It's All I Have to Bring Today !
Group Blog
 
<<
กันยายน 2561
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
27 กันยายน 2561
 
All Blogs
 

เด็กหญิงอายุ12ขวบ ท่องนรก



 

 
 เด็กหญิง ลัดดา อิทรวิจิตร อายุ 12 ปี
บ้านเลขที่34 ตรอกพระยาไม้ ติดกับวัดประยุรวงศ์ ธนบุรี อยู่กับคุณปู่คุณย่าของเธอ
ปกติคุณย่าของเธอ ( นางวงศ์ จูงใจ ) เป็นคนใจบุญ ทำบุญใส่บาตรเป็นประจำตอนเช้า ตอนเพลก็จัดการปรุงอาหารพระตามกุฏิต่างๆ โดยให้เด็กหญิง
ลัดดาผู้นี้บ้าง คนในบ้านบ้าง ตนเองบ้างนำไปถวาย และมิเพียงแต่พระสงฆ์เท่านั้น ยังได้เผื่อแผ่ไปถึงสัตว์นานาชนิด เช่น แมว สุนัข ไก่ นก(นกกระจอก)
กา ทั้งในบ้านและที่วัดอีกด้วย โดยเฉพาะรอบกุฏิของผู้เขียน แมว สุนัข และนกกระจอก อุดมสมบูรณ์ ผู้ที่ได้นำมาเลี้ยงก็คือ เด็กหญิงลัดดาผู้นี้ พระเณรมักสัพยอกเธอว่า " เทพีข้าวแมว " บ้าง " กี๋ " บ้าง ซึ่งเธอก็ไม่โกรธ

นอกจากนี้ยังปรากฎว่า คุณย่ามีความเข้มงวดกวดขันในเรื่องจรรยา มารยาทของเธอมาก อบรมให้นอบน้อมพระเจ้า พระสงฆ์ และผู้หลักผู้ใหญ่ขยันขันแข็งในกิจการบ้านการครัว อย่างเกีอบจะผิดวิสัยเด็กวัยนี้ เธอต้องตื่นแต่เช้ามืดเข้าครัวหุงต้ม และรีบไปจ่ายตลาด เพื่อกลับมาจัดปรุงอาหารให้ทันใส่บาตรพระ เสร็จจากงานครัวและใส่บาตรแล้ว ก็นำหนังสือพิมพ์ไป
ถวายให้พระเณร ในวัดประยุรวงศ์ ได้อ่านหลายกุฏิ ขุนสุนัข เลี้ยงแมวเอาข้าวสารไปหว่านโปรยเลี้ยงนก ตามที่ต่างๆ จากนั้นก็ไปประกอบการงานอาชีพ โดยคุณย่าได้จัดปรับปรุงบ้านในด้านติดถนนเป็นบริการเสริมสวย
ฝึกปรือเธอให้รู้จักศิลปเสริมความงาม เมื่อคิดถึงอายุของเธอแล้ว ก็นับว่ามีฝีมือน่าชมทีเดียว ลูกค้าของเธอจึงมีมากเหมือนกัน

มาเมื่อวันทึ่ 24 เมษายน 2510 เช้ามืดเธอนอนไม่ตื่น ถึงคุณย่าจะปลุกเธอด้วยวิธีรุนแรงเธอก็นอนเงียบ คุณย่าแปลกใจ เพราะปกติ เด็กหญิงลัดดา
ไม่เคยดื้อและเกรงกลัวอยู่ เมื่อสัมผัสถูกเนื้อต้องตัวดู ก็เย็นชืดอ่อนปวกเปียก คุณย่าตกใจจึงปลุกสามี ( ส.ต.อ. ผาด จูงใจ ) ให้ลุกขึ้นแล้วช่วยกัน
แก้ไขพยาบาล คลำชีพจรไม่เต้น เอาสำลีรอจมูกก็ไม่มีลมผ่าน ตกลงนำส่งโรงพยาบาล ศิริราช เมื่อแพทย์รับไว้และทำการแก้ไขพยาบาล ส.ต.อ. ผาด
กับเพื่อนคนหนึึ่งก็อยู่เฝ้าไข้หลาน จนเวลาผ่านไปประมาณ 9.30 น. จึงฟื้น

