‘สุวัจน์’ประชุมความพร้อมจัดฟุตซอลที่โคราช มั่นใจสนามผ่านฉลุย!!!

"สุวัจน์ ลิปตพัลลภ" เรียกทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ประชุมเตรียมความพร้อมเป็นกรณีที่นครราชสีมาเป็นเจ้าภาพร่วมจัดฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2012 ระหว่าง 1-18 พ.ย.นี้ เผยทีมฟีฟ่าจะลงตรวจทั้ง 4 สนาม 30 ก.ย.-2 ต.ค.นี้...

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 28 ก.ย. ที่ห้องประชุมสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ชั้น 4 อาคารเฉลิมพระเกียรติ (อาคาร 9 ชั้น) มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะคณะกรรมการอำนวยการจัดการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการฟีฟ่า 10 ประเทศ และประชุมคณะกรรมการจัดการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก มีผู้เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการฟีฟ่า ประกอบด้วย นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ส.ส.นครราชสีมา อดีต รมว.อุตสาหกรรม, นายชวน ศิรินันท์พร ผวจ.นครราชสีมา, นายสุรวุฒิ เชิดชัย นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา, นายบัญชา พิมพ์สมบูรณ์ ผอ.ศูนย์ กกท.ภาค 3, นายกิติพงศ์ พงศ์สุรเวท ประธานสภา อบจ.นครราชสีมา ในฐานะตัวแทนนายก อบจ. และตัวแทน ส.จ. นครราชสีมา 32 อำเภอ ในฐานะฝ่ายประชาสัมพันธ์ พร้อมด้วยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง สถาบันการศึกษา อปท. กว่า 30 ภาคส่วน รวมกว่า 50 คน

 

 

นายสุวัจน์ กล่าวว่า การประชุมกับคณะกรรมการฟีฟ่า เป็นการเตรียมความพร้อม เพราะเหลือเวลา 1 เดือน ซึ่งเมื่อวานนี้เราได้ประชุมคณะกรรมชุดใหญ่ไปแล้วที่กรุงเทพฯ และวันนี้ประชุมคณะกรรมการชุดจังหวัดเป็นเจ้าภาพ เพราะเราจะต้องมีการเตรียมความพร้อมทั้งกรุงเทพฯ และนครราชสีมา เพราะเราเป็นจังหวัดเจ้าภาพ และวันที่ 30 ก.ย.-2 ต.ค.นี้ ช่วง 3 วันทางฟีฟ่าจะมาตรวจทุกสนาม และจะตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าสนามไหนที่มีความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพ ขณะนี้โดยพื้นฐานที่สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติฯ จ.นครราชสีมา ฟีฟ่าค่อนข้างพอใจและลงตัว ที่อินดอร์สเตเดี้ยมหัวหมาก กับนิมิตบุตร กรุงเทพฯ ไม่น่าจะมีปัญหา แต่ที่ยังกังวลใจกันอยู่คือขณะนี้อีกสนามหนึ่ง ซึ่งเป็นสนามหลัก และเป็นสนามที่สร้างขึ้นใหม่ คือที่สนามหนองจอก ลาดกระบัง ยังไม่แล้วเสร็จ เมื่อวานนี้ในที่ประชุม กทม.บอกว่า ขณะนี้เหลือ 15% แล้วเสร็จไปแล้ว 85% ตอนนี้เหลือเวลา 1 เดือน ฉะนั้น ฟีฟ่าจะมาตรวจในวันที่ 30 ก.ย.นี้ ฉะนั้น ที่ จ.นครราชสีมา ได้ประชุมเตรียมความพร้อม และเนื่องจาก ผวจ.ได้รับการแต่งตั้งจากคณะรัฐมนตรีให้ไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการปกครอง ถือว่าเป็นการประชุมเพื่อส่งงานต่อกันด้วย และยังเป็นการประชุมเพื่อเตรียมการต้อนรับคณะฟีฟ่าที่จะเดินทางมาตรวจ

 

 

