Group Blog
 
 
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
24 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 
Yoosu Fiction[Good Morning Sweet] Part 2




Titile: ~~Good Morning Sweet~~ Part 2
Author: Angel Midori
Genre: Romantic Comedy
Rating: PG-13
Pairing: YooSu
Note : แน่นอนค่ะ ว่านี่เป็น TVXQ Fiction และแน่นอนค่ะว่ามันเป็นแนว Yaio เผื่อใครเผลอกดมาเจอได้ ตั้งรับทันค่ะ

***********************************

Good Morning Sweet

Part 2

“จุนซู...คุณมาเป็นแฟนผมไหม”

อึ้งครับ เป็นความรู้สึกเดียวตอนนี้ที่ผมมี ถ้านายนี่ไม่บ้า ก็หน้าด้านเอามาก ๆ ที่กล้าถามผมแบบนี้

“นายพูดอะไรของนาย”

“ก็พูดว่า เราสองคนมาเป็นแฟนกันไหม”

นี่มันใช้ตรรกะไหนคิดครับผู้ชายคนนี้ นอกจากมันจะข้ามขั้นปล้ำผมไปแล้ว มันก็ยังข้ามขั้นมาขอผมเป็นแฟน ระบบขั้นตอนในชีวิตนายนี่มันกลับจากหลังไปหน้าหรือไง ก่อนจะตกลงเป็นแฟนกับใคร เค้าไม่ต้องดูใจ หรือจีบกันก่อนหรือยังไงกันนะ

“นายจะบ้าหรือไง ฉันไม่ได้บ้าพอจะตอบรับนายหรอกนะ แล้วฉันก็ไม่จำเป็นต้องเป็นแฟนกับใครเพียงเพราะฉันมีอะไรกับคนนั้นไปแล้ว ฉันเป็นผู้ชายนะ ถ้านายแค่ติดใจฉัน เลยจะหาข้ออ้างมาขอเป็นแฟน ก็ฝันไปเหอะ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นน่าจุนซู ผมคิดว่าผมรู้สึกดีกับคุณจริงๆ”

“ถ้านายคิดอย่างนั้นก็กลับไปคิดใหม่ด้วย นายคิดว่าที่ทำกับฉันไป คิดว่าฉันจะให้อภัยเหรอ”

“คุณไม่คิดจะให้โอกาสผมหน่อยเหรอ”

“ฝันไปเหอะ ไม่มีทาง แล้วช่วยเปิดประตูให้ผมด้วย”ผมตวาดลั่นแล้วก็หันไปพยายามปลดล็อกประตูรถ ปาร์คยูชอนส่ายหัวน้อยๆ ก่อนปลดล็อกประตูให้ผม ผมจึงรีบออกไปจากตัวรถทันที

“เดี๋ยวเราค่อยคุยกันอีกทีแล้วกันจุนซู ถ้าคุณอารมณ์ดีกว่านี้เราคงคุยกันดี ๆ ได้”นายนั่นตะโกนลงมาจากรถ ผมหันไปแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เจ้านั่นทันที

“ไม่มีการคุยกันอีกแล้ว”ผมตะโกนตอบ ก่อนจะรีบวิ่งเข้ารั่วประตูบ้านไป


พอผมเดินเข้าบ้านมาก็เห็นคุณแม่ของผมนั่งดูโทรทัศน์อยู่คนเดียวในห้องรับแขก พอเห็นท่าน น้ำตาผมก็พาลจะไหล อยากเข้าไปกอดท่านจัง แต่เวลานี้ถ้าท่านถามอะไร ผมไม่รู้จะพูดยังไง แถมผมมีชนักติดหลังเรื่องไม่กลับมานอนบ้านโดยไม่ได้บอกด้วย

“กลับมาแล้วเหรอลูก ไปเที่ยวมาสนุกไหม”คุณแม่ท่านถามผม ระหว่างที่ผมพยายามแอบเดินเบาๆ ขึ้นห้องนอน

