It's All I Have to Bring Today !
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2556
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
4 ตุลาคม 2556
 
All Blogs
 
คิมิงะโยะ ประวัติเพลงชาติญี่ปุ่น

 คิมิงะโยะ (ญี่ปุ่น: 君が代 Kimi ga Yo ?) เป็นเพลงชาติของประเทศญี่ปุ่น และนับได้ว่าเป็นเพลงชาติที่สั้นที่สุดในโลก โดยมีความยาวเพียง 11 ห้องเพลง มีตัวโน้ตเพียง 40 ตัว เนื้อเพลงนั้นมาจากบทกลอนประเภทวะกะในยุคเฮอังของญี่ปุ่น (ระหว่าง ค.ศ. 794-1185) ส่วนทำนองเพลงนั้น ได้ประพันธ์ขึ้นใหม่ในยุคเมจิ โดยทำนองแรกสุดนั้นประพันธ์โดยนักดนตรีชาวไอริชเมื่อ ค.ศ. 1869 ภายหลังราชสำนักญี่ปุ่นจึงเลือกใช้ทำนองเพลงใหม่ ซึ่งเรียบเรียงโดยนักดนตรีชาวญี่ปุ่น เป็นทำนองของเพลงคิมิงะโยะในปัจจุบัน เมื่อ ค.ศ. 1880


แม้ว่าเพลงคิมิงะโยะจะเป็นเพลงชาติของญี่ปุ่นโดยพฤตินัยมานานแล้วก็ตาม แต่การรับรองฐานะทางกฎหมายเพิ่งจะมีขึ้นในปี ค.ศ. 1999 จากการตราพระราชบัญญัติว่าด้วยธงชาติและเพลงชาติของญี่ปุ่นในปีนั้น ซึ่งหลังจากการผ่านกฎหมายดังกล่าว ก็ได้มีข้อขัดแย้งเกี่ยวกับการขับร้องและบรรเลงเพลงชาติในโรเรียนต่างๆ ของญี่ปุ่นขึ้น ด้วยเหตุผลเดียวกับธงฮิโนะมารูอันเป็นธงชาติของญี่ปุ่น กล่าวคือ เพลงคิมิงะโยะถูกอ้างถึงในฐานะสัญลักษณ์ของลัทธิจักรวรรดินิยมและลัทธิทหารของญี่ปุ่น

  • เนื้อเพลง
 คันจิ    ฮิระงะนะ   
 โรมะจิ   
 ถอดเสียงเป็นอักษรไทย   
 君が代は
千代に
八千代に
細石の
巌となりて
苔の生すまで
 きみがよは
ちよに
やちよに
さざれいしの
いわおとなりて
こけのむすまで
 Kimi ga yo wa
Chiyo ni
Yachiyo ni
Sazare ishi no
Iwao to narite
Koke no musu made
 คิมิ งะ โยะ วะ
จิโยะ นิ
ยะจิโยะ นิ
ซะซะเระ อิชิ โนะ
อิวะโอะ โทะ นะริเตะ
โคะเคะ โนะ มุซุ มะเดะ

คำแปล

ขอพระองค์   ทรงพระชนม์ยั้งพันปี   แปดพันปี   ตราบเมล็ดกรวด   ก่อเป็นภูผา   ปกด้วยตะไคร่


君が代
คิมิงะโยะ
โน้ตเพลงชาติญี่ปุ่น คิมิงะโยะ
โน้ตเพลงชาติญี่ปุ่น คิมิงะโยะ
เพลงชาติของ    ธงของประเทศญี่ปุ่น ญี่ปุ่น
เนื้อร้อง    กลอนโบราณประเภทวะกะ, ยุคเฮอัง (794-1185)
ทำนอง    โยะชิอิสะ โอกุ อะกิโมะริ ฮะยะชิ และ ฟรานซ์ เอ็คเคิร์ต, ค.ศ. 1880
ประกาศใช้    ค.ศ. 1880 (โดยพฤตินัย)
ค.ศ. 1999 (โดยนิตินัย)
คิมิงะโยะ (บรรเลงและขับร้อง บันทึกเสียงเมื่อ ค.ศ. 1930)



ประวัติ....

