Group Blog
 
<<
กันยายน 2548
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
21 กันยายน 2548
 
All Blogs
 

7 เฟสในชีวิตของคอเพลงโพรเกรสซีฟพันธ์แท้

เฟส 1: "ค้นพบ"

อาการนี้เริ่มจากการที่คุณได้ยินเพลงโพรเกรสซีฟเป็นครั้งแรก อาจจะเป็นเพื่อนสมัยม.ต้นที่มันเปิดแล้วคุณเผอิญได้ยิน หรือบางที่ก็อาจจะได้มาจากรายการวิทยุ

สิ่งแรกที่คุณรู้สึกคือ ตลึง เพราะ มันชั่งแตกต่างจากเพลงทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นท่วงทำนองที่ทั้งหวานเศร้าเร้าใจในคราเดียวกัน คุณไม่เคยลืมความรู้สึกเมื่อได้ยินเสียงกีตาร์ของสตีฟ ฮาวที่เริ่มต้นเพลง "Roundabout" เมื่อท่อนสุดท้ายของ "Heart of the Sunrise" จบลง

คุณพบว่านี่คือประสบการณ์ที่มหัศจรรย์ของชีวิตคุณเลยที่เดียว ซึ่งในที่สุดคุณก็ไปพบจนได้ว่าวงดนตรีในนาม Yes เป็นวงในแนวที่เรียกว่าโพรเกรสซีฟ คุณยังค้นต่อไปว่ายังมีวงอื่นๆอีก เช่น King Crimson, ELP, Jethro Tull และ Genesis ซึ่งสำหรับวงสุดท้าย คุณอาจจะแทบช็อคเมื่อเรียนรู้ว่า "Peter Gabriel" เคยเป็นนักร้องวงนี้มาก่อน

นี่คือช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมของคุณ เพราะมีอัลบั้มระดับมาสเตอร์พีซในแนวนี้มากมายรอให้คุณค้นหาและลิ้มรสของความเป็นโพรเกรสซีฟในแบบที่สมบูรณ์แบบ มีเพียงสิ่งเดียว ที่อาจจะทำให้คุณลังเลในการหางานเหล่านี้มาฟัง ....
เงินในกระเป๋าคุณนั่นเอง




เฟส 2: "เลือกวงในดวงใจ"

คุณได้ลองฟังผลงานหลากหลาย รสนิยมคุณเริ่มที่จะเข้าที่เข้าทาง แล้วตอนนี้ คุณเริ่มที่จะจับทาง"แนว" หรือ "เสียง" ที่คุณชอบได้ คุณก็จะเลือกวงแค่ 1 หรือ 2 วงเท่านั้นที่คุณเห็นว่าเป็นวงที่แสดงออกถึงความสามารถด้านศิลปะของดนตรีในแนวนี้อย่างแท้จริง

ถ้าคุณเลือก "Yes" คุณจะไม่เคยเบื่อที่จะหาอัลบั้มแสดงสดของวง ไม่ว่าจะเป็น Yessongs, Yesshow, 9012Live, Keys toAscension 1, Keys to Ascension 2, House of Yes, the Masterworks tour bonus และอีกหลายสิบเวอร์ชั่นของอัลบั้มแสดงสดของวง

แต่ถ้าคุณเลือก "King Crimson" อันนี้หนักยิ่งกว่า Yes เสียอีก เพราะมีอัลบั้มแสดงสดเป็นสิบๆชุด (จาก Collectors' Club series) ที่คุณจะต้องกวาดมาให้หมด แน่นอนคุณไม่เคยเหนื่อยกับการฟัง Easy Money ทั้ง 20 เวอร์ชั้นเลย ให้ตายเหอะ !

เท่านั้นยังไม่พอ คุณยังเสาะแสวงหารูปแบบอื่นๆของเพลงต่างๆของวง ไม่ว่าจะเป็น demo, outtakes, unreleased, MP3 คุณจะตาวาวทันที่ เมื่อพบว่ามีการเจอผลงานของวงที่ยังไม่เคยออกมาก่อนของวง

ผลงานเดี่ยวของสมาชิกในวงก็ไม่พ้นสายตาคุณไปได้ คุณ"ต้อง"เก็บทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับวงที่คุณรักให้ครบหมดจด แม้ว่าเพื่อนๆคุณอาจจะ (จริงๆแล้ว จะต้องถาม) ถามว่า "เฮ้ย ทำไมมรึงต้องมีเพลง Roundabout เป็นสิบๆเวอร์ชั่นว่ะ" คุณไม่ตอบ แต่ยิ้มเล็กๆ แต่ในใจคุณ...พวกโง่เอ๊ย




เฟส 3: "ขยายผล"

ถึงตอนนี้ คุณเข้าๆออกๆร้านขายเทป CD แทบเป็นประจำ เจ้าของร้านเริ่มจะสังเกตุ คุณซื้อแต่ผลงานของ Genesis จนวันหนึ่งเจ้าของร้านเลยบอกคุณว่า "นี่น้อง ถ้าชอบ
Genesis นะ พี่แนะนำ Marillion เล่นเหมือน Genesis เดี้ยเลย" แน่นอนวันนั้นคุณได้อัลบั้มของ Marillion กลับบ้าน และพอคุณได้เปิดเพลงเท่านั้น คุณกระโดดโลดเต้นราวกับเด็กได้ของขัวญใหม่

คุณเริ่มซื้อผลงานของวงนี้มากขึ้น และในที่สุดก็มีครบทุกชุดยังไม่พอ คุณพบว่าไอ้ CD ที่ซื้อมาตอนแรกมันไม่ใช่ remaster ด้วย คนเลยต้องตามเก็บ CD ที่มารีมาสเตอร์ใหม่ที่มีโบนัสแทร็กแถมอีกด้วย แน่นอนคุณก็ตามผลงานต่างๆของ Fish นักร้องนำด้วย

เจ้าของร้าน CD เลยได้ใจ คราวนี้พี่แกยังแนะนำว่านอกจาก Marillion แล้วนะ ยังมี วง IQ, Arena, Pendragon, Citizen Cain, Galahad และอีกหลายสิบวงที่เล่นในแนว
Genesis คุณรู้สึกมีความสุขมากๆ ที่ค้นพบว่ามีดนตรีมากมายที่เล่นเหมือน Genesis เลย




เฟส 4: "ทางตัน"

ช่วงนี้เป็นช่วงของการเปลี่ยนแปลง คุณเริ่มที่รู้เริ่มสึกว่า ไม่มีอะไรใหม่ให้ค้นหาให้ตื่นเต้นอีกแล้ว ความรู้สึกที่ได้ฟังผลงานคลาสสิคอย่าง Dark Side of The Moon หรือ Ommadawn ในครั้งแรกนั้นมันยิ่งกว่าอะไรเสียอีก คุณเริ่มหวาดกลัวลึกๆ ถึงตอนนี้ คุณได้ไล่ฟัง "ภาคบังคับ" มาจนหมดแล้ว แม้แต่ชุดที่ใครๆก็ว่าห่วยๆอย่าง Love Beach, We Can't Dance หรือ Open Your Eyes คุณก็มีครบ ทั้ง
เทป ซีดี แผ่นเสียง SACD แม้กระทั่งพี่ที่ร้าน CD ยังหมดไอเดียที่จะแนะนำเลย

คุณมาถึงทางตันแล้ว ไม่มีแล้วความรู้สึกสุดยอด ที่ได้ฟัง ได้ค้นพบ เสียงอันงดงานเร้าใจแห่งดนตรีโพรเกรสซีพ..............