“เออก็สนุกครับ”ดีจังเลยครับที่ท่านอารมณ์ดี แล้วคงคิดว่าผมไปเที่ยวมา พี่ยุนโฮคงบอกท่านอย่างนั้นมั่ง

“เออแล้วคนอื่นไปไหนกันหมดครับ”

“พ่อเราเค้าไปตีกอลฟ์กับยุนโฮ ส่วนชางมินคงไปเที่ยวไหนกับเพื่อนเค้า”

“อ๋อครับ ผมเพลียจังเลยครับคุณแม่ ขอไปพักก่อนแล้วกันนะครับ”ผมหาทางเลี่ยงท่านทันที เมื่อได้คำตอบที่ต้องการ

พอถึงห้องนอน ผมถึงกับนอนแผ่หรากลางที่นอน ก็นี่ผมแอ๊บเดินไม่ให้คุณแม่ผิดสังเกตมันทรมานแทบแย่ แต่ก็สบายใจนิด ๆ ที่ท่านไม่สงสัยหรือโกรธอะไร ระหว่างที่ผมนอนกลิ้งๆ อยู่ ก็นึกได้ว่ามีเรื่อน่าแปลกใจอยู่เหมือนกัน ที่ไม่มีใครที่บ้านโทรตามหาผม ก็กว่าผมจะมาถึงบ้านนี่ก็ปาไปบ่ายโมงเข้าไปแล้ว รู้สึกน้อยใจนิด ๆ นะเนี่ย

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามองดูมิสคอลค้างๆ อีกรอบ ก็มีแต่เพื่อนที่อ๊อฟฟิตโทรมา พี่ชาย น้องชาย แม่พ่อผมไม่มีโทรตามหาสักคน มีแต่ผมโทรไปหาพี่ยุนโฮ แต่เอ๊ะ เวลาที่โทรมัน ตีหนึ่งกว่า ๆ เวลานั้นผมควรจะเมาพับไปแล้วนิ หรือว่าผมเมาแล้วโทรไป แล้วผมพูดอะไรบ้างล่ะเนี่ย พี่ยุนโฮถึงไม่ออกไปตามผม แล้วถ้ามาถามตอนนี้ผมจะตอบได้ไหม ทำไมผมลืมสนิทเลยเรื่องที่ผมโทรไปหาพี่

ผมเก็บโทรศัพท์เลิกคิดอะไรที่ผมนึกไม่ออก และคิดว่าจะขอนอนพักเอาแรงหน่อย แต่พอจิตใจสงบ ผมก็พลันไปคิดถึงหน้าคนที่ไม่อยากคิดถึง “ปาร์คยูชอน” ผมยังใจเต้นอยู่เลย เมื่อนึกถึงประโยคที่เค้าเพิ่งถามผมไป ถ้ามันเกิดก่อนหน้านี้ผมอาจจะเก็บเอามาคิด และมีโอกาสสูงเลยล่ะ ที่ผมจะลองคบเค้าดู ก็เค้าน่ะเป็นชายในฝันของใครหลายๆ คน รวมถึงผมเองก็ปลื้มเค้านิด ๆ นะ ใครจะไม่ชอบ ผู้ชายหน้าตาดี นิสัยสุภาพ การศึกษาดี หน้าที่การงานดีกันบ้างล่ะ

แต่ตอนนี้แค่คิดจะลองคบเจ้านั่นก็ไม่มีทางแล้ว ใครจะไปรู้ว่าไอ้หน้าตาหล่อ อบอุ่นของนายนั่น จะหื่น บ้ากาม ฉวยโอกาส ปากไม่ดี ขี่ตู่ เอาแต่ได้แบบนั้นกัน พอนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นผมล่ะอยากต่อยหน้าหล่อ ๆ นั่นแรงๆ สักที