เนื้อร้องของเพลงคิมิงะโยะนั้น เดิมเป็นบทกลอนยุคเฮอังที่ไม่ทราบว่าผู้ใดแต่งไว้ ปรากฏอยู่ในหนังสือโคะคินวะกะชู หรือ "ประชุมบทร้อยกรองแบบวะกะ" ในความเป็นจริงอาจกล่าวได้ว่า ผู้แต่งกวีบทนี้อาจเป็นที่รู้จักกันทั่วไปในเวลานั้น แต่ชื่อของเขาไม่ได้รับการบรรจุไว้ในหนังสือดังกล่าว เพราะกวีผู้นั้นอาจมีฐานะทางสังคมที่ตำก็ได้ เพราะกวีในยุคนั้นมักจะไม่ใช่ชนชั้นสามัญชน บทกวีคิมิงะโยะนี้ปรากฏอยู่ในประชุมบทร้อยกรองหลายฉบับ และถูกใช้ในยุคต่อๆ มาในลักษณะของเพลงเฉลิมแลองของผู้คนในสังคมชั้นสูง ทั้งนี้ ตอนต้นของบทกวีดังกล่าวมีเนื้อหาต่างจากที่ใช้เป็นเพลงชาติในปัจจุบัน โดยฉบับเดิมจะขึ้นต้นว่า "วะ งะ คิมิ วะ" ("Wa ga Kimi wa", "ท่านผู้เป็นนายแห่งข้า") เนื้อร้องของเพลงนี้ต่อมาได้เปลี่ยนแปลงไปในช่วงยุคคามาคุระ (ค.ศ. 1185 - 1333) เป็น "คิมิ งะ โยะ" (แปลตามตัวคือ "สมัยแห่งท่าน") ดังที่รู้จักกันทุกวันนี้


ในปี ค.ศ. 1869 ในช่วงต้นของยุคเมจิ จอห์น วิลเลียม เฟนตัน (John William Fenton) ผู้นำวงโยธวาทิตชาวไอริช ซึ่งได้เดินทางมาเยือนญี่ปุ่น ได้ตระหนักว่าประเทศญี่ปุ่นยังไม่มีเพลงชาติของตนเอง จึงได้แนะนำให้อิวะโอะ โอยะมะ ข้าราชการชาวญี่ปุ่นแห่งแคว้นซัตสึมะ สร้างเพลงชาติขึ้น ซึ่งโอยะมะก็เห็นด้วยและได้เลือกเอาบทกวีคิมิงะโยะมาใช้เป็นบทร้องของเพลงชาติ เป็นไปได้ว่าที่มีการเลือกเอาบทกวีคิมิงะโยะมาใช้ เพราะเนื้อหาของเพลงคล้ายคลึงกับเพลงก็อดเซฟเดอะควีนของอังกฤษ โดยได้รับอิทธิพลทางความคิดจากเฟนตัน หลังจากที่ได้เนื้อร้องแล้ว โอยะมะจึงร้องขอให้เฟนตันช่วยประพันธ์ทำนองเพลง เขาจึงใช้เวลาในการแต่งทำนองเพลง 3 สัปดาห์ และใช้เวลาในการซ้อมนักดนตรีในเวลาไม่กี่วัน ก่อนจะบรรเลงเพลงนี้ต่อเบื้องพระพักตร์ของพระจักรพรรดิในปี ค.ศ. 1870[6] ทำนองเพลงดังกล่าวนี้คือทำนองฉบับแรกของเพลงคิมิงะโยะ ซึ่งต่อมาได้เลิกใช้ด้วยเหตุผลว่า ทำนองนี้ "ยังขาดความเคร่งขรึม"อย่างไรก็ตาม เพลงคิมิงะโยะทำนองนี้ปัจจุบันยังคงมีการบรรเลงปีละครั้ง ที่ศาลเจ้าเมียวโคจิ เมืองโยโกฮามา ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแต่เฟนตัน ผู้ได้รับหน้าที่เป็นผู้นำวงโยธาวาทิตของญี่ปุ่นประจำเมืองนี้


ในปี ค.ศ. 1880 สำนักพระราชวังของญี่ปุ่นได้เลือกทำนองเพลงคิมิงะโยะใหม่ ซึ่งประพันธ์โดย โยะชิอิสะ โอกุ และอะกิโมะริ ฮะยะชิ ผู้ประพันธ์เพลงอีกคนหนึ่งที่มักจะถูกกล่าวถึงรวมอยู่ในกลุ่มผู้แต่งทำนองนี้ด้วย คือ ฮิโระโมะริ ฮะยะชิ ซึ่งเป็นผู้ดูแลงานของทั้งสองคน และยังเป็นพ่อของ อะกิโมะริ ฮะยะชิ อีกด้วย ทั้งนี้ ตัวอะกิโมะริเองก็เป็นลูกศิษย์คนหนึ่งของเฟนตันด้วย แม้ทำนองใหม่นี้จะมีพื้นฐานจากทำนองเพลงของราชสำนักโบราณก็ตาม แต่ก็มีการผสานเข้ากับดนตรีประเภทเพลงสรรเสริญ (hymn) ของชาติตะวันตก และใช้บางส่วนที่เฟนตันได้เรียบเรียงไว้แต่เดิมด้วยโดยฟรานซ์ เอ็คเคิร์ต (Franz Eckert) นักดนตรีชาวเยอรมัน ได้ปรับปรุงทำนองเพลงนี้ให้มีความกลมกลืนแบบตะวันตกมากยิ่งขึ้น นับได้ว่าเป็นการสร้างเพลงคิมิงะโยะฉบับที่ 2 และเป็นฉบับที่ใช้ในปัจจุบัน และนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1893 เป็นต้นมา เพลงคิมิงะโยะได้ถูกบรรจุให้ใช้ในพิธีการของโรงเรียนรัฐบาลด้วยการผลักดันของทางกระทรวงศึกษาธิการญี่ปุ่น เพลงนี้บรรเลงด้วยบันไดเสียง ซี เมเจอร์