เฟส 5: ค้นหา...และค้นหา

ท้อแท้และหมดหวังมาพอควร ในที่สุดคุณก็ได้รับข่าวดี .....อินเตอร์เน็ท !!! คุณพบว่า บนเน็ทมีข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับดนตรีโพรเกรสซีพเป็นตั้งๆ แต่ที่เจ๋งกว่านั้น คุณพบว่ามีบริษัทแผ่นเสียงเล็กๆมากมาย ที่ขายดนตรีโพรเกรสซีพที่ไม่ใช่วงหลัก พวกวงแปลกๆ

คุณพบว่าวงอย่าง Magma, CAN, Banco, PFM ก็มีดีพอ และทำผลงานได้ไม่เป็นรองวง "หลัก" ทั้ง 5 วง (Yes, ELP, Pink Floyd, Genesis, King Crimson)
เลย

นอกจากนี้แล้ว ประเทศที่คุณไม่เชื่อว่าจะเล่นโพรเกรสซีฟอย่าง ชิลี หรือ โปแลนด์ หรือแม้แต่อินโดเนเซีย ก็ยังออก CD มาขายด้วย

คุณเริ่มเข้าสู่ ความตื่นเต้นที่จะได้ค้นหาผลงานดีๆ เด่นๆ ที่เคยทำให้คุณสุขสุดยอดมาแล้ว อีกครั้ง

แต่ครั้งนี้ .. คุณต้องระวังสิ่ง 2 สิ่ง อันแรก คุณต้องระมัดระวังค่าใช้จ่าย เนื่องจากมีวงในลกษณะนี้เป็นร้อยๆพันๆวง คุณอาจจะต้องกินมาม่าทุกมื้อ ถ้าไม่บันยะบันยังการซื้อ แถมปัญหาที่จะตามมาคือ ที่เก็บ CD ของคุณก็เริ่มจะไม่พอแล้ว

อันที่สอง เนื่องวงพวกนี้ เป็นวงโนเนม แม้คุณจะอ่าน
บทวิจารณ์บนเน็ทว่า ดีอย่างงั้น ดีอย่างงี้ พอเอาเข้าจริงๆ คุณรู้สึกไม่ชอบอัลบั้ม ที่ซื้อมาก็ได้ ผลคือ คุณอาจจะต้องแลกเปลี่ยนกับคนอื่นบนเน็ท ตอนนี้แหล่ะ คุณอาจจะต้องหาเหตุผลในการปั้นเรื่องในการขาย CD ที่คุรไม่ต้องการ

เฟสนี้อาจใช้เวลาเป็นปีๆ เพราะว่าจำนวน CD ของวงในประเภทนี้มีมากมาย ให้คุณค้นหาสุดยอดของดนตรีโพรเกรสซีฟ




เฟส 6: "ย้อนหาอดีต"

เวลาผ่านไปเป็นปีนับจากวันแรกที่คุณได้ฟัง Yes วันหนึ่งคุณไปเจอชุด Fragile ที่คุณเก็บมันไว้ในห้องน้ำใต้อ่างล้างหน้า หลังจากที่ไม่ได้ฟังมาเป็นปีๆ คุณคิด เออ เอาว่ะ ลองฟังมันหน่อยแล้วกัน เพื่อระลึกความหลัง

และทันใดที่คุณได้ยินเพลงจากชุดนี้อีกครั้ง คุณพบว่า "เฮ้ย ยังเจ๋งอยู่เลยชุดนี้" จริงๆแล้ว คุณรู้สึกว่ามันดีกว่าไอ้ CD วงแปลกๆที่คุณไปหอบมาจากญี่ปุ่นเสียอีก

คุณเริ่มขุดคุ้ยพวก"เก่าๆ"นี้มาฟังอีก วงอย่าง Camel, Van der graph หรือ Gentle Giant ยังให้ความรู้สึกที่ดีๆเช่นเคย คุณกลับมารัก "เมียเก่า" อีกครั้ง




เฟส 7: "พบสัจจะธรรม"

ถ้าคุณโชคดี คุณอาจจะมาถึงเฟสนี้ ที่คุณเริ่มรู้แล้วว่า
ไม่จำเป็นหรอกที่ต้องมี CD 50 แผ่นจากแคว้นบาสค์ของสเปน ในขณะที่เปิดฟังแค่ 4 ชุด จริงๆแล้ว มีแค่ 5-6 ชุดก้พอแล้ว คุณยังพบว่าอัลบั้มต่อไปนี้มันไม่จำเป็นต้องเก็บไว้เลย
อย่าง
- The complete set of Marillion official
- Yugoslavian pressing of "The Snow Goose"
- Six different remastered editions of "Red"
- CD Klaus Schulze "Historic Edition" box set ที่มีทั้งหมด 50 แผ่น


หมายเหตุ: แปลและเรียบเรียงจาก บทความของ Rob
LaDuca ที่ดัดแปลงจาก




 

Create Date : 21 กันยายน 2548
36 comments
Last Update : 21 กันยายน 2548 23:43:22 น.
Counter : 10293 Pageviews.

 

ดีจังคับที่เอากลับมาลงอีก คุณพี่เอเคแปลได้ฮาจริงๆคับ ชอบ ชอบ

(หนังสือ MoJO Prog ทำให้ผมขุดอัลบั้มแนวนี้มาฟังหลายแผ่นหลังจากทิ้งไปนานมาก... เริ่มเข้าอารมณ์ประมาณพบเมียเก่าอย่างที่เล่าข้างบนได้มั้ง)

 

โดย: winston 22 กันยายน 2548 0:46:42 น.  

 

ขอบคุณครับ

หนังสือ Mojo Prog ยิ่งอ่านยิ่งสนุกน่ะครับ

 

โดย: Analog Kid 26 กันยายน 2548 21:26:23 น.  

 

บล้อกเจ๋งดี เข้ามาขอ add บล็อกไว้ก่อน แล้วจาเข้ามาอ่านละเอียดๆ ต่ออีกที

 

โดย: พลอยสีสวย 19 ตุลาคม 2548 8:18:13 น.  

 

ไม่ได้เป็นนักฟัง progressive พันธุ์แท้ เพราะในยุค 80's
ที่สนใจแนวนี้จริงๆก็มีแค่ Mike Oldfield, Genesis, Peter Gabriel และ Laurie Anderson เท่านั้นเอง

ก็เลยไม่มี เฟส 3 ถึง 7
แต่เห็นด้วยว่ามันยากที่จะบรรยายความรู้สึกจริงๆ ตอนเฟสค้นพบ นี่

 

โดย: bellerophon 19 ตุลาคม 2548 20:10:03 น.  

