การให้คะแนนในการวิจารณ์หนังของผม
หลักการในการให้คะแนนวิจารณ์หนังของผมนั้นจะมีเกณฑ์ให้คะแนนดังนี้ครับ
1. เนื้อเรื่อง
ปกติผมดูหนัง ผมไม่เคยสนเลยว่าเนืิอเรื่องเดาง่ายแค่ไหน เดาตอนจบได้ไหม เพราะทุกครั้งที่ผมดูหนัง ผมจะตัดตัวเองออกจากโลกภายนอกเพือให้ได้อรรถรสในการดูหนังเต็มที่ และผมเน้นเนื้อเรื่องืทีสนุกเป็นหลัก (เดาเรื่องง่ายผมสิชอบกว่า เพราะมันทำให้ดูไม่เครียด) และจะเทียบคนดูที่ไม่ใช่คอหนังโดยตรง กับนิสัยคนดูที่ประมาณสนเอาความมันมากว่าสาระของเรื่อง ครับ
2. ฉากและเอฟเฟค
ตรงนี้ผมจะพิจารณาเป็นหลักๆ เพราะว่าหนังที่ดีถ้าเอฟเฟคงามก็ยิ่งอลังการ ต่อให้บทห่วยยังไง แต่เอฟเฟคอลังการก็พอเอามาชดเชยใ้ห้กันได้ เผยๆ หนังบางเรื่องที่เน้นเอฟเฟคแต่บทห่วย หลายคนชอบมากกว่าอีก อย่างเช่น 4 มหาธาตุี่ที่ีบทไม่ดีเท่าการ์ตูนหรือดันมารำร่ายเวทย์ใส่ แต่เอฟเฟคงามมาก ผลก็คือเด็กๆ ชอบดูมาก และสนุกมากด้วย เป็นต้น
3. เสียงพากษ์และเสียงประกอบ
ตรงนี้ขอรวมไปถึงการแสดงของนักแสดงด้วย ซึ่งจะเป็นหัวข้อสุดท้ายเลย เพราะว่าเวลาผมดูหนัง ผมจะอินไปกับเนือเรื่องจนไม่ค่อยสนใจพวกนี้นัก เอาง่ายๆ ในเืรื่อง 2012 ที่ลุกชายของพระเอกเสียงพากษ์ไมค่อยเวิร์ค ผมไม่ได้สนใจตอนดูหนังด้วยซํ้า และเสียงประกอบนั้น เนืองจากว่าผมดูหนังรอบแรกเสร็จปุ้บก็จะเขียนวิจารณ์ปั้บ บางเรื่องอาจไม่ได้พิจารณาเชิงลึกของเสียงประกอบ แต่ต้องถือว่า เพลงประกอบถ้าผมฟังแค่รอบเดียว มันจะตรึงตราในหัวใจไหม ถ้าทำได้ สอบผ่านครับ
4. ความสมเหตุสมผล
องค์ประกอบหลักที่มักจะฉุัดให้คะแนนลงหรือดันขึ้นก็คิอความสมเหตุสมผล ทุกอย่างต้องไม่มีด้านใดเทพเกินด้านหนึ่ง ในฐานะที่ผมชอบดูการ์ตูนและเขียนนิยายมาแล้ว ผมคำนึงถึงความมีเหตุผลที่สุด เพื่อให้เนื้อเรืองสมจริงมากขึ้น เช่น ถ้าฝ่ายพระเอกดันเทพเกินจนคนร้ายสู็ไม่ได้ โอเค หนังอาจสนุก แต่สำหรับผมนั้น มันเป็นไปไม่ได้ในโลกแห่งความเป็นจริง
5. การถ่ายทอดอารมณ์ของตัวเอก
ตัวเอกในหนังนั้นก็คือสิ่งที่จะสื่อเนื้อหาในหนังออกมา และผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะสามารถทำออกมาได้ดีมากน้อยแค่ไหน กรณีตัวอย่างนี้จะเห็นได้ชัดที่สุดก็คือในหนังแอนิเมชั่นทั้งหลายครับ
6. ความเ้ข้าใจเนื้อเรื่อง