อาการแรกที่เธอฟื้น เธอได้ร้องว่า " หนูกลัวแล้วอย่าทำหนูเลย " สองสามครั้ง มีอาการสั่นด้วยความหวาดกลัว

ส.ต.อ. ผาด เห็นดังนั้นจึงพูดปลอบว่า " ปู่อยู่กับหนูที่นี่หนูไม่ต้องกลัวอะไร"

เธอหยุดร้อง ลืมตาแล้วหลับไป หายใจเหมือนหอบ ตัวสั่นเทา คุณปู่จึงถามหลานว่า " หนูกลัวอะไรหรือ? ที่นี่ไม่มีใครมาทำหนูได้หรอก "

เธอพูดทั้งๆยังหอบว่า " หนูเห็นคนรูปร่างใหญ่โต ถือไม้กระบอง หัวมีเขา2 เขา และมีอีก 4-5 คนหัวโพกผ้าแดง เข้ามาทางหน้าต่าง เข้ามาบีบคอหนู
แล้วอุ้มหนูไป หนูเรียกให้ปู่ช่วย ปู่ก็ไม่ช่วย "

เนื่องจากหลานยังเหนื่อยและตื่นเต้น คุณปู่จึงยังไม่รบกวนซักถามอีก ปล่อยให้นอนพักผ่อน และแพทย์ให้นำ้เกลือในเวลาต่อมา จนเวลาล่วงไป
ถึง 15.00 น. จึงตรวจอาการอีกครั้ง เห็นว่าปลอดภัย จึงอนุญาตให้นำกลับบ้านได้ เมื่อถึงบ้านมีอากา่รหิว รับประทานอาหารแล้วหลับไปพักใหญ่ ครั้นตื่นขึ้น คุณปู่คุณย่าจึงช่วยกันสอบถามความทรงจำอันประหลาดของเธออีกครั้ง

ต่อไปนี้ จะได้เรียบเรียงเรื่องราวในความทรงจำของเธอ โดยอาศัยบันทึกของ ส.ต.อ. ผาด จูงใจ คุณปู่ของเธอ และข้าพเจ้าได้สอบถามด้วยตนเอง
บ้าง ขอเรียบเรียงแต่ย่อๆ...

เมื่อเธอถูกอุ้มออกทางหน้าต่างไปแล้ว ถูกบังคับให้เดินไปในที่ไม่เคยผ่าน เธอเห็นเป็นต้นไม้ประหลาดขึ้นอยู่มากมายเป็นป่าพึดไปทีเดียว ต้นไม้นั้นมี
หนามแหลมคมเต็มไปหมด มีคนทั้งผู้หญิงผู้ชาย ล้วนแต่เปลือยกาย พากันปีนป่ายขึ้นไป ถูกหนามแหลมแทงเลือดโชกกาย

คนไหนกลัวเจ็บไม่ยอมขึ้น ก็จะมีคนข้างล่างคอยเอาหอกแทงก้น ต้องปีนขึ้นไปให้หนามเกี่ยวแทงเจ็บปวดร้องลั่น พอขึ้นไปสูงๆ ก็มีนกตัวใหญ่ปากเหล็ก บินมาจิกฉีกเนื้อออกมาเป็นชิ้นๆ เธอทนดูไม่ได้ต้องหลับตาเพราะเสียวสยอง

เดินต่อไปแล้วลืมตาขึ้นอีกครั้ง พบผู้ชายผู้หญิงหลายคน ถูกมัดมืออยู่บนหัวมีกงจักรพัด คมจักรบาดกระจุยกระจาย เลือดเนื้อสาดกระเซ็นเป็นวงเธอแข็งใจถามเขาว่า ทำไมจึงเป็นอย่างนี้ เขาบอกเธอว่า เมื่อเป็นมนุษย์เขาเนรคุณ ทารุณพ่อแม่อย่างสาหัส

จากนั้น ก็ถึงศาลาหลังหนึ่ง มีผู้หญิงแก้ผ้าอยู่บนนั้น กำลังใช้มือกำผ้าอ้อมทุบอกตนเอง แล้วร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด เธอถามเขาว่าทุบอก
ทำไม? นางบอกว่าเมื่อเป็นคน นางทารุณเฆี่ยนตีลูกตนเองและลูกเลี้ยงด้วยความเกลียดชัง