อืมมมม แต่ทำไมตอนนั้นผมลืมไปได้นะ เจอกันคราวหน้าผมจะซัดให้หงายเลย




“จุนซูตื่นเถอะ ลงไปกินข้าวเย็นกัน”ผมได้ยินเสียงเรียกคุ้นๆ หู พร้อมกับสัมผัสเบาๆ ที่แก้ม คงเป็นพี่ยุนโฮซินะที่มาเรียกผม คนที่ทำแบบนี้มีอยู่คนเดียวแหละ ถ้าเป็นเจ้าชางมิน มันคงแกล้งเอาหมอนมาทุบผมซะมากกว่า

“ฮะ เดี๋ยวผมตามลงไป”ผมตอบงัวเงีย กว่าจะเปิดเปลือกตาได้ ก็เห็นพี่ยุนโฮลุกไปยืนมองผมที่หน้าประตูห้องแล้ว

“รีบ ๆ ลงไปล่ะ”

“อืมมมม”

ผมค่อย ๆ เดินลงมาที่โต๊ะกินข้าวอย่างพยายามไม่ให้ใครจับพิรุจได้ แต่จริงๆ ตอนนี้มันก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากแล้วด้วย ผมทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ชางมิน วันนี้ครอบครัวผมอยู่กับพร้อมหน้าพร้อมตากันเลยทีเดียวคงเป็นเพราะวันอาทิตย์ พอมานั่งกันแบบนี้ ผมรู้สึกทันทีว่าผมมันเป็นยีนส์ด้อยของบ้าน ก็ดูพี่ชาย น้องชายของผมซิ สองคนนั้นสูงเกินมาตรฐานผู้ชายเอเชีย ในขณะที่ผมสูงตามมาตรฐาน สองคนนั้นหล่อคมเข้ม ได้ยีนส์เด่นคุณพ่อมาเต็มๆ ในขณะที่ผมรับเอายีนส์เด่นคุณแม่มาแทน หน้าตาผมเลยกระเดียดไปทางน่ารัก แถมสองคนนั้นน่ะ เป็นความภูมิใจของครอบครัวเลยล่ะ

พี่ชายผมเรียนจบปริญญาโท วิศวกรรมจากมหาวิทยาลัย ระดับไอวี่ลีก ของอเมริกา ตอนนี้หน้าที่การงานระดับใหญ่โตในบริษัทที่ให้ทุนพี่ผมไปเรียนต่อ ถ้าไม่ได้ทุน ที่บ้านเราก็คงลำบากนิดหน่อยที่จะส่งเสียพี่ เพราะคุณพ่อท่านทำงานเป็นนักวิชาการ ตำแหน่งไม่ใหญ่โต คุณแม่ก็เป็นแค่แม่บ้าน เจ้าน้องชายเองก็ว่าที่เกียรตินิยม คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยระดับท๊อปของเกาหลี ได้ทุนเรียนดีมาตลอด แล้วกำลังจะได้ทุนไปต่อโทอเมริกาเหมือนกัน ส่วนผม ไม่อยากจะคุย ผมจบ ภูมิสถาปัตย์ มาด้วยทุนเหมือนกันนะ แต่เป็นทุนพ่อแม่ ไอ้ที่ผมจบมาได้ก็เรียกว่าเกรดเฉียดไม่รอดมาเลย ถึงแม้ผมจะทำงานที่บริษัท ออกแบบชื่อดัง แต่ก็ทำงานมาตั้งแต่เรียนจบมาจนบัดนี้ยังได้แต่ดูแลงานเล็ก ๆ อยู่เลย ไม่เหมือน ปาร์คยูชอน นายนั่นมาทำงานได้เกือบปี กวาดงานออกแบบภายในรายใหญ่ๆ ไปเพียบ คิดแล้วก็อิจฉา

“แล้วนี่กลับบ้านมากี่โมงล่ะ”อยู่ดี ๆ คุณพี่ชายผมก็โพล่งถามขึ้นมา ในระหว่างที่ผมกำลังตกในภวังค์อยู่