ความหมายของ "คิมิ" และ "คิมิงะโยะ"

การตีความแบบดั้งเดิม


นับตั้งแต่สมัยเฮอังหรือในสมัยก่อนหน้า คำว่า "คิมิ" ได้ถูกใช้ในลักษณะดังต่อไปนี้
ใช้เป็นคำนามเพื่อแทนตัวพระจักรพรรดิหรือขุนนางชนชั้นสูงผู้ใดผู้หนึ่ง ความหมายตรงกับคำว่า master ในภาษาอังกฤษ (ในกรณีนี้ถ้าหมายถึงพระจักรพรรดิควรแปลว่า ฝ่าบาท ถ้าหมายถึงขุนนางควรแปลว่า นายท่าน)
ใช้เป็นคำแสดงความยกย่องต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือใช้คำนี้ต่อท้ายชื่อเพื่อเป็นชื่อชี้เฉพาะบุคคล ตัวอย่างเช่น ฮิคารุ เก็นจิ (ญี่ปุ่น: 光源氏; Hikaru Genji) ตัวละครเอกในงานเขียนเรื่องตำนานเก็นจิ มีชื่อที่ถูกเรียกในเรื่องว่า "ฮิคารุโนะคิมิ" (光の君; Hikaru no Kimi)



การตีความในปัจจุบัน


ตามรัฐธรรมนูญของญี่ปุ่น ซึ่งได้ตราไว้เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 1946 สมเด็จพระจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่นไม่ทรงมีฐานะเป็นองคือธิปัตย์ แต่ทรงเป็นสัญลักษณ์แห่งรัฐและความสามัคคีของชนในรัฐ
ในปี ค.ศ. 1999 ระหว่างการพิจารณากฎหมายว่าด้วยธงชาติและเพลงชาติของญี่ปุ่น ความหมายอย่างเป็นทางการจองคำว่า "คิมิ" และ "คิมิงะโยะ" ได้ถูกตั้งคำถามอยู่หลายครั้ง ในวันที่ 29 มิถุนายนของปีนั้น นายกรัฐมนตรีเคอิโซ โอะบุชิ จึงได้เอ่ยถึงนิยามของทั้งสองคำไว้ดังนี้


"คิมิ" หมายถึงองค์สมเด็จพระจักรพรรดิ ผู้ทรงเป็นสัญลักษณ์แห่งรัฐและความสามัคคีของชนในรัฐ และพระราชสถานะของพระองค์นั้นได้มาจากฉันทามติของมหาชนชาวญี่ปุ่นผู้ทรงไว้ซึ่งอำนาจอธิปไตย และวลี "คิมิงะโยะ" หมายถึงรัฐของเรา ซึ่งก็คือประเทศญี่ปุ่น ซึ่งสมเด็จพระจักรพรรดิได้ทรงขึ้นครองราชย์ในฐานะสัญลักษณ์แห่งรัฐและความสามัคคีของชนในรัฐ โดยฉันทามติของมหาชนชาวญี่ปุ่น นี่จึงเป็นเรื่องที่มีเหตุผลในการใช้บทร้อง "คิมิงะโยะ" เพื่อแสดงความหมายถึงความปรารถนาให้ชาติของเราดำรงไว้ซึ่งความเจริญรุ่งเรืองและสันติสุขชั่วกาลนาน







"ซาซาเร อิชิ" - โขดหินซึ่งในบางตำนานกล่าวว่าจะเติบใหญ่ขึ้นเมื่อกาลเวลาผ่านไปเป็นเวลานาน ภาพถ่ายจากศาลเจ้าชิโมะงะโมะ เมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น

  • จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี



Create Date : 04 ตุลาคม 2556
Last Update : 4 ตุลาคม 2556 3:57:32 น. 0 comments
Counter : 3473 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Turtle Came to See Me
Location :
พัทลุง Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]





★ที่มา ล็อกอิน ★Turtle Came to See Me ★( บทกวี Poem )
เป็นหนังสือ สำหรับเยาวชน
★Turtle Came to See Me
แต่งโดย :Margrita Engle
★★★★



BlogGang Popular Award #11

BlogGang Popular Award #12
Friends' blogs
[Add Turtle Came to See Me's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.