Group Blog
 
<<
กันยายน 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
23 กันยายน 2552
 
All Blogs
 
เมนูอร่อย...ได้สุขภาพ จากมะรุม



ผักพื้นบ้าน อาหารเป็นยา


เครื่องปรุง
เมล็ดอ่อนมะรุม 1 ถ้วย
เห็ดฟางสับรวนสุก 5 ดอก
หอมแดงซอย 2 ช้อนโต๊ะ
เต้าหู้ขาวแข็งยีแล้วทอดกรอบ 1/2 แผ่น
ผักกาดแก้วและแรดิชชิโอสำหรับรองจาน
น้ำยำ
ซีอิ๊วขาว น้ำมะนาว อย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำเชื่อม 1.5 ช้อนชา
พริกขี้หนูสวนซอย 7 เม็ด

1. ต้มน้ำในหม้อด้วยไฟกลางให้เดือด ใส่เมล็ดมะรุมลงลวกจนสุก ตักขึ้นแช่ในอ่างน้ำเย็น แล้วนำขึ้นพักในตะแกรงให้สะเด็ดน้ำ
2. ทำน้ำยำโดยผสมเครื่องปรุงทั้งหมดเข้าด้วยกันในถ้วยเตรียมไว้
3. ใส่เมล็ดมะรุมลวกลงในอ่างผสม ใส่เห็ดฟางรวน หอมแดง ตามด้วยน้ำยำ เคล้าพอทั่ว ตักใส่จานที่รองด้วยผักกาดแก้วและแรดิชชิโอ โรยเต้าหู้ทอดกรอบ รับประทานทันที (2-3 คนรับประทาน)

เครื่องปรุง
หางกะทิ 4 ถ้วย
ถั่วเขียวเลาะเปลือก (ถั่วทอง)แช่น้ำ 1 ชั่วโมง 1/2 ถ้วย
น้ำพริกแกงส้มที่โขลก 1.5 ถ้วย
เห็ดขอนขาว 150 กรัม
ใบมะรุม 200 กรัม
หัวกะทิ 1 ถ้วย
ซีอิ๊วขาว 2.5 ช้อนโต๊ะ
เกลือสมุทร 1/2 ช้อนชา
เครื่องแกงส้ม (ปริมาณ 1/2 ถ้วย)
พริกชี้ฟ้าแห้งแกะเมล็ดออกแช่น้ำจนนุ่ม 7 เม็ด
เกลือสมุทร 1 ช้อนชา
หอมแดงหั่น 7 หัว
กะปิ 2 ช้อนชา

1. ทำน้ำพริกแกงส้มโดยโขลกเครื่องแกงทั้งหมดเข้าด้วยกันให้ละเอียด ตักใส่ถ้วยพักไว้
2. ตั้งหางกะทิบนไฟกลางพอเดือด ใส่ถั่วเขียวเลาะเปลือก ต้มจนเดือดและถั่วสุกใส่น้ำพริกแกงส้ม คนให้ละลายทั่ว ใส่เห็ดขอนขาว พอเดือดใส่ใบมะรุม (รสชาติออกจืดๆ ไม่เปรี้ยว) ใสหัวกะทิ ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวและเกลือ ชิมรสออกมันหวาน ( 6 คนรับประทาน )


เครื่องปรุง
วุ้นเส้นถั่วเขียวชนิดไม่ฟอก 50 กรัมล
น้ำ 4 ถ้วย มะเขือพวง 1.5 ถ้วย
มะเขือเปราะหั่นลูกเต๋า 6 ลูก
ใบมะรุม 2 ถ้วย
เห็ดหูหนูหั่นชิ้นพอคำ 1 ถ้วย
เห็ดฟางผ่าสี่ 21 ดอก
ดอกแคเด็ดเกสรออก 1 ถ้วย
พริกขี้หนูสวนสับหยาบ 1 เม็ด
เกลือสมุทร 1/2 ช้อนชา
ผักหวานบ้านเด็ด 1 ถ้วย
ใบพญายอหั่นหยาบ 1/2 ถ้วย
ใบชะพลูหั่นหยาบ 1/2 ถ้วย
ใบกะเพราบ้าน 1/2 ถ้วย