“ฮะ”

“พี่ถามเราว่ากลับมากี่โมง”

“ก็บ่ายโมงมั่งครับ”

“คราวหน้าไปเที่ยวไหน ก็ดูแลตัวเองล่ะ ก็รู้ว่าดื่มไม่เก่งแล้วยังจะกิน”พี่ชายผมบ่นงึมงำ ในขณะที่ผมคิดว่า ถ้าพี่รู้ว่าผมเมาแล้วทำไมไม่มารับผมล่ะ เพราะพี่ไม่มารับผมไง ผมถึงต้องเป็นแบบนี้ แต่ผมก็ไม่กล้าถามออกไป ก็ผมยังนึกไม่ออกนิว่าเมื่อคืนพูดอะไรไปบ้าง

“ครับ คราวหน้าคงไม่มีแล้ว”แค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้วล่ะสำหรับผม

“คราวหน้าคงไม่มีใครอยากจะชวนพี่ไปเป็นภาระแล้วล่ะ”น้องชายปากดีของผมมันพูดครับ ผมอยากทุบแรงๆ ตอบมันไป แต่ก็ขี้เกียจเถียงด้วย ดูเจ้านั่นมองหน้าผมแบบงง ๆ เหมือนกันที่ผมไม่เถียง

มื้ออาหารมื้อนั้น หลังจากพี่ชายผมเทศน์ผมไปเล็กน้อย ก็เปลี่ยนหัวข้อไปเรื่อง หลุม 18 พาร์ 3 ของพี่ชายกับพ่อผม ซึ่งผมฟังไม่เคยจะรู้เรื่องเลย มีชางมินผู้รู้ทุกเรื่องคอยแทรกเป็นระยะ ๆ

ผมขอตัวกลับมานอนอีกรอบ ทุกคนก็ปล่อยผมขึ้นมาเพราะคิดว่าผมยังแฮงค์อยู่

อ๊า............. พอมานอนแบบนี้แล้วคิดว่าพรุ่งนี้ต้องไปทำงาน แล้วต้องไปเจอหน้าไอ้หมอนั่น ผมก็เครียดแล้วล่ะ แต่ทำไงได้ ผมหนีเจ้านั่นไม่ได้ไปตลอดชีวิตหรอก

------------------------------------------------

“อ้าวมาแล้วเหรอพี่จุนซู”เสียงใส ๆ ของฮันมินจี ทักผมดังลั่น ผมเห็นมินจี กับลีแชยอนเพื่อนรักของผมกำลังนั่งตั้งวงนินทาอยู่ที่โต๊ะของแชยอน แล้วสองคนนั้นก็กวักมือเรียกผมให้ไปร่วมวงด้วย

ลีแชยอนเพื่อนสนิทที่สุดในบริษัทของผม แชยอนเป็นผู้หญิงที่ห่างไกลจากคำว่าผู้หญิงอยู่พอสมควร ผมไม่ได้ปากเสียด่าเพื่อนหรอกนะครับ แต่แชยอนน่ะ เป็นผู้หญิงประเภท เหมาะกับงานกลางแจ้งอย่างที่สุด เพราะเธอ ถึก อึด อดทน เครื่องสำอางค์หรือแฟชั่นไม่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตแชยอนเลย ว่าผมเชยสุด ๆ แล้ว แต่แชยอนไม่เคยมีคำว่าแฟชั่น ในพจนานุกรมของเธอ ทุกวันนี้ยูนิฟอร์มทำงานของแชยอนคือกางเกงยีนส์ กับเสื้อยืดคอกลมไม่มีลายสีหม่น ๆ แว่นกรอบหน้า ผมเผ้ายุ่งเหยิง แต่จิตใจของแชยอนน่ะสวยที่สุดเลยล่ะครับ เพราะไม่ว่าใครเดือนร้อนอะไร แชยอนจะช่วยไม่เกี่ยงเลย หากจะมีเรื่องเดียวที่คาใจผมคือ ทำไมเมื่อวันเสาร์ แชยอนไม่ไปส่งผมกลับบ้าน ห๊า..............

