"เช็ค" คนค้นฅน โพสต์FB หลังแฉข้าวบางยี่ห้อมีสารพิษตกค้าง ทำให้หนูตายใน 5 นาที แจงไม่ได้เจตนาและได้ลบข้อความที่เป็นความจริงไปแล้วเพราะห่วงความปลอดภัยคนกินข้าว วอนอย่าใช้-อย่าให้ไปก่อกรรมกับใคร พร้อมประกาศจุดยืนเลือกข้างความถูกต้อง...

เมื่อวันที่ 10 ก.ค. มีรายงานว่า นายสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ ผู้ดำเนินรายการ คนค้นฅน และผู้บริหาร บริษัท ทีวีบูรพา ได้โพสต์ข้อความผ่านหน้าเฟซบุ๊กส่วนตัว "Suttipong thamawuit" อ้างว่า โรงสีข้าวรายใหญ่ในภาคอีสานที่กำลังเตรียมส่งข้าวออกจำหน่าย เป็นของนักการเมืองระดับชาติมีสารพิษตกค้าง ไม่สามารถละลายน้ำได้ ทำให้หนูตายใน 5 นาที พร้อมกับบอกถึงยี่ห้อข้าวที่ไม่ควรซื้อมารับประทาน จากนั้น สังคมโลกออนไลน์ได้มีแชร์ข้อความดังกล่าว ส่งผ่านในโซเชียลเน็ตเวิร์กเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์มากมาย กระทั่งนายสุทธิพงษ์ ได้ลบข้อความดังกล่าวไป แต่กลับมีการพูดถึงในโลกออนไลน์ว่าโดนบล็อกเพจโดยอำนาจรัฐ กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อีกครั้งว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะกระทบต่อนายสุทธิพงษ์

ต่อมา นายสุทธิพงษ์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวยืนยันเพจไม่ได้ถูกบล็อก พร้อมระบุถึงสิ่งที่เกิดขึ้นว่า "เร็วกว่าไฟลามทุ่ง ถึงแม้จะลบไปแล้ว เร็วที่สุดเท่าที่ผมจัดการได้เมื่อเห็นผลของความสะเพร่า ไปไกลเกินกว่าเจตนาแห่งสัมมาทิฐิและกุศลเจตนา อย่าให้และอย่าใช้ผมไปก่อกรรมกับใครเลย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามไม่ได้หมายความว่าผมสามารถลบความจริงทิ้งได้ และไม่ว่าใครก็ไม่สามารถลบกรรมทั้งดีชั่วทิ้งได้ โดยเฉพาะการกระทำกับชาวนาและข้าวปลาอาหาร"

มีรายงานเพิ่มเติมว่า เวลาต่อมาพิธีกรคนดัง ยังได้โพสต์ข้อความอีกใจความว่า ที่ผ่านมา ปลีกตัวอยู่เงียบๆ ทำหน้าที่ไป ภายใต้ความเป็นไปของโลกที่ตระหนักดีว่าทัดทานไม่ได้ แตะต้องไม่ได้ ถ้าไม่อยากเปลืองตัว ทั้งๆ ที่รู้สึกว่าวังเวงเหลือเกิน แผ่นดินนี้ สิ่งที่ทำให้รู้สึกวังเวง ไม่ใช่คลิปสนทนาที่บอกว่าตัดต่อ ไม่ใช่ผลของโครงการรับจำนำข้าวที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีวันทำให้คนมีดวงตาเห็นธรรมเหมือนกัน ไม่ใช่ความรู้สึกนึกคิดที่แตกต่างกันต่อตัวนายกฯ ไปจนกระทั่งถึงการที่มีรัฐมนตรีมองประชาชนเป็นอะไร ตนใช้โทรศัพท์ค่ายหนึ่งมาหลายปี ไม่เคยคิดเปลี่ยน รู้สึกสงสารนายกฯ อย่างไรก็ไม่เคยเปลี่ยน แต่ไม่สามารถจะชื่นชมการแชร์ความคิดเห็นของผู้อื่น ไม่ได้หมายความว่าเราคิดเหมือนกันทุกอย่าง การไม่พูดถึงก็ไม่ได้หมายความว่าเห็นต่างไปเสียทั้งหมด คงถึงเวลาที่ต้องประกาศจุดยืนให้ทราบโดยทั่วกันว่า ผมเลือกข้างแล้วชัดเจน ว่าผมอยู่ข้างความถูกต้อง ถามว่าเอาอะไรมาวัดว่าถูกหรือผิด ตอบว่าเอาสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน ซึ่งความมืดบอดต่อสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนนี่เอง ที่ทำให้รู้สึกวังเวง

จากนั้น นายสุทธิพงษ์ โพสต์ข้อความอีกครั้งว่า "ผมคิดว่าผมควรพูดอะไรต่ออีกเล็กน้อย เกี่ยวกับเรื่องข้าว (ความเป็นห่วงที่มีต่อความปลอดภัยของคนกินข้าว) เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องพูดเอามันส์ ไม่ใช่แค่เรื่องมาด่าทอเพื่อความสะใจ ผมคิดว่าเป็นเรื่องง่ายมากถ้าบริสุทธิ์ใจ ไม่ต้องรอสื่อไปแอบตรวจสอบหรอกครับ ข้าวทุกยี่ห้อและโรงสีทั้งหลายที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ถูกกล่าวหาก็ตาม แย่งกันเลยครับ แย่งกันเปิดโรงสีให้เจ้าหน้าที่และสื่อเข้าไปตรวจอย่างอิสระ ทั้งตอนที่เป็นข้าวเปลือกและตอนที่สีบรรจุถุง ตรวจกันให้หนำใจเพราะข้าวบริสุทธิ์และปลอดภัยอยู่แล้วจะไปกลัวอะไร สื่อยินดีไปทำข่าวให้ไม่ต้องเสียเงินไปทำโฆษณา ผมว่าตราเปิดเผย จริงใจ บริสุทธิ์ใจ ตรงไปตรงมานี่ การันตีคุณภาพให้ดียิ่งกว่าตรารับรองมาตรฐานไหนๆ ทั้งนั้น ทำเลยครับ"

ทั้งนี้ หลังเกิดกรณีดังกล่าวขึ้น ผู้สื่อข่าวได้พยายามโทรศัพท์สอบถามข้อเท็จจริงเพิ่มเติมจาก นายสุทธิพงษ์ แต่ได้รับคำตอบจากคนใกล้ชิดว่า นายสุทธิพงษ์ติดงานยังไม่สะดวก ขณะที่เมื่อสอบถามไปยังโรงสีข้าวและผู้ผลิตข้าวสารขายที่เข้าข่ายให้ข้อมูลเกี่ยวกับกรณีนี้ได้ ปรากฏว่า ยังไม่ได้ข้อมูลใดๆ เพิ่มเติม