 

ใช่แล้วครับคุณ bellerophon ตอนที่ผมได้ฟัง yes ครั้งแรก แทบตกเก้าอี้ไปเลย ตอนนั้นไปเจอเทปชุด Yesshows แล้วดันไปเปิดเพลง The Gates Of Delieium จำได้ว่านึกในใจ "แม่เจ้า ! เพลงอะไรว่ะเนี้ย"

 

โดย: Analog Kid IP: 164.115.9.7 21 ตุลาคม 2548 11:46:35 น.  

 

เจ๋งครับ-เจ๋ง
ชื่อ Analog kid คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นชื่อเพลงของ Dream Theater หรือเปล่า

 

โดย: ShadowServant (ShadowServant ) 11 ธันวาคม 2548 2:50:06 น.  

 

ขอตอบแทนพี่ Anolog Kid ครับ

Analog Kid เป็นชื่อเพลงของวง RUSH ครับ อยู่ในชุด Signals

 

โดย: lalink IP: 203.188.25.101 25 ธันวาคม 2548 23:40:21 น.  

 

น่าอายจังเลย ไม่มีเวลาแม้กระทั่งตอบ blog ของตัวเอง

 

โดย: Analog Kid IP: 164.115.9.7 27 ธันวาคม 2548 13:39:03 น.  

 

สวัสดีปีใหม่ 2549 ...ครับ




ขอให้มีความสุขมากๆ ในปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง
คิดสิ่งใดก็ขอให้ได้สมความปรารถนาทุกประการ
มีความเจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน
ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บใดๆ มารบกวน

คำอวยพรทำนองนี้ ถึงแม้จะดูเชยไปหน่อย
แต่ก็ยังคงใช้ได้ทุกโอกาสนะครับ....

*** HAPPY NEW YEAR ***

 

โดย: lalink 31 ธันวาคม 2548 16:56:20 น.  

 

พี่ และ ถ้าหนูเลือก Meat Loaf และ ลงท้ายด้วย Dream Theater นี่น่าเกลียดไหมคะ อิอิอิ สวัสดีค่ะ
สวัสดีปีใหม่อาจไม่ทันแล้วงั้นหนูขอ
ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้ ล่วงหน้าและกันนะคะ

 

โดย: HTK IP: 203.113.38.11 17 มกราคม 2549 23:44:02 น.  

 


Happy Valentine's Day ค่ะ

 

โดย: HTK IP: 203.151.140.118 14 กุมภาพันธ์ 2549 11:15:06 น.  

 

แวะมารดน้ำดำหัวผู้หลักผู้ใหญ่ค่ะ
ขอให้ท่านอายุแข็งแรง อายุยืนนานนะคะ

ขอให้มีความสุขนะคะ
สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ

 

โดย: HTK (HTK ) 13 เมษายน 2549 0:53:18 น.  

 

แต่ถ้าคุณเลือก "King Crimson" อันนี้หนักยิ่งกว่า Yes เสียอีก เพราะมีอัลบั้มแสดงสดเป็นสิบๆชุด (จาก Collectors' Club series) ที่คุณจะต้องกวาดมาให้หมด แน่นอนคุณไม่เคยเหนื่อยกับการฟัง Easy Money ทั้ง 20 เวอร์ชั้นเลย ให้ตายเหอะ !


เก็บพวกวง tangerine dream นี่ก็อ้วกพอกันครับ

 

โดย: oakjarrett IP: 124.121.171.105 22 ตุลาคม 2549 15:54:45 น.  

 

Merry Christmas and Happy New Year นะคะ ขอให้มีความสุขสดชื่นสมหวังตลอดไปนะคะ มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ไร้โรคภัย คิดสิ่งใดขอให้สมความปราถนาทุกประการค่ะ

รูปจาก Central World ค่ะ สวยไหมคะ

 

โดย: HTK (HTK ) 26 ธันวาคม 2549 0:46:58 น.  

 

สืบเนื่องจากกระทู้ในพันธ์ทิพย์เกี่ยวกับวงโปรเกรสซีฟ

//www.pantip.com/cafe/chalermkrung/topic/C5055097/C5055097.html

ที่คุณกล่าวถึงวง Kayo Dot

ผมรู้จักวงนี้จาก MySpace โดยผมเริ่มรู้จักจากการไปอ่านบล็อคที่หน้าของนักไวโอลินของทางวงที่เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่นที่ชื่อ Mia

//profile.myspace.com/index.cfm?fuseaction=user.viewprofile&friendID=76257

คุณลองไปอ่านบล็อคของเธอดูสิครับ ผมประทับใจกับพฤติกรรมแปลกประหลาดของเธอเป็นอย่างแรก ก่อนที่จะได้ฟังดนตรีของทางวง บล็อคของเธออ่านได้เพลินไม่รู้เบื่อเลยครับ

ส่วนดนตรีของทางวง คุณก็ฟังได้ที่ MySpace เช่นเดียวกันครับ

//www.myspace.com/kayodot

ผมชอบดนตรีของทางวงเป็นบางเพลง แต่ดนตรีของพวกเขาทำออกมาได้ดีมากครับ เพียงแต่ว่าเวลานี้ผมอยากจะทดลองฟังอย่างอื่น ตอนนี้ทางวงก็ได้เซ็นสัญญากับตราแผ่นเสียงในสังกัดของ John Zorn นั่นย่อมรับประกันคุณภาพเป็นอย่างดีครับ

คุณอาจจะประหลาดใจที่ผมเข้ามาแสดงความเห็น ผมเคยเข้าพันธ์ทิพย์ไปอ่านกระทู้ที่ห้องร็อคอยู่บ่อยๆครับ แสดงความเห็นบ้างเป็นบางครั้ง แต่ตอนนี้อมยิ้มผมถูกยึดครับ ก็เลยแสดงความเห็นในกระทู้โดยตรงไม่ได้

 

โดย: pc IP: 203.188.10.15 5 กุมภาพันธ์ 2550 22:35:51 น.  

 

สวัสดีครับ คุณ pc ดีใจที่มีคนมาที่ blog เพราะไม่ได้อัพเดตเป็นปีแล้ว 555

ขอบคุณมากสำหรับข้อมูลวง Kayo Dot ผมเองยังไม่เคยฟังมาก่อน วเดีผ่ยวคงแวะไปฟังบ้างแล้ว

 

โดย: Analog Kid IP: 164.115.9.7 8 กุมภาพันธ์ 2550 13:00:30 น.  