ส่วนอีกสาวฮันมินจี ผู้เป็นหน้าเป็นตาของแผนก landscape เพราะทั้งแผนกมีกันแค่สองสาวนี่แหละครับ เธอเป็นรุ่นน้องผมสองปี ดีที่มินจียังเป็นเหมือนผู้หญิงปรกติทั่วไป หน้าตาน่ารัก พอพาไปไหนได้ไม่อายใคร แล้วนอกจากเป็นหน้าเป็นตาแล้ว มินจียังเป็นปาก และหูด้วยครับ ไม่ว่าเรื่องอะไร มินจีก็หามาเมาท์ได้ทั้งวัน

“มีอะไร”ผมทักสองสาวห้วน ๆ ก็ยังงอนอยู่นิครับ ปล่อยลูกแกะน้อยอย่างผมให้เข้าปากเสือไปได้ยังไง

“ฮิ ๆ เมื่อวันเสาร์เป็นไงบ้างพี่”น่าน...ยังมาทักเรื่องเซ็นซิทีฟอีกต่างหากน้องมินจี

“จะยังไงอีกล่ะ ทำไมพวกแกสองคนไม่พาฉันไปส่งบ้าน ปล่อยฉันไปกับ ปาร์คยูชอนได้ยังไงกัน”

“ไม่ดีหรอกเหรอพี่ นั่นคุณปาร์คยูชอนเชียวนะ”มินจีจีบปากจีบคอพูด มีแชยอนนั่งพงกหัวเป็นฝ่ายสนับสนุกอยู่อีกแรง

“ไม่ดี ฉันถามพวกแกตรงๆ ว่าคิดยังไงถึงปล่อยฉันไปกับตานั่น”

“โถ่ ก็นายเมาขนาดนั้นนิหว่า จุนซู ฉันกับมินจี จะไปโนเรบังกันต่อ แล้วพอดีคุณปาร์ค เค้าอาสาเอานายไปส่ง ฉันเห็นว่าเค้ามีรถ ฉันสองคนไม่มี พี่คนอื่นเค้าก็จะไปกันต่อ เลยฝากนายไปกับคุณปาร์ค แล้วทำไมล่ะ คุณปาร์คทำอะไรให้แกไม่พอใจเหรอ”

“เออน่ะซิ”

“เรื่องอะไรว่ะ”

“พวกแกไม่ต้องรู้หรอก แล้ววันหลังพวกแกอย่าทำแบบนี้อีกรู้ไหม”ผมขึ้นเสียงสูง พร้อมทั้งสะบัดก้นกลมๆ ผมไปนั่งที่โต๊ะทำงานทันที มันรู้สึกโมโห แล้วน้อยใจชะมัด แต่พอผมก้มลงไปมองที่โต๊ะทำงาน ก็เห็นกุหลาบขาวดอกโตดอกหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะทำงานของผม

“นี่ของใครลืมไว้ว่ะ”ผมยกดอกกุหลาบนั่นให้สองสาวดู

“ของคุณปาร์คยูชอน เค้าเอามาให้พี่ นี่แหละฉันถึงจะถามพี่ไง ว่าเมื่อวันเสาร์เป็นยังไงบ้าง ดูท่าทางน่าจะดีนี่น่า มีส่งดอกไม้ให้กันด้วย”มินจีพูดไม่พูดเปล่า เขยิบเข้ามานั่งซะชิดผมแล้วมองไปที่การ์ดที่ห้อยอยู่กับก้านกุหลาบ ยัยนี่คงอยากอ่านแทนผมล่ะมั่งครับ

ผมแอบเอาการ์ดนั่นไปเปิดอ่านพยายามไม่ให้มินจี และแชยอนที่เพิ่งมามุงด้วยเห็น ในการ์ดสีขาวใบเล็ก ๆ นั่นมีลายมือหวัดๆ แต่ก็มีระเบียบเขียนตัวอักษรอยู่สองบรรทัด

อรุณสวัสดิ์ครับ ขอให้วันนี้เป็นวันทำงานที่สดใสสำหรับคุณนะครับ My cute boy..........
from PYC.

