หลุยส์ ซัวเรซ ระเบิดฟอร์มดุซัดแฮตทริกพา "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เปิดรังบดเอาชนะ "เดอะแบ็กกีส์" เวสต์บรอมวิช อัลเบียน ไป 4-1 ขณะที่ "ปิศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หืดจับพลิกเอาชนะ "ช่างปั้มหม้อ" สโต๊ก ซิตี้ ไป 3-2...

การแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันเสาร์ที่ 26 ต.ค. เวลา 21.00 น. มีโปรแกรมลงสนามทั้งหมด 6 คู่ เกมที่น่าสนใจ เป็นการพบกันของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล  ทีมอันดับ 3 ของตารางเปิดบ้าน แอนด์ฟิลด์ รับการมาเยือนของ "เดอะแบ็กกีส์" เวสต์บรอมวิช อัลเบียนส์ ทีมอันดับที่ 12

เกมนัดนี้ แบรเดน ร็อดเจอร์ นายใหญ่ "หงส์แดง" ได้ ลูคัส เลวา ลงมาตัดเกมในแดนกลางอีกครั้ง ขณะที่แดนหน้ายังคงคู่หู 'เอสแอนด์เอส' หลุยส์ ซัวเรซ และ เดเนียล สเตอร์ริดจ์  ด้าน เวสต์บรอมวิช ส่ง นิโกลา อเนลกา ลงจับคู่บุกร่วมกับ วิคเตอร์ อนิเชเบ

เริ่มเกมก็เป็นลิเวอร์พูล  ที่ครองบอลได้เหนือกว่าจนได้ทักทายก่อน ใน น.6  เดเนียล สเตอร์ริดจ์ ผ่านให้ หลุยส์ ซัวเรซ ตะบันด้วยขวานอกเขตโทษ แต่บอลพุ่งเลียดหลุดกรอบไป อย่างไรก็ตามอีก 6 นาทีถัดมา ก็เป็น "หงส์แดง" ที่คว้าประตูขึ้นนำไปอย่างงดงาม 1-0 จากจังหวะที่ โคโล ตูเร จ่ายไปหน้าเขตโทษให้ หลุยส์ ซัวเรซ ลากตะลุยเข้าเขตโทษก่อนจะอัดด้วยขวาเต็มข้อเข้าประตู

ยังไม่พอ น.17 ลิเวอร์พูล ก็มาได้ประตูที่สอง  อาลี ซิสโซโก วางบอลให้  หลุยส์ ซัวเรซ เทกตัวโขกไกลส่งบอลโค้งหนีมือ โบอัซ​ มายฮิลล์ เสียบมุมเสาเข้าประตูไปอย่างเหนือชั้น พา เจ้าถิ่นนำห่างเป็น 2-0

จากนั้น  น.26 เจ้าถิ่นเกือบได้ประตูที่สามหลังมาได้ฟรีคิกระยะหวังผลหน้าเขตโทษ ซัวเรซ เล่นลูกสูตรจ่ายทะลุเข้ากรอบเขตโทษด้านขวาให้ สตีเวน เจอร์ราร์ด ตบเข้ากลางให้ มาร์ติน สเคอร์เทล ตั้งป้อมยิงโล่งๆแต่วืดเตะไม่โดนบอล และ ในช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมก็ยังไม่มีประตูเพิ่มเติม จบเกมครึ่งแรก ลิเวอร์พูล นำ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน ไปก่อน 2-0

กลับมาต่อในครึ่งหลัง น.54 เจ้าถิ่นได้ประตูนำขาดเป็น  3-0 สตีเวน เจอร์ราร์ด เปิดลูกฟรีคิกเข้่่าเขตโทษให้ หลุยส์ ซัวเรซ ลอยตัวโขกเหน่งๆตุงตาข่ายเป็นประตูแฮตทริกของเจ้าตัวในเกมนี้ และยังเป็น แฮตทริกแรกของเขาที่แอนด์ฟิลด์

