"หนู กันภัย" ประกาศกร้าวต่อหน้าสื่อและลูกศิษย์ ถ้าผิดจริงจะขอปิดสำนักสักยันต์ทันที วอนขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย ใช้หลักฐานมาตรวจสอบยืนยัน อย่าเอาแต่พูดลอยๆ ระบุไม่อยากตอบโต้ให้เป็นข่าวรายวันอีกต่อไป...
วันที่ 21 ต.ค. 2555 ณ สำนักสักยันต์ "อาจารย์หนู กันภัย" เลขที่ 95/5 หมู่บ้านพูลศรี ม.1 ถ.ปทุมธานีสายใน ต.บางขะแยง อ.เมือง จ.ปทุมธานี มีบรรดาลูกศิษย์ รวมถึงข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน และชาวต่างชาติ ได้เดินทางมาทำการสักยันต์และเช่าวัตถุมงคลจนแน่นขนัด รวมทั้งสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศมารอสัมภาษณ์ กรณีที่ พระใบฎีกาเทียนชัย สุภัทโท เจ้าอาวาสวัดแม่ตะไคร้ ต.ทาเหนือ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อให้ตรวจสอบกรณีเงินรับบริจาคของประชาชน ร่วมทำบุญเพื่อนำเงินไปทำการสร้าง พระหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ มูลค่ากว่า 300-400 ล้านบาท
โดยกล่าวหาว่า นายสมพงษ์ กันภัย หรือ "อาจารย์หนู กันภัย" ยักยอกไป โดยภายหลังเจ้าสำนักสักยันต์คนดังได้ออกมาโต้ พร้อมนำเอกสารการจ่ายเงินให้ช่างหล่อพระหลวงปู่ทวดไปหมดสิ้น ส่วนเงินจำนวน 300-400 บาท ที่เจ้าอาวาสวัดแม่ตะไคร้ กล่าวอ้างว่า ตนยักยอกไปนั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด และไม่รู้ว่าเอามาจากไหน เชื่อว่าน่าจะเกิดจากกลุ่มผู้ไม่หวังดี หรือความโกรธแค้นเรื่องที่ตนตัดขาดกับเจ้าอาวาสรูปดังกล่าว จึงได้ทำลายตน และหวังจะดิสเครดิต ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้ว
ความคืบหน้าล่าสุด หลังจากที่ นายสมพงษ์ กันภัย ได้ทำการสักยันต์ให้กับบรรดาลูกศิษย์แล้ว ได้กล่าวว่า ตนได้เตรียมพร้อมอยู่แล้ว หลังจากที่ทราบว่า พระเทียนชัย เจ้าอาวาสวัดแม่ตะไคร้ ไปยื่นหนังสือร้องเรียนต่อดีเอสไอ เพื่อให้ตรวจสอบกรณีเงินรับบริจาคของประชาชน ซึ่งทุกอย่างตนไม่อยากจะพูดตอบโต้ต่อไป ขอให้มีหลักฐานมายืนยันเพื่อตรวจสอบ อย่าพูดแบบไม่มีหลักฐาน ขณะที่ตนพร้อมจะนำเอกสารหลักฐานในการสร้างหลวงปู่ทวด และการจ่ายเงินต่างๆ ให้ทางช่างหล่อพระ และให้พระเทียนชัย เจ้าอาวาสวัดแม่ตะไคร้ รวมทั้งหลักฐานการโอนโฉนดที่ดินให้ทางวัด เพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ของดีเอสไอ และเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ตรวจสอบได้ตลอดเวลา
ส่วนการที่มีข่าวออกมาว่า พระเทียนชัยขอท้าให้ตนนำหลักฐานมาแสดง โชว์กันต่อหน้าพระผู้ใหญ่และสื่อมวลชนนั้น ขอบอกเลยว่าคงจะไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว เพราะก่อนที่จะมายื่นหนังสือร้องเรียนต่อดีเอสไอ ทำไมไม่มาบอกกันเสียก่อน จึงขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมายจะดีกว่า
นอกจากนี้ ที่มีกระแสข่าวว่าตนจะฟ้องสื่อมวลชนต่างๆ ที่เผยแพร่คลิป หรือเสนอข่าวที่บิดเบือนนั้น ตนก็ยังไม่เคยพูดแต่อย่างใด เพราะเข้าใจว่า สื่อต้องเสนอข่าวตามที่ได้ข้อมูลจากตัวผู้ให้ข่าว ยกเว้นว่าถ้าตนและทางสำนักฯ ได้รับความเสียหายในเรื่องใด ทางลูกศิษย์ของตนก็คงจะยอมไม่ได้เช่นกัน ดังนั้น ตนก็ไม่อยากจะตอบโต้เพื่อให้เป็นข่าวรายวันอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม อาจารย์หนู กันภัย ยังกล่าวด้วยว่า ตนขอย้ำให้บรรดาลูกศิษย์และสื่อมวลชน รวมทั้งประชาชนทราบไว้เลยว่า ถ้าเรื่องนี้ว่ากันไปตามกระบวนการของกฎหมายแล้ว จนที่สุดมีผลสรุปว่าตนมีความผิดจริง จะขอปิดสำนักสักยันต์ทันที.