สภาการพยาบาล จับมือ สรพ. พัฒนาระบบการให้บริการสุขภาพ หวังเพิ่มประสิทธิภาพ และพัฒนาคุณภาพมาตรฐานระบบบริการการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ตั้งเป้ารับรองสถานพยาบาล 5% หรือ 80-100 แห่ง...

เมื่อวันที่ 24 ส.ค. ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.วิจิตร ศรีสุพรรณ นายกสภาการพยาบาล กล่าวว่า สภาการพยาบาลได้จัดตั้งสำนักมาตรฐานบริการการพยาบาลและการผดุงครรภ์ขึ้น เพื่อรับผิดชอบภารกิจในการเยี่ยมสำรวจเพื่อรับรองคุณภาพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้สถานพยาบาลทุกระดับนำมาตรฐานวิชาชีพสู่การปฏิบัติเป็นการประกัน คุณภาพบริการที่จะเกิดประโยชน์โดยตรงต่อผู้รับบริการ สถานพยาบาล ชุมชน และสังคม ตลอดจนเป็นประโยชน์ในการพัฒนาแหล่งฝึก แหล่งเรียนรู้ เป็นตัวอย่างที่ดีในการปฏิบัติแก่นักศึกษาด้านสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจแก่ประชาชนและแก่ผู้ที่จะเข้าสู่วิชาชีพการพยาบาล และการผดุงครรภ์ในอนาคต

ด้านนายแพทย์วิจารณ์ พานิช ประธานกรรมการบริหารสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) หรือ สรพ. กล่าวถึงกระบวนการคุณภาพที่ยั่งยืนว่า จะต้องเริ่มจากกระบวนการพัฒนา นำกระบวนการประเมิน คือให้การพัฒนาเป็นเป้าหมาย และใช้การประเมินคุณภาพเป็นเครื่องมือ เป็นตัวช่วย ให้เกิดการพัฒนา ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นหลักการที่ สรพ. ใช้ในการทำงานมาตลอด

"ความร่วมมือกันครั้งนี้ก็เพื่อต้องการเพิ่มคุณภาพการให้บริการประชาชนได้รับความสะดวกและพอใจกับ การบริการ ซึ่งงานบริการด้านพยาบาลและผดุงครรภ์จะต้องมีการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่งแล ต้องดีขึ้นเรื่อยๆ ทั้งทางด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยแต่ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายจะต้องไม่หนักเกินไป สำหรับประชาชนซึ่งหลายๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องช่วยกันพัฒนาทั้งคุณภาพและบริการและค่ารักษาพยาบาล ไปในทิศทางที่สอดคล้องกันเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ใช้บริการ"

ทั้งนี้ ทาง สรพ.หวังจะได้เห็นแรงกระเพื่อมในสังคมในการตระหนักให้เห็นถึงความสำคัญของการ พัฒนาคุณภาพการให้บริการของสถานพยาบาล เนื่องจากที่ผ่านมาการให้บริการประชาชนส่วนใหญ่จะเกิดจากความไม่เข้าใจ ระหว่างผู้ป่วยกับสถานพยาบาลและอีกปัญหาหนึ่งคือความไม่เข้าใจของ สรพ.กับคนในสถานพยาบาลที่ติดกับรูปแบบเดิมๆ ในขณะที่นวัตกรรมใหม่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งหากมีการร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคาดว่าน่าจะช่วยลดขั้นตอนการทำงานให้ไปในทิศทางเดียวกัน โดยปีนี้ตั้งเป้าหมายในการรับรองสถานพยาบาล 5% หรือ 80-100 แห่ง โดยปีที่ผ่านมาสามารถรับรองสถานพยาบาลไปแล้ว 420 แห่งหรือ 10% จากสถานพยาบาลทั่วประเทศ 1,300 แห่ง.