ใครไปเป็น cute boy ของมันกันครับ แล้วมันจะเป็นวันที่ไม่สดใสเพราะไอ้การ์ดกับดอกไม้นี่แหละ ผมล่ะอย่างขว้างการ์ดแผ่นนั้นทิ้ง แต่ก็ทำไม่ได้เดี๋ยวสองสาวนั่นเก็บมาอ่าน

“เค้าเขียนว่าไงว่ะ”เป็นแชยอนครับที่อยากรู้อยากเห็นก่อน

“เรื่องของฉัน”ผมรีบเก็บการ์ดนั่นลงกระเป๋ากางเกง แล้วขว้างดอกไม้ลงถังขยะทันที

“เฮ้ย! พี่ทำไมทำยังงั้นล่ะ”

“ทำไมฉันจะทำ”

“น่าเสียดายออกพี่ ดอกไม้ออกจะสวย แล้วนี่พี่ไปโกรธอะไรเค้าล่ะ”

“เรื่องของฉัน ถ้าแกเสียดายแกก็เก็บไปซิ”พอผมพูดจบมินจีมันเอาจริงครับ เก็บดอกกุหลาบขึ้นมาเฉยเลย

“โห่ พี่ทำเป็นหยิ่ง น่ารักเลือกได้ แล้วนี่ตกลงคุณยูชอน เค้าจีบพี่เหรอ”

“อย่ายุ่ง”ผมตอบหน้านิ่งๆ แล้วทำเนียนไปสนใจกับคอมพิวเตอร์ สองสาวนั่นบ่นกันงึมงำ ประมาณว่าอยากรู้เรื่องผม แต่ผมเลือกจะทำเป็นไม่สนใจ จริงๆ ผมก็อยากปรึกษาสองคนนี้เหมือนกันนะ แต่ว่าด้วยอารมณ์หงุดหงิดมันเลยพาล แล้วคิดว่า ถ้าปรึกษาไปจะเรื่องใหญ่เปล่าๆ ตอนนี้ผมก็มีวิธีจัดการของผมแล้วล่ะ ก็แค่ไม่สนใจเจ้า PYC. นั่น

--------------------------------------------------------

“คิมจุนซู แผนก แลนด์สเคป รับสายครับ”ผมกรอกเสียงไปตามสายหลังจากที่โทรศัพท์บนโต๊ะทำงานผมดังขึ้น

“คุณ คิมครับ ตอนกลางวันว่างไหมครับ”เสียงทุ้มนุ่มๆ คุ้นหูในสาย ถามผม เล่นเอาผมงงเหมือนกัน ใครกันฟระ แล้วกลางวันใครจะใช้งานผมไปไหน

“เออว่างครับ แล้วนี่ขอโทษนะครับ ใครไม่ทราบครับ”

“ปาร์คยูชอน รองหัวหน้าฝ่าย อินทีเรีย”พอจบประโยคปุ๊บ ผมล่ะแทบจะวางหู

“ไม่ว่าง แค่นี้นะ”

“จุนซู คุณยังไม่หายโกรธผมอีกเหรอ แล้วนี่คุณเห็นกุหลาบที่ผมวางไว้บนโต๊ะหรือยัง ต้องเห็นแล้วล่ะ ผมวางไว้ชัดขนาดนั้น”

“ใครใช้ให้นายเอามาวางที่โต๊ะฉันห๊า แล้วนี่ชาวบ้านชาวช่องเค้ารู้กันหมด เรื่องที่นายเอากุหลาบมาให้ฉันเนี่ย”