"โดยในที่ประชุมตนได้รับรายงานเป็นที่น่าพอใจว่า สนามแข่งขันขณะนี้ ได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยทุกอย่าง เหลือเพียงการติดแอร์อีกเล็กน้อย และเป็นที่น่ายินดีได้มีผู้บริจาคจากภาคเอกชนที่เห็นความสำคัญ อยากสนับสนุนด้วยการบริจาคเงินให้ 10 ล้านบาท ในการติดตั้งแอร์ ฉะนั้น ความพร้อมสำหรับสนามของนครราชสีมา ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด แต่เราเอาข้อสังเกตจากการประชุมที่กรุงเทพฯว่า ขณะนี้ยอดผู้ซื้อตั๋วเข้าชมยังต่ำอยู่บ้าง ฉะนั้น จะต้องเร่งรัดในเรื่องการประชาสัมพันธ์ และได้รับรายงานว่า ทีมที่จะมาแข่งที่สนามของนครราชสีมา เป็นทีมบราซิล อดีตแชมป์โลก 4 สมัย และทีมญี่ปุ่น ซึ่งขณะนี้กีฬาฟุตซอลได้รับความนิยมมากในญี่ปุ่น ฉะนั้นจะมีผู้คนจากต่างประเทศมาที่โคราชมาก และมีผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่ลงทะเบียนขณะนี้เกือบ 200 คนแล้ว เข้าใจว่าคงจะต้องมีการเตรียมความพร้อมในการรองรับผู้คนที่จะมาชมจากต่างประเทศ การรายงานข่าวจากผู้สื่อข่าวต่างประเทศ และการเตรียมความพร้อมของระบบสนามต่างๆ เราต้องประชุมขั้นสุดท้ายกันตอนนี้ และก่อนการแข่งขันอย่างเป็นทางการ 14 สัปดาห์ เราจะมีเพรสทัวส์ ซึ่งจะมีสื่อต่างต่างประเทศและสื่อคนไทย เดินทางมาดูความพร้อมของสนามที่นครราชสีมา" นายสุวัจน์ กล่าว

 

 

ส่วนเรื่องตั๋วล่วงหน้า หรืออุปสรรคอื่นๆ สำหรับนครราชสีมา นายสุวัจน์ กล่าวว่า นครราชสีมาตนไม่ห่วง เพราะเคยเป็นเจ้าภาพระดับใหญ่มาแล้ว และมีการเตรียมความพร้อมกันมาตั้งปีที่แล้ว เพียงแต่ในเรื่องของผู้คนที่จะเข้ามาซื้อตั๋ว ถ้ามีการประชาสัมพันธ์กันมากๆ ไม่น่าจะมีปัญหา แต่จากคราวที่แล้ว ในนัดอุ่นเครื่องที่ทีมไทยเจอกับทีมสเปนที่สนามของนครราชสีมาคนดูแน่นสนามอยู่แล้ว ตนค่อนข้างมั่นใจสำหรับความพร้อมของนครราชสีมาว่า จะเป็นเจ้าภาพดีที่สุดได้ แต่เป็นการซักซ้อมเก็บรายละเอียดให้หมด ไม่อยากให้อะไรขาดตกบกพร่อง เพราะเขาถ่ายทอดสดไปทั่วโลก 200 ประเทศ และรายงานว่า 180 จาก 200 ประเทศ ที่เป็นสมาชิกฟีฟ่า ยืนยันการถ่ายทอดสดแล้ว ฉะนั้นจึงเป็นโอกาสอันดีของจังหวัดเจ้าภาพของประเทศเจ้าภาพ ไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพฯ นครราชสีมา รวมทั้งประเทศไทย ซึ่งจะใช้โอกาสนี้ให้คนทั้งโลกได้เห็นประชาสัมพันธ์ประเทศ เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล ต่อประเทศ การลงทุน การท่องเที่ยว ตนคิดว่าทุกฝ่ายที่รับผิดชอบต้องถือโอกาสทองตรงนี้

"ผมว่าโอกาสนี้มาเคาะประตูหนึ่งครั้ง อย่าให้เลยไป เพราะถ่ายทอดสดไปทั่วโลกสำคัญมาก และนับจากวันนี้ไปได้เวลานับถอยหลังกันแล้วเพราะเหลือ 30 วันเท่านั้น เราต้องทำให้ดีที่สุด ทีมเราจะแพ้หรือชนะก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง อันนั้นเป็นเรื่องของกีฬา แต่สำคัญที่สุดคือต้องแสดงออกถึงความพร้อมของประเทศว่า เราบริหารได้ จัดการได้ และทำให้เขาเชื่อมั่นประเทศไทย ส่วนยอดจองตั๋ว คนไทยยังน้อย เพราะพวกเราส่วนใหญ่จะเอาไว้ใกล้ๆ วันแข่ง และบางทีอาจจองตั๋วผ่านระบบออนไลน์ต่างๆ เราอาจจะยังไม่สะดวกนัก ไม่เหมือนผู้ชมต่างประเทศก็ได้ แต่ก็ไม่เป็นไร อีก 1 เดือนผมคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร" นายสุวัจน์ กล่าวทิ้งท้าย