เรานั่ง Leonado Express จาก Roma Termini Train Station มาที่สนามบินแต่เช้าเลย
ค่าตั๋วคนละ 15 ยูโร ถ้าไม่ซื้อจากเครื่องอัตโนมัติ ก็ซื้อกับคนขายก่อนขึ้นรถไฟนะคะ
ไม่งั้นอาจถูกปรับได้บนรถไฟ เพราะเค้ามีคนเดินตรวจตั๋วตลอดทาง
ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงสนามบิน
พุ่งตรงไปยังเคาน์เตอร์เช็คอิน #420 ...เพื่อเข้าคิว
เข้าคิวไว้ก่อนเลยค่ะ เพราะตั๋วบินกลับกรุงเทพฯยังไม่คอนเฟิร์มเล้ย ต้องมารอ stand-by ที่นี่
จริงๆแล้วตั๋วของเรา confirm บินกลับจาก Milan แต่พี่ภูเขาไฟเค้าปิดสนามบินน่ะค่ะ ก็เลยย้ายไป confirm กลับจาก Zurich แทน
แต่พี่ภูเขาไฟก็ยังไม่วายที่จะระเบิดระลอกที่ 2 เอ๋...Zurich ชักไม่ปลอดภัยแฮะ ... ทางสนามบินประกาศปิดน่านฟ้าแบบไม่มีกำหนด
เลยต้องระเห็ดลงใต้มาเรื่อยๆ จนมาถึง Rome นี่แหละค่ะ ...
ณ.เวลานั้นการบินไทย เปิดเส้นทางบินกลับกรุงเทพฯ เฉพาะจาก Rome , Madrid และ Athens เท่านั้น
ถ้าให้นั่งรถไฟไปจนถึง Athens คงไม่ไหวมังคะ ...จาก Prague มาถึง Rome ได้นี่ก็แทบรากเลือดแล้วน้อ
เรารอ stand-by ทั้ง flight 9.30am (flight พิเศษที่เพิ่มขึ้น) และ flight 1.55pm
ปิ๋วค่ะ ... ดูซะก่อนมาคิวยาวซะขนาดนั้น ยืนอยู่ปลายแถวเห็นเคาน์เตอร์เช็คอินอยู่ลิบๆนู่นนนนนนนนนน
เอาไงดีล่ะงานนี้
กว่าจะรู้ว่าวันนี้ไม่ได้บินกลับบ้านแน่ๆแล้วก็ปาเข้าไปเกือบ 4 โมงเย็น ... นั่งตาลอยอีกเกือบชั่วโมง
คิดแล้ว คิดอีก ถ้านั่งรถไฟกลับไป Roma Termini (ไป-กลับ 30 ยูโร) แล้วหาโรงแรมนอนแถวนั้น (ประมาณ 60 ยูโร) - - -
พรุ่งนี้ 6 โมงเช้าก็ต้องกลับมาเริ่มกระบวนการ stand-by อีก
เอ้า ... เดินดูรอบๆ (หลายรอบอยู่เหมือนกัน) ... นอนที่นี่ล่ะวะ
คนอื่นที่ติดแหง็กอยู่นี่ เค้าก็นอนที่นี่เหมือนกันแหละ
ทีแรกก็หาเก้าอี้นั่งๆนอนๆอยู่ข้างๆเคาน์เตอร์เช็คอินตะกี้ พอเริ่มค่ำ...มีพวก homeless มานั่งเป็นเพื่อนละ
เก้าอี้แถวนั้นคงเป็นที่ประจำของพวกนี้ เพราะพอเค้ามาถึง เค้าก็มีผ้าห่ม - หมอน -น้ำดื่มใส่ขวด นั่งปุ๊บ...ถอดรองเท้าปั๊บ
เอ...ชักไม่ไหว ย้ายดีกว่านา แต่เค้าก็ไม่ได้ทำท่าคุกคาม หรือ ทวงที่เลยนะคะ แค่นั่งข้างๆเงียบๆ
พอเราลุกย้ายที่ เค้าก็เข้ามาแทนที่ทันที เหมือนเล่นเก้าอี้ดนตรี 555
ย้ายขึ้นมาชั้นบนดีกว่านะคะ อ้อ...ที่ Terminal C ค่ะ
บนนี้ค่อยรู้สึกปลอดภัยกว่า ชั้นล่างสุดไม่แนะนำนะคะ เพราะหลังเที่ยงคืนเค้าปิดหมดทุกอย่าง
ชั้นบนมีห้องน้ำ - ร้านอาหาร - ร้านขายของ แต่พอซัก 4 ทุ่มก็ปิดค่ะ
ต่างคน ต่างก็หาความสงบกันตามประสา
คนที่มีสัมภาระมากชิ้นก็ต้องนอนเฝ้ากันหน่อย
เค้านอนอยู่ด้านข้างกำแพงซึ่งมีหลืบลึก ... ปูผ้า แล้วก็นอนได้เลย
ถ้าไม่ปูผ้าจะเย็นเกินนะคะ ... อ้อ...มีช่องแอร์พุ่งขึ้นมาด้วย เห็นเค้าเอาหนังสือพิมพ์ปิดไว้ก่อนปูผ้านอนค่ะ
นี่ มาเป็นครอบครัว ด้านในสุดติดกระจกเป็นเด็ก 3-4 ขวบ แม่นอนข้างๆ พ่อนั่งเฝ้า...เพราะที่ไม่กว้างพอจะนอนทั้งหมด
ดึกๆอากาศหนาวมาก ส่วนมากจะตื่นขึ้นมารื้อหาเสื้อผ้ามาคลุมตัวเพิ่ม
แล้วตอนตี 1 ประตูบานเลื่อนด้านหน้าคงมีใครไปกระแทก สัญญานเตือนภัยดัง กรี๊ด-กรี๊ด-กรี๊ด นานอยู่เกือบ 10 นาที
ผู้คนในสนามบินชั้นบนเลยได้ลุกขึ้นมาพูดคุยสังสรรค์กันใหม่อีกรอบ
เก้าอี้ยาวนี้ดูเหมือนจะสบายที่สุดนะคะ
เพียงแต่เวลาที่นอนคุณต้องทำตัวซิกแซ็กหลบที่วางแขนหน่อยเท่านั้นเอง
เห็นความเป็นมืออาชีพมั้ยคะ? ขนาดนอนในสนามบินยังมีรองเท้าแตะใส่ต่างหาก 555
รุ่งขึ้นอีกวันก็ stand-by จนวินาทีสุดท้ายได้ที่นั่งบินกลับกรุงเทพฯ
ดูจากรูปก็คงรู้สึกได้นะคะ ว่าทุกคนอยากกลับบ้านมากแค่ไหน
คืนนั้นเป็นการนอนค้างที่สนามบินครั้งที่ 2
โอเคค่ะ หลับตาไปแป๊บๆ แล้วลืมตาขึ้นมาก็เป็นอีกวันหนึ่งแล้ว
อย่าซีเรียสกับสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้เลยนะคะ
สาวอักษรไปไม๊