เอาท่า  “ปากจู๋”  กลายเป็นท่าฮิต ขนาดซุป’ตาร์ทั่วฟ้าเมืองไทยยังแห่มาทำตาม ส่งผลให้ ต่อ–ธนภพ ลีรัตนขจร ขึ้นแท่น “ซุป’ตาร์ท่าฮอต” ที่มีกลุ่มวัยรุ่นติดตามแห่กรี๊ด..ด เพราะติดอกติดใจจากบท “ไผ่” ใน ซีรี่ส์ “ฮอร์โมน  วัยว้าวุ่น” ของค่าย จีทีเอช และ นาดาวบางกอก แหม...ดูท่าละครจบ แต่ความดังไม่จบ ต่อ พร้อมเพื่อน “แก๊งฮอร์โมน” หอบหน้าหล่อ โชว์เด็ดบนเวที “ฮอร์โมนเดย์ ฮอร์โมนไนท์” 8 ต.ค.นี้  ณ พาร์ค พารากอน โดย ต่อ เผยชีวิตที่เปลี่ยนเพียงข้ามคืนแต่ต่อกลับมีจุดยืน ชีวิต การเรียน แฟน จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ผ่าน “คนดังนั่งคุย”

“ชีวิตเปลี่ยนไปนะครับ จากเด็กธรรมดา ที่เดินไปเรียนไม่มีใครสนใจ แต่ทันทีที่ซีรี่ส์ฮอร์โมน ได้ออกอากาศไป โดยเฉพาะฉากปากจู๋ ทำให้มีคนขอถ่ายรูปกับผมเยอะมาก เป็นความเปลี่ยนไปที่รู้สึกดีมาก แต่ผมก็ทำตัวปกติเหมือนเดิมนะครับ ไม่รู้สึกอึดอัดเลยที่มีคนมาขอถ่ายรูป แต่ต่อไม่รู้ว่า เราจะสร้างความอึดอัดให้กับคนรอบตัวเราอย่างเพื่อนๆ ที่ไปไหนด้วยกันหรือเปล่า แต่พวกเราไม่ทิ้งกัน ต้องขอบคุณเพื่อนๆ และคนที่อยู่รอบข้างตัวผม” เรียกว่าดังแบบข้ามคืน? “ผมยังใช้ชีวิตแบบปกติที่สุด ไม่ได้รู้สึกว่าเราดังเลย เราดีใจจริงๆ สิ่งที่พวกเราทุ่มเท ตอนถ่ายทำมันเหนื่อยมากๆ พอกระแสตอบรับออกมาดี คนดูชื่นชอบ มันหายเหนื่อยและสิ่งที่พี่ย้ง ผู้กำกับเคยพูดกับพวกเราว่างานทุกอย่างเราต้องทำมันให้เต็มที่ ผมถือว่านี้คือความทุ่มเทในเรื่องงานของผมครั้งแรกที่ประสบความสำเร็จ ผมเคยเสียใจมาแล้ว กับงานที่เราเคยทำไม่เต็มที่ แต่วันนี้เรารู้แล้วว่า เมื่อเราเต็มที่กับมัน ผลตอบรับมันทำให้เราภูมิใจ”

ช่วงนี้ซ้อมโชว์ฮอร์โมนเดย์ฯ เต็มที่ขนาดไหน?

“ตอนถ่ายฮอร์โมนผมว่ายากแล้วนะ แต่การมาซ้อมร้อง ซ้อมเต้นนี้ยากกว่า พวกเราฟิตซ้อมกันเต็มที่มากๆ ครับ เพื่อให้โชว์ออกมาดีที่สุด เพื่อเป็นการขอบคุณแฟนๆ”

เหนื่อยแต่ต่อคงไม่ท้อ?