1. ลวกวุ้นเส้น (ไม่ต้องแช่น้ำ) ในหม้อน้ำเดือด พอเส้นสุกนุ่ม ใส่ถ้วย เตรียมไว้
2. ต้มน้ำในหม้อด้วยไฟกลางจนเดือด ใส่มะเขือพวง มะเขือเปราะ ใบมะรุม เห็ดหูหนู เห็ดฟาง ดอกแค พอผักสุก ใส่พริกขี้หนู เกลือ คนให้เข้ากัน พอเดือดอีกครั้งใส่ผักหวาน ใบพญายอ ใบชะพลู และใบกะเพรา คนให้ทั่วๆ พอผักสุก ปิดไฟ
3. ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟร้อนๆ ( 4 คนรับประทาน )


เครื่องปรุง
ไข่ไก่ 2 ฟอง
ใบมะรุม 1.5 ถ้วย น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำซุปผัก 3 ถ้วย
เห็ดนางรมดอกเล็ก 50 กรัม
ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
ซอสปรุงรส 1/2 ช้อนชา
เกลือสมุทร 1/4 ช้อนชา
น้ำตาลกรวด 1/4 ช้อนชา
กระทียมเจียวสำหรับโรยหน้า
พริกชี้ฟ้าสีแดงหั่นเส้นสำหรับตกแต่ง

1. ต่อยไข่ใส่ถ้วย ตีให้เข้ากัน ใส่ใบมะรุม 1 ถ้วย คนให้เข้ากันทั่ว เตรียมไว้
2. ตั้งกระทะบนไฟกลางพอร้อน ใส่น้ำมันกับกระเทียมลงเจียวจนเหลืองและมีกลิ่นหอม ใส่ไข่กับใบมะรุมที่เตรียมไว้ ผัดให้เข้ากัน ใส่น้ำซุปผัก พอเดือด ใส่เห็ดนางรมและใบมะรุมที่เหลือ ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ซอสปรุงรส เกลือและน้ำตาล พอเดือดอีกครั้ง ปิดไฟ ยกลง
3. ตักใส่ถ้วย โรยกระเทียมเจียว ตกแต่งด้วยพริกชี้ฟ้าสีแดงหั่นเส้น เสิร์ฟร้อนๆ ( 2-3 คนรับประทาน )


เครื่องปรุง
น้ำพริกแกงส้มที่โขลก 1/2 ถ้วย
น้ำ 4 ถ้วย
เนื้อฝักมะรุมหั่นท่อน 1 นิ้ว (6 ฝัก) 2 ถ้วย
เมล็ดอ่อนมะรุม 1/2 ถ้วย
ซีอิ๊วชาว 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลมะพร้าว 1.5 ช้อนโต๊ะ + 1/2 ช้อนชา
น้ำมะขามเปียกข้นๆ 1/4 ถ้วย
น้ำมะกรูด 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือสมุทร 1 ช้อนชา ใบมะรุม 2 ถ้วย
เต้าหู้ (180 กรัม)(หั่นชิ้นสี่เหลี่ยมทอด) 1 ถ้วย
เครื่องแกง (ปริมาณ 1/2 ถ้วย)พริกแห้งเม็ดใหญ่แกะเมล็ดออกแช่น้ำจนนุ่ม 7 เม็ด
เกลือสมุทร 1 ช้อนชา
พริกขี้หนูสวนสีแดง 10 เม็ด
หอมแดงหั่น 5 หัว
กะปิเจ 1 ช้อนชา เห็ดฟาง 4 ดอก