“ก็ดีที่รู้ แล้วอีกอย่าง คุณคิมครับ นี่ที่บริษัท ผมตำแหน่งสูงกว่าคุณ ช่วยเรียกผมให้สุภาพหน่อย”นายนั่นพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะเล่นเอาผมเส้นประสาทเต้นตุ๊บๆ เลยล่ะ ถ้านี่เป็นที่ทำงานนายก็อย่าเอาเวลางานมานั่งโทรศัพท์จีบฉันซิ

“รับทราบครับคุณปาร์ค ตกลงว่ากลางวันนี้ผมไม่ว่าง กลางวันไหน ๆ ก็ไม่ว่าง แค่นี้นะครับ”ผมกัดฟันตอบ แล้วกระแทกหูโทรศัพท์ทันทีที่จบประโยค ผมยิ้มมุมปากอย่างสะใจ ภาวนาขอให้นายนั่นแก้วหูอักเสบไปเลย

ผมกลับไปนั่งทำงานใหม่ อย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เอามือกดเมาท์จิ้ม ต้นไม้จำลองลงไปใน แบบจำลองสามมิติของสวนในส่วนล็อบบี้โรงแรมที่ผมมีหน้าที่รับผิดชอบ พลางคิดหาวิธีหลบไอ้เจ้าทั่นรองนั่น

“นี่แกจะปลูกป่าดงดิบในสวนโรงแรมเหรอจุนซู”ผมหันไปมองหน้าเพื่อนสาวของผม แล้วมันก็ชี้นิ้วมาที่จอคอมพิวเตอร์ของผม ตายล่ะ ไอ้แบบจำลองของผมตอนนี้ มีแต่ไม้ยืนต้นเขียวพรืบเต็มไปหมด จนแทบจะไม่เห็นแนวน้ำพุที่ผมอุตสาห์นั่งออกแบบแทบเป็นแทบตาย

“บ้าไปแล้วนะแก เมาเหล้าไปหน่อยกลับมาบ้าเลยเพื่อนฉัน”แชยอนบ่นงึมงำแล้วก็เดินจากไป

ผมนั่งลบต้นไม้ในจอไปด่าสาบแช่งทั่นรองหน้าหม้อนั่นไป เพราะเจ้านั่นทำให้ผมต้องแก้งานใหม่แบบนี้แหละ



พอราว 11 โมง ผมก็แอบเนียนเก็บข้าวของ ทำเป็นว่าจะไปดูงานข้างนอก ถ้าหนีไปตอนนี้ เจ้านั่นคงมาดักผมไม่ทันแน่นอน

“พี่ ๆ ครับ ผมออกไปดูงานที่โรงแรมชอนกุกนะครับ ฝากบอกหัวหน้าด้วยแล้วกันนะครับ”ผมตะโกนบอกพวกพี่ๆ ที่นั่งก้มหน้าก้มตาอยู่กับแปลนงานของตัวเอง มีบางคนที่พยักหน้ารับ แล้วผมก็รีบเดินออกมาทันที

พอลิฟท์พาผมมาถึงชั้น 1 ผมก็เดินคิดไปว่าผมจะไปฝากท้องแล้วฝากชีวิตที่ไหนดี ก็ที่ชอนกุก ผมเพิ่งไปสำรวจที่มาเมื่อวันศุกร์ยังไม่มีอะไรที่จะต้องทำต่อ ในขณะที่ผมคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่ก็มีสัมผัสอุ่นๆ มาจับที่บ่าผม

“จะโดดงานไปไหน คุณคิมจุนซู”เสียงนี้อีกแล้วครับ มันมาหลอกหลอนผมอีกแล้ว

“นายมาอยู่นี่ได้ยังไง”

“ทำไมจะมาไม่ได้ ก็นี่บริษัทผมเหมือนกัน”

