ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร TwinPower Turbo / EfficientDynamics บวกมอเตอร์ไฟฟ้าและระบบ Plug-in Hybrid 285 แรงม้า 0-100 ใน 7.7 วินาที วิ่งด้วยมอเตอร์เพียว ๆ ในเมืองบนระยะทางไกลถึง 30 กิโลเมตร โดยไม่ต้องใช้เครื่องยนต์ ยนตรกรรมต้นแบบแนวคิด BMW X5 eDrive Concept 2014...

BMW Group เพิ่มประสิทธิภาพอีกระดับลงไปยังรุ่น X5 f15 โมเดลใหม่ล่าสุดที่เรียกว่า SAV หรือรถยนต์บนแนวทาง Sports Activity Vehicle ค่าย BMW ใช้งานแสดงรถยนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุโรปอย่างงาน แฟรงก์เฟิร์ตมอเตอร์โชว์ (IAA) 2013 ในการที่จะนำเสนอขั้นตอนต่อไปของการพัฒนา X5 ให้มีประสิทธิภาพในด้านการบริหารเชื้อเพลิงขั้นสุดยอด แนวคิด eDrive ควบรวมความหรูหราภายใต้แบรนด์สัญลักษณ์ BMW บนเรือนร่างของรถคันโตในโมเดล X5 รุ่นล่าสุดประจำปี 2014 ประสานเข้ากับของการขับเคลื่อนแบบสี่ล้อตลอดเวลาในระบบ xDrive บรรยากาศที่หรูหราภายในห้องโดยสาร สมรรถนะและนวัตกรรม Plug In Hybrid แนวคิด eDrive วางเทคโนโลยีของระบบขับเคลื่อนแบบผสมมอเตอร์ไฟฟ้าบวกเครื่องยนต์อัดเทอร์โบ เป็นการเปิดประตูไปสู่ความเร็วสูงสุดถึง 120 กม. / ชม. (75 ไมล์) เป็นครั้งแรกด้วยมอเตอร์เพียว ๆ โดยที่เครื่องยนต์ยังคงหลับอยู่!!! ช่วงระยะทางวิ่งสูงสุดของ X5 eDrviv ไปได้ไกล 30 กิโลเมตร หรือ 19 ไมล์ บนตัวถังน้อง ๆ ยักษ์ที่หนักถึง 2.4 ตัน เมื่อใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว การบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงและค่าเฉลี่ยในการทดสอบที่สหภาพยุโรปได้ตัวเลข 3.8 ลิตร ต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร

ในแง่ของการประหยัดน้ำมัน รถ SAV คันใหญ่ยักษ์รุ่นนี้อยู่ในระดับต่ำมากในแง่ของการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง แนวคิด BMW X5 eDrive มันมีความสามารถในการเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม. / ชม. (62 ไมล์ต่อชั่วโมง) ในเวลาน้อยกว่า 7 วินาที ไม่เกินความเป็นจริงในโลกแห่งวิศวกรรมยานยนต์ยุคใหม่สำหรับไฮบริด SUV จากค่ายใบพัด ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ความสามารถในการปั่นพลังของมอเตอร์ไฟฟ้า การปรับปรุงในแง่ของความเสถียรในรถรุ่นล่าสุด การตกแต่งภายในที่หรูหราและความปลอดภัยในรูปแบบของยานพาหนะครอบครัวที่เหมาะสำหรับการขับใช้งานในเมือง เจ้า X5 eDrive ทำออกมาได้อย่างไร้ที่ติ

BMW X5 eDrive ใช้ระบบ EfficientDynamics การรวมกันของนวัตกรรมประหยัดพลังงานซึ่งเป็นเทคโนโลยีของ BMW ยุคใหม่ซึ่งผนวกเอาระบบขับเคลื่อนทุกล้อ xDrive เครื่องยนต์ BMW TwinPower Turbo เครื่องยนต์สันดาปภายใน 4 สูบ 70 กิโลวัตต์ (95 แรงม้า ) มอเตอร์ไฟฟ้าพลังสูงมากประสิทธิภาพในการขับขี่ ไดนามิกที่มีประสิทธิภาพของมันเกิดจากการพัฒนามาถึงสามเจเนอเรชั่น ปล่อย CO2 น้อยกว่า 90 กรัมต่อกิโลเมตร ผ่านมาตรฐาน EURO6 ได้อย่างสบาย ๆ ทั้ง ๆ ที่ตัวโตกว่าคู่แข่ง รถ BMW X5 eDrive ได้รับพลังงานไฟฟ้าจาก แบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนแรงดันกระแสไฟฟ้าสูง ออกแบบและจัดเก็บในลักษณะประหยัดพื้นที่ ภายใต้พื้นที่เก็บสัมภาระส่วนท้ายของรถ สถานีชาร์จกระแสไฟสาธารณะที่กำลังผุดขึ้นทั่วโลกจะช่วยให้การชาร์จไฟใน eDrive สะดวกและรวดเร็วขึ้น การชาร์จไฟจนเต็มแบตเตอรี่ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงก็สามารถขับโดยไม่ต้องพึ่งพากำลังของเครื่องยนต์ไปได้ไกล 30 กิโลเมตร (ที่ย่านความเร็วต่ำ)

เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแบบแถวเรียง 4 กระบอกสูบ ปริมาตรความจุ 2.0 ลิตร เป็นเครื่องยนต์ที่เอามาจาก X1 xDRIVE 20D แม้ตัวถังจะหนักหนาสาหัสเนื่องจากน้ำหนักของระบบขับเคลื่อนและแบตเตอรี่ แต่เมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมแกนเต็มกำลังกับมอเตอร์ไฟฟ้า จะทำให้ BMW X5 eDrive มีอัตราเร่ง 0-100 ใน 7.7 วินาที โดยมีความเร็วสูงสุดด้อยกว่า X5 รุ่น 3.0 ลิตรดีเซลอยู่พอสมควร มอเตอร์ไฟฟ้าพลัง 95 แรงม้า เสริมเข้ากับกำลัง 186 แรงม้าของเครื่องดีเซลตัวเล็กทำให้กำลังของเจ้า eDrive แตะใกล้เคียงกับตัวเลข 285 แรงม้า เพียงพอต่อการขับในเมืองที่เน้นความประหยัดได้อย่างน่าประทับใจ

ปล่อยตัวต้นแบบออกมาชิมลางแบบนี้มีหรือ BMW จะไม่ลงมือผลิตขายจริง มาตรการอันเข้มงวดเกี่ยวกับการปล่อยมลพิษในยุโรปที่ค่อย ๆ ขยับสูงขึ้นทุก ๆ 3-4 ปี ทำให้ค่ายรถเยอรมันที่มีรถยนต์ตัวโตกินเชื้อเพลิงจุแถมยังปล่อยของเสียเยอะกว่าชาวบ้านเค้าต้องหาทางผลักดันเทคโนโลยีใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา โดยจะเห็นได้จากยนตรกรรมต้นแบบแนวคิดคันนี้ที่ใช้เวลาอีกไม่นานนัก ทุกสิ่งทุกอย่างของ X5 eDrvie กำลังจะกลายเป็นความจริง ติดตามข่าวคราวกันต่อไปสำหรับโครงการ eDrvie จาก BMW Group กับแนวคิดในการสร้างรถยนต์ที่สะอาดและใส่ใจต่อสภาพแวดล้อมมากยิ่งขึ้น.