ต่อไปพบปู่ของเธอเอง ( มิใช่ ส.ต.อ. ผาด ) ถูกผูกมัดไว้ไม่มีผ้านุ่ง มีแต่นำ้เหลืองไหลเฟะเยิ้มทั้งตัว ปู่บอกเธอว่า เมื่อยังมีชีวิตอยู่ ได้เบียดเบียนรังแก
ทั้งคนและสัตว์ไว้มาก ปู่ร้องว่า " หนูช่วยปู่ด้วย " แต่เธอช่วยปู่ไม่ได้ ถูกบังคับให้ผ่านปู่ไป

ได้พบเจ๊กขายปลาที่ตลาดกระจอก ( ตลาดสดข้างบ้าน ) เธอจำได้ เห็นกำลังถูกมัดให้นอนอยู่ ที่หัวถูกผ่าออกเป็น 2 ซีก ผอมมีแต่หนังหุ้มกระดูก
ได้พบกระทะใบใหญ่มีนำ้เดือดพล่าน และมีหัวกะโหลกถูกต้มเคี่ยวแต่ไม่มีไฟมีคนถูกเฆี่ยนตีอยู่หลายคน เสียงร้องน่าหวาดเสียวขนลุกขนพอง

พอพ้นจากภาพอันน่าหวาดเสียวไปแล้ว ก็ถึงที่แห่งหนึ่ง มีสำรับจัดอย่างสวยงามทั้งถาดและถ้วยชามซึ่งมีฝาปิด ล้วนเป็นทองคำทั้งสิ้น ตั้งอยู่เรียงรายทั้งสองฟากทางมองสุดสายตา ผู้นำพาเธอเดินไปถามว่า " หนูอยากกินไหม ? " เธอบอกว่าอยากกิน
เขาบอกว่าของเหล่านี้เป็นของแกทั้งนั้น หนูจำไม่ได้ หรือว่าได้ทำร่วมกับผู้ใจบุญคนหนึ่ง? เธอนึกถึงคุณย่า เขาบอกว่านั่นแหละเป็นของหนูด้วย กินได้ทุกอย่าง เธอจึงเข้าไปเปิดฝาถ้วยชาม อาหารแต่ละอย่างกำลังร้อนๆ มีควันฉุยหอมน่ากิน เธอก็เลยกินเสียอิ่ม
มีที่ไม่ร้อนอยู่อย่างเดียว คือนำ้ส้มคั้น ดื่มแล้วหวานชื่นใจ จากนั้นก็พบข้าวสารในตุ่มแก้วเม็ดโตๆ งามๆ ตั้งเรียงไว้หลายสิบตุ่ม พบขนมฝรั่ง พบหัวเป็ดหัวไก่ จำได้ว่าเคยเอามาต้มเป็นอาหารเลี้ยงสุนัข แต่ที่นี่อยู่ในอ่างทองคำ พบข้าวสุกคลุกเนื้อปลาใส่อ่างทองไว้
หลายสิบอ่าง ทำให้นึกถึงข้าวแมว พบหนังสือพิมพ์วางไว้เป็นตั้งๆด้วย

จากสิ่งเหล่านี้เขาก็พาเธอเดินไปจนกระทั่งเกือบจะถึงกำแพงใหญ่ และเห็นเป็นภูเขาอยู่ลึกเลยเข้าไป ก็พบพระองค์หนึ่ง รูปร่างเหมือนพระพุทธรูปที่เคยบูชากราบไหว้ที่บ้านพระถามคนนำทางมาว่า " โยมจะพาเด็กคนนี้ไปไหน? ...นำเขากลับไปบ้านเสียเถิด เอา
มาผิด เป็นคนละคนน่ะ ชื่อเดียวกัน "

คนนำนิ่ง พระพูดต่อไปอีกว่า " ไหนๆก็พามาแล้ว ให้ดูข้างในเสียหน่อยซิ "

คนนำยังนิ่ง พระองค์นั้นก็เลยเปลี่ยนความคิดว่า " อย่าเลยไม่ต้องให้ดูหรอก เท่านี้ก็พอแล้ว อยู่นานนักไม่ได้ เขามีงานรออยู่ทางบ้าน พาเขาไปส่งเถอะ " แล้วหันมาพูดกับเธอว่า " จำไว้นะหนู ต่อไปนี้ความชั่วความบาป อย่าทำ..."

