนขนตา
อีกทั้งยังเสริมให้เด่นกับอายไลน์เนอร์ที่กรีดซะคมกริบ
ทำให้ดวงตาเป็นอย่างเดียวที่ดูโดดมากกว่าอย่างอื่นบนใบหน้า
เด็กสาวคนนั้นดูท่าทางมั่นใจ ฝ้ายเห็นเธอแอบมองตนคุยกับยูชอน
อยู่นานแล้วตั้งเเต่ต้น จังหวะนี้ทำให้เบี่ยงเบนความสนใจของยูชอน
ไปได้ขณะหนึ่งทีเดียว เขาหันไปยิ้มให้และพูดจาเล็กน้อย
ดูท่าทางเด็กสาวชาวญี่ปุ่นคนนั้นคงปลื้มโทโฮชินกิไม่น้อยเลยทีเดียว
ทำให้พนักงานสาวสองคนที่เล็งยูชอนมาตั้งเเต่เเรก แอบมองค้อนตาหลุด
เมื่อไม่สามารถเข้ามาสมทบได้เนื่องจากอยู่ในเวลางาน
ยูชอนดูประหม่าเเละเขินอาย เขาหันกลับมามองฝ้ายเป็นพักๆ
เพราะกลัวว่าเธอจะหนีเขาไป แต่ฝ้ายก็ไม่ได้ทำแบบนั้น
เธอมองเขาที่ยืนคุยกับแฟนเพลงอย่างยิ้มแย้ม
แม้ภาษาญี่ปุ่นเขาจะไม่ดีมากนักเพราะยังเป็นช่วงแรกๆ
เเต่เขาก็เหมือนมีความพยายามที่จะโต้ตอบกับแฟนเพลงด้วยตัวเอง
โดยไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากฝ้าย เด็กสาวมัธยมคนนั้นชี้มาที่ฝ้าย
"สวัสดีค่ะ คุณเป็นแฟนยูชอนซังเหรอคะ?" ..ช่างกล้าได้โล่ห์มากๆ..
ฝ้ายหน้าเหวอ เหลือบไปสบตายูชอนเป็นเชิงขอให้เขาปฏิเสธ
เมื่อเห็นเขาเเค่ยิ้มๆ ฝ้ายจึงโบกไม้โบกมืปฏิเสธเป็นพัลวัน "ม่ะ ไม่ใช่เลยค่ะ"
"แฟนเพลงเหมือนกันเหรอคะ?" ..ใช่ย่ะ เเล้วจะทำไม?.."อ่ะ อ่ะใช่ค่ะ.."
"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฉันชื่ออาเงมิ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ"
เด็กสาวคนนั้นเเม้การแต่งตัวจะดูจัดจ้านเเละเปรี้ยวเเค่ไหน
เเต่ธรรมเนียมดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่นเกี่ยวกับการทักทายเมื่อพบกันครั้งเเรก
ก็ไม่มีขาดตกบกพร่อง เมื่อเธอปลีกตัวออกไปแล้ว
ยูชอนยิ้มกว้างอย่างดีใจให้กับฝ้ายเนื่องด้วยคำตอบของเธอเมื่อครู่
ทำให้อย่างน้อยๆเขาก็รู้สึกว่าเธอใส่ใจความรู้สึกของเขา
ยูชอนคิดเเล้วก้าวเข้ามาหาฝ้ายที่ยืนรออยู่
"คุณเป็นแฟนเพลงผมเหมือนกันเหรอ?" เอาล่ะสิ..เริ่มละๆ
แต่ดีนะที่เขาไม่ได้ถามด้วยสีหน้าจริงจัง ท่าทางทีเล่นทีจริงแบบนั้น
มันก็ทำให้ฝ้ายสบายใจได้อยู่บ้าง "เปล่าค่ะ ตอบตามน้ำน่ะ"
ฝ้ายพยายามเส มองไปทางอื่น "นั่นสิ คุณไม่รู้จักผม
จะรู้จักโทโฮชินกิได้ยังไง" ประโยคนี้ขัดหูชะมัด..ผิดถนัดเลยล่ะ
แต่ฝ้ายก็เลือกที่จะเงียบไม่ได้ตอบอะไร
"ผมอยากจะชวนคุณไปดื่มกาแฟตรงคาเฟ่แถวๆนี้น่ะครับพอจะได้มั้ย?"
..การทำอะไรที่สวนทางกับความรู้สึกตัวเอง มันทรมานซะจริงๆ..