 

หวังว่าคุณ Analog Kid คงจะชอบดนตรีของพวกเขานะครับ พวกนักวิจารณ์มักจะบอกว่าฟังดูคล้ายๆกับดนตรีของ King Crimson แต่ผมว่าดนตรีของ Kayo Dot ดูเหมือนจะรวมเอาแนวดนตรีหลักๆแทบจะทุกแนวมาไว้ในเพลงเดียวกัน ดนตรีจะเริ่มอย่างช้าๆ วังเวงแต่ผ่อนคลาย และจะเพิ่มอุณหภูมิขึ้นเรื่อยๆ จนไประเบิดเอาช่วงท้ายๆ

ยังไงก็อย่าลืมลองอ่านบล็อคของ Mia ดูนะครับ ผมชอบพฤติกรรมประหลาดๆของเธอจริงๆ

ผมเองเคยเข้ามาอ่านและแสดงความเห็นในห้อง Rock & Roll อยู่บ้าง แต่จะอ่านเสียมากกว่าครับ ในชื่อ emanuelle แต่ตอนนี้อมยิ้มโดนยึดไปแล้วครับ เดาว่าคงจะเป็นเพราะความเห็นที่ผมเคยแสดงไว้ในห้องราชดำเนิน

แต่ก่อนผมชอบฟังดนตรีแนวไซคีเดลลิคกับ prog rock มากครับ แต่อาจจะไม่ค่อยรู้มากเท่ากับคุณ ชอบ ดนตรีของ Pink Floyd ยุคแรกๆ ซึ่งมักจะอยู่ในอัลบั้ม Ummagumma ที่ฟังบ่อยจะเป็นอัลบั้มคอนเสิร์ท กับ Medle

ในตอนนี้ผมอาจจะเบนความสนใจไปกับดนตรีแนว electronoca เพราะชอบการดีไซน์เสียงที่ออกมาของดนตรีในแนวนี้ และลักษณะทางด้านสไตล์ที่นอกเหนือไปจากดนตรี อย่างสไตล์แฟชั่น ที่ดนตรีแนวนี้สามารถถ่ายทอดออกมาในรูปเสียงดนตรี เหมือนอย่างทีดนตรีร็อคในบางยุคเคยนำแรงบันดาลใจจากศิลปะพวก High Art หรือ ศิลปะแขนงอื่นๆเข้ามารวมเข้าไว้ในเสียงดนตรี ที่ทำให้ขอบเขตทางดนตรีขยายกว้างไกลออกไปอีก และผมพบลักษณะของเสียงในแบบที่ทำให้ผมชอบดนตรีไซคีเดลลิคในดนตรีแนวนี้ แต่เป็นลักษณะในแบบที่เข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน

ตอนนี้เวลาผมจะทำความรู้จักกับเพลงใหม่ๆ ก็ต้องหาฟังตามเน็ทเอา ตามประสาคนอยู่ต่างจังหวัดน่ะครับ นอกจาก MySpace แล้ว ผมก็มักจะฟังรายการของทาง บีบีซีออนไลน์ นอกจากเข้าไปฟังรายการเพลงคลาสสิคที่ Radio 2 แล้ว ผมก็มักจะฟังสถานี 6Music สถานีนี้จะมีรายการที่ชื่อ Freak Zone ที่จัดโดย Stuart Maconie รายการนี้มักจะเปิดเพลงพวก prog rock กับ art rock ไม่ทราบว่าคุณ Analog Kid ชอบฟังเหมือนกันหรือเปล่าครับ ผมชอบที่เขาเอาดนตรีแบบที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมาเปิด(อย่างน้อยก็ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักสำหรับผม) ทำให้ผมได้มีโอกาสฟังดนตรีแปลกๆเพิ่มขึ้นอีกเยอะเลยครับ

ถ้าสถานีบีบีซีเป็นสถานนีที่ให้โอกาสนักจัดรายการสามารถนำเสนอดนตรีที่พวกเขาเสาะแสวงหาได้อย่างอิสระ โดยที่ไม่ต้องคำนึงถึงความนิยมที่ทำให้รายการได้สปอนเซอร์ ผมก็ไม่สงสัยเลยว่าทำไมรสนิยมการฟังเพลงของผู้คนในอังกฤษถึงได้ล้ำหน้ากว่าทางฝั่งอเมริกา หรือถ้าคุณ Analog Kid รู้จักสถานีวิทยุอื่นๆที่ผมสามารถฟังเพลงออน์ไลน์ได้ ช่วยกรุณาแนะนำด้วยครับ

 

โดย: pc IP: 203.188.63.176 9 กุมภาพันธ์ 2550 1:46:40 น.  

 

สวัสดีครับ คุณ pc เห็นด้วยว่าวง Kayo Dot ได้ผสมหลายแนวมาก ผทรู้สึกว่า ช่วง 2-3 ปีมีวงที่พยายามหาแนวทางใหม่ พอควร

ส่วนในแนว electronica ผมก็เริ่มหามาฟังบ้าง แต่ยอมรับออกมามากจริงๆ จริงๆแล้วผมว่า ศิลปินในแนวนี้ น่าจะมีพัฒนาการมากจากแนวไซคีเดลิค แล้วพัฒนามาเป็น electronic วงอย่าง CAN ที่ริเริ่มทดลองการใช้ rythm ที่ repeat beat มาตั้งแต่ปลายยุค 60 แล้ว แต่สมัยนั้นยังไม่มี drum machine เลยต้องใช้กลองจริงๆตีเอา (คงเหนื่อแย่แน่ๆ)


ส่วน BBC online ยังไม่ได้ฟัง แต่ที่คุณ pc สังเกตุ นั้นเห็นด้วยครับว่า ดนตรีจากฝั่งอังกฤษ จะแหวกแนวมากกว่า ฝั่งอเมริกา

อ้อ ไม่มีอมยิ้ม ก็น่าจะโพสท์ที่ห้องร็อคได้นะครับ

 

โดย: Analog Kid IP: 164.115.9.7 23 กุมภาพันธ์ 2550 10:04:37 น.  

 

ถ้าไม่มีอมยิ้มแล้วโพสท์ที่พันธ์ทิพย์ได้ แล้วผมจะลองโพสท์ดูนะครับ

พูดถึงวง CAN พวกพนักงานในแผนกดนตรีของร้านวิดิโอที่ผมเคยทำดูจะปลื้มกับวงนี้มากเลยครับ เลยดายที่ว่าตอนนั้นผมยังเข้าไม่ถึงแนวดนตรีของพวกเขา ตอนนี้อยากฟังก็หาฟังไม่ค่อยได้แล้ว แต่ก็จริงอย่างที่คุณว่าน่ะครับ ที่ว่ามีการใช้ rythm ที่ repeat beat

สิ่งที่ผมลองสังเกตุดูจากดนตรีของเยอรมัน ทั้งแนวร็อคและเทคโน ส่วนใหญ่ นอกจากจะมีบรรยากาศที่มืดมนแล้ว บางครั้งก็มักจะมีการใช้ repeat beat จนทำให้บางครั้ง มันทำให้ดนตรีของพวกเขาฟังดูเย็นชา ไม่ได้เย็นชาแต่มีสไตล์ล้ำยุคแบบวงอังกฤษ แต่จะออกแข็งๆ ทื่อๆ และลักษณะที่แข็งๆ ทื่อๆ มันไม่ใช่พบเฉพาะแต่ในดนตรีเท่านั้น ผมรู้สึกเหมือนกับว่าพบได้ในศิลปะแทบทุกแขนงถ้าเป็นงานของเยอรมัน หนังของเยอรมันก็มีลักษณะการกำกับภาพที่ให้บรรยากาศออกมาแข็งๆ เช่นเดียวกับงานดีไซน์ บางครั้งมันแข็งจนดูขาดเสน่ห์