1. ทำน้ำพริกแกงส้มโดยโขลกพริกแห้งกับเกลือเข้าด้วยกันให้ละเอียด ใส่พริกขี้หนูสีแดง หอมแดง กะปิเจ โขลกต่อจนละเอียดเข้ากันดี จึงใส่เห็ดฟาง โขลกจนละเอียดเข้ากัน ตักใส่ถ้วย พักไว้
2. ใสน้ำพริกแกงส้มที่โขลกลงในหม้อใส่น้ำ คนให้เข้ากัน ยกขึ้นตั้งบนไฟกลางจนเดือด ใส่เนื้อฝักมะรุม เมล็ดมะรุม พอเดือดและสุก ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำตาล น้ำมะขามเปียก น้ำมะกรูด และเกลือ พอเดือดอีกครั้งใส่ใบมะรุม และเต้าหู้ทอด คนให้ทั่วพอใบมะรุมสุก ชิมรสให้เปรี้ยว หวานเค็ม กลมกล่อม ปิดไฟ
3. ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟร้อนๆ (3-4 คนรับประทาน)


เครื่องปรุง
น้ำซุปฝัก 3 ถ้วย
มะเขือเปราะหั่นชิ้น 2 ลูก
เห็ดขอนขาว 50 กรัม
เห็ดฟางดอกตูมเล็กผ่าครึ่ง 100 กรัม
บวบเหลี่ยม (ลูกละ 130 กรัม) หั่นแฉลบ 1 ลูก
ใบมะรุม 1 ถ้วย
ใบชะพลูหั่น 10 ใบ
ผักชีลาวเด็ด 1/2 ถ้วย
ซอสปรุงรส 1/2 ช้อนโต๊ะ
เกลือสมุทร 1/2 ช้อนชา
ข้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
เครื่องแกง
พริกอีสาน 19 เม็ด
หอมแดงหั่น 5 หัว
ตะไคร้ซอย 3 ต้น
ข้าวเบือ 1 ช้อนโต๊ะ
กะปิเจ 2 ช้อนชาพูน

1. ทำน้ำพริกแกงโดยโขลกเครื่องแกงทั้งหมดเข้าด้วยกันให้ละเอียด ตักใส่ถ้วยพักไว้
2. ตักน้ำซุปผักในหม้อด้วยไฟกลางจนเดือด ใส่น้ำพริกแกงที่โขลก คนให้ทั่ว พอเดือดอีกครั้ง ใส่มะเขือเปราะ เห็ดขอนขาว เห็ดฟาง บวบเหลี่ยม ใบมะรุม ใบชะพลู และผักชีลาว พอเดือด ผักสุก ปรุงรสด้วยซอสปรุงรส ซีอิ๊วขาว เกลือ พอเดือดอีกครั้ง ใส่ข้าวคั่ว คนพอเข้ากัน ปิดไฟ ยกลง
3. ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟ ( 3-4 คนรับประทาน )


เครื่องปรุง
กระเทียมไทยแกะเปลือก 9 กลีบ
เต้าหู้ยี้แดง 2 ก้อน
ฝักมะขามอ่อน 1/4 ถ้วย
ใบมะขามอ่อน 1/4 ถ้วย
เห็ดแดดเดียว 1/4 ถ้วย
พริกขี้หนูสวนสีเขียวและแดง ทั้งก้าน 11 เม็ด
มะเขือพวง 15 ลูก
น้ำตาลปี๊บ ซีอิ๊วขาว อย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 1.5 ช้อนชา
น้ำเต้าหู้ยี้แดง 1 ช้อนชา
น้ำซุปผัก 1 ช้อนโต๊ะ
ผักสดมี แตงไทยอ่อน ถั่วฝักยาว ใบบัวบก ใบมะรุม มะเขือชนิดต่างๆ ฯลฯ
ผักทอดมี ใบมะรุมไข่ทอด
เครื่องเคียงมี เห็ดแดดเดียว
ใบมะรุมไข่ทอด
ไข่ไก่ 2 ฟอง ใบมะรุม 2 ถ้วย
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา น้ำมันหอย 1/2 ช้อนชา
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ

1. ทำใบมรุมไข่ทอดโดยต่อยไข่ใส่ถ้วย ใส่ใบมะรุม คนให้เข้ากัน ใส่ซีอิ๊วขาวและน้ำมันหอย คนให้ทั่ว จากนั้นตั้งกระทะน้ำมันบนไฟกลางพอร้อน เทไข่ที่ผสมลงทอดให้เป็นแผ่นบาง ทอดพอสุก แล้วกลับด้าน ทอดให้สุกเหลือง ตักขึ้น หั่นเป็นชิ้นพอคำ ใส่ถ้วยพักไว้
2. ตำกระเทียมกับเต้าหู้ยี้แดงเข้าด้วยกันให้ละเอียด ใส่ฝักมะขามอ่อน ใบมะขามอ่อน ตำให้เข้ากัน ใส่เห็ดแดดเดียว ตำต่อให้เข้ากัน ใส่พริกขี้หนูและมะเขือพวง บุบพอแตก จึงใสน้ำตาล ซีอิ๊วขาว น้ำมะนาว น้ำเต้าหู้ยี้แดง และน้ำซุปผัก คนให้ทั่ว ชิมรสให้หวานเปรี้ยวเค็มสามรส เผ็ดหอมพริกบขี้หนู
3. ตักใส่ถ้วย รับประทานกับใบมะรุมไข่ทอด ผักสด ผักทอด และเครื่องเคียง(2-3 คนรับประทาน)

มะรุมเป็นไม้ปลูกง่าย โตเร็ว ให้ผลผลิตต้งแต่ใบอ่อน ดอกอ่อน ฝักอ่อน ไปจนถึงฝักแก่ หมุนเวียนกันไปตลอดทั้งปี ฝักจะดกในช่วงฤดูหนาว ชื่อสากล Drumstick tree ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Moringa oleifera Lamk. ปลูกกันมากแถบอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ศรีลังกา อินเดีย ลาว ไทย เข้าใจว่าต้นกำเนิดมาจากอินเดียวตอนใต้และศรีลังกา ที่ประเทศศรีลังกาเรียกว่า มะคุงไก (Marungai) ของเราเรียมะรุม ซึ่งชื่อค่อนข้างพ้องกันอยู่

สารอาหารและประโยชน์ของมะรุมมีเยอะมาก จนรัฐบาลอินเดียวระบุว่าเป็นผักที่มีคุณค่าอาหารสูงที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง และทำการศึกษาจนพบว่า ส่วนที่ให้สารอาหารมากที่สุดคือ ใบ รองลองมาเป็นฝักอ่อน และดอกอ่อน ตามลำดับ ดังนี้
เฉพาะใบ จำนวนใบแห้งหนัง 100 กรัม มีสารอาหารมากมายอย่างเหลือเชื่อดังนี้
วิตามินซี มี 440 มิลลิกรัม ซึ่งนับว่ามากกว่าส้มถึง 7 เท่า วิตามินซีเป็นตัวต้านเซลล์มะเร็งที่สำคัญ (antioxidant) ป้องกันโรคหวัด เลือดออกตามไรฟัน และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
วิตามินเอ มี 45,200 หน่วยสากล (lU) นับได้ว่ามีมากกว่าแคลรอทถึง 4 เท่า วิตามินเอเป็นตัวต้านอนุมูลอิสระตัวสำคัญ (antioxidant) บำรุงสายตาและผิวหนัง
แคลเซี่ยม มี 1,750 มิลลิกรัม นับว่ามากกว่าน้ำนมถึง 4 เท่า ซึ่งแคลเซี่ยมนี้มีบทบาทต่อระบบเลือด สร้างกระดูกและฟัน
โปรตีน มี 26.8 กรัม นับว่ามากว่าโยเกิร์ตถึง 2 เท่า ใช้ในการสร้างเซลล์และซ่อมแซมอวัยวะที่สึกหรอ
โพแทสเซี่ยม มีมากกว่ากล้วยหอมถึง 3 เท่า เกี่ยวกับทั้งระบบเลือด กระดูก บำรุงสมอง และระบบประสาท