“ผมยอมรับว่าเหนื่อยขึ้น แต่ผมจะไม่ทำตัวให้เหนื่อย ผมแค่รู้สึกว่า ชีวิตคนเราถ้ามันไม่มีอุปสรรค มันจะไม่มีความสุข เราต้องผ่านความท้อนี้ไปให้ได้ ยิ่งเราเหนื่อยเท่าไร เราจะมองเห็นกำลังใจจากครอบครัว คนรักเพื่อน พี่น้อง และแฟนคลับ เวลาเห็นรอยยิ้มของแฟนๆ ที่อาจยิ้มให้ผมบ้าง ให้เพื่อนๆบ้าง ไม่ว่าเค้าจะยิ้มให้ใคร ขอให้รู้ว่า มันคือกำลังใจที่ทำให้เรามีพลัง” มองอนาคตตัวเองในวงการไว้ยังไงบ้าง? “ยังไม่ได้มองเลย เพราะจริงๆเรายังไม่รู้ว่าศักยภาพตัวเองมีมากแค่ไหน และโอกาส เราก็ไม่รู้ว่าจะได้โอกาสอีกไปถึงไหน ถ้ามีโอกาสก็อยากลอง หลักๆคงเป็นงานแสดง ชอบนะ รู้สึกว่า การแสดงมันสนุกดี”

ถึงมีงานมากขึ้น แต่ต่อไม่เคยทิ้งการเรียน?

“ผมเลือกเรียนเป็นหลัก ถ้าไม่ใช่งานจำเป็นจริงๆ ผมจะเลือกเรียน เพราะว่า การเรียนสำคัญที่สุด คือเรื่องเรียนผมรู้ว่า ถ้าผมตั้งใจเรียน ผมจะเรียนจบ แต่งานผมไม่รู้อนาคตว่า งานที่ทำงานอยู่ตอนนี้แล้ว คนจะชอบผมไปอีกนานแค่ไหน ผู้ใหญ่จะเลือกให้โอกาสเราไปอีกนานเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นเราต้องเลือกสิ่งที่เรามองเห็นอนาคตมันก่อน ก่อนที่เราจะพุ่งไปหาสิ่งที่ยังไม่เห็นอนาคต ชีวิตใช้ให้คุ้ม พยายามทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ”

รู้สึกยังไงที่ ตัวละคร “ไผ่” กลายเป็นไอดอลของน้องๆ?

“จริงๆ ผมรู้สึกดีนะ แต่ว่าเราต้องคอยเตือนสติอยู่ตลอด แต่สุดท้ายมันอยู่ที่น้องๆ และผู้ชม ว่าจะควบคุมอารมณ์ตัวเองได้มากน้อยแค่ไหน จริงๆ คนดูรู้อยู่แล้วว่าอะไรถูก อะไรผิด แต่มันอยู่ที่ว่า เค้าจะเลือกอะไร ณ ตอนนี้ผมยังคงเหลือคราบไผ่บ้าง (ยิ้ม) ในเรื่องความรักเพื่อน จากอารมณ์ร้อนก็กลายเป็นคนอารมณ์เย็นขึ้น แต่ผมขอเลยคือ อย่ามาเล่นหัวผม กับอย่ามาด่าพ่อแม่ผม ถ้าด่าให้ด่าผม อย่ายุ่งกับพ่อแม่ผม เรื่องนี้ผมรับไม่ได้เลยจริงๆ”

ต่อเป็นคนมีสติมากเคย มีเหตุการณ์ที่ทำให้สติแตกมั้ย?

“ไม่มีใครรู้ว่า ผมเคยมีคนมาขอถ่ายรูป แล้วชูนิ้วกลางใส่หน้า ตอนนั้นรู้เครียดเป็นอาทิตย์ เวลาอาบน้ำ ภาพนั้นมันแล่นเข้ามาในหัว ถามตัวเองว่า เราไปทำอะไรให้เค้าไม่ชอบ แม้เราจะคิดได้ว่า ไม่มีใครรักเราทุกคน แต่ภาพนั้นทำให้เราเสียใจ ไม่ชอบผมไม่เป็นไร แต่อย่าเกลียดผมเลยครับ”

กลายเป็นหนุ่มฮอต สาวเข้าหารู้สึกยังไง?

