เศรษฐกิจจีนส่อทรุดแรง คุกคามเติบโตโลกครึ่งปีหลัง

เศรษฐกิจโลกครึ่งปีหลังอยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะชะลอตัวอย่างแรง หลังพญามังกรซึ่งเป็นตัวจักรขับเคลื่อนหลักในขณะนี้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย เป็นครั้งที่สองในรอบหนึ่งเดือนอย่างเหนือความคาดหมาย และใกล้จะเผยตัวเลขเศรษฐกิจประจำไตรมาสสอง ซึ่งนักวิเคราะห์ต่างคาดการณ์ว่าจะลดลงต่ำสุดในรอบ 3 ปี

จากการสำรวจ ความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์สพบว่าส่วนใหญ่มองว่าอัตราการเติบ โตไตรมาสสองของจีนซึ่งจะออกมาในวันศุกร์นี้อาจร่วงต่ำสุดนับจากไตรมาสแรกของ ปี 2552 เมื่อ

ครั้งวิกฤตการเงินโลกกำลังเขม็งเกลียวและผู้กำหนด นโยบายการเงินและคลังแทบทุกประเทศถูกบีบให้เข็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออก มารอบแล้วรอบเล่า

การลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางจีนเมื่อสัปดาห์ ก่อน ในวันเดียวกับที่ธนาคารกลางยุโรปหั่นต้นทุนกู้ยืมและแบงก์ชาติอังกฤษขยาย มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ ยิ่งตอกย้ำว่ามีความเสี่ยงสูงที่เศรษฐกิจโลกกำลังเขาสู่ขาลง

โดย แบงก์ชาติแดนมังกรเฉือนอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระยะ 1 ปีลง 0.31% เหลือ 6% พร้อมกับลดดอกเบี้ยเงินฝาก นอกจากนี้ยังขยายอำนาจธนาคารพาณิชย์ในการลดดอกเบี้ยสินเชื่อเพิ่มได้อีก 30% จากเดิม 20%

เต๋า หวัง นักเศรษฐศาสตร์จากยูบีเอส ให้ความเห็นว่า การลดอัตราดอกเบี้ยเป็นเพราะกิจกรรมทางเศรษฐกิจแผ่วและดีมานด์เหือดแห้ง "เราคิดว่าการหั่นอัตราดอกเบี้ยไม่นานหลังจากลดไปเมื่อครั้งที่แล้วสะท้อน ว่ารัฐบาลกำลังกังวลมากขึ้นทุกทีเรื่องการเติบโตและการตกต่ำของดีมานด์ที่มี ต่อสินเชื่อ"

แม้เต๋าจะเชื่อว่าดอกเบี้ยที่ต่ำลงจะช่วยกระตุ้นการขอ สินเชื่อทั่วไปและเงินกู้จดจำนองได้ แต่ก็ไม่คิดว่าผลที่ตามมาจะมีนัยสำคัญมากนัก เพราะดีมานด์ต่อสินค้าซบเซาและโรงงานมีกำลังการผลิตส่วนเกิน "ภาคธุรกิจมีแนวโน้มจะระมัดระวังการกู้ยืมและการลงทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพการ ผลิต"

นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางจีนจะลดอัตราเงินสด สำรองตามกฎหมายของสถาบันการเงินลงอีกในอนาคตอันใกล้ หลังจากลดไปแล้ว 3.5% ตั้งแต่พฤศจิกายนปีที่แล้ว ปลดปล่อยสภาพคล่องราว 1.2 ล้านล้านหยวน (1.9 แสนล้านดอลลาร์) เข้าสู่ระบบสินเชื่อ

คำถามหลักสำหรับรัฐบาลปักกิ่ง ในอีก 6 เดือนข้างหน้าคือผลกระทบจากวิกฤตหนี้ในยุโรปจะรุนแรงเพียงใด เนื่องจากสหภาพยุโรปเป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของจีน ภาวะตกต่ำในภูมิภาคดังกล่าวซึ่งอาจยาวนานเป็นทศวรรษส่งผลลบต่อจีนอย่างหลีก เลี่ยงไม่ได้

"ปัจจัยสำคัญคือความซบเซาของเศรษฐกิจโลกแผ่ขยายครอบงำ ภาคการผลิตและเริ่มแทรกซึมไปยังภาคบริการบ้างแล้ว" บริษัทที่ปรึกษาเอ็มอีเอส แอดไวเซอร์ตั้งข้อสังเกตนักเศรษฐศาสตร์หลายคนประเมินว่า

จีดีพีไตร มาสสองของแดนมังกรจะโต 7.6% เมื่อเทียบปีต่อปี แผ่วที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี โดยไตรมาสหนึ่งของปีนี้การขยายตัวอยู่ที่ 8.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2554 และ 6.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสสุดท้ายของปีกลาย

"ในครึ่งปีหลังเราจะจับตามอง การถ่ายโอนอำนาจในพรรคคอมมิวนิสต์อย่างใกล้ชิด และคาดว่าการเติบโตจะลดลงใกล้แตะระดับ 7.5% ซึ่งเป็นเป้าหมายของรัฐบาลจีน" จาง จีเว่ย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากโนมูระกล่าว