"ขอโทษค่ะ ฉันไม่มีเวลามาก คุณจะพูดอะไรก็พูดตอนนี้ได้เลย"
ฝ้ายบอกด้วยเสียงเย็นชา ทำให้ยูชอนสีหน้าสลดลงทันที
อารมณ์ที่เริ่มจะรู้สึกผ่อนคลายลงเมื่ออยู่กับเธอ
กลับขึงตึงขึ้นมาอีกครั้ง อันที่จริงเขาไม่ได้ลืมว่า
ตัวเองอยากจะพูดเรื่องที่เขาเข้าไปที่ศูนย์คอมพิวเตอร์
เเต่ว่าท่าทางและน้ำเสียงของฝ้ายบ่งบอกว่าเขาไม่ควรจะพูดดีกว่า
"โอเคครับ ไม่เป็นไร" เขาตอบพลางหลีกทางปล่อยให้เธอเดินออกไป
เเต่ยังคงมองตามขณะที่ฝ้ายเดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์
ฝ้ายดูเหมือนรีบเร่งที่จะอยากออกไปจากตรงนี้เร็วที่สุด
จึงก้มหน้าจัดการกับใบเสร็จเเละเงินทอนที่ได้รับใส่ในกระเป๋าสตางค์
พลางเดินไปด้วยเเต่เมื่อถึงหน้าประตู..ก็ต้องหยุดชะงัก..
นี่เธอไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าฝนข้างนอกกระหน่ำเทลงมาขนาดนี้
ฝ้ายยืนกระสับกระส่ายอยู่เพียงครู่เดียว ร่มพลาสติกใสคันหนึ่ง
ก็ถูกยื่นมาให้เธอตรงหน้า..ยูชอนนั่นเอง
เขาเพิ่งซื้อจากที่มีขายอยู่ในร้าน ฝ้ายมองเขาอย่างงงๆ
แต่ก็ยิ้มให้เขาเป็นการขอบคุณก่อนจะรับมา
((ฉันอยากให้เวลามันรีบๆผ่านไปหรืออยากให้มันหยุดเเค่ตรงนี้กันเเน่นะ?))
"ไม่รอก่อนเหรอครับ? ฝนตกหนักมากขนาดนี้" ยูชอนถาม
หลังจากยื่นร่มให้เธอไปแล้ว "ไม่เป็นไรค่ะ ฉันอยู่แถวนี้"
แม้สีหน้าฝ้ายจะเรียบเฉยแล้วตอนนี้เเต่ทว่า
สายตายังคงมองดูเหมือนซ่อนอะไรบางอย่างตลอดเวลา
และเเน่นอนว่าเธอไม่ปล่อยโอกาสให้ยูชอนได้เห็น
ยูชอนพยักหน้าน้อยๆเป็นการรับรู้ความรู้สึกของฝ้าย
ผ่านประโยคที่เธอเพิ่งพูด ตอนนี้ปราศจากการพูดคุยใดๆระหว่างคนทั้งสอง
บรรยากาศข้างนอกที่ฝ้ายและยูชอนมองออกไปชวนเงียบเหงาเหลือเกิน
ลูกค้าคนอื่นที่อยู่ในร้านก่อนหน้านี้ บางส่วนยังไม่ออกไป
เเต่บางส่วนก็เลือกที่จะซื้อร่มเเทน รวมถึงลูกค้าใหม่ด้วย
ทำให้ยููชอนกับฝ้ายก็ยืนคุยกันอยู่หน้าประตูไม่ได้อีก
เธอเพิ่งเข้าใจว่าการพยายามซ่อนเร้นและปกปิดอะไรบางอย่าง
มันยากมากขนาดนี้ "..ฉันกลับก่อนนะคะ ขอบคุณสำหรับร่มค่ะ"
ฝ้ายเดินออกไปทันที ยูชอนจะเรียกเธอไว้เเต่เขาก็ไม่กล้าจึงบอกลา
แล้วปล่อยให้เธอเดินจากไปอีกครั้ง ทั้งที่เขา
ยังไม่ทันได้พูดอะไรซักคำอย่างที่ตั้งใจ ฝ้ายเองเมื่อเดินออกมาแล้ว ความรู้สึกที่อยู่ข้างในกลับว้าวุ่น
((ถ้าไม่มีความรู้สึกฟุ้งซ่านแต่แรกก็จะไม่มีจดหมาย ไม่มีข้อความ..