นอกจากสุดยอดที่มีมากมายกว่าแหล่งอาหารอื่นๆ ที่นับว่ามีมากมายแล้ว ยังอุดมไปด้วยวิตามินบี1 บี2 บี3 แร่ทองแดง เหล็ก แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส สังกะสี ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายทั้งสิ้น
ส่วนฝักและดอกมีสารอาหารเช่นเดียวกัน ในปริมาณรองลงมาจากใบ แต่กระนั้นก็อยู่ในชั้นแนวหน้าเหนือกว่าผักชนิดอื่ๆ สรรพคุณของใบ ผล ดอกโดยรวมมีดังนี้
1. รักษาโรคขาดสารอาหารในเด็กแรกเกิดถึงเด็กเล็ก ซึ่งต้องค้นน้ำจากใบแล้วใส่ในอาหารของเด็กเพียงแค่ 1-2 หยดเท่านั้น เพราะมีธาตุเหล็กสูง
2. รักษาระดับนำตาลในกระแสเลือด
3. ควบคุมความดันโลหิตสูง
4. เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
5. ป้องกันการกระจายของเซลล์มะเร็ง
6. บรรเทาอาการปวดของโรคเกาต์ ไขข้อ กระดูกอักเสบ รูมาติซึม และแม้แต่มะเร็งในกระดูก
7. รักษาโรคตา ตามืด ตามัว ตาต้อ ตาแดง
8. รักษาโรคลำไส้อักเสบ พยาธิในลำไส้ โรคท้องเดิน
9. รักษาโรคภูมิแพ้ ทางเดินหายใจอักเสบ หอบหืด
10. บำรุงกระดูก ช่วยสมานกระดูกที่หัก บำรุงตับ
11. รักษาแผลเรื้อรัง ในคนป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาต
12. ชะลอความแก่ ฆ่าจุลินทรีย์ มีฤทธิ์ลดไขมันและโคเลสเตอรอล

ชาวญี่ปุ่นดื่มชาใบมะรุมรักษาโรคปากนกกระจอก หอบหืด แก้อาการปวดหู และปวดศรีษะ ช่วยบำรุงสายตา ระบบทางเดินอาหาร
ชาวอินเดีย ให้หญิงตั้งครรภ์กินใบมะรุมเพื่อเสริมธาตุเหล็ก
ชาวฟิลิปปินส์ ให้หญิงแม่ลูกอ่อนที่ให้น้ำนมบุตร กินเป็นแกงจืดใบมะรุม เพื่อประสานน้ำนมและเสริมแคลเซียมในน้ำนมแม่

การกินมะรุมนั้น แม้ว่าจะกินทั้งสดและสุกได้ ก็ต้องระวังสักนิด เพราะในมะรุมมีสารไซยาไนต์ มีฤทธิ์ร้อน ทำให้เป็นพิษ เกิดอาการเบื่อเมาได้ คลื่นเหียนอาเจียนและท้องร่วง


ใบมะรุมตากแห้ง 1/2 ถ้วย บดได้ชามะรุมละเอียด 1/4 ถ้วย + 2 ช้อนโต๊ะ
ชามะรุมที่ทำ 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำร้อน 2.5 ถ้วย
น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2 ช้อนชา

1. นำใบมะรุมไปตากในที่ร่มอย่าให้โดนแดด 2-3 แดดให้ใบกรอบ (ถ้าไม่แห้งกรอบให้นำเข้าอบในไมโครเวฟไฟกลางประมาณ 1 นาที) แล้วนำมาบดกับตะแกรง กระชอน หรือตำให้ละเอียด เก็บใส่ขวดไว้ ปิดฝาให้สนิท หรือจะเอาใส่แคปซูลไว้กินก็ได้
2. แช่ชามะรุมลงในป้านชา ตามด้วยน้ำร้อน แช่ชานานประมาณ 3-5 นาที
3. กรองน้ำชาใส่ในป้านชาสำหรับเสิร์ฟ ใส่น้ำผึ้งและน้ำมะนาว คนให้ละลายเข้ากัน จะดื่มแบบร้อนหรือใส่น้ำแข็งก็ได้ (จำนวน 5-6 แก้ว)

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
นิตยสาร "ครัว" krua All About Food&Culture
August 2009 Vol .16 No. 182







Create Date : 23 กันยายน 2552
Last Update : 25 กันยายน 2552 11:47:08 น. 12 comments
Counter : 22118 Pageviews.

 
สาระมากมาย แอดเท่านั้นค่ะ

ชอบที่สุดเลยมะรุม ทำอะไรก็อร่อย


โดย: อ้อ (sandseasun ) วันที่: 23 กันยายน 2552 เวลา:18:06:48 น.  