แต่ก็ต้องยกให้คนเยอรมันเขาละครับว่า พวกเขาเป็นผู้ริเริ่มสรางสรรค์สิ่งที่แปลกใหม่ออกมามากมาย ผมมักจะมองว่าพวกเขาเป็นผู้บุกเบิกเข้าไปในพรมแดนใหม่ๆทางความคิด ทางศิลปะ เมื่อครอบครองพรมแดนใหม่ๆเหล่านั้นได้แล้ว แทนที่จะพัฒนาแนวความคิดหรือศิลปะในพรมแดนนั้น จนเกิดความสัมฤทธิ์ผลทางด้านสไตล์ พวกเขากลับเลือกที่จะบุกเบิกต่อไปเรื่อยๆ งานของพวกเขาจึงมีลักษณะเป็นต้นแบบสูง แต่เป็นเหมือนภาพร่างที่ยังหยาบๆไม่ได้รับการขัดเกลา

รายการของบีบีซี 6music ส่วนใหญ่ดนตรีที่ออกอากาศ น่าจะจัดได้ว่าเป็นดนตรีที่คนในห้องนอกกระแสพูดถึงกันมากกว่าจะเป็นดนตรีที่พูดถึงกันในห้องร็อค รายการที่เป็นร็อค นอกจากรายการ Freak Zone แล้ว ก็ยังมีรายการ Bruce Dickinson Rock Show อีกรายการนึงครับ คนจัดก็ Bruce Dickinson นั่นละครับ

ผมขอตัวกลับไปอ่านกระทู้ในห้องร็อคก่อนนะครับ

 

โดย: pc IP: 203.188.22.141 24 กุมภาพันธ์ 2550 2:24:14 น.  

 

ตอนนี้ผมกำลังฟังรายการ Freak Zone ของ Stuart Maconie อยู่ครับ วันอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ (11 มีนาคม 2007) จะมีการกล่าวถึงอัลบั้ม RITE TIME ของ Can ด้วยครับ เพลงที่เปิดก็มี

Wire - Feeling Called Love
Can – On The Beautiful Side Of A Romance
Anne Briggs – Wille Winsbury
Xela - Last Breath
Andrew Shapiro - Detectors In The Eyes

ในช่วง UNIVERSITY OF THE STRANGE – SUNSHINE POP ก็จะเปิด

The Lee Mason Sound - Fantasy Travel
The Grasshoppers - When The Sky Is Clear, When The Water's Clean
Inner Dialogue - I Go To Life
Inner Dialogue - Yesterday The Dog

พร้อมกับมีการเสวนาในหัวข้อ SUNSHINE POP

หลังจากนั้นก็มี
Bonnie Dobson – Milk and Honey
Can – Moving Right Along
The Incredible String Band - Darling Belle
William D Drake - Stone Carnation
Jan Akkerman - Sheep
Fulborn Teversham - Count Herbert
The Pentangle - Sweet Child
The Pentangle - Once I Had A Sweetheart
The Pentangle - Bells
The Pentangle - Tam Lin
Atomic Rooster - Tomorrow Night
Peter Brotzman - No 2
Greg Haines - Snow Airport
The Left Banke - Ivy Ivy
Seventeen Evergreen - Grays
Klima - You make me laugh
The Shadows - Thunderbirds Theme

ช่วง LIVE FREAKS – John Cale ก็จะเป็นบันทึกการแสดงสดครับ

John Cale - Hanky Panky Nohow
John Cale - Pablo Picasso

แล้วก็จะกลับมาที่ Can ต่อ
Can - Give The Drummer Some

ถ้าสนใจ ก็ลองเช็คดูได้ที่นี่เลยครับ

//www.bbc.co.uk/6music/shows/freakzone/tracklisting_20070311.shtml

คลิ๊กที่ Last Show ด้านขวามือนะครับ แต่ต้องฟังก่อนจะถึงวันอาทิตย์ถัดไปครับ เพราะเมื่อครบอาทิตย์ จะเป็นรายการตอนใหม่ของอาทิตย์ถัดไปครับ

 

โดย: pc IP: 125.25.25.243 13 มีนาคม 2550 23:18:48 น.  

 

สัวสีดีครับ คุณ pp

ไม่ค่อยได้เข้ามาที่ blog ของตัองเลย :)

เรื่องของแนวดนตรีจากเยอรมัน ผมเคยอ่านบทสัมภาษณ์ของ หัวหน้าวง Kraftwerk แกบอกว่า ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่มีการพัฒนาด้านดนตรีเลย พอสงครามโลกจบ เลยต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่เลย นี่อาจจเป็นสาเหตุว่า ทำไมแนวดนตรีของเยอรมัยในยุคหลังสงครามโลกจึงเป็นแบบนี้ ประมาณว่า แบบทื่อๆแข็งๆ แต่ส่วนตัวผมชอบนะ

 

โดย: Analog Kid IP: 164.115.9.7 9 พฤษภาคม 2550 16:33:15 น.  

 

สัวสีดีครับ คุณ pp

ไม่ค่อยได้เข้ามาที่ blog ของตัวเองเลย :)

เรื่องของแนวดนตรีจากเยอรมัน ผมเคยอ่านบทสัมภาษณ์ของ หัวหน้าวง Kraftwerk แกบอกว่า ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่มีการพัฒนาด้านดนตรีเลย พอสงครามโลกจบ เลยต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่เลย นี่อาจจเป็นสาเหตุว่า ทำไมแนวดนตรีของเยอรมัยในยุคหลังสงครามโลกจึงเป็นแบบนี้ ประมาณว่า แบบทื่อๆแข็งๆ แต่ส่วนตัวผมชอบนะ

 

โดย: Analog Kid IP: 164.115.9.7 9 พฤษภาคม 2550 16:33:38 น.  

 

หวังว่าคุณ เข้ามาแวะดูที่บล๊อกนี้ทันเวลานะครับ เพราะว่าตอนนี้ผมกำลังนั่งฟังรายการ LIVE AT MIDNIGHT ของทาง BBC 6MUSIC อยู่ครับ

วันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคมนี้ จะเป็นบันทึกการแสดงสดของวง PF.M. จากอิตาลีครับ ผมอ่านจากกระทู้ในพันธ์ทิพย์ที่คุณตั้งกระทู้ทายปกอัลบั้ม ก็เลยทราบว่าคุณคงรู้จักวงนี้เป็นอย่างดี ถ้ายังไงก็ลองเช็คดูตามลิงค์ข้างล่างนี้เลยครับ

//www.bbc.co.uk/6music/shows/liveatmidnight/

ด้านขวามือของหน้าจอ จะมีล๊อคที่เขียนไว้ว่า LISTEN AGAIN TO THIS SHOW ก็คลิ๊กไปที่วันจันทร์เลยครับ

ต้องฟังภายในเจ็ดวันหลังจากวันจันทร์ที่ 28 นะครับ

เสียดายก็ตรงที่ อาทิตย์ที่แล้วเป็นบันทึกการแสดงสดของ Steve Hillage ซึ่งผมว่าผมชอบเสียงแบบของเขามากกว่าครับ

 

โดย: pc IP: 203.188.8.70 29 พฤษภาคม 2550 1:11:40 น.  