ผมต้องการแบบว่า เออ เราเสียเงินไปดูในโรงนะ เราก็ต้องการดูรอบเดียวรู้เรื่อง ้าอยากรู้เชิงลึกก็ค่ิอยไปดูอีกรอบสองรอบ ไม่ใช่ว่าดูจบแล้ว เอ๊ะ ยังไงนะ ?? งง ต้องย้อนกลับไปดูใหม่ แบบนี้ไม่ไหวครับ เพราะทุกคนที่เข้าไปดูในโรงหนังใช่ว่าจะมีัทั้งเวล่าและทรัพยเหลือเฟือ
7. การบีบคั้นอารมณ์
ด้วยการที่ผมเป็นคนบ้างานและอยู่ตัวคนเดียวซะส่วนใหญ่ มีเกม คอมพิวเตอร์ งาน และตุ๊กตาเคโรโระเป็นเพื่อน ผมจึงอยากรู้ว่าตัวหนังส่ามารถบีบอารมณ์ผมออกมาได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าทำให้ผมร้องไห้โฮออกมาได้ไม่หยุดแม้ว่าผมจะพยายามกลั้นนํ้าตาก็ตาม แสดงว่าหนังเรื่องนี้ผมยกนิ้วให้ครับ
8. ความ้เหมาะสมในการดูซํ้าอีกรอบ
หนังที่ดี ไม่ว่าจะเดาเนื้อเรื้องง่ายหรือเนื้อเรื่องเดิมๆ งั้นๆ ก็ตาม แตุ่้ถ้ามันมีความสนุกจนถึงกับเราอยากดูอีกรอบเรื่อยๆ อยากดูซํ้า ยิ่งดูยิ่งชอบ ยิ่งชอบยิ่งบ้าได้ แสดงว่าหนังส่วนนี้เหมาะมากที่จะได้คะแนนจากผมไปเยอะ เพราะความคุ้มค่าในการซืิอแผ่น dvd หรือแม้แต่บลูเรย์ก็จะตามมาด้วย
9. คะแนน ใช่ว่าจะัตัดสินทุกอย่าง
เกณฑ์การให้คะแนนของผมใช่ว่าจะตัดสินทุกอย่าง เช่น หนังบางเรื่องผมให้แค่ 5 หรือ 6 ใช่ว่าหนังจะไม่ดี หนังอาจมีสาระและถูกใจหลายคนกได้ หรือบางเรื่องผมก็ให้ซะ 8 หรือ 9 ก็ไม่ได้หมายความว่าจะดีเสมอไป ที่ให้เพราะเข้าใจว่าเด็กคนชอบ คนที่ไม่ใช่คอหนังหรือพวกดูเอามันคงชอบ แต่โดยส่วนตัวผมไม่ชอบก็ได้ หลักๆ ผมจะพยายามไม่จี้จุดหรือจับผิดบ่อยนัก ซึ่งหนังที่ได้คะแนนเต็มสิบของผมในชีวิตนี้มีเพียงสองเื่รื่อง นั่นก็คิอ Harry potter และ The Lion King เท่านั้นครับ
หนังที่ผมจะวิจารณ์ แอนิเมชั่น , การ์ตูน , แอ็คชั่น , แฟนตาซี , ไซไฟ , ผจญภัย หรือหนังอะไรก็ได้ที่มันไ่ม่น่ากลัวหรือหดหู่ เน้นที่เด็กๆ ดู
หนังที่ผมไม่สนใจเลย หนังผี , สยองขวัญ , หลอนประสาท , ดราม่า , นํ้าเน่า , หนังรัก , โรแมนติก , หนัง Yoai , หนัง Yuri , หนังชีวิต
และสุดท้ายนี้ ไม่ว่าจะเป็นบทวิจารณ์จากผมเอง หรือคนอื่นๆ ท้ายที่สุด คนที่ัตัดสินใจได้ ก็ีิืคืิอคุณเองครับ เพราะแต่ละคน ความชื่นชอบย่อมแตกต่างกันนั่นเอง
Create Date : 21 ธันวาคม 2553 |
|
2 comments |
Last Update : 21 ธันวาคม 2553 2:14:29 น. |
Counter : 3172 Pageviews. |
|
|
|