แล้วฉันก็จะได้วิ่งกลับไปหาคุณแบบที่ฉันอยากทำตอนนี้นะมิคกี้..))
>
***************************************** ชื่อเพลงเข้ากับตอนสุดท้ายเจงๆ 가지마 (คาจีมา)~ Don't go away
((ความหมายทั้งเพลงแปะโป้งไว้ก่อนเน้ (รู้สึกแปะมาสองเพลงละ)))
สื่อว่ามิคไม่ได้อยากจะให้ฝ้ายไปเล้ยยยฉากสุดท้ายอ่ะ
แต่เพราะตัวเองหน้าด้านไม่พอ 555+ อดค่ะ อดอีกตามเคย
แล้วมิคจะอดทั้งเรื่องป้ะเนี่ยะ??? ต้องติดตามกานต่อปายยย
และขอบคุณน้องขนมฯกับคุณหยกเหมือนเดิม
(รู้สึกไม่พูดถึงตอนท้ายมันแปลกๆไปแล้วอ่ะ)
ที่ติดตามกันซึ่งๆหน้า 55+ หมายถึงอ่านแล้วเมนท์นะค้า
อย่าคิดไปเป็นอื่นในความหมายที่ไม่ดี
จำนวนผู้อ่านที่เข้ามาเยอะก็จริง แต่มีความสม่ำเสมอ
เลยคิดเอาเองว่า เป็นผู้อ่านเดิมๆที่ติดตามฟิคเรารึป่าวๆ อิอิ
ขอให้เป็นงั้นเท้อ ช่วยกันอ่านหน่อยน้าา
แต่งสุดฝีมือเรย (ได้เเค่เนี้ยย??-คนอ่าน)
วันนี้จริงๆแล้วกะจะไม่อัพค่ะ คนแต่งอยู่ในภาระจิตหงุมหงิม
เนื่องจากอดได้ของกินจากเมืองไทย ฮึ่ม นี่นึกว่าทำใจได้เเล้วนะ
เเต่ตอนเขียนอยู่เนี่ยะมันก้อปรี๊ดดดขึ้นมาอีก เสียดายสุดริด ฮึ
ใจเหี่ยวเเล้วเหี่ยวอีก ฝันสลายยย
ทำให้เอาเเต่นั่งจ้องไตเติ้ลฟิคตอนที่14มาตั้งเเต่หัวค่ำ
จิ้มไปจิ้มมามันนึกไม่ออก เลยกะว่า เออวันนี้ไม่อัพละกัน
เเต่คิดไปคิดมา เห้ย ต้องซื่อสัตย์กับคนอ่าน
อย่าเอาอารมณ์ตัวเองเป็นที่ตั้ง --นี่-- อารมณ์เป็นคนมีความรับผิดก้อมี้
เลยมานั่งอัพเอาเนี่ย ตี1 ครึ่งละ เเต่ที่ไทยยังเป็นวันที่20อยู่วุ้ย
เอ้า ปั่นๆๆ เอาใจขนาดนี้แล้วอ่า ฮี่ๆๆ งั้นติดตามกันเยอะๆน้า
Create Date : 20 สิงหาคม 2551 |
Last Update : 21 สิงหาคม 2551 0:22:06 น. |
|
2 comments
|
Counter : 390 Pageviews. |
|
|
|
โดย: หยก IP: 89.243.226.200 วันที่: 21 สิงหาคม 2551 เวลา:3:39:21 น. |
|
|
|
|
|
|
คิดว่าจะไม่อัพซะแล้วววว
ขัดใจนะเนี่ย ฝ้ายอ่ะ ทำไมต้องเย็นชากับมิคกี้ด้วย
ชักจะมากไปแล้วนะ
เหอ เหอ (ยัยคนอ่านคนนี้น่ากลัวเกิ๊น)
เอ่อ ตู้โทรศัพย์เกี่ยวไรกับเนื้อเรื่องล่ะนี่
เอ๋ คนแต่งต้องอยู่ญี่ปุ่นแน่เลย ใช่มั้ยคะ
ยังเรียนอยู่รึปล่าวคะ ที่นั่นเป็นยังไงบ้างคะ
วันนี้เข้าเฉิมไทย เจอ ล็อกอิน มิคกี้ สอง สามครั้งแน่ะ
ปกติไม่ค่อยอ่านชื่อล็อกอินนะเนี่ย 555