 

ได้อ่านที่คุณตอบกระทู้ที่ถามถึงศิลปินอื่นที่ทำดนตรีได้ออกมาคล้ายกับ Dire Straits แล้วคุณก็พูดถึงซาวด์แทร็คของ Local Hero กับ Cal

ไม่ทราบว่าคุณเคยดู Cal หรือยังครับ ผมเคยดูเมื่อหลายปีมาแล้ว นี่เป็นภาพยนตร์ที่ทำให้ผมหลงไหล Helen Mirren และคอยติดตามผลงานของเธอมาเรื่อยๆ

She used to inspire me such a wicked fantasy of having her as my mom and my lover.

 

โดย: pc IP: 203.188.8.70 29 พฤษภาคม 2550 1:15:39 น.  

 

เสียดายเข้ามาไม่ทัน

ต้องลองเข้าไปซะแล้ว


หนังเรื่อง Cal ผมก็ชอบครับ

ใชครับ Helen Mirren เล่นเก่งจริงๆ

 

โดย: Analog Kid IP: 164.115.9.7 20 มิถุนายน 2550 13:33:39 น.  

 

ตอนนี้ยังเข้ายูทิวบ์ไม่ได้ แต่บังเอิญไปเจอวิดิโอของ Pink Floyd ใน MySpace เข้า ก็เลยอยากจะนำมาแชร์น่ะครับ

เป็นการแสดงที่ปอมเปอีน่ะครับ คุณอาจจะเคยดูมาแล้ว (หรืออาจจะมีวิดิโอหรือดีวีดีไว้ดูแล้ว) แต่ถ้ายัง คลิพนี้จะเป็นตอนท้ายสุดของการแสดงครับ เป็นครึ่งหลังของ Echoes เพลงยอดนิยมตลอดกาลของผม

//vids.myspace.com/index.cfm?fuseaction=vids.individual&VideoID=2029720207

ผมชอบท่วงทำนองของเปียโนไฟฟ้าในช่วงท้ายสุดของเพลงมากครับ ดูจะเป็นทำนองที่ต่างไปจากสติวดิโอเวอร์ชั่น ผมเองก็สงสัยว่า พวกเขาคงจะเล่นกันแบบด้นสด ท่วงทำนองในการแสดงนี้ก็เกิดจากการด้นสดเช่นกัน แต่ก็เป็นท่วงทำนองที่สวยงาม สดใหม่ และเสียงกีต้าร์กับเปียโนก็ผสานกันได้อย่างลงตัวทีเดียวครับ

ถ้าท่วงทำนองที่สวยงามอันเกิดจากการด้นสดเป็นเหมือนกับช่วงเวลาที่งดงามอันเกิดขึ้นได้เพียงครั้งเดียว ผมก็ดีใจครับที่ท่วงทำนองอย่างนี้ได้รับการบันทึกเอาไว้

หวังว่าผมคงไม่เอามะพร้าวห้าวมาขายสวนนะครับ

 

โดย: pc IP: 125.24.107.77 1 กรกฎาคม 2550 0:59:10 น.  

 

ผมก็ชอบเวอร์ชั่นนี้ของ Echoes

ส่วน VDO ชุดนี้ ผมดูตั้งแต่สมัยยังเป็นวัยรุ่น สมัยนั้นยังเป็น VHS อยู่เลย บ้าขนาดถ่ายจากวีดิโอไปเป็นเทปเอาไว้ฟังตอนนอน

แน่นอนเลงเด่นก็คือเพลง ECHOES แหละครับ

ส่วนเวอร์ชั่นสตูดิโอ ผมชอบท่อนโซโล ตอนก่อนจะเข้าช่วงกลางมากๆ ไม่รู้ทำไม มันง่ายแต่กินใจ

 

โดย: Analog Kid IP: 164.115.9.7 9 กรกฎาคม 2550 23:12:46 น.  

 

โอ้ ... คุณได้ดูมานานก่อนผมมากเลยครับ

ผมว่าดนตรีในชุดนี้เป็นจุดเปลี่ยนของทางวง จากยุค ไซคีเดลลิค มาเป็นดนตรีในแบบพิงฟลอยด์แห่งยุคเซเว่นตี้

ถ้าคุณไม่ได้เข้ามาที่บล็อคบ่อยๆ ผมก็จะนำผังรายการ Live At Midnight มาลงไว้ล่วงหน้าเลยนะครับ อาทิตย์ต่อๆไปที่จะมาถึง มีบันทึกการแสดงสดของวง Emerson Lake And PalmerJethro Tull กับ ด้วยครับ

23:07:07: Thomas Dolby
30:07:07: Randy Newman
06:08:07: Emerson Lake And Palmer
13:08:07: Art Brut
20:08:07: Jethro Tull

ส่วนอาทิตย์นี้จะเป็นบันทึกการแสดงสดของ Thomas Dolby ที่ Dominion Theatre 1984 ครับ

ดูได้ที่ลิงค์ข้างล่างนี่เลยครับ

//www.bbc.co.uk/6music/shows/liveatmidnight/

 

โดย: pc IP: 125.25.213.155 24 กรกฎาคม 2550 1:48:22 น.  

 

โอวว์ ขอบคุณมากครับ เดี๋ยวจะลองฟังดูครับ

อ้อ ผมเพิ่งตั้งกระทู้วง kaya Dot ที่ห้องร็อคแอนด์โรลล์ เพราะเพิ่งได่ฟังชุดแรกของวง ประทับใจมากๆ

คุณ pc ไวไปที่ thaiprog.net ดุเหรอครับ มีกระทู้ prog น่าสนใจมากเยอะครับ สมัครง่ายด้วย

 

โดย: Analog Kid IP: 164.115.9.7 24 กรกฎาคม 2550 13:18:41 น.  

 

รู้มากจริง ๆ ฟังเพลงนะไม่ใช่อ่านหนังสือ ธาตุศิลป์แท้จริงของดนตรีคือเสียงไม่ใช่เนื้อหา วงไหนก็ได้ที่ชอบเสียงของมัน ไม่จำเป็นต้องมีความหมาย ดนตรีไม่มีระบบซับซ้อนอะไรนั่นหรอก

 

โดย: มิ่ง IP: 125.25.204.16 26 กรกฎาคม 2551 21:32:19 น.  