“จริงๆต่อไม่เคยรู้เลยว่าเสน่ห์ของเราอยู่ตรงไหน แต่มีคำพูดนึงครับที่พี่โต้ง บรรจง เคยพูดไว้ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก แล้วมีพี่ๆ  เอามาให้อ่าน พี่โต้ง บอกว่า ผมกับเก้า เป็นคนที่มีสายตาเหมือนนิวเคลียร์ บอกว่าต่อมีเสน่ห์ที่สายตา นั่นคือสิ่งที่ผู้กำกับพันล้านมองเห็นเสน่ห์ของผม ดีใจมากเลยครับ ส่วนเรื่องสาวๆผมเป็นคนที่เขินผู้หญิง แต่เก็บอาการอยู่ ผมจะไม่คุ้นกับผู้หญิงที่ไม่มีความสัมพันธ์กับผม แต่กับแฟนคลับผมไม่เขินแล้ว เพราะเค้าคือคนที่มาชื่นชอบเรา ก็เปรียบเสมือนคนในครอบครัวเราแล้ว”

เข้าวงการมาแล้วความรักกับแฟนสาวนอกวงการล่ะ?

“ให้เวลาครับ ถึงจะรู้ว่าตัวเองยุ่ง แต่ผมยังเชื่อมั่นว่าเรายังมีเวลา บางคนชอบพูดว่า ไม่มีเวลาเลย ผมเชื่อว่า คนรักกัน ถ้ารักกันแล้วอยากเจอ ต่อให้นาทีเดียว แค่เดินผ่าน มองตา แค่นี้มันต้องมี” แล้วไม่เขินแฟนเหรอ? “เราต้องให้มันก้าวผ่านเส้นของกันและกันมาให้ได้ ถึงจุดนั้นก็ไม่เขินแล้ว” เวลามีผู้หญิงมาคลั่งไคล้ แฟนต่อเป็นไงบ้าง? “เค้าปกติมาก ค่อนข้างเปิดกว้าง เค้าเข้าใจ” สาวๆ อยากรู้ว่าแฟนเราต่างจากคนอื่นยังไง? “เค้าเป็นคนดี ดีในความหมายของผมไม่ใช่ว่าเป็นแม่พระ ไม่รู้ผมวัดจากอะไรแต่รู้สึกว่าเค้าเป็นคนที่ดีมากในสายตาผม คนที่ดีกว่าก็มีแค่เค้าเหมือนมีเคมีบางอย่าง มันบอกไม่ได้แค่รู้สึกว่ามันเจอ คงเพราะเราพอ ใช้หลักพอเพียง เราพอใจในสิ่งที่เรามี จะเจอใครที่ดีกว่ายังไงมันก็แค่นั้น”

ต่อไม่ทิ้งความรักที่เกิดก่อนเข้าวงการ?

“ใช่ครับ ผมไม่ต้องทิ้ง คนที่ต้องทิ้งเพราะเค้าเมเนจสิ่งเหล่านั้นไม่ได้ คนที่มาทำงานแล้วเลิกเรียน เลิกกับแฟนก็ไม่ผิด เป็นเรื่องของคนสองคน ผมเองก็ไม่ได้กะเกณฑ์คนเรามันต่างกัน ผมเองเป็นคนคิดสองด้าน และไม่ค่อยโทษใคร ถ้าจะไม่ดีอะไรก็คงโทษตัวเองก่อน ผมไม่ใช่คนเจ้าชู้ เราแค่รู้ตัวเองว่า เราไม่เจ้าชู้เพราะเรามีแฟนแล้ว แต่ผู้ชายก็มีบ้างที่ชอบมองผู้หญิงสวย แต่สุดท้ายสวยแค่ไหนก็สู้แฟนเราไม่ได้ ผู้หญิงอื่นเราก็ได้แต่มอง” มุมมองความรักของต่อ? “สำคัญในระดับนึง ผมไม่กล้าบอกว่า เป็นทุกอย่างของชีวิต เพราะเรายังไม่ได้มีครอบครัวเป็นของตัวเอง เรายังมีครอบครัว พ่อแม่ ให้ดูแล ฉะนั้นความรักแค่เป็นส่วนเติมเต็ม ให้กำลังใจที่พิเศษกับเรา เป็นกำลังใจที่หาไม่ได้จากที่ไหน เพราะมันก็ไม่เหมือนกำลังใจทั่วไป เป็นสิ่งที่เรา 2 คนสัมผัสมันได้ซึ่งกันและกันครับ”

ฮู้ย...ยหวานนะย่ะ ฉะนั้น “มือที่ 3” อย่าแหยม แทรกยาก--เอิ๊กๆๆ