ทั้งนี้การเปลี่ยน ตัวผู้นำแดนมังกรซึ่งมีขึ้นทุก ๆ 10 ปี มีกำหนดจะจัดขึ้นช่วงปลายปีนี้ คาดว่าจะมีการผลักดันนโยบายหนุนเศรษฐกิจออกมาอีกในช่วงนั้น เพื่อแสดงศักยภาพของพรรคคอมมิวนิสต์ในการบริหารและสร้างความรุ่งเรืองให้ ประเทศ ตลอดจนเพื่อกลบเกลี่อนปัญหาทางสังคมและชนกลุ่มน้อยที่ปะทุเป็นระยะ ๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ฮานส์ คุนเนน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารเซนต์จอร์จของออสเตรเลีย ระบุว่า ไม่น่าแปลกใจที่การเติบโตของแดนมังกรเริ่มชะลอตัวเมื่อขนาดเศรษฐกิจขยายใหญ่ เศรษฐกิจจีนโตในระดับ 8% มาตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งในทางสถิติไม่สามารถรักษาอัตราการขยายตัวระดับนั้นไว้ได้ตลอด

"จีน อาจโตต่อไปได้โดยง่ายด้วยการขยายเขตเมือง ส่วนเฟสถัดไปอาจเป็นการรุกสู่ภาคบริการ พวกเขาไม่สามารถสร้างโรงงานต่อไปเรื่อย ๆ จีนจำเป็นต้องกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ นี่ไม่ใช่โครงการระยะ 5 ปี แต่อาจเป็นแผน 20 ปี เพื่อเปลี่ยนให้ประชากรจีนเองเป็นผู้บริโภคหลักของสินค้าที่ผลิตได้ และส่งที่เหลือออกไปขายต่างชาติ"

รัฐบาลปักกิ่งอาจจะพยายามนำพา เศรษฐกิจประเทศผ่านพ้นภาวะชะลอตัว แต่ขณะเดียวกันก็ต้องหลีกเลี่ยงฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ด้วย ซินหัวรายงานว่า นายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่า ยอมรับเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า การควบคุมตลาดที่อยู่อาศัยยังเป็นงานหนัก และสิ่งสำคัญยิ่งยวด

คำ กล่าวของเวินมีขึ้นหลังข้อมูลของเดือนที่แล้วออกมาว่า ราคาอสังหาฯในหลายเมืองใหญ่ของจีนพุ่งขึ้น จุดความกังวลว่าราคาบ้านอาจกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง ทั้งที่รัฐบาลพยายามผุดมาตรการออกมาปราม ทั้งจำกัดการซื้อบ้านหลังที่สอง เพิ่มสัดส่วนเกินดาวน์ และเตรียมเก็บภาษีอสังหาฯ

ด้านอัตราเงินเฟ้อ ของเดือนมิถุนายนซึ่งต่ำสุดในรอบ 29 เดือนที่ 2.2% จาก 3.0% ในเดือนพฤษภาคม ก็ส่งสัญญาณว่าความต้องการบริโภคสินค้าจากเขตเศรษฐกิจเบอร์สองของโลกทรุด หนัก และเพิ่มความ

เป็นไปได้ที่รัฐบาลจะคลอดโปรแกรมกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม

ฟาก ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ก็ร่วงเช่นกัน โดยติดลบ 2.1% ในเดือนที่แล้ว หดตัวมากกว่าเดือนก่อนหน้า 0.7% ถือเป็นเดือนที่สี่ติดต่อกันที่เกิดภาวะเงินฝืดกับราคาสินค้าหน้าโรงงาน และทำให้ PPI ดิ่งลงลึกที่สุดในรอบ 31 เดือน

หวัง จิ้น นักวิเคราะห์จากกัวไถ่ จูหนาน ซีเคียวริติ ชี้ว่า "ตัวเลข PPI ของเดือนที่แล้วตอกย้ำว่าเศรษฐกิจกำลังผ่อนเกียร์ ซึ่งหมายความว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และตัวเลขกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ไม่สามารถกลับมาเป็นบวกได้"

ดองมิง ซี นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารโอซีบีซี มองว่า ปัญหาเงินเฟ้อจะไม่ใช่ภัยคุกคามเศรษฐกิจจีนอีกต่อไป และคาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคของเดือนนี้จะลดต่ำกว่า 2% ส่วนสิงหาคมและกันยายนเป็นเดือนสำคัญสำหรับจับตามองแนวโน้มเงินเฟ้อ "ถ้าราคาร่วงเร็วเกินไปจนกระตุ้นความคาดหมายว่าจะเกิดเงินฝืด ธนาคารกลางจีนอาจต้องลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม"

ทว่า จาง จีเว่ย ไม่คิดว่าจะมีการหั่นดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มอีกในปีนี้ เพราะเงินเฟ้อที่ต่ำลง 0.6% ในเดือนที่แล้วใกล้เคียงกับการลดลงเฉลี่ย 0.5% ในเดือนมิถุนายนของแต่ละปีตั้งแต่ปี 2544 จึงไม่ถือว่าร่วงลงมากจนธนาคารกลางต้องลนลานเคลื่อนไหวอีกในเร็ว ๆ นี้ และเนื่องจากต้องใช้เวลาระยะหนึ่งกว่าที่การลดอัตราดอกเบี้ยจะแสดงผล

รัฐบาลจีนจึงน่าจะรอดูผลกระทบจากการหั่นดอกเบี้ยสองครั้งล่าสุดนี้ก่อนที่จะลงมีดครั้งถัดไป

* ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ *




Create Date : 13 กรกฎาคม 2555
Last Update : 13 กรกฎาคม 2555 9:17:04 น. 0 comments
Counter : 1478 Pageviews.

angelica0819
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2555
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
13 กรกฏาคม 2555
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add angelica0819's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.