คนนำพูดสอดขึ้นด้วยเสียงขู่ตะคอกว่า " โดดนำ้ไปซิ " ขณะนั้นเธอเห็นแม่นำ้กว้างเกิดขึ้นขวางหน้า จนปัญญาเห็นว่าหมดทางกลับเสียแล้ว ก็บังเอิญได้ยินพระพูดว่า" ไม่ได้ ทำอย่างนั้นไม่ได้ เอาเขามาอย่างไร ก็เอาไปอย่างนั้นซี "

อย่างฉับพลันทันทีที่พระพูดจบ ก็มีนกใหญ่ตัวหนึ่งขนสีทอง มีขาสองขา มาหมอบให้เธอนั่งบนหลัง แล้วก็บินพากลับ ผ่านผู้หญิงรูปร่างสวยๆ ลอยอยู่กลางอากาศ ( นางฟ้ากระมัง? ) ร้องทักเซ็งแซ่ไปหมด มีคนหนึ่งร้องว่า " หนูแล้วมาเที่ยวใหม่นะจ๊ะ " เมื่อ
พ้นจากกลุ่มผู้หญิงสวยๆ เธอเสียดายอยากจะเหลียวไปดูอีก ก็ถูกคนนำพา ที่ลอยมาเร็วพอกันกับนกบิน ขู่สำทับว่า " อย่าเหลียวกลับไปดูนะ ขืนเหลียวจะแทงให้ตาย "

จากนั้นก็ถึงบ้าน เขาว่า " เอ้าถึงแล้ว " เธอลงจากหลังนกด้วยความกลัว รีบวิ่งเข้าบ้านปากก็ร้องว่า " หนูกลัวแล้ว อย่าทำหนูเลย " ต่อแต่นั้นเธอก็ฟื้น เหตุการณ์ก็เป็นดังกล่าว
มาแต่ต้น...

ก่อนจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เด็กหญิงผู้นี้มิได้ป่วยไข้แต่อย่างใด ไม่เคยอ่านหนังสือมาลัยสูตร หรือเนมิราชชาดก หรือฟังเทศน์ฟังธรรมเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงจะได้มีความรู้เป็นพื้นฐาน จนสามารถผูกนิยายเลียนแบบคัมภีร์ศาสนา ราวกับนักเทศน์ผู้เชี่ยวชาญอย่างนี้
ถ้าเช่นนั้น ประสบการณ์จากสัญญาประหลาดนี้ จะเกิดจากอุปาทานได้อย่างไร? ทั้งวัย
ของเธอก็เรียกได้ว่า เริ่มจะเดียงสาเท่านั้น

( จากหนังสือ วิจัยกำเนิด ๔ โดยพระมหาคล้อย กตสาโร ป.ธ.๙ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎ์ พิมพ์ในปี พ.ศ.2537 )
- เรื่องเล่าโดย พระครูประกาศสมาธิคุณ อธิปฺปตฺโต ภิกขุ วัดมหาธาตุ

ขอบคุณเจ้าของเทปวีดีโอและภาพเป็นธรรมทาน
คลิกเพื่อเข้าชม ภาพวีดีโอ...
 




 

Create Date : 27 กันยายน 2561
2 comments
Last Update : 27 กันยายน 2561 8:34:37 น.
Counter : 744 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณหอมกร, คุณที่เห็นและเป็นมา

 

เชื่อหรือไม่เชื่อก็ไม่ลบหลู่ค่ะ
และเชื่อก็น่าจะทำตัวให้พ้นนรกได้
แค่ถือศีลห้าและมีเมตตากับชีวิตที่แวดล้อม
ก็คงพอหลีกๆได้นะคะ

 

โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) 27 กันยายน 2561 9:13:06 น.  

 

permanent-love Dharma Blog ดู Blog
จะเชื่อตอนเป็นหรือจะไปเห็นตอนตายดีจ้า



 

โดย: หอมกร 27 กันยายน 2561 12:21:50 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


Turtle Came to See Me
Location :
พัทลุง Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]





★ที่มา ล็อกอิน ★Turtle Came to See Me ★( บทกวี Poem )
เป็นหนังสือ สำหรับเยาวชน
★Turtle Came to See Me
แต่งโดย :Margrita Engle
★★★★



BlogGang Popular Award #11

BlogGang Popular Award #12
Friends' blogs
[Add Turtle Came to See Me's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.