 
เมนูสุขภาพจริง ๆ ค่ะคุณเอ็กซ์
ว่าแต่คุณเอ็กซ์สบายดีนะค่ะ


โดย: ดอกฝิ่นในสายลมหนาว วันที่: 23 กันยายน 2552 เวลา:19:33:04 น.  

 


ยำมะรุม น่าทานนะครับ



โดย: ..ใบไม้ (benjarong9 ) วันที่: 23 กันยายน 2552 เวลา:21:04:46 น.  

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


ฮัลโหลๆ มีความสุขมากมายในวันนี้นะจ๊ะคุณเอ็กซ์
หน้าตาตามเมนูเนี่ยมีเสิร์ฟที่ร้านควนขนุนหรือเปล่าคะ



โดย: หอมกร วันที่: 24 กันยายน 2552 เวลา:15:16:38 น.  

 
ว๊าวววววววววววววววววววว มะรุม มะรุม น่ากินทั้งนั้นเลยจ้า


ช่วงนี้ถุงมะค่อยว่างค่ะ งานเยอะม๊าก เลย ตะกะยังคิดถึงนางฟ้าอรชอน อ้อนแอ้น เหมือนเดิม เหมือนกันจ้า


โดย: ถุงก๊อปแก๊ป วันที่: 24 กันยายน 2552 เวลา:15:45:22 น.  

 
สวัสดีค่ะน้องเอ็กซ์

พี่แก้วนะค่ะ (ที่ถามเรื่องมะรุมผงหนะค่ะ) ได้รับคำตอบแล้ว พรุ่งนี้สายๆค่อยโทรมาคุยนะค่ะ

แต่ว่า เมนูอาหารทั้งหลายเนี่ย...ร้านเค้าอยู่ไหนหนอ อยากไปทานจังค่า...


โดย: พี่แก้ว (nanfahh_c ) วันที่: 24 กันยายน 2552 เวลา:20:55:16 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

เช้าวันศุกร์สดใส
มาพร้อมกำลังใจดี ๆ ไม่มีวันหมดค่ะคุณเอ็กซ์

ยังทานมะรุมอยู่ค่ะ
ยังจดเมนูยำมะรุมบ้านคุณเอ็กซ์ไปด้วยละาน


โดย: ดอกฝิ่นในสายลมหนาว วันที่: 25 กันยายน 2552 เวลา:7:13:44 น.  

 
ขอบคุณมากค่ะ จะลองไปทำดู


โดย: tantor วันที่: 25 กันยายน 2552 เวลา:11:20:17 น.  

 
โอ้โห ทุกอย่างน่าทานมากเลยอ่ะค่ะคุณเอ็กซ์
ว่างๆ น๊ามีโอกาสถ้าได้เข้าเมืองกรุงจะแวะไปชิมด้วยนะคะ

เห็นน้ำพริกมะขามและก็แกงอ่อมน่าทานมาก
แบบว่าปาดน้ำเลายเลยค่ะ เพราะว่าเหมือนได้กลิ่น
หอมๆ ของเครื่องแกงมาแล้ว...

หิวนะค่ะเนี่ย ...

ขายดีเป็นเทน้ำเทท่านะค่ะ


โดย: JewNid วันที่: 25 กันยายน 2552 เวลา:13:18:57 น.  

 
อยากทราบก้านมะรุมทำอะไรได้บ้าง


โดย: พัชรินทร์ IP: 124.120.85.230 วันที่: 6 ตุลาคม 2552 เวลา:11:17:53 น.  

 
กำลังศึกษาต้นไม้มหัศจรรย


โดย: ร พายไป IP: 113.53.201.196 วันที่: 6 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:30:26 น.  

 
สารไซยาไนด์ โดนความร้อนก็สลายแล้ว เพราะฉนั้นจึงควรทำให้สุกก่อนนำมาทำอาหาร


โดย: เฒ่าทะเล IP: 123.242.177.90 วันที่: 22 ตุลาคม 2553 เวลา:11:04:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นางฟ้าอรชร
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add นางฟ้าอรชร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.