น.65 ทีมเยือนตีไข่แตกได้สำเร็จหลังได้จุดโทษในจังหวะที่ บิลลี โจนส์ ถูกอัดล้มในเขตโทษและก็เป็น เจมส์ มอร์ริสัน ตัวสำรอง ที่สังหารไม่พลาดพา เวสต์บรอมวิช ไล่ตามเป็น 1-3

อย่างไรก็ตาม น.77 ลิเวอร์พูล ก็มาได้ประตูนำเป็น 4-1 คราวนี้เป็น เดเนียล สเตอร์ริดจ์  ที่พาบอลลุยมาถึงหน้าเขตโทษก่อนจะชิพด้วยซ้ายส่งบอลเสียบใต้คานเข้าไปซุกก้นตาข่าย

ในช่วงเวลาที่เหลือเจ้าถิ่นยังคงเหนือกว่าแต่ก็ไม่มีประตูเพิ่มจบเกม ลิเวอร์พูล เอาชนะ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน ไป 4-1 เก็บเพิ่ม 3 แต้มมี 20 คะแนนขยับเป็นรองจ่าฝูงตามหลัง อาร์เซนอล  2 แต้ม

ด้านเกมที่น่่าสนใจอีกคู่ "ปิศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมอันดับที่ 8 ของตาราง เปิดสนาม โอลด์ แทร็ฟเฟิร์ด รับการมาเยือนของ "ช่างปั้นหม้อ" สโต๊ก ซิตี้  ทีมอันดับที่ 16 ของตาราง 

เริ่มเกมเพียง 4 นาที ก็เป็นทีมเยือนที่ขึ้นนำไปอย่างรวดเร็วหลัง มาร์โก อาเนาโตวิช เปิดเข้ากลางให้ ปีเตอร์ เคราช์ แหย่บอลไปติด ดาบิด เดเคอา จอนนี อีแวนส์ วิ่งเข้ามาเตะสกัดทิ้งแต่โดน เคราช์ กระเด้งเข้าประตูไป ช่วยให้ สโต๊ก ซิตี้ ขึ้นนำ 1-0

อย่างไรก็ตามใน น.24 แมนฯยูไนเต็ด ก็ตามตีเสมอเป็น 1-1 ได้สำเร็จ หลุยส์ นานี ยกบอลจากเขตโทษฝั่งขวาไปที่เสาสองให้ เวย์น  รูนีย์ เทกตัวโขก ถูกนายด่านสโต๊กปัดมาเข้าทาง โรบิน  ฟาน เพอร์ซี ซ้ำอีกทีไม่พลาด

ทว่า น.44 ทีมเยือนก็มาได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งจากลูก ฟรีคิกของ มาร์โก อาเนาโตวิช ทำให้จบครึ่งแรก สโต๊ก ซิตี้ นำ แมนฯยูไนเต็ด ไปก่อน 2-1

กลับมาต่อในครึ่งหลัง น.78 แมนฯยู ตามตีเสมอได้อีกครั้ง โรบิน ฟาน เพอร์ซี เปิดลูกเตะมุมฝั่งขวามาที่เสาแรกให้ เวย์น รูนีย์ โขกบอลลอยเข้าเสาสองไม่พลาด พาทีมตีเสมอเป็น 2-2

หลังจากนั้นเพียง 2 นาที แมนฯยู ก็ขึ้นนำสำเร็จ ปาทริช เอวรา ขึ้นเกมมาทางขวาก่อนจะเปิดเข้ากลางให้ ฮาเวียร์ เฮอร์นันเดซ โขกตุงตาข่าย พาทีมขึ้นนำเป็น 3-2 และนั้นก็เป็นประตูชัยที่ช่วยให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีเพิ่มเป็น 14 คะแนนอยู่อันดับที่ 8 เหมือนเดิม

ส่วนผลการแข่งขันคู่อื่น แอสตัน วิลลา แพ้ เอฟเวอร์ตัน 0-2, นอริชเสมอคาร์ดิฟฟ์ 0-0.