 

ไม่ได้คุยกันนานเลยนะครับ ว่าแต่ไม่รู้ว่าคนที่โพสต์ข้างบนเขาเป็นอะไรของเขาเหมือนกันนะครับ

บังเอิญเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว ขณะที่กำลังนั่งฟังรายการ Freak Zone อยู่ ก็ไปสะดุดกับเพลงๆหนึ่งที่เปิดในรายการเข้า ดูจากลิสต์รายชื่อเพลงแล้ว เป็นเพลง All Day ของ Jan Steele เพลงนี้จะเป็นเพลงร้องแบบหลอนๆ บรรยากาศของดนตรีนี่เป็นดนตรีประกอบหนังแวมไพร์จากอังกฤษ หรือพวกหนังสยองขวัญคลาสสิคของ Hammer Film Productions ได้สบายๆเลยครับ ดนตรีโดยรวมอาจจะเรียกไม่ได้เต็มปากว่าเป็นเพลงคลาสสิค แต่ฟังจากข้อมูลที่ Stuart ได้กล่าวถึงในรายการ เพลงนี้จะอยู่ในอัลบั้ม Voices and Instruments ซึ่งออกโดยค่าย Obscure Records

ผมลองค้นข้อมูลในอินเทอร์เน็ตดู ก็พบว่า Obscure Records เป็นค่ายเพลงของ Brian Eno ที่ผลิตอัลบั้มดีๆออกมาตั้งแต่ปี 1975 ถึงปี 1978 เพียงแค่ 10 อัลบั้มเท่านั้น และในเวลาต่อมาอัลบั้มทั้งหมดได้กลายเป็นของหายาก จนต้องมีการนำมารีมาสเตอร์เพื่อออกวางจำหน่ายในรูปซีดีอีกครั้ง โชคไม่ดีที่อัลบั้ม Voices and Instruments เท่าที่มีอยู่ในเวลานี้จะมีอยู่เฉพาะในรูป out-of-print vinyl เท่านั้น แต่ก็ยังดีนะครับที่เพลงจากอัลบั้มนี้ยังหาฟังได้จากลิ้งค์ข้างล่าง

WFMU's Beware of the Blog: Jan Steele / John Cage (MP3s)
//blog.wfmu.org/freeform/2008/11/jan-steele-john.html

คลิ๊กไปที่ปุ่ม play ที่อยู่ข้างหน้าชื่อเพลงแต่ละเพลงนะครับ แล้ว Window Media Player ก็จะป๊อปขึ้นมาเล่นให้ฟัง

ในรายการบอกว่า อัลบั้ม Voices and Instruments นี้ เป็นความร่วมมือข้ามแขนงดนตรีระหว่างนักดนตรีแจ๊สอย่าง Jan Steele และนักประพันธ์ดนตรีคลาสสิคร่วมสมัยอย่าง John Cage ครับ แต่ยังไงลองฟังแทร็ค All Day ดูก่อนนะครับ ผมว่ามันหลอนดี


โอ้ว ... ถ้ามีเวลา ลองเช็คลิ้งค์ข้างล่างดูนะครับ ได้ลิ้งค์นี้มาจากเพื่อนที่ IMDB ครับ ที่ด้านล่างของลิสต์รายชื่อเพลงก็จะมีให้เลือกทั้งคลิ๊กเข้าไปฟังและดาวน์โหลดครับ ผมนั่งฟังที่ร้านคอมพ์ ถ้าฟังเฉยๆ มันจะขึ้นเป็น PodPress มาให้ครับ

Stuart Maconie - Freak Zone 12/02/2007
//www.newmixes.com/stuart_maconie-freak_zone-sat-12-02-2007.html

สำหรับอาทิตย์นี้ อัลบั้มประจำสัปดาห์นี้จะเป็นอัลบั้ม On The Corner ของ Miles Davis ครับ พอได้ฟังแล้วก็ตั้งใจไว้เลยครับว่า ถ้าเข้ากรุงเทพเมื่อไร จะต้องหาอัลบั้มนี้มาฟังให้ได้ เพลงที่นำมาเปิดจะมีอยู่สองสามเพลง โดยเพลงแรกจากอัลบั้มนี้จะเปิดเป็นเพลงที่สองต่อจาก Maybach ของวงไซคีเดลลิคโฟล์ค Yellow Moon Band ครับ ว่ากันว่าอัลบั้ม On The Corner นี่จะแบ่งนักวิจารณออกเป็นสองขั้ว คือพวกที่ชอบกับที่เกลียดไปเลยครับ เพราะดนตรีในอัลบั้มนี้จะเป็นการนำองค์ประกอบของดนตรีร็อคเข้ามาเจือปนค่อนข้างสูง แต่ผมว่าเสียงที่ออกมากลับคุกรุ่นไปด้วยกลิ่นอายในแบบฟั้งค์ ชนิดที่เรียกได้ว่าเป็นแจ๊สที่ funky เสียยิ่งกว่าดนตรีฟั้งค์จริงๆเสียอีกครับ โดยเฉพาะเสียงออร์แกนนี่กระแทกได้มันส์มากเลยครับ เพลงอื่นๆที่น่าสนใจก็จะมีเพลงของ Teardrop Explodes กับ Throbbing Gristle ครับ ที่จริงแล้วเพลงที่เปิดก็น่าสนใจแทบทุกเพลงเลยครับ แต่ส่วนใหญ่อาทิตย์นี้จะหนักไปทาง prog rock และที่ขาดไม่ได้ก็คือช่วง University of Strange ที่จะมีการเสวนาในหัวข้อ Brazilian Music อย่างที่ผมได้ยกตัวอย่างเอาไว้ก่อนหน้านี้ เพลงที่เปิดจะเป็นเพลงของวงจากบราซิลอย่าง Brazilian Octopus ดนตรีของพวกเขาจะเป็นดนตรีอิเลคโทรนิคยุคแรกๆที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายบอสสาโนวาครับ


 

โดย: pc IP: 125.25.79.66 6 กุมภาพันธ์ 2552 14:24:57 น.  

 

สวัสีดีครับ คุณ pc IP

หายหน้าไปนานเลยนะครับ

ผมเองก็นานๆที เข้ามาที่ blog ตัวเอง :)

สำหรับงานของ Obscure Records ที่ผมได้ฟังก็มีชุด
Discreet Music ของ Brian Eno กับ ชุด Music from the Penguin Cafe

เป็นงานทดลองที่ผสมดนตรีคลาสสิค อว็องการ์ดและ ambient แม้จะออกแนวทดลองแต่ก็น่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะฟังแล้วชวนติดตาม


ชุด On The Corner ของ Miles Davis ผมฟังไป 2-3 เองยังไม่ย่อยเลย งานของ Miles ต้องใช้เวลา ผมชอบงานแสดงสดในยุค Electric Miles มากๆ โดยเฉพาะชุด Agthra ที่ Miles เล่นคียออร์แกนเองด้วย ฟังแล้วจี้เส้นมากๆ เพราะแกเล่นแบบตอดๆยังไงก็ไม่รู้

ยังไงก็มาแวะบ่อยขึ้น ก้ได้นะครับ

 

โดย: Analog Kid IP: 164.115.9.7 17 กุมภาพันธ์ 2552 11:18:23 น.  