“ไม่ได้หมายความแบบนั้น ผมหมายถึงคุณทำไมไม่นั่งทำงานอยู่ข้างบน แล้วมาอยู่แถวนี้ทำไม”ผมพูดกัดฟัน แล้วก็สะบัดมือเหนียวๆ นั่นทิ้งออกไปจากไหล่ผม

“ก็มาดักรอ เด็กดื้อ ที่แอบโดดงานไง”

“ผมไม่ได้โดดงาน”ใช่ซิ ผมไม่ได้จะโดดงานแต่จะหนีคุณนั่นแหละ

“ไม่ได้บอกว่าใครสักหน่อย ป่ะไปหาอะไรกินกัน”เจ้านั่นพูดแล้วก็จับข้อมือผมลากไปทางประตูลานจอดรถทันที ผมเองก็สู้ไม่ถอยรีบสะบัดมือนั่นทิ้งอย่างแรง

“ไม่ไป ยังไงก็ไม่ไป”

“คุณจะไปดี ๆ หรือจะให้ผมขู่ จุนซู”

“นายจะขู่อะไรฉัน”

“ก็ถ้าคุณไม่ไปกับผมดีๆ ผมอาจจะเผลอพลาดปล่อยคลิปเราสองคนหลุดไป”พอจบประโยคหน้าผมชาทันที คลิป ..คลิปอะไรของนายนี่ อย่าบอกนะว่านายนี่มันโรคจิต ขนาดที่ถ่ายคลิปตอนมีอะไรกันไว้ด้วย

“นายหมายถึงคลิปอะไร”ผมรู้สึกเลยล่ะ ว่าปากผมสั่นมากตอนที่ถาม

“จะคลิปอะไรเสียอีกล่ะ มันก็คลิปของเราสองคนไง คิมจุนซู”นายนั่นกดเสียงต่ำ ๆ แล้วกระซิบข้างหูผม

พระเจ้าครับผมทำบาปอะไรไว้กับคน ๆ นี้ ผมถึงมาเจอกับคนแบบนี้ได้ครับ

-----------------------------------------------------------------------





Create Date : 24 ตุลาคม 2552
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2552 11:39:14 น. 4 comments
Counter : 595 Pageviews.

 
ปาร์คฉวยโอกาสกับน้องจุนได้ไงแถมยังถ่ายคลิปไว้ขู่น้องอีกนิสัยไม่ดีเลยนะตาปาร์คเนี่ย เพิ่งเข้ามาเม้นให้ค่ะอ่านไปสองตอนแล้วแหละสนุกมากค่ะ


โดย: poonim IP: 124.122.78.89 วันที่: 8 ธันวาคม 2552 เวลา:18:30:00 น.  

 
ปาร์ครุกเต็มที่เลยนะ ประกาศตัวด้วยกุหลาบขาว
แถมมีขู่น้องเรื่องคลิปอีก น้องจุนจะทำไงต่อดี
คนหล่อที่เคยแอบปลื้มมาจีบแล้ว สงสารคนหล่อเถอะ



โดย: Love_Xiah_N IP: 118.173.102.150 วันที่: 20 ธันวาคม 2552 เวลา:20:43:07 น.  

 
สงสารน้องจุนก็สงสารนะ
แต่ขำก็ขำอ่ะ
เมื่อพูดดีด้วยแล้วน้องไม่ยอม
ก็ต้องใช้วิธีขู่นี่แหละ
อิอิ


โดย: chebi IP: 124.121.227.9 วันที่: 20 กรกฎาคม 2553 เวลา:16:25:44 น.  

 
โหห ไอ้ช่อนเอ็งกล้าขู่น้องแบบนี้ได้ไงกันห๊ะ!!

จับตีตูดเลยนิ


โดย: Araceze IP: 27.130.64.168 วันที่: 27 กรกฎาคม 2555 เวลา:23:22:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Angels Midori
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Angels Midori's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.