 

ผมลองฟังบางเพลงจากอัลบั้ม Discreet Music ของ Brian Eno ดูแล้ว ยอดเยี่ยมจริงๆด้วยครับ

เมื่อเดือนที่แล้ว เน็ตที่บ้านผมใช้ไม่ได้ ก็เลยอดฟังรายการวิทยุออนไลน์ของบีบีซีที่เคยฟังเป็นประจำ พอทุกอย่างเรียบร้อย ผมก็ลองมานั่งเช็คเพลงของรายการ Freak Zone ที่เปิดช่วงที่ผมพลาดฟังไป รายการในช่วง University Of The Strange ของ Prof. Justin Spear เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ได้โฟกัสไปที่ German Soundtracks ในยุค 70s ผมมาสะดุดเอากับวงหนึ่งที่ชื่อ The Inner Space หลังจากได้ลองฟังดูแล้ว ชอบซาวด์ในแบบ retro-futuristic ของทางวงมากเลยครับ โดยเฉพาะเพลง Kamera Song


The Inner Space - Kamera Song
//beemp3.com/download.php?file=2726769&song=Kamera+Song

*** ก่อนฟังต้องกรอกรหัสที่ปรากฏเป็นตัวอักษรบนจอลงใน box เสียก่อน จากนั้นก็เลื่อนหน้าจอลงไปข้างล่างนิดนึง ก็จะเป็นปุ่ม play ครับ ***


ยิ่งไปลองค้นข้อมูลดู ก็พบว่ามันน่าสนใจตรงที่ ไม่ค่อยมีใครได้ทราบว่าวงนี้เรียกได้ว่าเป็นวงต้นกำเนิดของวง CAN หนึ่งในหัวหอกของกระแสดนตรี Krautrock แห่งยุค 70s เพราะวงนี้ประกอบด้วยสมาชิกหลักของ CAN อย่าง Irmin Schmidt, HolgerCzukay, Michael Karoli และ Jaki Liebezeit จากนั้นก็ทำดนตรีอยู่ได้ไม่กี่เดือน ก็ได้เปลี่ยนชื่อวงเป็น The Can พร้อมกับปล่อยอัลบั้ม 'Monster Movie' ออกมาวางจำหน่าย

ผมเดาว่าทางรายการเปิดเพลงของพวกเขา เพราะได้มีการ re-issue ผลง่านดนตรีที่เคยออกเป็นแผ่น 7" ซึ่งมีอยู่สองเพลงจากอัลบั้มซาวด์แทร็คของภาพยนตร์ใต้ดินเรื่อง Agilok & Blubbo ที่ออกฉายในปี่ 1969 เดิมทีผลงานชุดนี้ออกวางจำหน่ายโดยค่าย Vogue label ของเยอรมัน ซึ่งในเวลานี้ราคาในแวดวงนักสะสมจะอยู่ที่ประมาณ 300 euro mark

บังเอิญผมไปเจอลิ้งค์ให้ดาวน์โหลดซาวด์แทร็คของหนังเรื่องนี้ทั้งอัลบั้ม ผมว่าจะลองโหลดมาฟังพรุ่งนี้ แต่วันนี้ขออนุญาตินำลิ้งค์มาแปะที่นี่ก่อนนะครับ


The Inner Space - Agilok & Blubbo

//rapidshare.com/files/232593009/The_Inner_Space-Agilok_and_Blubbo__1969_-Reissue_LP-2009-BCC.rar.html


ส่วนข้างล่างนี่เป็นข้อมูลที่ก็อปมาจากผู้ที่นำมาโพสต์ครับ


Artist : The Inner Space
Title : Agilok & Blubbo (1968)
Genre : Psychedelic Rock / Soundtrack
Year : 2009
Date : 05/2009
Bitrate : VBR kbps
Tracks : 13
Label : Wah Wah Supersonic
Source : Vinyl
Encoder : Lame 3.97
Length : 42:13 min
Size : 63,8 MB

Tracklist:
----------

01.agilok & blubbo 03:45
02.es zieht herauf 04:39
03.dialog zwischen birken 01:52
04.michele ist da 01:41
05.mama mama 03:57
06.kamerasong 02:32
07.zwischen den bΣumen 03:57
08.zweige und zonne 00:17
09.revolutionslied 01:50
10.der letzte brief 01:29
11.probleme 02:16
12.flop pop 03:36
13.apokalypse 10:22
-------
42:13 min



The Inner Space is the stuff of legend. This obscurenotes
outfit is best known as the antecessor band of Can
and not much is known about them except it featured
the core members of Can (Irmin Schmidt, Holger
Czukay, Michael Karoli and Jaki Liebezeit) and lasted
just a few months before renaming themselves The
Can and releasing 'Monster Movie'.

They left two ultra-obscure seven inches as their only
recorded legacy and only the first of them is credited to
The Inner Space, it contained two songs taken from the
soundtrack of 1969's underground film Agilok & Blubbo.

Originally released by the the german Vogue label in 1969,
it currently fetches prices around the 300 euro mark in the
collector's circuit.

This great reissue contains not only the aforementioned
singles but the complete soundtrack to Peter F. Scheneider's
offbeat political satire Agilok & Blubbo. Previously unavailable
until now, the original mastertapes of this soundtrack have
been stored in the archives of legendary german producer
and music publisher Hans Wewerka who produced the
recording sessions back in 1969.

Here you can hear history in the making, the first step of a
group of musicians who'll to achieve fame, success and
recognition over the 70s, helping define a sound (often
called kraut rock) that has been highly infuential to this days.

Those familiar with Can's output will recognize some of the
band's characteristic sound, albeit in a embrionary form.
Songs like 'Agilok & Blubbo' or 'Kamera Song' already hint
at their later pop brilliance whereas the short cues and
extended free jams found elsewhere in this soundtrack
reminds us from the heterogeneus roots of a bunch of
musicians coming from rock, jazz and avant-garde
backgrounds.

All in all, an excellent glimpse into the early stages of an
innovative band developing it's own musical language.

 

โดย: pc IP: 203.156.40.167 4 มิถุนายน 2552 21:08:40 น.  

 

Inner Space เป็นชื่อของสตูดิโอที่วง Can สร้างขึ้นด้วยครับ

วง CAN เป็นหนึ่งในวงขัวญใจผมเช่นกัน ผมมี CD ของวงนี้ครบทุกชุด ขาดเฉพาะชุดรวมเพลง

ชอบเพราะวงนี้มีความคิดสร้างสรรสุดๆวงหนึ่ง โดยเฉพาะการนำดนตรีหลายแนวมาผสมกัน

ผมยังชอบผลงานเดี่ยวของสมาชิกแต่ละคนด้วย ชอบที่สุดคือ Holger Czkuy มือเบส โดยเฉพาะอัลบั้มแรกๆเนี้ยสร้างสรรมากๆเลย

ส่วนงานที่แนะนำมาเดี๋ยวจะลองโหลดมาฟังครับ

 

โดย: Analog Kid IP: 124.121.183.133 22 กรกฎาคม 2552 22:15:07 น.  

 


10-04, , . :https://sviloguzov.ru/ - !

 

โดย: DennisHaf IP: 163.172.136.205 22 เมษายน 2562 6:26:02 น.  

 


25-2500 -10-, , , : //sviloguzov.ru/ - !

 

โดย: DennisHaf IP: 212.47.252.101 7 มิถุนายน 2562 20:13:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Analog Kid
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Analog Kid's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.